Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เสียงเล็กๆ จากแฟนพันธุ์แท้ฟุตบอลไทย ถึงเหล่าพี่ๆ ในสมาคมฟุตบอลไทย.... vote ติดต่อทีมงาน

ปล.1 : ความเห็นนี้มาจากเพื่อนสนิทผม เค้าไม่มี ID ฝากผม Post ให้ครับ
ปล.2 : หวังว่าเสียงของเพื่อนผม จะไปถึงหูของคนในสมาคมบ้าง
ปล.3 : ผมและเพื่อนผม เชื่อมั่นในตัวเชเฟอร์ครับ

หลังจากดูฟุตบอลชิงชนะเลิศ Suzuki AFF Cup ที่ทีมชาติไทยเราปราชัยต่อสิงคโปร์ไปอย่างน่าเจ็บใจ ทำให้ความหวังที่จะเป็นที่ 1 ของอาเซียนนั้นต้องเลื่อนรอออกไปอีกอย่างน้อยก็ซีเกมส์ครั้งหน้า หากเราดูผ่านๆมันก็แค่ทัวร์นาเมนต์ที่เราพลาดแชมป์ (อีกแล้ว) ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ตัวผมเองมองไปลึกกว่าแค่เหตุผลทางด้านฟุตบอล
ประสบการณ์การดูฟุตบอลของผมจริงจังเมื่อวันที่ทีมชาติไทยชุด B (สมัยนั้นคิงส์คัพจะมีทีมชาติไทยชุด A และ B ลงฟาดแข้ง) ชนะทีมจากรัสเซียไป 2 – 0 เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ผมก็ติดตามทีมชาติไทยมาตลอดแล้วก็สมัครเป็นสาวกแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในปี 1990 ชุดแชมป์ FA Cup ที่ท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันคนปัจจุบันจะโดนปลดอยู่รอมร่อ จากเด็กผู้ชายที่ไม่เคยเข้าใจฟุตบอลเลย กลายเป็นเป็นความคลั่งไคล้เกมส์ลูกหนังเพราะแมตช์ของทีมชาติไทยในคิลส์คัพเป็นจุดเริ่มต้น ที่เริ่มมาทั้งหมดนี้เพราะอยากจะบอกว่าเมื่อก่อนเรามองเป้าหมายและคู่ต่อสู้ที่ไกลกว่าประเทศเพื่อนบ้านของเรา เวียตนาม พม่า ลาว และโดยเฉพาะสิงคโปร์นั้น ไม่ได้เป็นทีมที่อยู่ในสายตาของเราเลยด้วยซ้ำ แต่เวลาผ่านมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วง 10 ปีให้หลังมานี้ ทุกอย่างสวนทางกันทั้งสิ้น จากคู่แข่งที่เราไม่เคยมองกลับกลายมาเป็นหนามยอกอกของทีมชาติไทยที่คอยหายใจรดต้นคอแย่งชิงเจ้าแห่งลูกหนังอาเซียนจากพม่า เวียตนาม และสุดท้ายเป็นสิงคโปร์ ประเทศที่มีพื้นที่ไม่ต่างจากจังหวัดนนทบุรี ได้สร้างความเจ็บช้ำให้เราเป็นประเทศล่าสุด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทำไมเราถึงโดนสิงคโปร์แย่งชิงความเป็นหนึ่งของลูกหนังอาเซียนไปได้ ทั้งๆที่ถ้าเป็นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เรื่องเหล่านี้คงเป็นแค่เรื่องตลกหรือไม่มีทางเป็นไปได้ แต่วันนี้มันเป็นไปแล้ว ... ลองมาดูเหตุผลที่เราพยายามจะแก้ตัวว่าทำไมสิงคโปร์จึงเปลี่ยนจากทีมรองบ่อนมาผงาดเป็นหนึ่งได้ การเล่นตุกติกและการลำเอียงของกรรมการ มันเหมือนเป็นปัญหาโลกแตกที่ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน ถึงแม้บางครั้งสิ่งที่เราเห็นมันจะฟ้องอยู่ก็ตาม การป้องกันที่ดีที่สุดคือการเตรียมตัวและเล่นเพื่อได้ผลการแข่งขันที่เราต้องการ ในเมื่อเราเล่นได้ตามแผนการและนำขาด การเล่นตุกติกก็คงเอาชนะผลการแข่งขันไม่ได้
