ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ามีจริง ป่านนี้จีน  กวาดเหรียญทองโอลิมปิกทุกเหรียญแล้วล่ะครับ จากคุณ : รักหลอกจึงบอกให้ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:07:42

ความคิดเห็นที่ 3 มนุษย์เราใช้พลังได้เพียง 30%ของทั้งหมดที่มีเท่านั้น และที่เหลืออีก70%นั่นแหละคือกำลังภายใน ซึ่งพลังส่วนที่ว่านี้มันจะออกมาเองโดยอัตโนมัติในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน โดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่นเวลาไฟไหม้เราสามารถยกของได้หนักกว่าปกติ2-3เท่า เวลาที่มีอันตรายเราจะหนีได้เร็วขึ้น กระโดดได้สูงขึ้น ฯลฯ เหมือนมันจะออกมาจากการควบคุมของฮอร์โมนในสมองของเรา โดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้เอง (ซึ่งแม้แต่วิทยาการของมนุษย์ปัจจุบันก็ยังไม่อาจอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของสมองได้มากนัก) แต่หากใครที่สามารถดึงพลังอีก70%นี้ออกมาใช้ได้ตามใจนึก นั่นแหละคือคนที่สามารถใช้กำลังภายในได้ ในสมัยโบราณ ไม่มีกฏหมายคุ้มครองผู้อ่อนแอมากนัก มันเป็นโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เข้มแข็งรอดอ่อนแอตาย มนุษย์จึงต้องเข้มแข็งเพื่อเอาชีวิตรอด และเพื่อปกป้องคนที่รัก ดังนั้นการฝึกแบบบ้าคลั่งกว่ายุคปัจจุบันจึงมีแน่นอน และอาจจะมีวิธีฝึกเพื่อดึงเอาพลัง70%ที่ว่านี้ออกมา แต่มันฝึกได้ยากมาก โอกาสสำเร็จมีน้อย ส่วนใหญ่ตายในขณะฝึก ในหลาย10ปีอาจจะฝึกสำเร็จซัก1-2คน เมื่อเวลาล่วงผ่านมาจนปัจจุบัน ก็เลยหายสาปสูญไปไม่เหลือแล้ว วิธีฝึกก็อย่างเช่น กระโดดจากหน้าผาสูง100เมตร และก่อนที่ตัวจะกระแทกพื้น ให้ดึงพลังที่ว่านั้นออกมาเพื่อเอาชีวิตรอด เป็นต้น จากนั้น(หากรอดชีวิต) ก็จงจดจำช่วงเสี้ยววินาทีนั้นว่าพลังนั้นมาออกมาได้ยังไง จากนั้นก็ฝึกแบบเสี่ยงตายต่างๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเราซึมซับวิธีที่สั่งให้ร่างกายจะดึงพลังที่ว่านั้นออกมาได้อย่างธรรมชาติ ซึ่งหากรอดชีวิตมาได้เรื่อยๆ คุณก็จะมีวิชาที่สามารถดึงกำลังภายในออกมาใช้ได้ตามใจปรารถนา แต่ในสังคมยุคปัจจุบันที่คนมีทางเลือกในชีวิตมากมาย ไม่มีใครที่จะบ้าเสี่ยงฝึกถึงขนาดนั้นแน่นอน แม้จะมีคนบ้าจริง แต่รับประกันได้แค่ไหนที่เขาจะฝึกสำเร็จและรอดชีวิตมาได้ ? แม้แต่พระวัดเส้าหลินในปัจจุบัน มั่นใจได้เลยว่าไม่มีทางฝึกอะไรบ้าๆขนาดนี้แน่นอน ดังนั้น เชื่อว่ากำลังภายในมีจริงแน่นอน แต่เงื่อนไขการฝึกให้สำเร็จมันยากเย็นเกินไป น้อยคนที่จะฝึกสำเร็จ เมื่อกาลเวลาล่วงผ่านมาเรื่อยๆ คนที่มีกำลังภายในหมดอายุขัยหรือล้มหายตายจาก ก็ไม่มีใครที่ฝึกสำเร็จอีก มันจึงไม่ได้พบเห็นอีกในปัจจุบันนั่นเอง จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:27:09

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ล้อเล่นหรือเอาจริงครับ จากคุณ : Natural29 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:39:22

ความคิดเห็นที่ 5 ผมพูดตรงๆนะ เรื่องเสกหนังควายเข้าท้อง หรือของเขมร ยังน่าเชื่อถือกว่ากำลังภายในอะไรนั่นอีก คนสมัยก่อน ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่พวกขุนนาง พ่อค้า หรือทหาร ก็ทำไร่ไถนา หรือไม่ก็เข้าป่า ล่าสัตว์เก็บของป่ามากว่า ในเมื่อไม่มีกฏหมายควบคุมเรื่องอาวุธ อยากเก่งก็เรียนดาบ หอก ง้าว ทวน มีเหตุผลอะไรที่จะไปฝึกในสิ่งที่ไม่รู้ว่ามีอยู่รึเปล่า จากคุณ : Natural29 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:44:25

ความคิดเห็นที่ 6 #5 คนจำนวนมากในสมัยก่อน ให้น้ำหนักกับ "ความเชื่อ" มากกว่า "เหตุผล" หลายเท่านัก หากเขาเชื่ออะไรแล้วคิดว่ามันเป็นจริง เขาก็พร้อมจะลองทำอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องไตร่ตรองให้เสียเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีคนที่เป็นกำลังภายในอยู่ก่อนแล้วเป็นคนชี้แนะแนวทาง หรือฝึกฝนให้ หรือพบเจอบันทึกที่มีบอกรายละเอียดวิธีฝึกไว้ เขาก็อาจมีศรัทธา+ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าที่จะฝึก ซึ่งศรัทธาเหล่านี้หาไม่ค่อยได้ในยุคปัจจุบัน เพราะคนยุคนี้เชื่อเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มากกว่าเรื่องเหนือธรรมชาตินั่นเอง แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 55 17:00:46 จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:54:47

ความคิดเห็นที่ 7 กำลังภายใน(แบบเวอร์ๆ)ไม่เคยมีปรากฏในพวกตำนานหรือนิยายสมัยโบราณมาก่อนครับ ส่วนมากจะเป็นวิชาอาวุธเหมือนพวกวิชาของแม่ทัพทั้งหลายในสามก๊กที่อ่านๆกัน หรือถ้าเป็นแบบเวอร์ๆจะเป็นวิชาเซียนคล้ายๆกับวิชาที่หงอคงฝึกในไซอิ๋ว คือมีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้ แปลงกายได้ ควบคุมดินฟ้าอากาศ เป็นต้น ส่วนพวกแนวกำลังภายในเวอร์ๆ เช่นคัมภีร์เก้าอิม เก้าเอี๊ยง คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น พลังไท้เก๊ก (ระดับเวอร์ขนาดปัดระเบิดได้เหมือนที่จอมยุทธ์บู๊ตึ๊งใช้ในดาบมังกรหยก) เป็นต้น เพิ่งปรากฏเมื่อราวๆหลายสิบปีที่ผ่านมา ด้วยปลายปากกาของนักแต่งนิยายรุ่นใหม่(ซึ่งตอนนี้เป็นรุ่นเก๋าลายครามไปแล้ว แขวนปากกาไปก็หลายคน แต่ส่วนมากยังมีชีวิตอยู่) จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 17:19:42

ความคิดเห็นที่ 8 มันมีจริง  แต่หายาก ไม่ว่าสมัยไหนๆ ก็หายาก จากคุณ : แฟนผมชื่อปืน เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 17:33:00

ความคิดเห็นที่ 9 ี่บ้านเราก็มีครับกำลังภายใน แต่เกิดจากการฝึกจิต เกจิอาจารย์ในบ้านเราที่ดังๆ ล้วนมีทั้งนั้น เพียงแต่ไม่ได้ประกาศให้ได้รับรู้ (อันเนื่องคำสอนของพระพุทธเจ้า  ดังที่พระองค์ทรงเตือนพระโมคคัลลานะ) ยกตัวอย่างที่ดังๆ ก็ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรฯ ได้กล่าวถึง อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ของหลวงปู่ (หาดูได้ในgoogle) จากคุณ : arseball เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 18:04:23

ความคิดเห็นที่ 10 กำลังภายในนี่อันเดียวกับการแอบล้อบบี้ใต้โต๊ะเปล่า ถ้าใช่นี่บ้านเรามีกำลังภายในไม่เป็นรองใครแน่นอน จากคุณ : bigcy เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 18:22:42

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่มีครับ ถ้าคิดว่ากำลังภายในมีจริงหายาก คุณไสยเราก็มีจริงเหมือนกันครับหายากเช่นกัน แล้วประเทศที่เชื่อโดยไม่เอาหลักเหตุผล สังเกตุดูสิครับไม่คอยเจริญ ไม่เหมือนฝรั่งเขาเชื่ออะไรที่มีเหตุผล ถือปืน เอาเรือมาปิดอ่าวพวกแถบเพื่อนบ้านเราจนต้องยอมเป็นเมืองขึ้น(ของเราก็เกือบไม่รอด ดีที่เราไหลเก่ง) ยิ่งพวกเขมรคุณไสยที่ว่าแรงทำไมไม่ใช้ไปจัดการฝรั่งเลยทำไมปล่อยให้ต่างแดนครอบงำได้ เหมือนกันถ้าคิดว่ากำลังภายในมีจริง ทำไมประเทศเหล่านี้กลับโดยประเทศที่ไม่มีกำลังภายในอะไรเลยโชว์ผลงานได้ดีในวงการต่อสู้ทั้งยืนหรือนอนสู้ ประเทศเหล่านี้ใช้หลักวิทยศาตาร์การฝึกซ้อมเทรนศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ได้จริง ถ้ามีจริงจีนทุกวันนี้โด่งดังวิชาต่อสู้แล้วครับที่ไม่ใช่จากในหนัง เช่นไปต่อยกติกายืนสู้เป็นแชมป์ ไปต่อยนอนสู้ก็แชมป์ แต่นี้ไม่มีเลย หลักสูตรการชกก็ไปลอกประเทศที่ประสบความสำเร็จทั้งนั้น ไม่มีสไตล์ของตัวเอง ถ้าบอกในอดีตมี ปานี้จีนครองโลกแล้วครับ ไม่ใช่ให้ชนเผ่าเร่ร่อนแบบมองโกลยึดได้ในยุคเวลาที่มองโกลเป็นใหญ่ อย่าบอกนะมองโกลมีกำลังภายใน ถ้ามีทำไมมองโกลถึงไปแพ้รบเป็นเหมือนกันแสดงว่าชาวต่างชาติเชนอียิปก็มีวิชากำลังภายในเหมือนกัน หรืออาจจะมีคุณไสยโดยเสกมัมมี่เข้าสู้55 มันไม่มีจริงหรอกครับเรื่องพรรณนี้ แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 55 18:50:20 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 55 18:48:24 จากคุณ : yamapa เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 18:43:49

