> > > เมื่อปัญหาในแนวรับของปีศาจแดง ถูกแก้ไขโดยชินจิ คากาวะ? < < <
|
|
ในที่สุด ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กลับมาเก็บคลีนชีทได้กับเขาบ้างเสียที จากการเปิดบ้านชนะเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนไปแบบพอดีคำ 2-0 หลังจากทำไม่ได้มา 1 เดือนเต็มนับแต่คลีนชีทล่าสุดที่เก็บได้จากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตลอดเดือนธันวาคมในอีก 6 เกมในทุกรายการหลังจากนั้น แมนฯยูฯโดนกระซวกไปสิริรวม 8 แผล โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การเสียประตูให้เรดดิ้งถึง 3 ลูกในเวลาแค่ 20 นาที ซึ่งทำให้อันเดิร์ส ลินเดการ์ดถูกป๋าจับนั่งยาวอยู่ที่ซุ้มม้านั่งสำรองมาถึงเวลานี้
เกมพบ WBA นี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเองไม่ได้เปลี่ยนหน้าตาแนวรับไปจากเดิมมากนัก จอนนี่ อีแวนส์ และปาทริซ เอฟร่า ยังคงช่วยกันรั่วอยู่ทางฝั่งซ้าย เนมันย่า วิดิช กลับคืนมาสู่ทีมหลังถูกดร็อปไปด้วยฟอร์มที่น่าผิดหวังในเกมคัมแบ็คกับสวอนซี และคริส สมอลลิ่ง ก็ยังทำหน้าที่แบ็กขวาจำเป็นต่ออีกนัดหลังจากราฟาเอลและฟิล โจนส์ ยังคงนอนเดี้ยงกันอยู่ทั้งคู่ นั่นอาจทำให้แฟนผีหลายคนที่ไม่ได้ดูเกมสดๆอาจจะสงสัยว่า แนวรับที่สามัคคีกันปั้นดาบิด เด เกอาเป็นจอมเซฟที่มีสถิติเซฟต่อเกมเป็นอันดับหนึ่งในพรีเมียร์ลีก เกิดองค์ลงผีเข้าอะไรกันขึ้นมา ถึงกลับมาเก็บคลีนชีทได้อีกนัด หลังจากเพิ่งโดนนิวคาสเซิ่ลจัดมาให้อีก 3 แผลสดๆเมื่อสามวันก่อนนี้เอง
ในความเห็นผม แนวรับปีศาจแดงยังคงก่อความผิดพลาดกันให้เห็นเหมือนเดิม อีแวนส์ยังคงลนลานเมื่อถูกบีบ และเคลียร์บอลทิ้งเสียเปรียบตลอดเกม เอฟร่ายังคงมีจังหวะขึ้นเติมสูงจนลงไม่ทัน สมอลลิ่งเองก็ชั่วไม่มีดีไม่ปรากฏ มีเพียงกัปตันทีมวิด้าเท่านั้นที่มีฟอร์มการเล่นที่ดี
แต่กระนั้น ผมว่าหมากกลสำคัญที่ทำให้แมนฯยูฯเก็บคลีนชีทในนัดนี้ได้ น่าจะมาจากการกลับสู่ทีมอีกครั้งของนักเตะคนหนึ่งที่หายหน้าไปราวสองเดือนกว่าๆจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งอาจจะทำให้แปลกใจอยู่บ้างถ้าผมจะบอกว่าเขาเป็นนักเตะเกมรุกเต็มตัว
และเขาคนนั้นก็คือ ชินจิ คากาวะ มิดฟิลด์ตัวรุกสัญชาติญี่ปุ่นนั่นเอง!
การวางหมากของป๋าเฟอร์กี้ในวันนี้คล้ายจะเริ่มต้นด้วยระบบ 4-4-1-1 ที่ป๋าเลือกส่งแดนนี่ เวลเบคลงมายืนค้ำด้านหน้าแทนที่โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ที่ถูกพักไว้ข้างสนามไม่ให้กรอบจนเกินไป และให้คากาวะลงยืนเป็นหน้าต่ำคอยสอดประสานหาช่องเจาะเข้าไปทำประตูจากพื้นที่ตรงกลาง
แต่เมื่อเริ่มเล่นไป บทบาทของ "ชินจัง" กลับมีมากกว่าการค้ำหน้าในตำแหน่ง Attacking Midfield เพื่อช่วยเวลเบค เขาถอยตัวลงมาต่ำมากจนอยู่ในระนาบเดียวกับทอม เคลฟเวอร์ลีย์ นั่นคือ Center Midfield และช่วยเชื่อมเกมพาบอลลำเลียงมาป้ายออกปีกทั้งสองฝั่ง และต่อบอลสั้นกับน้องทอมได้อย่างลื่นไหล ทำให้แผนการเล่นของแมนฯยูฯในตลอดช่วงครึ่งแรกออกไปทาง 4-1-4-1 ที่มีคาร์ริคเป็นคนดักเก็บบอลจากการสกัดของแนวรับและเริ่มต้นเซทบอลจากแดนตัวเอง ซึ่งแนวรับ WBA นั้น คล้ายจะไม่คิดว่าคากาวะจะหายเจ็บกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงได้ในนัดนี้ จึงดูเหมือนจะไม่ได้เตรียมการมารับมือกับเขา มิดฟิลด์เลือดบูชิโดจึงมีอิสระในการครองบอลและถ่ายบอลไปมามากกว่าช่วงต้นของฤดูกาลที่มักจะโดนอัดตั้งแต่ได้จับบอลจังหวะแรก และนำมาซึ่งเกมรุกที่ลื่นไหลต่อเนื่อง และมีสถิติการครองบอลในครึ่งแรกถึง 68% - 32% ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นกับแมนฯยูฯ นานมากแล้ว!