การโอนสัญชาติของนักเตะ ในช่วงหลังๆที่ผ่านมาทีมชาติไทยของเราจะต้องดวลกับแข้งสิงคโปร์ที่ร่างกายสูงใหญ่มาตรฐานยุโรปอย่าง Bennett และ Duric แน่นอนว่าพื้นเพชาวสิงคโปร์แต่ดั้งเดิมไม่มีลักษณะทางกายภาพแบบนี้ การโอนสัญชาติไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงการฟุตบอล ประเทศต่างๆโดยเฉพาะแถบยุโรปทำกันมานานนมแล้วเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับทีมตัวเอง สิงคโปร์เองก็เช่นกัน เขาเพิ่มศักยภาพให้กับทีมฟุตบอลด้วยนักเตะที่โอนสัญชาติมา หลายคนอาจจะล้อเลียนว่าไม่ได้เก่งด้วยนักเตะของตัวเองหรือไม่ได้ใช้นักเตะที่เกิดและมีเชื้อชาติสิงคโปร์ แต่มันผิดตรงไหนในเมื่อกฎของฟีฟ่ามันสมารถทำได้ และเขาก็ทำทุกอย่างตามกฎ นี่คือสิ่งสำคัญที่เราควรจะเรียนรู้และศึกษาไว้คือ การจัดการทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ เรารู้มาตั้งนานแล้วว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆ ทรัพยากรต่างๆก็มีอย่างจำกัดหรือแทบเป็นศูนย์ สิ่งเดียวที่เขามีเหลือเฟือมากกว่าอย่างอื่นคือ ทรัพยากรมนุษย์ นี่คือสิ่งเดียวที่เค้าจะพัฒนาและบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประเทศของเขา แล้ววันนี้เค้าก็มาถูกทางแล้ว ... ประเทศเล็กๆค่อยๆพัฒนาและเจริญขึ้นในแต่ละด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา สิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรม จนล่าสุดคือกีฬา แต่ขณะเดียวกับประเทศไทยมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์กว่าสิงคโปร์ไม่รู้กี่เท่า ในแง่ของฟุตบอลเรามีนักฟุตบอลให้เลือกมาติดทีมชาติมากมายกว่าเขาโดยไม่ต้องการใช้การโอนสัญชาติ (ซึ่งจริงๆเราก็มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เราอาจจะไม่เคยคิดจะทำ) แต่การพัฒนาฟุตบอลของบ้านเรากลับถอยหลังลงเรื่อยๆไม่ว่าใครจะมาเป็นโค้ช การพัฒนาที่ไม่ต่อเนื่องทั้งๆที่งบประมาณก็ไม่ใช่ว่าจะจำกัดจำเขี่ยเท่าไหร่ นักฟุตบอลระดับเยาวชนที่เราไม่เป็นรองใครกลับค่อยๆหายไปเมื่อเวลาได้ผ่านมาเรื่อยๆ ทั้งๆที่ฟุตบอลลีกของเรากำลังพัฒนาแลได้รับความนิยมมากขึ้นๆ นักเตะต่างชาติเริ่มสนใจจะเข้ามาเล่นใน TPL ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้พัฒนานักฟุตบอลของเราไปด้วยในตัว แต่กลายเป็นว่าฟุตบอลลีกเป็นโปรแกรมที่ไม่สัมพันธ์กับการเตรียมทีมชาติ ปัญหาเรื่องโปรแกรมอุ่นเครื่อง รวมไปถึงปัจจัยพื้นฐานคือสนามซ้อม ที่ยังไม่สามารถจะว้อมเป็นหลักเป็นแหล่งได้เหมือนทีมชาติอังกฤษที่มีสนามซ้อมแห่งใหม่ที่อุดมไปด้วยวิทยาสาสตร์การกีฬาที่ทันสมัย นี่อาจจะเป็นหนึ่งในหลายๆเหตุผลที่ทำให้ความพร้อมในระดับชาตินั้นไปไม่ถึงขั้นดีที่สุดที่ควรจะเป็น ผมเคยมีโอกาสได้คุยกับคุณวิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกองหน้าที่ดี่ที่สุดของทีมชาติไทยคนหนึ่ง คณซิโก้ได้ให้ข้อคิดดีๆไว้ว่าการที่จะพัฒนาฟุตบอลทีมชาติจะต้องเริ่มให้ความสำคัญตั้งแต่ระดับเยาวชนอายุ 14 และไล่ขึ้นมาเรื่อยๆเป็น 16 / 18 และ 23 เตรียมความพร้อมให้ตั้งแต่ระดับเยาวชน การลงแข่งขันตั้งแต่ระดับเยาวชนทีมชาติจะทำให้นักเตะไม่ประหม่าและมีจิตใจที่แข็งแกร่งเมื่อเจอคู่ต่อสู้ ยิ่งถ้าชนะรายการเยาวชนได้ เท่ากับว่าความกลัวเมื่อต้องเจอคู่ต่อสู้จะลดลงไปเรื่อยๆ เพราะเมื่อเค้าเคยชนะระดับเยาวชนมาแล้ว เมื่อข้ามรุ่นมาทีมชุดใหญ่ก็ไม่ต้องมีความกลัวคู่ต่อสู้ เพราะเราเคยชนะพวกนี้มาแล้วตั้งแต่เยาวชน ลงเตะกันมาแล้ว เคยเจอกันมาแล้ว ยิ่งเคยชนะมาแล้ว ความมั่นใจในการลงสนามจะมีมากขึ้น แต่น่าเสียดายที่ฟุตบอลระดับเยาวชนของทีมชาติไทยนั้น แทบจะไม่เคยมีใครให้ความสำคัญและพัฒนาใส่ใจอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อสิบกว่าปีก่อน เราเคยเป็นที่หนึ่งของระดับอาเซียน ระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ถ้าเป็นประเทศญี่ปุ่น ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของทีมชาติ (ซึ่งจริงๆเราก็เห็นหารพัฒนาของญี่ปุ่น เกาหลี หรือจีน กันมาตลอด) ประโยคของคุณซิโก้นั้นเป็นจริงมากๆ