ความคิดเห็นที่ 12 เจี๊ยเ ป้าบ่อสื่อ คนคิดว่ามีจริงหัวคงแบนเพราะนอนมากไป นิยายจีนเกี่ยวกับกำลังภายในสมัยแรกเริ่ม เช่น ซ้องกั๋ง 13ผู้พิชิตแห่งเขาเหลียนซาน และอื่นอีกมากมาย มักเขียนให้เป็นตัวแทนของฮีโร่ มิติเดียว เพราะประวัติศาสตร์จีน ถ้าไม่รบราฆ่าฟันกันเอง ก้อถูกชนนอกแผ่นดินตงง้วน บุกรีดเนื้อเถือหนัง ไอครั้นบ้านเมืองสงบ ขุนนางก้อฉ้อราษ ข่มเหงราษฎร ประวัติพันกว่าปี ประชาราษไพร่ฟ้าหน้าใส ลืมตาอ้าปาก ข้าวสารจะกรอกหม้อแทบไม่มี  ไม่แปลกที่นักแต่งนิยาย นักเล่านิทานตามโรงเตี๊ยม หรืองิ้วจะถูกแต่งเสริมเติมแต่งออกไปเพื่อปลอบประโลมประชาราษที่โดนข่มเหง และฮิกเหิมเมื่ิยามบ้านเมืองถูกต่างเผ่ารุกรานหรือปกครอง พอมายุคนี้ด้วยปลายปากกาของสามเสาหลัก กิมย้ง โกวเล้ง อุยสุยอัน และสื่ออย่าง ทีวีบี ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเพ้อเจ้อว่ากำลังภายในมีจริง จากคุณ : -sam- เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 19:25:35

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านความเห็นที่3แล้วผมนึกถึงหนังเรื่อง batman the dark knight rise เลย ความเห็นข้างล่างมีสปอยนะครับ เป็นฉากที่ผมชอบที่สุดในเรื่อง ที่หมอในคุกบอกกับพระเอกว่า "คุณจะว่องไวเกินจริงได้ยังไง อดทนเกินจริงได้อย่างไร หากไร้ซึ่งพลังที่ผลักดันจากจิตวิญญาณ....การกลัวความตาย" สุดท้ายแล้วพระเอกก็สามารถปีนขึ้นจากหลุมโดยใช้พลังที่มาจากการกลัวความตายได้ ผมเห็นด้วยกับประโยคนี้นะ แต่มันจะมีจริงหรือเปล่าที่คนสามารถใช้พลังที่เกิดจากการกลัวความตายเนี่ย มาใช้ในสถานการณ์ปกติได้ ถ้ามีจริงผมก็ว่านั่นแหละคือกำลังภายในที่พูดถึงกันอยู่ จากคุณ : invisibleoff เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 20:06:36

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนตัวผมเอง เชื่อว่าคนฝึกกังฟูแบบจีน มีร่างกายที่แข็งแรงกว่า คนทั่วไป การที่ต่อยหนัก กระโดดสูง กว่าคนทั่วไป คล่องแคล่ว ย่อมเป็นไปได้จริง จากคุณ : mp3man เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 20:23:37

ความคิดเห็นที่ 15 แบบนี้ใช่ป่าว จากคุณ : nublur เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 20:39:35

ความคิดเห็นที่ 16 คำถามสามัญประจำบ้านไปเสียแล้ว ลองดูกระทู้นี้ครับ จะได้เข้าใจยิ่งขึ้น http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2011/10/S11145475/S11145475.html จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 20:51:46

ความคิดเห็นที่ 17 # mp3man เรื่องการกระโดดสูงกว่าคนทั่วไป ในวิชามวยจีน จะจัดอยู่ในกังฟูอ่อน ที่เรียกว่า ชิงกง(輕功 : Qing Gong) ครับ   ปัจจุบัน ฝรั่งก็หันมาฝึกคล้าย ๆ กันคือพวก Free Running นั่นเอง ตัวอย่างการฝึกชิงกง สายเอ้อเหมย(ง้อไบ๊) ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกของปากว่าจ่าง(Bagua Zhang) สายเอ้อเหมย จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 20:58:49

ความคิดเห็นที่ 18 อ้าว คลิปไม่มา เอาใหม่ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 21:03:17

ความคิดเห็นที่ 19 ส่วนที่ถามว่าหายไปไหนหมด คำตอบคือ "หาคนฝึกถึงขั้นใช้งานได้น้อยครับ" จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 21:07:09

ความคิดเห็นที่ 20 อีกคลิป จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 21:19:14

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้ามีจริง นินจาญี่ปุ่น ที่กระโดดสูงก็มีจริง จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 22:09:19

ความคิดเห็นที่ 22 ขอนิยามคำว่ากำลังภายในที่เป็นประเด็นก่อนครับ   ถ้าเหาะเหิน เดินอากาศ  ยกหินหนัก 100กิโล ด้วยมือเดียว  หรือปล่อยพลัง เปี๊ยว ป๊าว  อันนี้ผมว่าเกินไป   แต่ถ้าเอาแค่ การอัดคนด้วยหมัดเดียว แล้วสลบน้ำลายฟูมปาก โดยคนอัดนั้น อยู่ในท่าที่ "เราคิดว่า" ไม่น่าจะอัดได้แรงขนาดนั้น   คำตอบคือ  "มี" ครับ กำลังภายใน  ให้อธิบายแบบมวยจีนผมไม่สามารถ แต่สำหรับคนที่เป็นมวย มันมีวิธีส่งแรงแบบไม่ใช้แรงจาก "กล้ามเนื้อ" ได้จริง  และมากกว่าการส่งแรงจากกล้ามเนื้อด้วย  เพราะผ่านแรงมาจากหลายจุด  เหมือนคลื่นเล็กๆจากกลางทะเล กลายมาเป็นลูกมหึมาเมื่อมาถึงชายฝั่ง คนฝึกมวยส่วนใหญ่จะรู้ดี ว่าการชก แบบเท้าไม่ติดพื้น  กับเท้าเหยียบพื้นนั้น ต่างกันมากมาย   การชก หรือตี  หรือทุบ หรืออะไรก็แล้วแต่  เมื่อมีการส่งแรงจากเท้า ขึ้นมาจนถึงหมัด สามารถ ส่งแรงออกไปได้มากกว่าการเงื้อชกแบบธรรมดา  ซึ่งนั่นคือวิธีการใช้แรงจากกล้ามเนื้อธรรมดา มันมีวิธีการส่งแรงอีกแบบซึ่งส่วนตัวผม เรียกว่า การระเบิดแรง  เป็นการส่งแรงจากแกนกลางของร่างกาย ออกไป ลักษณะคล้ายๆลูกตุ้มโมเมนตั้ม ผ่านเส้นเอ็นแต่ละชุด   เราจะสามารถส่งแรงออกไปได้โดยไม่ต้องเงื้อหมัด หลักการเดียวกับหมัด 1นิ้ว ของบรูซ ลี นั่นล่ะครับ    ตรงนี้มั้งที่เรียกกันว่ามวยภายใน ข้อดีของการส่งแรงแบบนี้คือ  ฝ่ายตรงข้ามจะอ่านไม่ออก ว่าคุณจะออกหมัดแบบไหนมา  เพราะมันจะมาแบบไม่มีอาการเตือน(Telephone Punch) และ แรงกว่า   แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น คนฝึก  ต้องเข้าใจหลักการส่งแรงก่อน และ สำคัญที่สุด คุณต้องรู้สึกถึง "แรง" ของตัวคุณก่อน บอกตรงๆครับ อธิบายให้เข้าใจยาก เรื่องนี้ คนที่ทำได้10คน อธิบายไม่ตรงกัน บอกคนบอกแรงไฟฟ้าในร่างกาย  บ้างก็บอก แรงจากจิต  อีกคนบอกแรงจากลมปราณ หลายคนอธิบายไม่รู้เรื่อง ออกแนวอภินิหารย์ไปเลย   ส่วนของผมเชื่อว่าเป็น แรงจากมัดเอ็นครับ ถ้าอยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้   หลังไมค์มาครับ  ผมอยู่สุราษฎร์ธานี  แวะมาเที่ยวได้ แต่ต้องนัดล่วงหน้านะครับ เพราะเวลางานรัดตัวมาก   มาแลกเปลี่ยนกัน (อันนี้ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ^^) เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าวด้วย แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 55 03:08:02 จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 00:33:56

ความคิดเห็นที่ 23 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 55 20:55:58 จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 02:08:55

ความคิดเห็นที่ 24 ที่พิมพ์ไป มิใช่ท้าทายครับ  แต่เป็นการแลกเปลี่ยนกันมากกว่า  เพราะส่วนตัวผมไม่ได้จัดว่าเก่งอะไรนัก อาจไม่ได้ครึ่งของหลายท่านที่อยู่ ณ ที่นี่ด้วยซ้ำ  ผมอาจใช้คำไม่ถูกต้อง  เดี๋ยวขอแก้ไขละกันนะครับ     ผมไม่มี ลูกศิษย์ครับ  จะว่าไปผมเองก็ยังเป็นศิษย์  และที่สำคัญที่พิมพ์ไปทั้งหมด  ไม่ใช่วิชาครับ  เหมือนหลักการมากกว่า  ผมว่าในวิชาแต่ละแขนง มีหลักแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น ให้ยกตัวอย่างก็เหมือน การทำสมาธิ  จะคริสต์ พุทธ หรืออิสลามก็ล้วนมีทั้งสิ้น  เพียงแต่เรียกต่างกัน และคนที่ถ่านยทอดหลักการนี้ให้ผม ก็คือ พี่ชายผมเอง เรียนมวยโบราณ (ไชยา)  เป็นหลักของหมัดวงแคบ  ซึ่งระยะชกจำกัด แต่อัดไม่เลี้ยง ไม่ขอเอ่ยนามอาจารย์ของแก นะครับ  แต่ไม่ใช่ครูแปรง ครูผม(พี่ชาย) สอนมวยแบบโบราณครับ คือ คนไหน นิสัยถูกใจรับเป็นศิษย์ ถ่ายทอดวิชา ไม่คิดเงิน ไม่มีค่าย  มีกฎ นับถืออาวุโส   ปัจจุบันมีผมเป็นศิษย์คนเดียว  ก็เพราะ แถวบ้านมันมีแต่แว้นซ์   ตัวแกทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์บริษัทฝรั่งแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ     ตลกมั๊ยครับ  โปรแกรมเมอร์บ้าคอมส์ เป็นครูมวย จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 03:06:40

ความคิดเห็นที่ 25 แล้วที่สำคัญ  ผมอธิบายไม่ถูกครับ  อันนี้มั้งที่เค้าเรียกว่า ปัจจัตตัง (รู้ได้เฉพาะตน) ไม่สามารถบอกคนตาบอดได้ว่า สีแดง  มันเป็นยังไง     ส่วนเรื่อง เทเลกราฟ พันท์ขออภัยครับ  ข้อมูลผิดพลาด  แค่จะอธิบายว่า หมัดที่มีอาการเตือนมาก่อน เช่นก้าวขา  ขยับไหล่  เขยื้อน-อก  หรือแม้กระทั่งยักคิ้ว  แต่แบบที่บอก ไม่มีการตั้งท่าอะไรจริงๆ   ส่วนที่ว่าแรงกว่า  ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆครับ  คือแรงกว่าการเงื้อหมัดชกจากท่าปกติ เพราะแบบนั้นพอโดนสัมผัสที่ตัวแล้วรู้สึก แรงมันจะกระจายไปทั่ว รอบผิวหนังให้แสบ  แต่  อีกแบบนั้น รู้สึกเหมือนโดนทะลุไปข้างใน ไม่มีอาการแสบที่ผิวภายนอก ส่วนตัวผมเป็นคนมีกล้ามเนื้อค่อนข้างหนาครับ จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 03:26:32