ความเหนือกว่าอย่างชัดเจนในครึ่งแรกของเกมวันนี้จึงอาจนำมาซึ่งคำตอบใหม่ของการเสียประตูมากมายในปีนี้ของยูไนเต็ด นอกเหนือไปจากเรื่องเฟอร์ดินานด์ฟอร์มตก, ไม่มีกองกลางตัวรับ, ชอบเผอเรอ สมาธิไม่ดีช่วงต้นเกม, ฯลฯ แต่คำตอบมันอาจอยู่ที่การครองบอลได้น้อยเกินไปของแดนกลางซึ่งทำให้กองกลางฝ่ายตรงข้ามเอาบอลกลับมาบุกได้อย่างต่อเนื่องก็เป็นได้
เหมือนสตีฟ คลาร์ก นายใหญ่ WBA จะเห็นความจริงในข้อนี้และจัดการแก้ไขทันทีในช่วงพักครึ่ง กองกลาง WBA เข้าบีบหาบอลรวดเร็วขึ้นจนบอลไปตกที่เท้าของคากาวะน้อยลงมาก คากาวะไม่สามารถครองบอลได้ถนัดถนี่ดังเช่นครึ่งแรก และเมื่อรวมกับการที่ฟอร์มส่วนตัวของคู่หูในแดนกลางอย่างเคลฟเวอร์ลีย์อยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐานในวันนี้ แมนฯยูฯจึงเริ่มเสีย possession หรือเปอร์เซนต์การครองบอลบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งปีศาจแดงแก้เกมด้วยการเซทบอลขึ้นทางปีกตามถนัด แต่วันนี้ปีกสองข้างของยูไนเต็ดก็ยังควานหาฟอร์มเก่งไม่เจอเหมือนเคย แล้วในที่สุดคากาวะก็หายไปจากเกม
การเปลี่ยนคากาวะออก แล้วปรับมาใช้ 4-4-2 อย่างเต็มรูปแบบ โดยการจับ RVP ยืนหน้าคู่กับเวลเบคอีกครั้งนั้น เป็นการหวนกลับคืนสู่ฝันร้ายอีกครั้งของแผงแบ็คโฟร์ เพราะอย่างที่รู้กันว่าคาร์ริคและเคลฟเวอร์ลีย์ยังสอบซ่อมไม่ผ่านในหัวข้อวิชาเคลียร์บอลก่อนตกมาถึงแผงหลัง และนำมาซึ่งภาพเดิมๆคือการโดนครองบอลบุกใส่อย่างเมามันเมื่อทีมนำอยู่เพียงแค่หนึ่งลูก ซึ่งยังดีที่เกมรุกของ WBA วันนี้ไม่เฉียบคมและแม่นยำเอาเสียเลย ทำให้เมื่อฟาน เพอร์ซี่ซัดประตูที่สองได้ เกมก็เหมือนจบลง และเด เกอาก็ได้ดีใจกับคลีนชีทที่สองของเขาในฤดูกาลนี้เสียที
การกลับมาของชินจิ คากาวะในวันนี้ จึงไม่เพียงช่วยประสานเกมรุกให้ลื่นไหล ในโมงยามที่ทัพผีแดงยังขาดชายชื่อเวย์น รูนี่ย์ แต่การครองบอลของเขายังช่วยแบกภาระในแดนกลางที่ทำให้เกมรับทำงานง่ายขึ้น และเป็นอีกหนึ่งทองหลังพระที่ถูกปิดลงในเกมสำคัญช่วงปลายปีเช่นนี้
แต่ในเมื่อ 4-4-2 ยังคงเป็นระบบหลักของทัพแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคป๋าเฟอร์กี้ การใช้บริการคากาวะก็อาจจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เพราะถึงอย่างไรทักษะของเขาก็ไม่เหมาะกับการเป็นกองกลางคู่กลางที่ไม่มีใครคอยช่วยตัดเกมให้ ถ้าเช่นนั้นแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียประตู ป๋าแพนด้าอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนมายึดแผน 4-5-1 เป็นหลักไปก่อนหรือไม่? หรือทางออกของป๋าจะเป็นการนำเข้ามิดฟิลด์ตัวตัดเกมจอมขยันเข้ามาอีกสักคน? แล้วเช่นนั้นคากาวะที่กำลังฟอร์มดีจะถูกถอดออกจากทีมไปดื้อๆเลยกระนั้นหรือ?
ตลาดฤดูหนาวกำลังจะเปิดขึ้นแล้ว อีกไม่ช้า เราน่าจะได้ทราบคำตอบกันครับ...
จากคุณ |
:
patyawi
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ธ.ค. 55 02:09:43
|
|
|
|