เมื่อพูดถึงสิงคโปร์แล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ประเทศนี้ทำได้ดีมาตลอดคือการเคร่งครัดในกฎหมายบ้านเมือง ลองคิดดูว่าคนไทยกี่คนที่ต้องโดนแขวนคอประหารที่สิงคโปร์เพราะทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องของสิ่งเสพติด แต่เราเคยเห็นไหมว่าชาวต่างขาติหลายๆคนหรือแม้แต่คนไทยที่โดนจับคดียาเสพติดจะโดนจัดการในบ้านเราเด็ดขาด นี่เป็นอีกอย่างที่เค้าทำได้ดีจริงๆ ถึงแม้บางครั้งเราจะมองว่ามันดูโหดร้าย แต่กฎหมายไม่ใช่คนทำผิดจะไม่รู้ เพียงแต่เขายอมที่จะเสี่ยงทำผิดกฎหมายเองต่างหาก การเคารพกฎหมายของสังคมทำให้ประเทศของเขาพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ในแง่ของการพัฒนากีฬาก็มีส่วนไม่มากก็น้อย เมื่อทุกคนเคารพกฎเกณฑ์และมุ่งมั่น เพื่อผลประโยชน์ของทีมและชื่อเสียงของประเทศชาติมาก่อน ถึงแม้ว่าประเทศสิงคโปร์จะมีหลายเชื้อชาติ แต่ความต่างของเชื้อชาตินั้นหาได้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ แต่กับประเทศไทยทุกวันนี้เรายังแบ่งแยกเป็นฝ่ายๆ จ้องจะล้างแค้นกัน ยังไม่สามัคคีทั้งๆที่เราแทบจะเป็นเชื้อชาติเดียวกันด้วยซ้ำไป ซึ่งความสามัคคีนั้นไม่ใช่แค่เรื่องการเล่นกีฬาเป็นทีม แต่มันเป็นเรื่องของการจะพัฒนาองค์กรและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้
ทั้งหมดคือมุมมองนอกเหนือจากการที่เราแพ้ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอล AFF Suzuki Cup ต่อสิงคโปร์ ต้องชื่นชมประเทศสิงคโปร์ที่สามารถพัฒนาการกีฬามาต่อสู้กับเราได้อย่างไม่มีที่ติ และเราไม่สามารถจะมองข้ามทีมชาติสิงคโปร์ได้อีกต่อไป ไม่ใช่แค่กีฬาฟุตบอล แต่อาจจะต้องมองในส่วนของกีฬาประเภทอื่นๆได้เช่นกัน ผมไม่เคยสงสัยในความทุ่มเทของนักกีฬาไทยเมื่อมีธงไตรรงค์ปักอยู่บนหน้าอก ผมเชื่อว่าทุกคนต้องการทำให้ดีที่สุดเพื่อชัยชนะ แต่เหตุผลทางด้านการกีฬา ความทุ่มเทอย่างเดียวคงไม่สามารถนำมาซึ่งชัยชนะและผลการแข่งขันที่ต้องการ แต่ต้องเป็นการทำงานร่วมกันและเสียสละจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ผมยังเชื่อว่าเราจะก้าวไปสู่จุดที่เราเคยยืน และความภาคภูมิใจจะกลับมาอีกครั้ง อย่าให้สิ่งที่เกิดขึ้นมันแค่เกิดและผ่านไป อย่าให้เราต้องเจอกับความผิดหวังโดยที่มันไม่ให้ประโยชน์อะไรกับเรา อย่าทำเป็นลืมว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้น หากเรานำทุกอย่างมาแก้ไขและพัฒนาเพื่ออุดรุรั่ว กำจัดข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น ไม่นานรอยยิ้มจะกลับมาสู่แฟนบอลและแฟนกีฬาชาวไทยอีกครั้ง ซึ่งก็เห็นว่ามันกำลังกลับมาและเริ่มเดินมาถูกทางแล้วจากกระแสแฟนบอลที่ต้องการจะให้กำลังใจนักเตะไทยในนัดชิงชนะเลิศ

จากคุณ : D-2
เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 20:28:01




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com