ความคิดเห็นที่ 26 กำลังภายในมีจริงแน่นอน แต่ไม่ได้เว่อร์เหมือนอย่างในหนัง อย่างที่คุณ  mamarine อธิบายมานั่นแหละครับ ต้องอาศัยการยืนเป็นหลัก ขาต้องเป็นฐานในการส่งแรง ถึงจะเปล่งพลังที่แท้จริงได้ ที่เห็นมวยไทย มวยสากล หรือมวยต่าง ๆ ที่ต่อยกันอยู่นี้ ล้วนแต่เป็นแรงหมัด ไม่ใช่แรงฐานที่ขึ้นมาจากขา ความแรงได้แค่ 30% จาก 100% แต่ถ้าคุณฝึกกำลังภายในที่ใช้ฐานเป็นหลัก คุณจะได้แรง 100% เต็ม ๆ เลย เช่นคนน้ำหนัก 70 ถ้าฝึกกำลังภายในแรงฐานแล้ว หมัดที่ออกจะมาเท่ากับน้ำหนักตัว 70 เลย แต่ถ้าไม่ได้ฝึกแรงฐาน อาศัยการต่อยแบบมวยสากลความแรงหมัดอาจจะออกมาได้แค่ 30-35 เท่านั้น เต็มที่ก็ 40 แต่ไม่เท่ากับน้ำหนักตัวแน่นอน วิธีการฝึกแบบนี้ ต้องเริ่มจากการยืนก่อนครับ โดยใช้ขาเป็นฐาน ยืนอย่างเดียวโดยไม่ต้องทำอะไร (อาจจะเป็นเดือน หรือไม่ก็เป็นปี) พอน้ำหนักลงที่ขาแล้วก็ฝึกการเดิน ระยะเวลาในการฝึกอาจไม่นานเท่ากันยืน เพราะมีแรงฐานที่ขาแล้ว ที่นี้ถ้าได้แรงฐานแล้ว การออกหมัด จะส่งมาจากที่ขาขึ้นลำตัวและสุดท้ายไปที่หมัด พลังทำลายก็อย่างที่บอกแหละครับ เท่ากับน้ำหนักตัวของคนที่ฝึก จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องต่อยก็ได้ อาจจะเป็นการใช้ศอก ใช้ลำตัวกระแทก ข้อดีของการฝึกกำลังภายในแบบใช้แรงฐานนั้นคือ ได้พลังทำลายที่รุนแรง และรวดเร็ว กว่าการออกหมัดแบบธรรมดามาก แต่ข้อเสียก็มี คือต้องใช้ขาเป็นแรงส่ง ถ้าทำลายขาได้ ก็จะทำให้ไม่สามารถใช้แรงฐานได้ หรือใช้ได้แต่ประสิทธิภาพลดน้อยถอยลงไปมากครับ และที่สำคัญกว่าจะฝึกเสร็จใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียว ไม่เหมือนมวยไทย ฝึก 3-6 เดือนก็สามารถป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่งแล้ว จากคุณ : Alucard [Dracula] เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 09:50:46

ความคิดเห็นที่ 27 พูดกันไม่จบหากเรายังตีความคำว่า "กำลังภายใน" ให้อยู่ในความเข้าใจเดียวกันไม่ได้ บางคนพอพูดกำลังภายในนึกไปถึงหนังจีนที่ฝังหัวมานานว่ากระโดดกันได้สูงลิ่วๆไปโน่น หรือนึกไปถึงการสะบัดข้อมมือหรือกระแทกหมัดเดียวเลือดกระอักออกปาก ในขณะที่บางคน นึกไปถึงพลังแฝง พลังฮึดแห่งการเอาตัวรอดในเวลาคับขัน. เถียงกันได้ ก็คงไขว้กันไป ไขว้กันมา ไม่จบ. .........ฮ่าๆๆๆ...... จากคุณ : popular เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 14:25:01

ความคิดเห็นที่ 28 ผมปล่อยกำลังภายใรทุกวันเลยครับ ปุ๋ง จากคุณ : เขียนบน iPhone (GRANDO) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 15:24:43

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่เจอกับตัว ก็เหมือน ตาบอดคลำช้างครับ ไม่เคยโดนเปิดจุดกับตัว ก็คงไม่รู้ว่า เมื่อจุดต่างๆในร่างกายเมื่อเปิดเป็นอย่างไรกับไม่เปิด (อย่างน้อยก็เหลากง) จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 16:29:04

ความคิดเห็นที่ 30 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 55 20:55:11 จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 16:59:55

ความคิดเห็นที่ 31 ผมได้ลบความเห็นของผมทิ้ง เพราะการตีความเรื่องกำลังภายใน มันแตกออกไปมาก ขอวกเข้ามาให้ตรงประเด็นครับ ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุและผล ซึ่งผ่านการกรั่นกรองจากปัญญานี้ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า "สัทธาญาณสัมปยุตต์" (ญาณ แปลว่า ความรู้ที่เกิดจากปัญญา, สัมปยุตต์ แปลว่า ประกอบด้วย)การถือเอาสิ่งที่ตอนเองรู้ ตนเห็น โดยปราศจากการใช้ปัญญาพิจารณาให้รู้ถึงเหตุและผลเป็นความเชื่อ ที่ขาดปัญญา พิจารณาถึงเหตุผล ความเชื่อเช่นนี้เรียกว่า "สัทธาญาณวิปปยุตต์" อนึ่ง ถ้าเชื่อตามเขาว่าเรียกว่า "อธิโมกข์ศรัทธา" การเชื่อโดยปราศจากสติปัญญาก็ดี เชื่อตามคนอื่นว่าก็ดี ไม่จัดเป็น ศรัทธาในทางพระพุทธศาสนา ความเชื่อที่อาจจะทำให้ผิดพลาดได้ ๑๐ ประการ ดังนี้ ๑.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินแล้ว ๒.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่สืบ ๆ กันมา ๓.อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่า "ได้ยินว่าอย่างนี้" ๔.อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา ๕.อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง ๖.อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน (อนุมาน) ๗.อย่าได้ยึดถือโดยตรึกตามอาการ ๘.อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกับทิฏฐิของตน ๙.อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดเป็นผู้สมควรเชื่อถือได้ (เพราะอาจผิดทั้งคู่ก็ได้) ๑๐.อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนั้นเป็นครูของเรา (ครูอาจารย์ก็อาจคิดผิดได้) ที่ผมอยากถามคือ ท่านที่โพสท์สนับสนุนกำลังภายใน ตัวท่านเองมีวิชากำลังภายในจริงหรือเปล่าครับ และถ้ามีจริง ได้มาโดยศึกษาวิชาอะไรครับ?  ท่านพร้อมจะเปิดเผยให้มีการทดสอบต่อหน้าสมาชิกบนกระดานศิลปะการต่อสู้หรือไม่ครับ? ผมหวังว่าคงไม่ถือว่า ความเห็นของผมเป็นการลบหลู่นะครับ เพียงแต่อยากทราบความจริง เหมือนเพื่อนๆสมาชิกกระดานนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 17:26:45 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 55 20:55:38 จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 17:19:34

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่าการออกหมัดโดยส่งแรงจากขา เอว ลำตัว ไหล่ไปพร้อมกันมันไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยครับ มวยสากลทั่วโลกก็ใช้หลักการทำนองนี้ นอกจากมวยสากลประเทศสารขัณฑ์หลายๆคน ซึ่งมักจะออกหมัดแบบเอามือดันหรือทุบ (แน่นอนว่าพวกนี้เกือบทั้งหมดไปไม่ไกลในวงการมวยสากล หรือถ้าชกมวยไทย หมัดก็ไม่มีประสิทธิภาพ) และสำหรับนิยามของกำลังภายในในประเด็นกระทู้ ส่วนตัวผมตีความว่าเป็นกำลังภายในระดับที่ไม่เวอร์ถึงขนาดพลังสนามแม่เหล็กในวอร์ลอร์ด หรือวิชาKaiในดราก้อนบอล แต่ก็เวอร์เกินวิชาต่อสู้ปัจจุบันไปมาก เช่น วิชาตัวเบาวิ่งเร็วกว่าคนทั่วไปหลายเท่า วิ่งหลายชั่วโมงได้ไม่เหนื่อย เดินลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บหรือขับพิืษได้ ต่อยคนธรรมดาตายในหมัดเดียวแบบสบายๆ สู้กับคนเป็นสิบคน(ไม่เป็นมวย)พร้อมอาวุธครบมือชนะสบายๆ เป็นต้น ตามที่ปรากฏในหนังกำลังภายในหลายเรื่อง เช่น มังกรหยก จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 18:56:37

ความคิดเห็นที่ 33 ซุปเปอร์ไซย่า ก็มีอยู่จริงคับ ผมเคยเห็นมากับตา ตอนเด็กๆ ท่าไม้ตายคือพลังบอลเก็งกิ ! จากคุณ : Roy E Nem เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 19:34:13

ความคิดเห็นที่ 34 อย่างที่ได้เคยเขียนไปนานแล้วว่า เรื่องของ "แรง" ถ้าว่ากันตามหลักมวยภายในของจีน จะมี ๓ ระดับ คือ จิ้ง ชี่ และ เซิน จิ้ง(Jing) ก็คือหลักการเปลี่ยนแรงป่าเถื่อน ให้มาเป็นแรงที่ประณีตมากขึ้น ซึ่งโดยปกติศิลปการต่อสู้ทางตะวันออกเกือบทุกแขนงก็มีหลักนี้ เพียงแต่ว่าใครจะฝึกถึงขั้นหรือไม่เท่านั้นเอง ชี่(Qi) เป็นการเปลี่ยนจากจิ้งมาเป็นแรงที่ประณีตขึ้นไปอีก ตรงนี้อาจจะกึ่ง ๆ เรื่องของจิตแล้ว เพราะจะต้องมีการโคจรลมปราณ หรือจะเป็นการใช้พลังสนามแม่เหล็กในร่างกายจะเรียกแบบนี้ก็พอได้ ซึ่งก็ตรงกับที่บางท่านเอ่ยถึงจุดเล่ากงนั่นเองครับ ระดับนี้ก็คือในคลิปที่ผมได้ลงไปนั่นเอง ส่วนระดับ เซิน(Shen) ตรงนี้คือจิตล้วน ๆ จะว่าอย่างนั้นก็พอได้ เพราะอาจจะใช้ปราณข่มคู่ต่อสู้ ทำให้ยอมแพ้ไปเลยก็มี ซึ่งก็ยังไม่เคยเห็นคนในยุคนี้ทำได้มาก่อนเช่นกัน เพราะฉะนั้น ก็ต้องมานิยามให้ตรงกันก่อนว่า กำลังภายในที่ว่าจะเอาระดับไหนครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 00:35:30

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้ามีจริง ผมว่าคนที่ยิ่งใหญ่ไม่น่าใช่เจงกิสข่าน จากคุณ : ตงฟางปุ๊ป้าย เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 02:38:39

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ ผ้าพับไว้ ในส่วนของทางสายมวยไทย มีเหมือนกันครับ ที่ "ตบะ" ของผู้ที่ฝึกมามากกว่าจะข่มผู้ที่ฝึกมาน้อยกว่าครับ  ต่อให้ ไม่รู้จักกันมาเลยก็ตาม  การจรดท่ามวย การย่างสามขุม  ก็รู้ได้แล้วครับว่าอีกฝ่ายฝีมือห่างจากเราแค่ไหน    บางทีทำให้ถอดใจสู้เลยก็มี แล้ว ขอแสดงทัศนะตรงนี้นิดนึง   ปกติ คนที่ฝึกมวยไทยโบราณ ที่ผมรู้จัก ทุกคน ย้ำว่าทุกคนครับ  มักจะศึกษาทางธรรมร่วมด้วย  แล้วที่สังเกตุ  ยิ่งคนที่เก่งมาก ธรรม ก็ยิ่งลึกซึ้ง  เหมือนกับมาคู่กัน  การฝึกมวยฝีมือจะแปรผันกับจิตใจครับ  ยิ่งสะอาด ยิ่งพัฒนา การฝึกมวย เป็นหลักธรรม  เหมือนเป็นการสำรวจตนเอง ยิ่งฝึก ยิ่งเห็นข้อบกพร่องของตน ยิ่งแก้ไข ยิ่งไปได้สูง   แต่ถ้าฝึก แล้วไม่เห็นความบกพร่องตนเอง  เห็นแต่ของคนอื่น  ก็อยู่ได้แค่นั้น   ดังนั้น ครูมวยแต่ละท่าน จึงมีบุคลิกน่านับถือครับ  ยิ่งเก่ง  ยิ่งสมถะ     อาจเป็นสาเหตุ ที่ทำให้คนที่เก่งมากๆ มักเร้นกายครับ ไม่โอ้อวด  ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 09:43:16

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ Chineseman  ใช่เลยครับ  มันไม่มีอะไรใหม่  เพราะมันเป็นเรื่องที่มีมานานมากแล้วเป็นร้อยปี   แต่ทางวิทยาศาตร์การกีฬา  เพิ่งค้นพบได้มาไม่กี่สิบปี  และรายละเอียดก็ไม่ลึกซึ้งเท่า เพราะส่วนใหญ่ นักกีฬาจะเน้น เวทเทรนนิ่ง เพาะกล้ามเนื้อ หลัง ไหล่ ไบเซป ไทรเซปมากกว่า  ซึ่งดูแล้วเหมือนจะมีผลในการออกแรง  แต่เคยได้ยินมั๊ยครับ       ที่ในวงการมวยบอกว่า  หมัดหนักเป็นเรื่องของพรสวรรค์    หมายถึง คุณจะฝึกกล้ามเนื้อพวกนั้นมากแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ได้แปลว่าหมัดคุณจะหนัก   การส่งแรงนั้น  หลักของมันค่อนข้างจะซับซ้อน และรายละเอียดค่อนข้างจะเยอะ   กล้ามเนื้อมีผลค่อนข้างน้อย  อาจทำให้เทอะทะซะด้วยซ้ำ  ปัจจัยหลักอยู่ที่การฝึกฝนซ้ำๆอย่างต่อเนื่องครับ  และที่สำคัญ  ต้องรู้จัก "แรง" ของตนเองก่อน  ซึ่ง ถ้าไม่มีการชี้แนะแล้ว  100คนจะ รู้เองโดยพรสวรรค์แค่  ไม่ถึงสิบคนกระมัง แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 10:22:47 จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 10:20:01

ความคิดเห็นที่ 38 คำว่า หมัดหนักเป็นเรื่องของพรสวรรค์ คุณต้องนิยามก่อนครับว่าคำว่า "หมัดหนัก" ของคุณหมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงหมัดหนัก ต่อยคนทั่วไปร่วง ฝึกไม่เท่าไหร่ก็ทำได้ แต่ถ้าหมายถึงหมัดหนักมหากาฬ แบบไทสัน ปาเกียว หรือของไทยก็แสนศักดิ์ เขาทราย อันนี้เป็นพรสวรรค์จริง อย่างไรก็ตาม ผมก็เห็นวิทยาศาสตร์การกีฬาในต่างแดนสามารถฝึกกล้ามเนื้อได้ตรงจุดจนทำให้คนหมัดหนักขึ้นได้จริง อย่างมาเควซที่น็อกปาเกียวได้ล่าสุด เห็นตั้งแต่ก่อนต่อยว่ากล้ามเนื้อหนามาก เพราะเขาเพิ่งจ้างนักวิทยาศาสตร์การกีฬาคนใหม่ ดังนั้นจะว่ากล้ามเนื้อไม่สำคัญ ผมว่าไม่ถูก อีกอย่างถ้ามีการใช้แรงลึกซึ้งกว่าวิชาสมัยใหม่จริง ป่านนี้จีนได้แชมป์ไม่รู้กี่รายการแล้วครับ แต่ผลงานปัจจุบันคือดีแต่ขโมยวิชาคนอื่นไปวันๆ ปล. #34 ผมไม่ได้อ่านผิดใช่มั้ย พลังสนามแม่เหล็ก?? วอร์ลอร์ดรึไงนั่น - -'' (พอดีเพิ่งซื้อเล่มใหม่มาด้วยสิ ระดับไปถึง8แสนแรงม้าแล้ว เวอร์มาก) จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 19:08:04

ความคิดเห็นที่ 39 /\ /\ # คุณ Chineseman เรื่องของ Qi ก็ตามนี้ครับ ผมไม่รู้ว่ามันคือ warlord หรือเปล่านะ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 20:25:58

ความคิดเห็นที่ 40 ผมก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่า ทางวิทยาศาสตร์การกีฬาจะอธิบายเรื่องแบบนี้ว่าอย่างไร เป็นแรงจากกล้ามเนื้อส่วนไหน หรือเป็นแรงจากการกระทำจากอวัยวะไหนเหมือนกันนะครับ คงต้องรบกวนท่านที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์การกีฬาอธิบายอีกทีหนึ่ง จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 20:29:04

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้ายุคปัจจุบัน ก็คงต้องอ.โจว ล่ะมั้งครับ จริง ๆ ที่คุณรักมวยไทยสนใจอยากจะทดสอบจริง ผมว่าก็ไม่น่ายากนะ ในสวนลุมบ้านเราก็คงจะมีอาจารย์เก่ง ๆ เยอะ หรือลองเข้าไปหาข้อมูลใน internet ผมคิดว่าทั่วโลกก็คงจะมี อ. ที่ชำนาญในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เผอิญผมไม่เก่งเท่าท่านเหล่านี้ ก็เลยให้ทดสอบไม่ได้ด้วยสิครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 20:36:46

ความคิดเห็นที่ 42 ยกตัวอย่าง อ.โจว ท่านก็เปิดการเรียนการสอนเป็นกิจลักษณะ มีโรงเรียนเปิดสอนอย่างจริงจัง http://www.masterzhou.com/classes.html แต่ก็คงแพงโขอยู่ (ตั้ง ๓๐๐ กว่าเหรียญแหน่ะ ไม่รวมค่าเครื่องบินไปกลับด้วยนะนี่ --") ผมคิดว่า การได้ขอความรู้จากที่รู้จริง น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ได้รู้จริง และหมดความสงสัยได้มากกว่านะครับ หรือจะลองไปสอบถามจาก อ. John Chang ก็ได้กระมังครับ เพราะอยู่ที่จาร์กาต้า อินโดนีเชีย นี่เอง ถ้าท่านยังไม่เสียไปซะก่อน ผมว่าก็น่าสนใจไปสอบถามหรือขอความรู้นะครับ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 20:44:43 จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 20:41:38

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 40 ดูแล้วเป็นปาหี่ชอบกลครับ เรื่องให้ไปสวนลุม ผมคงไม่แสวงครับ เคยมีคนบอกให้ผมไปขอความเมตตาที่สวนลุม 555 ผมบอกว่า ถ้ามีพลังจริงผมจะยกกระสอบไปให้ลองผลักดู อยากเห็นว่ามีพลังจริงหรือเปล่า สรุปคนที่มาถกไม่ได้มาในนามของครู อ้าวครูไม่รู้เรื่องด้วย ดันโดนลูกศิษย์ทำเสียแล้ว  และการให้ผลักกระสอบก็ทำไม่ได้ เอ มันยังไง? ที่ผมถามคือ ผู้ที่เข้ามาสนับสนุนว่ากำลังภายในมีจริง ตัวท่านเองมีวิชากำลังภายในจริงหรือเปล่าครับ? จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 21:20:18

ความคิดเห็นที่ 44 ความคิดเห็นที่ 41 ผมเคยได้ฟังมาจากนายแพทย์ ซึ่งเคยเป็นถึงหัวหน้าภาควิชา ในคณะแพทย์ศาสตร์ม.ช.ว่า แม้แต่ในวงการแพทย์ ก็เคยมีฝรั่งเสนองานวิจัย ระดับได้รับรางวัลเกียรติคุณ แต่เมื่อมาทำการทดสอบ ผลไม่เป็นไปตามที่อ้าง ในที่สุดรางวัลผลงานนั้นก็ถูกยกเลิก  ดั้งนั้น ระดับด็อกเตอร์ใช่ว่าจะไม่ถูกหลอกนะครับ เรื่องพลังจิต ผมไม่ได้เถียงว่าไม่มีครับ หรือการฝังเข็ม ก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป แต่แหม การใส่ชุดผ้าคลุมออกมาเหยียบกระดาษด้วยวิชาตัวเบา น่าจะเดินบนน้ำให้หายสงสัยไปเลย จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 21:46:07

ความคิดเห็นที่ 45 งมงาย ปัญญาอ่อน ถ้ามันทำได้จริง ประเทศจีน สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ไม่แพ้ญีุ่่ปุ่น คงปัดกระสุนได้ สู้กับดาบคาตานะสบายๆๆ ไร้สาะ ไปดีกว่า จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 21:59:39

ความคิดเห็นที่ 46 # คุณรักมวยไทย ผมก็ได้ชี้แจงแต่ต้นแล้วว่า ตัวเองไม่ได้เก่งเท่า อ.ในคลิปต่าง ๆ เหล่านั้น เพราะฉะนั้นผมจึงเสนอให้คุณรักมวยไทย ที่มีความประสงค์อยากจะรู้ หรืออยากจะทดสอบ ให้ลองค้นหาและขอความรู้จากผู้ที่รู้จริงแทนจะดีกว่า กลายเป็นว่าเรื่องก็กลับมาแนวเดิมที่ว่า คุณรักมวยไทย ก็ไม่สนใจจะไปสอบถามหรือทดลองกับผู้ที่มีความรู้จริง ๆ เหมือนเมื่อครั้งก่อน ๆ ที่เคยถกกันมาน่ะครับ เพราะผมคิดว่า เห็นแล้ว ก็มานั่งนึกเอง เออเอง เอาอคติ เชื่อไม่เชื่อของตัวเองใส่เข้าไป โดยที่ไม่คิดจะไปทดลองหาความจริง มันไม่น่าจะมีประโยชน์และสร้างสรรแต่อย่างใด ไม่ได้ทำให้เรื่องเหล่านี้มันได้พิสูจน์เสียที กลายเป็นปัญหาเดิม ๆ ที่เมื่อตั้งกระทู้เมื่อไร ก็จะมีคนสองกลุ่มมานั่งทะเลาะกันว่า มันจริงหรือไม่จริง โดยที่ก็ไม่มีความพยายามจะทดลองหาความจริงแต่อย่างใด จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 22:01:38

ความคิดเห็นที่ 47 # พระจันทร์สีฟ้า ปัญหาก็คือ จะผลิตคนที่มีฝีมือระดับนั้นออกมาเป็นกองทัพ พอที่จะสู้กับทหารญี่ปุ่นได้อย่างไรมากกว่าครับ ทหารญี่ปุ่นที่ยกพลออกมาโจมตีทั่วเอเชียมีเป็นล้าน ๆ คน และไม่ได้มามือเปล่า ถ้ากองทัพจีนก๊กมินตั๋ง มียอดฝีมือแบบนี้สัก ๕ แสนคน แล้วรบแพ้ญี่ปุ่น ค่อยต่อว่าวิชาเขาก็ยังไม่สายครับ แล้วเรื่องคาตานะ จริง ๆ ดาบญี่ปุ่น ก็เสียเพราะดาบจีน ที่ทำแบบดิบ ๆ หยาบ ๆ เน้นความหนาและหนัก ก็ไม่น้อย ผมว่า ถ้าข้อมูลไม่แน่น ก็ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนแล้วมาถกกัน น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่านี้ครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 22:06:03

ความคิดเห็นที่ 48 # คุณรักมวยไทย อีกสักนิด จริง ๆ ผมเดาว่า คุณรักมวยไทย น่าจะมีความรู้ในเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬาดีพอสมควร ถ้าเป็นไปได้ น่าจะลองเสนอหรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ให้ลองทำวิจัยเรื่องของชี่จริงจังสักที ก็น่าจะดีนะครับ เพราะจะได้เป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์เสียที ปัญหาเรื่องนี้จะได้หมดไปว่า เรื่องแบบนี้มันจริงหรือเท็จ ผมยกตัวอย่างกรณีของรายการ Mythbusters ที่เขาก็พยายาทดลอง เพื่อค้นหาประเด็นต่าง ๆ ที่คนเชื่อกัน ซึ่งน่าจะเป็นทางทีดีกว่า มานั่งโต้คารมกันไปมาครับ ขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ที่พาออกอ่าวไทยไปไกลพอสมควร จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 22:12:27

ความคิดเห็นที่ 49 เรียนคุณผ้าพับไว้ครับ ความคิดเห็นที่ 31ของผม น่าจะบอกว่าผมคิดอย่างไร เรามาถกกันด้วยความรู้ของแต่ละคน ที่คุณผ้าพับไว้นำมากล่าว เพียงเป็นสิ่งที่คุณผ้าพับไว้ทราบหรือประสบ แต่ไม่ได้ยืนยันว่าสิ่งนั้นเป็นจริง หากคุณผ้าพับไว้มีกำลังภายในเอง ผมก็คงขอร้องให้คุณผ้าพับไว้ได้แสดง ให้ชาวกระดานศิลปะการต่อสู้ได้ยล  ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับชาวกระดานนี้ครับ ถ้าจะให้ผมไปแสวงหาความจริงเอง ผมคงต้องท่องโลกกระมังครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 22:27:15

ความคิดเห็นที่ 50 จริงๆมันไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกครับ คิดง่ายๆ จีนสมัยปัจจุบันกระสันอยากได้ชื่อเสียงของมวยไทยใจจะขาด ถ้ามีวิชาที่เก่งเวอร์กว่ามวยปัจจุบันจริง จีนต้องให้ออกหน้ามาแข่งแล้ว ไม่ต้องมานั่งแอบฝึกมวยไทยแล้วแข่งในนามมวยจีน แถมยังโกงหน้าด้านๆบ่อยๆแบบนี้หรอก ยิ่งถ้าบอกว่าเก่งเวอร์จริงแต่ฝึกนาน กว่าจะเก่งก็แก่แล้วนี่ยิ่งดี เพราะถ้าคนจีนแก่ๆชนะนักมวยไทยหนุ่มๆได้ขาดลอยนี่มวยไทยไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเลยนะครับ เพราะมวยไทยแก่ๆสังขารร่วงโรยทุกคน อย่างสมรักษ์ล่าสุดก็โชว์ฟอร์มไม่เอาอ่าว ดังนั้นผมว่ากำลังภายในมีจริง แต่ไม่ได้เก่งกาจเวอร์อะไร เป็นการฝึกเพื่อสุขภาพ หรือถ้าป้องกันตัวก็ไม่ได้มีอานุภาพเหนือมวยปัจจุบันหรอกครับ เป็นแค่ศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่งในบรรดาหลายๆศาสตร์ของยุคนี้เท่านั้นเอง จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 22:43:22

ความคิดเห็นที่ 51 # คุณรักมวยไทย ผมคงไม่อาจเอื้อมบอกว่าผมมีกำลังภายในอะไรหรอกครับ ย่อมต้องรู้จักประมาณตัวเองว่าเป็นอย่างไร สิ่งที่ผมรู้ผมก็ได้นำเสนอไปแล้ว ไม่ใช่แค่กระทู้นี้เท่านั้น แต่ใน topicstock ก็ได้เขียนไว้ให้อ่านกันแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ลี้ลับอะไร ในตำรามวยจีนทั่ว ๆ ไป ก็เขียนไว้แบบนี้ ใน Google ใน Wiki ก็มีออกเยอะแยะ แค่เข้าไปค้นหา แค่เข้าไปอ่าน และ..........เปิดใจให้กว้าง เพื่อการเรียนรู้....... เราก็จะสามารถก้าวข้ามสิ่งที่เราไม่รู้ตรงนั้นไปได้ครับ การจะได้อะไรมาสักอย่าง ย่อมต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนครับ คุณรักมวยไทย ลองนึกย้อนไปตอนคุณเรียนมวยไทยสิครับ ถามว่าถ้าคุณไม่ฝึกฝน ไม่ไปขอวิชาความรู้กับผู้ที่ชำนาญในวิชามวยไทย คุณจะได้วิชามาไหม ?  ถ้าคุณไม่ซ้อมฝึกปรือ คุณจะเก่งไหม ? ฉันใดก็ฉันนั้นครับ ถ้าคุณรักมวยไทย พอใจอยู่กับการจะใช้วิธีการพิสูจน์กับผม ซึ่งก็ยืนยัน นอนยัน และตีลังกายันว่า ผมก็คนธรรมดาไม่เก่งอะไร มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ ? กลายเป็นว่า มาพิสูจน์กับคนไม่ได้เรื่องอย่างผม แล้วก็พาลไปบอกว่า ชี่ มันไม่มีจริงหรอก ผ้าพับไว้โม้ แหกตา กลายเป็นว่า ผมก็จะทำให้ท่านที่มีความรู้จริงอื่น ๆ พลอยเดือดร้อนไปด้วย แล้วมันจะเป็นการทดลองที่ถูกต้องหรือครับ ? ในหลักกาลามสูตร ที่คุณรักมวยไทยยกมา ข้อ ๕.อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง ๖.อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน (อนุมาน) ๗.อย่าได้ยึดถือโดยตรึกตามอาการ ๘.อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกับทิฏฐิของตน ก็บอกชัดเจนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ต่อให้คุณรักมวยไทย จะเขียนอย่างไร ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ผมไม่ได้เก่งอะไร แล้วจะมาพิสูจน์กับผม จะได้ประโยชน์อะไรล่ะครับ ? อีกประการ อ. ที่ผมนำคลิปมาให้ดู ส่วนใหญ่ ก็เปิดเผยตัวต่อสาธารณะชนอยู่แล้ว ถ้าเดาก็คือ ท่านก็ต้องมีดี ถึงได้มีคนไปทดลองกับท่านตามในคลิป(หรือจะมองเป็นเรื่องหน้าม้าก็แล้วแต่) เพราะฉะนั้น การที่คุณรักมวยไทยจะบอกว่า ไม่ได้ยืนยันว่าสิ่งนั้นเป็นจริง ตรงนี้ก็ต้องแล้วแต่คุณรักมวยไทยครับ เพราะผมได้นำเสนอบุคคลากร ท่านที่มีความชำนาญกว่าผมมาก มาให้คุณรักมวยไทยได้พิจารณา ต่อจากนี้คุณรักมวยไทย จะไปพิสูจน์ หรือทดลองอะไรหรือไม่ ตรงนั้นก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของคุณล่ะครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 22:47:50

ความคิดเห็นที่ 52 # คุณ Chineseman ที่บอกว่า ถ้ามีวิชาที่เก่งเวอร์กว่ามวยปัจจุบันจริง จีนต้องให้ออกหน้ามาแข่งแล้ว ไม่ต้องมานั่งแอบฝึกมวยไทยแล้วแข่งในนามมวยจีน แถมยังโกงหน้าด้านๆบ่อยๆแบบนี้หรอก ปัญหาก็คือ ใครเป็นคนจัดล่ะครับ ? เอกชนหรือรัฐบาล ? เอาแค่ว่าหลักสูตร การต่อสู้ระยะประชิดของหน่วยทหารจีน ก็ยังเป็นกึ่ง ๆ MMA เลยครับ ไม่ได้ใส่วิชามวยจีนเข้าไปเลยสักนิด เพราะฉะนั้น มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ไม่อยากเสียเวลาฝึก เพราะต้องฝึกนาน เอาของที่มีอยู่ ฝึกไม่ต้องยาก เพื่อให้ใช้งานได้รวดเร็ว เพราะทหาร กับนักศิลปการต่อสู้ แนวคิดอาจจะดูเหมือน แต่เอาเข้าจริงก็ต่างกันแล้วล่ะครับ ยิ่งทหารสมัยนี้มีอาวุธที่มีอานุภาพทำลายสูงอย่างปืน แล้วจะมาเสียเวลาฝึกกำลังภายในไปทำอะไรล่ะครับ ? เรื่องแก่ไม่แก่ ตรงนี้ไม่น่าจะเกี่ยวครับ สำคัญที่ว่า ฝึกถูกต้อง ฝึกได้ถึงขั้นหรือเปล่ามากกว่า จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 22:54:29

ความคิดเห็นที่ 53 คุณรักมวยไทย  ลองติดต่อ อ.หลี่ สำนัก เฮอลีชวนดูนะครับ  ไปลองด้วยตนเองได้ครับ  เพราะในบอร์ดนี้เมื่อซัก 3ปีที่แล้วเคยมีกระทู้ถามแล้ว   เจ้าตัวก็ไปขอคำแนะนำมา   ที่นี่  แล้วก็รู้ผลมาแล้วด้วยครับ http://www.herlichuan.com/ จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 23:03:00

ความคิดเห็นที่ 54 # คุณ mamarine ผมว่าอย่าแนะนำอย่างนั้นเลยครับ เพราะว่าเคยมีกรณีแบบนี้เยอะแล้ว และ อ.ท่านก็ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรด้วยเลย ถ้าทำไปแบบนี้้ ผมว่ามันจะกลายเป็นผลเสียมากกว่าดีต่อทุก ๆ ท่านนะครับ ผมถึงได้พยายามนำเสนอ บุคคลที่ซึ่งเปิดเผยตัวตนออกสื่อ เพราะคิดว่าท่านเหล่านี้น่าจะพร้อมให้ทดสอบมากกว่าครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 23:10:32

ความคิดเห็นที่ 55 มันขึ้นอยู่กับการเข้าหาและการพูดคุยครับ   ซึ่งผมคิดว่าอย่าง คุณรักมวยไทย  น่าจะไม่เป็นปัญหา  การเข้าหา ด้วยความนอบน้อม  ไม่มีอะไรผิดหรอกครับ  เพราะผมก็ใช้วิธีนี้นการหาประสบการณ์ และเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ มาหลายครั้ง   ไม่งั้นมันจะกลายเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มไป ดังที่ผมบอกไปแล้ว  ของจริงมักเร้นกายครับ  เค้าไม่มาออกสื่อให้เห็น โชว์ไปก็เท่านั้น คล้ายการอวดอุตริ  แต่สำหรับผู้ที่ใฝ่รู้  อาจารย์แต่ละท่านไม่ปฏิเสธหรอกครับ   ส่วนกระทู้นี้ ตอนแรกไม่อยากยุ่ง  ที่เข้ามาพิมพ์ ก็แค่นิสัยส่วนตัว ที่อยากแลกเปลี่ยนทัศนะ กันเท่านั้น   บางที การที่เรา ก้าวเข้าไปในโลกใหม่ๆ มันก็จะเปิด หู ตาเรา ได้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น    สิ่งที่เราไม่เคยรับรู้ว่ามี  อาจได้พบ ได้เจอในลักษณะต่างๆได้ ขอบคุณ คุณผ้าพับไว้ครับที่เตือน จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 00:20:11

ความคิดเห็นที่ 56 เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ครับ อ่านข้อเขียนผมให้ดีๆนะครับ ความคิดเห็นที่ 46 หากคุณผ้าพับไว้มีกำลังภายในเอง  ผมก็คง ความคิดเห็นที่ 51 ถ้าคุณรักมวยไทย พอใจอยู่กับการจะใช้วิธีการพิสูจน์กับผม กลายเป็นว่า มาพิสูจน์กับคนไม่ได้เรื่องอย่างผม แล้วก็พาลไปบอกว่า ชี่ มันไม่มีจริงหรอก ความคิดเห็นที่ 31 ท่านพร้อมจะเปิดเผยให้มีการทดสอบต่อหน้าสมาชิกบนกระดานศิลปะการต่อสู้หรือไม่ครับ? ผมไม่ได้ไปเซ้าซี้ครับ แต่การที่จะให้ผมไปแสวงหา ผมไม่ได้เพียรถึงขนาดนั้น หากสมาชิกกระดานนี้มีกำลังภายในจริง และยินดีให้พิสูจน์ ทุกอย่างมันก็จะง่าย และเป็นประโยชน์กับสมาชิกท่านอื่นๆครับ ที่ผมเขียนข้างบน(ความคิดเห็นที่ 43)ก็เหมือนกับที่ ความคิดเห็นที่ 53 คุณรักมวยไทย  ลองติดต่อ อ.หลี่ สำนัก เฮอลีชวนดูนะครับ คุณmamarineเป็นลูกศิษย์อาจารย์หลี่หรือครับ? คุณนำชื่ออาจารย์มาอ้าง อาจารย์ทราบและสนับสนุนหรือเปล่าครับ? ผมเองเคยได้รับความอนุเคราะห์จากอาจารย์หลายครั้งเรื่องสมุนไพรจีน แต่ไม่เคยได้อ่านพบข้อความของอาจารย์ เรื่องกำลังภายใน  เรื่องที่เคยมีการทดสอบกัน เข้าใจว่าเป็นเรื่องหมัด1นิ้ว ไม่ใช่กำลังภายในครับ ความคิดเห็นที่ 55 ของจริงมักเร้นกายครับ  เค้าไม่มาออกสื่อให้เห็น โชว์ไปก็เท่านั้น คล้ายการอวดอุตริ ที่คุณmamarineเพียรโพสท์มา ผมยังจับประเด็นไม่ไๆด้เลยว่า คุณmamarineมีกำลังภายในหรือเปล่า ถ้ามีคุณmamarineได้มาจากการฝึกวิชาอะไรครับ? และอาจารย์คุณmamarineได้ทดสอบ และยืนยันว่าคุณmamarineมีกำลังภายในจริงหรือเปล่า? คุณmamarineได้ดูคลิปที่คุณผ้าพับไว้นำมาลงหรือยังครับ? เร้นกายหรือเปล่าครับ?  ตลาดวิชาการต่อสู้ในอเมริกานี่มันmega buckนะครับ หมายเหตุ: แก้ใขใส่ชื่อคุณผ้าพับไว้ในบรรทัดสุดท้ายครับ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 55 04:00:47 จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 03:55:19

ความคิดเห็นที่ 57 # คุณรักมวยไทย ท่านพร้อมจะเปิดเผยให้มีการทดสอบต่อหน้าสมาชิกบนกระดานศิลปะการต่อสู้หรือไม่ครับ? ตอบ  ยืนยันอีกครั้งครับ ว่าผมไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น เพราะฉะนั้นจะให้ผมมาเป็นผู้สาธิตนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ผมถึงแนะนำให้คุณรักมวยไทย ลองไปหาความรู้ หรือจะทดสอบกับผู้ชำนาญจะดีกว่ามาทดสอบกับผม ผมไมได้กลัวเสียหน้าตาหรือชื่อเสียงแต่อย่างใด เพราะผมไม่ได้เก่งขนาดนั้นจริง ๆ ครับ หรือถ้าจะให้ผมติดต่อ บุคคลในคลิปมาให้ท้าพิสูจน์ ถ้าหมายถึงแบบนี้ ผมคงต้องของบประมาณก้อนหนึ่งจากคุณรักมวยไทยล่ะครับ เพราะปัจจุบันผมก็ยังต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เป็นมนุษย์เงินเดือนต๊อกต๋อย ธรรรดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเองครับ ถ้าได้งบประมาณจากคุณรักมวยไทยมาสักก้อน(คงหลายบาทอยู่) แล้วจะให้ผมช่วยประสานงาน ก็จะลองพยายามทำดูครับ ผมไม่ได้ไปเซ้าซี้ครับ แต่การที่จะให้ผมไปแสวงหา ผมไม่ได้เพียรถึงขนาดนั้น หากสมาชิกกระดานนี้มีกำลังภายในจริง และยินดีให้พิสูจน์ ทุกอย่างมันก็จะง่าย และเป็นประโยชน์กับสมาชิกท่านอื่นๆครับ ตอบ ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายครับ ผมถึงได้เขียนว่าเป็นสิทธิส่วนตัวของคุณรักมวยไทย ที่จะไปหาความรู้กับผู้ชำนาญการณ์หรือไม่ จะทดสอบ จะหาความรู้เพิ่มหรือไม่ ตรงนั้นเป็นสิทธิของตัวคุณล่ะครับ ผมไม่ก้าวล่วง ถ้าหาความรู้กับผู้ที่เป็นวิชาจริง ๆ คุณก็จะได้ความรู้ชัดเจน ก็จะเหมือนกับที่คุณ mamarine บอกในความเห็นที่ ๕๕ นั่นล่ะครับ ผมก็แปลกใจนิดหน่อยว่า ทำไมต้องเฉพาะเจาะจงมาว่าต้องคนในบอร์ดนี้เท่านั้น เหมือนกับมีการ Lock Spec เลยว่า คนในบอร์ดนี้จะเป็นผู้สุดยอดเร้นกายมาเล่นกระทู้ซะงั้น ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ หากอยากจะหาความรู้จริง ๆ ในที่อื่น ๆ ตามที่ให้ข้อมูลไป ก็ค่อนข้างชัดเจนกว่ามาก แต่กลายเป็นว่าไม่อยากไปหาซะอย่างนั้น ก็แปลกดีครับ ----------------------------------------- จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 06:50:50

ความคิดเห็นที่ 58 เกรงว่าจะเป็นวาทะกรรม     ความคิดเห็นที่ 57 ผมก็แปลกใจนิดหน่อยว่า ทำไมต้องเฉพาะเจาะจงมาว่าต้องคนในบอร์ดนี้เท่านั้น เหมือนกับมีการ Lock Spec เลยว่า คนในบอร์ดนี้จะเป็นผู้สุดยอดเร้นกายมาเล่นกระทู้ซะงั้น ความอยากรู้อยากเห็นพอมีครับ  เรื่องดูตามยูทิว์บนั้นพอหาดูเองได้ครับ  ขอย้ำนะครับว่าผมไม่ได้มีอคติต่อกำลังภายใน ที่เน้นจากกระดานนี้ เพราะไม่ถึงขั้นเสาะแสวงหาตามแหล่งครับ ไม่ใช่เพราะคาดว่ายอดฝีมือจะอยู่บนกระดานนี้ อุปมาเหมือนเหล็กไหล ผมว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็อยากเห็นปาฏิหาริย์ แต่คงไม่ค่อยจะมีผู้ที่กระ:-)กระสน แสวงหาดูเปาฏิหาริย์ของเหล็กไหลครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 10:09:22

ความคิดเห็นที่ 59 #52 ไม่ว่าจะเอกชนหรือรัฐบาล ผมว่าพวกนี้ทุึนหนามากทั้งนั้นครับ ความนิยมในหมู่คนจีนก็สูง แข่งแต่ละครั้งคนดูเยอะและพร้อมจะเชียร์เสมอ ถ้ามีคนแบบนั้นให้จ้างมาจริง เขาจ้างอยู่แล้ว แล้วก็เคยมีหลวงพี่จากเส้าหลินมาแข่งแล้วนะครับ ผลการแข่งเละเทะมาก โดนนักมวยไทย(ฝรั่ง)ยำเละ สุดท้ายต้องชกแก้มือ ก็เห็นชัดว่าไปฝึกมวยไทยเพิ่มเติมมา ก็ชนะแบบค้านสายตาตามเคย (ผมเข้าใจว่าครูตามสวนลุม หรืออาจารย์อื่นๆไม่น่าจะเก่งไปกว่าเส้าหลินต้นตำรับนะครับ) หรือจะดูจากเหรียญโอลิมปิกก็ได้ครับ อันนี้รัฐบาลสนับสนุนแน่นอน ถ้ามีวิชาการใช้หมัดที่ว่าส่งแรงลึกซึ้งอะไรนั่นจริงๆ รัฐบาลคงไม่ลังเลที่จะจ้าง ยิ่งถ้าบอกว่าอายุไม่เกี่ยวนี่ยิ่งดีสิครับ จีนเขาจับนักกีฬาฝึกกันตั้งแต่เด็กๆตีนเท่าฝาหอย ถ้าวิชาดีอย่างที่คุยจริง ป่านนี้คงได้เห็นซูชิหมิงต่อยหมัดเร็วและหนักจนแก้วเข้าไม่ติดและแพ้ยับเยินไปแล้ว ไม่ต้องมาชนะค้านสายตาให้คนด่าทั้งโลกแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 55 11:17:02 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 11:01:04

ความคิดเห็นที่ 60 เรื่องเสียเวลาฝึก ผมเข้าใจว่าเขาไม่น่าจะสนครับ เขาสนเรื่องจะชนะมวยไทยได้หรือไม่มากกว่า ถ้ามีทางให้ชนะได้แน่ๆเขาคงไม่ลังเลที่จะทำ นอกจากว่าเป็นวิชาที่ไม่แน่นอน ใช้เวลานานมาก และฝึกเสร็จแล้วก็ไม่ได้เก่งไปกว่าวิชาอื่นๆเขา ซึ่งความเก่งของมวยจีนที่ว่าเหนือกว่าวิชาอื่นๆในปัจจุบันนี่ผมก็ว่าไม่เคยเห็นมีหลักฐานที่ไหนเลย ยกเว้นนิยายกำลังภายใน และหนังจีนทั้งหลาย ปล. ประเด็นของผมไม่ใช่ว่ากำลังภายในมีจริงหรือไม่ครับ แต่คือกำลังภายในเหนือกว่าวิชามวยปัีจจุบันตามที่คุยไว้จริงหรือไม่ อันนี้ถ้าจะให้ผมไปพิสูจน์คงไม่มีประโยชน์ เพราะผมก็ไม่ได้เก่งดีเด่อะไร ต่อให้ใช้กำลังภายในผลักผมกระเด็นไป100เมตรก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าจะเหนือกว่าวิชาปัจจุบันจริง ผมว่าน่าจะลองให้พวกที่ว่าเก่งๆไปยืนสู้กับนักมวยไทยอาชีพ(หรือนักMMA)มีระดับจะพิสูจน์ได้มากกว่า จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 11:11:14

ความคิดเห็นที่ 61 ปัญหาที่ยืดยาวมาถึงตอนนี้ ก็คือต่างฝ่ายต่างนิยามคำว่ากำลังภายใน ไปคนละอย่าง    และที่เป็นปัญหาอย่างมากคือ  การยึดความคิดของตนเป็นใหญ่ การแสดงความเห็นบางอย่าง  ทำให้รู้ว่า บางท่าน มีคำตอบในใจอยู่แล้ว   ซึ่งท่านพยายามให้คนอื่นเอาเหตุผล(ที่ท่านยอมรับ)  มาหักล้างให้ได้  แต่มันจะไม่มีหรอกครับ  ^^   และที่สำคัญ  คำสอนของศาสนาพุทธ  ไม่ต้องอะไรมากมายครับ   ไตรลักษณ์  =  เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป       คนพุทธ ที่แท้จริง ไม่ใช่ท่อง 84000 พระธรรมขันธ์ ได้ทุกข้อนะครับ  แค่ เอามาใช้ได้เหมาะตามการณ์ ก็เพียงพอแล้ว  บางครั้งการ ละ อัตตา  จะทำให้มองโลกได้กว้างขึ้นกว่าเดิมได้ครับ      ส่วนประเด็นของคุณ  Chineseman :  อันนี้พูดยาก  ถึงยากมากครับ   เพราะดังที่รู้กันดีว่า การเปรียบเทียบเหล่านี้ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องมันเยอะมาก     เหมือนกับเรื่อง    มวยไทย  กับมวยไทยโบราณ สู้กันใครเก่งกว่านั่นล่ะครับ    เพราะเนื้อแท้ของศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่ วิชา   แต่เป็น  การฝึกตนครับ  ใครฝึกตนได้ดีกว่า  ไม่ว่าจะวิชาไหน ก็สามารถเก่งกว่าคนที่ฝึกน้อยกว่าเสมอ    และคำว่าเก่งกว่าไม่ได้หมายความว่าต้องชนะเสมอไป     คุณแพ้ในการต่อสู้  แต่ร่างกายคุณไม่บุบสลาย   เท่ากับว่าคุณชนะ     คุณชนะในการต่อสู้  แต่ร่างกายโทรมมหาโทรม  ผมไม่เรียกว่าชนะ  เพราะคุณต้องอยู่กับมันอีกนาน ส่วนกรณี  ถามว่า  ทำไมรัฐบาลจีนไม่เอามาฝึก   เพราะมันใช้เวลานาน  ถึงนานมาก   ไม่พอ  การฝึกแนวนี้มันต้องซึมซับอะไรหลายๆอย่าง  ครูที่ฝึกลูกศิษย์ ลักษณะนี้ได้  ต้องฝึกแบบ พ่อสอนลูกกันเลยครับ   สอนแบบเครื่องจักร  ไม่ได้ ซึ่งมันค้านกับวัตถุประสงคืที่เค้าต้องการ  เค้าต้องการเครื่องจักรนักสู้   ไม่ใช่ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ดังจะเห็นได้ว่า นักสู้บางคน ไม่ได้ฝึกการยกระดับจิตใจ ทำให้เกิดการลำพอง ฮึกเหิม เกเรไปทั่ว   แต่นักศิลปะการต่อสู้ ตรงกันข้ามครับ  ยิ่งฝึกยิ่งเจียมตัว  พ้องกับที่ผมกล่าวไปแล้วใน คห.ที่  36 ครับ การต่อสู้บางอย่าง ฝึกใช้เวลาน้อย (3-5ปี) ก็สามารถเป็นยอดฝีมือได้   แต่อาจจะต้อง แลกกับการ เสื่อมสลายของสังขาร เร็วกว่าที่ควร ยิ่งนาน ยิ่งเสื่อมถอย  เพราะฝึกมาเพื่อทำลายจนผิดธรรมชาติ  ในขณะที่  การต่อสู้บางอย่าง  หรือ อย่างเดียวกัน แต่คนละวิธี  ฝึกใช้เวลามากกว่า  (10-20ปี)  ถึงจะนำมาใช้ต่อสู้จริงได้ และอาจจะไม่ถึงว่าเป็นยอดฝีมือ  แต่นำมาซึ่งสุขภาพ ระยะยาว ยิ่งนาน ยิ่งเก่ง (แค่ระดับนึงนะครับ  ไม่ใช่เทพ) เพราะเป็นการฝึกเพื่อพัฒนาชีวิต - จิต  เห็นมั๊ยครับ  นิยามของคำว่าการต่อสู้ ไม่เหมือนกันแล้ว อย่างที่บอกครับ   เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป   ของเก่าไป  ของใหม่มา  และของใหม่เรื่อยๆก็มาอีกเรื่อยๆ รู้สึกว่ากระทู้นี้ผมบ่นยาวมากกกกกก ตอนแรกว่าจะพอแค่นี้  แต่ยิ่งพิมพ์ ยิ่งสนุกครับ  ผมจะเข้ามาตอบอีกเรื่อยๆ ถ้าเวลาอำนวย   จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 12:54:56

ความคิดเห็นที่ 62 ผมว่านิยามมันดูสับสนยังไงชอบกลครับ คำว่าเหนือกว่าของผมมองว่าสู้ได้เก่งกว่าในช่วงพีค ซึ่งทีแรกคุณก็น่าจะมองอย่างผม เพราะบอกว่าหลักการใช้แรงลึกซึ้งกว่าอะไรต่างๆ แต่จากความเห็นล่าสุดกลายเป็นว่าเก่งกว่าคือเน้นฝึกเพื่อสุขภาพถือว่าเหนือกว่าฝึกเพื่อทำลายแบบศิลปะการต่อสู้อื่น อันนี้ส่วนตัวมองว่าเป็นความแตกต่างของจุดประสงค์การฝึกมากกว่านะครับ และเรื่องฝึกจิตใจ วิชาอื่นเขาก็มีครับ เช่นค่ายมวยไทยหลายค่ายมีกฎระเบียบเข้มงวด เรื่องฝึกแล้วไปเป็นอันธพาลเป็นส่วนน้อยมาก และผมว่ามีทุกศิลปะนั่นแหละ เพราะมากคนก็มากความเป็นธรรมดา จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 13:21:01

ความคิดเห็นที่ 63 แหะๆๆ   ขออภัยครับ  พอร่ายยาวแล้วมักจะพาออกทะเล   ถ้าฟันธง ผมบอกไม่ได้ครับ   บางทีผมซ้อมกับเพื่อน ยังเคยเผลอโดนอัดปากแตกอยู่เลย ^^ ทั้งๆที่ผมแกร่งกว่า ตัวโตกว่า คือจะบอกว่า มีแค่นั้นจริงๆครับ  ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ไม่มีอะไรเก่งกว่าอะไร    การต่อสู้จริงๆนั้นมีปัจจัยมาเกี่ยวข้องมากมายครับ   คนเก่งกว่า ฟิตกว่า หายใจผิดจังหวะนิดเดียว แพ้ได้เลยก็มี จริงๆแล้วหลักการเป็นอย่างที่คห.26 กล่าวมาครับ  มวยภายในเหมือนกับการรีดเร้นศักยภาพของร่างกายให้ออกมาได้สูงสุด ดังนั้น  ยกตัวอย่าง คุณมีพลังภายนอก 30  ภายใน 70  คุณอาจสามารถชนะ คนที่ฝึก ภายนอก 30 ภายใน 0 ประมาณนั้น  แต่ปัจจัยที่จะทำให้ชนะ ไม่ได้มีแค่นั้น   เพียงแต่ ภายในนั้นเป็นพลังงาน  เป็นการฟื้นฟู  ภายนอกเป็นพลังงานที่มีแต่เสื่อมสลาย   ดังนั้น พอเวลานานไป  คนที่ใช้แต่พลังงานภายนอกมีแต่จะเสื่อมลงครับ  คนที่ใช้พลังงานภายใน ก็เสื่อมลง  แต่จะช้ากว่า   พูดเหมือนโม้ครับ  ต้องออกไปสัมผัสด้วยตนเอง อยู่ในแวดวง   จะรู้มากกว่า  อ่านเอา   ที่สำคัญ  ผมบอกแล้วตั้งแต่ คห.22แล้ว ว่ามันเป็นหลักการครับ  ไม่ใช่วิชา  ดังนั้น  มันจึงมีในทุกมวย  ส่วนตัวผมที่ผมกล่าวก็มวยโบราณ(ไชยา)  ไม่ใช่มวยจีน   ที่ผมอธิบายเกิดจากประสบการณ์ที่เคยซ้อม  เคยโดนอัด จากการพูดคุย แลกเปลี่ยนกันครับ  ไม่ใช่จากการอ่าน  เลยอธิบายให้เป็นภาษาเข้าใจง่ายๆไม่ถูก ขออภัยด้วยครับ ^^" จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 14:11:04

ความคิดเห็นที่ 64 อีกอย่าง  กฎระเบียบ  ไม่ได้ทำให้คนเป็นคนดีครับ   แต่ถ้าคนเป้นคนดี ไม่ต้องมีกฎระเบียบก็ได้ จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 14:12:10

ความคิดเห็นที่ 65 แล้วก็  ส่วนเรื่อง  ทำไม เค้าไม่ให้ฝึกกันอย่างแพร่หลาย   เพราะ  หาคนฝึกให้ ยากครับ  แล้วส่วนใหญ่   คนที่ฝึกอย่างนี้  เค้าเลือกลูกศิษย์  ไม่ใช่ใครอยากฝึกก็ฝึกได้   ถ้าเลือกลูกศิษย์ไม่ดี   มันจะ อันตรายกับคนอื่น   แล้วก็ เสียหายต่อวิชาแขนงนั้นๆด้วยครับ    การฝึกแนวนี้มันต้องซึมซับอะไรหลายๆอย่าง  ครูที่ฝึกลูกศิษย์ ลักษณะนี้ได้  ต้องฝึกแบบ พ่อสอนลูกกันเลยครับ   สอนแบบเครื่องจักร  ไม่ได้ จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 14:28:28

ความคิดเห็นที่ 66 ความคิดเห็นที่ 63 มวยภายในเหมือนกับการรีดเร้นศักยภาพของร่างกายให้ออกมาได้สูงสุด ผมบอกแล้วตั้งแต่ คห.22แล้ว ว่ามันเป็นหลักการครับ  ไม่ใช่วิชา  ดังนั้น  มันจึงมีในทุกมวย ส่วนตัวผมที่ผมกล่าวก็มวยโบราณ(ไชยา)  ไม่ใช่มวยจีน ตามความเข้าใจของผม ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ กำลังภายในบ่งถึงศิลปะการต่อสู้ของชาวจีนครับ ผมไม่เคยได้ยิน หรืออ่านพบในศิลปะการต่อสู้ของชาติอื่น รวมถึงมวยไทยด้วย ที่คุณmamarineกล่าวข้างบน เกี่ยวกับกำลังภายใน มาจากการสอนของครูมวยไชยา ของคุณmamarineหรือครับ? เพราะถ้าเป็นจริง ผมคงสับสนขึ้นไปอีก หรือคุณmamarineเองสับสน ระหว่างมวยภายในกับกำลังภายใน และที่ว่ามวยภายในคืออะไรครับ? ที่ผมขอทราบว่า ผู้ที่โพสท์สนับสนุนว่ากำลังภายในมีจริง ศึกษาวิชาอะไร? เพื่อจะได้ทราบข้อมูลเบื้องต้น เนื่องจากผมไม่มีความรู้เรื่องมวยจีน ได้ยินก็ไทจี๋และหวิงชุน ผู้ที่เข้ามาสนับสนุนว่ากำลังภายในมีจริง หลักๆมีเพียงคุณผ้าพับไว้ ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าศึกษามวยจีนแขนงใด แต่ผมคลับคล้ายคลับคลาว่า คุณผ้าพับไว้เคยมาโพสท์ทำนองเคยฝึกมวยไชยา ถ้าคุณผ้าพับไว้ไม่เคยฝึกมวยไชยา รบกวนปฏิเสธด้วยครับ จะได้ไม่สับสน จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 17:56:26

ความคิดเห็นที่ 67 จากที่คุณ ถามผมมา  จะบอกแค่ว่า  ศิลปะการต่อสู้มันไม่ตายครับ  มันพัฒนาอยู่ได้เรื่อยๆ  อะไรที่สนใจก็ศึกษาเพิ่ม   เพราะศิลปะการต่อสู้   อยู่ที่คน ครับ  ไม่ใช่วิชา ก่อนที่ผมจะมาเรียนมวยโบราณ ผมเคยฝึกนั่งม้ามาก่อน  เคยฝึกไท่เก๊กมา ปีนึง  แต่รู้สึกมันไม่ถูกจริต  กอรปกับ พี่ชาย เรียนมวยโบราณมา เลยลองประมือกัน  ซึ่งก็ตามคาด  ผมแพ้    จากนั้นเลยหันมาฝึกย่างสามขุม  ฝึกพันหมัด   ถึงจะมาที่การฝึกมวยวงแคบ  ซึ่งผมยังไม่ชำนาญนัก เพราะพื้นฐานยังไม่แน่น   แต่จากการศึกษาตรงนี้ ทำให้รู้ว่าหลักมันเหมือนกับ พื้นฐานนั่งม้าของไท่เก๊ก   หลักเดียวกัน  เรียกคนละอย่าง   และจากการที่อ่านโพสต์ของคุณรักมวยไทยล่าสุดนี่   ผมว่าผมยุติดีกว่าครับ     ผมคงไม่มีความสามารถพอที่จะแก้ความสับสนให้คุณได้  ผมยินดีให้คำตอบเท่าที่ทราบ กับผู้ที่อยากรู้จริงๆ   ตามความสามารถของผม   แต่ถ้าถามแบบจับผิด เพราะมีคำตอบในใจอยู่แล้วนั้น  ผมยังไม่แตกฉานพอครับ  ต้องขออภัยจริงๆ สรุปผมยังอ่อนหัดนะครับ  พี่เมตตาผมเถอะ  จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 20:56:51

ความคิดเห็นที่ 68 ความคิดเห็นที่ 67 พี่เมตตาผมเถอะ ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ผมเรียนตามตรงว่าไม่ได้คิดเสียดสีเลย ใครถามอะไรผมก็ตอบตรงๆ ไม่ทราบก็คือไม่ทราบ ที่รู้คือมวยไทยเวที กระดานนี้เป็นของทุกคนครับ ที่ถามเรื่องศิลปะการต่อสู้ เพราะแค่อยากทราบครับ  ขนาดที่แฟร์เท็กซ์มีBJJ และคุณ baraducusเสนอที่จะช่วยสอนผมฟรี ผมยังไม่มีโอกาสรับคำเสนอเลยครับ จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 21:20:24

ความคิดเห็นที่ 69 กลายเป็นวิชาลับไปแล้ว แถมมีในหลายวิชา มวยไชยาด้วย ก็แปลกดี เป็นวิชาลับสุดๆ ขนาดในจีนยังหาคนบรรลุยาก รับศิษย์ก็น้อย แต่ดันหาคนเก่งได้ในเมืองไทย แถมอยู่แถวสวนลุมนี่เอง ฝึกกันประจำ อืมม์ - -'' ผมว่าผมพอมั่งดีกว่า เดี๋ยวคุยไปคุยมาจะหลุดไประดับต้านแรงดึงดูด50ชั้นบรรยากาศ หรือระดับนิวเคลียร์ฟิวชั่น ทลายดาราอะไรไปกันใหญ่แน่ ปล. จะว่าไปอนาคตอีกสัีก100-200ปี สมมติถ้าวอร์ลอร์ดดังนี่ มันจะมีคนมาตั้งกระทู้ถามว่าพลังสนามแม่เหล็ก หลันต้าวเทียนอู่ ตี้อวี้ ออก้า ไห่หู่ ฯลฯ มีจริงมั้ยเนี่ย อิอิ (เอ้อจะว่าไปเคยมีล็อกอินห้องการ์ตูนตั้งกระทู้พร่ำเพ้อว่าพลังสนามแม่เหล็กอาศัยหลักการ ควอนตัมฟิสิกส์ ทำให้เป็นจริงได้มาแล้วนี่หว่า ) ปล2. ตรงส่วนที่พูดถึงวอร์ลอร์ด ผมเพ้อเรื่องการ์ตูนที่เพิ่งซื้อมานะครับ ถ้าไม่เข้าใจก็ผ่านๆไปก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 55 22:54:07 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 22:48:45

ความคิดเห็นที่ 70 โอ้ กลับมาดูตอนดึก ๆ กระทู้ไปไกลแล้ว # คุณรักมวยไทย ความเห็น ๕๘ ที่บอกว่า ผมว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็อยากเห็นปาฏิหาริย์ แต่คงไม่ค่อยจะมีผู้ที่กระ:-)กระสน แสวงหาดูเปาฏิหาริย์ของเหล็กไหลครับ ตรงนี้เห็นจะจริงครับ เพราะผมคิดว่าแต่ละคนก็มีเหตุผลต่างกันออกไป ปัญหามันก็เหมือนอย่างที่ผมเคยเขียนไว้แล้ว ถ้าสงสัยก็ต้องหาคำตอบ ถ้าสงสัยแล้วไม่ออกค้นหา ความสงสัยต่าง ๆ ก็คงไม่คลายไป ถึงคลายไป ก็คงจะเป็นประเภทคาใจอยู่อย่างนั้น ไม่ได้คลายอย่างจริงจัง มันถึงมีปัญหาให้ทะเลาะกัน เวลาพูดถึงเรื่องอย่างนี้ล่ะครับ # คุณ Chineseman ความเห็นที่ ๕๙ เรื่องที่บอกว่าทุนหนา ถ้ามีคนแบบนั้นจริงคงจ้างมาอยู่แล้ว ตรงนี้ไม่เถียงครับ เงินซื้อได้ทุกสิ่ง ปัญหามันต้องกลับไปถามรัฐบาลคอมมิวนิสต์ว่า จะเอาจริงกับเรื่องตรงนี้แค่ไหนมากกว่าครับ เพราะเท่าที่ดูมา ขนาดหน่วยงานด้านความมั่นคงของจีนเอง ก็ยังไม่ได้ให้ความสนใจกับศาสตร์ตรงนี้เท่าไรเลย ส่วนใหญ่ที่เห็นอาจารย์เหล่านี้ ก็จะอยู่ในสวนสาธารณะเท่านั้นเอง ผมก็ไม่แน่ใจว่า จะเพราะว่าหลังจากเกิดกรณี ฝ่าหลุนกง ของ อ.หลี่ ที่ดันไปเล่นการเมืองจะล้มพรรคคอมมิวนิสต์หรือเปล่านะครับ เพราะฝ่าหลุนกง ก็เป็นวิชาหนึ่งในหลายร้อยหลายสายวิชาที่ฝึกชี่(Qi)โดยเฉพาะ เคยได้ยินมาว่า(ถ้าผิดผมต้องกราบขออภัยอย่างสูง)ในการประลองไอคิโด้บางสาย ก็ห้ามใช้ Ki เหมือนกันซึ่ง Ki ตัวนี้ก็ใช้หลักการไม่ต่างจากการฝึกชี่ของจีนครับ ปัญหาตรงนี้ ที่คุณ Chineseman จะไม่เชื่อมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ เพราะตราบใดเรายังไม่ได้ทดลองด้วยตัวเอง จะให้เชื่อมันก็คงจะฝืนความรู้สึกอยู่ลึก ๆ แน่นอน ซึ่งก็คงไม่ต่างจากที่คุณรักมวยไทยเหมือนกันครับ ผมคิดว่า ถ้ามีเศรษฐีใจดีสักคน ลงทุนสักก้อนหนึ่ง เดินทางไปขอ อ.ชี่กง ดัง ๆ ในคลิปทดสอบให้รู้แล้วรู้รอดไป ก็น่าจะหมดเรื่องครับ  เหมือนอย่างกรณี คุณหมอ JFK ที่ลงทุนตั้งเงินรางวัลหลายแสนบาท เพื่อท้าให้ชาวบ้านที่บอกว่ามีหูทิพย์ ตาทิพย์ออกมาทดสอบของจริงกัน ถ้าทำได้จริงก็ได้เงินไป ถ้าไม่อย่างนั้น ก็คงจะต้องหาทุนสักก้อน ลงทุนไปลองขอเรียน ขอทดสอบกับ อ. ดัง ๆ ในคลิปเลยก็คงจะดีครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 23:50:49

ความคิดเห็นที่ 71 กำลังภายในแบบที่เห็นในคลิปวีดีโอเหมือนกับที่ว่า ไม่ต้องส่งแรงแล้วผลักคนกระเด็นได้นี่ผมก็ยังไม่เคยเจอนะครับ หรือ แบบในคลิปที่นำมาให้ดูนี่ก็ยังไม่เคยได้สัมผัสกับตัว ไม่รู้จะตามเจอได้ที่ไหนนะครับ แต่ถ้าท่านยังอยู่และมีข้อมูลก็คงจะดีนะครับ คิดว่าน่าจะพอตามหาได้ ล่าสุดที่ไปเซี่ยงไฮ้กับครูมา ก็เจออาจารย์มวยจีนที่พูดถึงกำลังภายใน ก็เป็นหลักการส่งแรงที่เข้าใจได้ครับ ไม่ได้ขนาดยืนนิ่งๆโดนแล้วกระเด็น แต่เป็นการถ่ายแรง ส่งแรง การระเบิดแรงช่วงสั้น ซึ่งตรงนี้ครูแปรงเองก็สาธิตให้ท่านดูเหมือนกัน ซึ่งก็ได้ผลคล้ายๆกันครับ พอดีผมเองก็เคยเรียนไทเก็กมาบ้างก็เลยพอเข้าใจหลักการ  แต่บางอย่างก็เป็นศัพท์เฉพาะในตัววิชา ซึ่งที่อาจารย์มวยจีนท่านอธิบายผมก็เข้าใจไม่หมดครับ ตามจริงแล้วก็อยากเจอแบบที่เห็นในคลิป คห.19 เหมือนกันนะครับว่ามีหรือไม่ อยากลองโดนกับตัวเองว่าอาการจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่านะครับ ถ้าโดนแล้วเป็นจะได้ทราบว่ามันเป็นอย่างไรนะครับผม จะได้มาเล่าให้ฟังได้ ^^ จากคุณ : EZ2DJ เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 55 00:03:58

ความคิดเห็นที่ 72 ความคิดเห็นที่ 43 คลิปข้างล่างคือปัญหาที่ผมถกครับ จะให้ผมเชื่อว่าอายุ94แล้ว ยังมีกำลังภายในผลักให้คนหนุ่มกว่ากระเด็น ผมเลยเสนอให้ทดสอบ โดยใช้กระสอบน้ำหนักเท่าตัวผู้ที่จะพิสูจน์ว่ามีกำลังภายใน ผลักให้กระเด็นเหมือนในคลิป โดยที่ผู้ผลักขยับตัว และรักษาอาการ เหมือนในคลิป จากคุณ : รักมวยไทย เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 55 02:45:41

ความคิดเห็นที่ 73 ตอง นักสู้ mma มวยจีน ยูโด  ฝากมาตอบครับ จากที่อ.โอ ปากั้วจ่าง (ให้เครดิต(อ้าง)ซะเลย) ให้ข้อมูลมานานนนนนมากกกกกกกแล้ว กำลังในภายในนั้นไซร้ ท่านจะเอาคำไหนเป็นคีย์เวิร์ดล่ะ "ชี่, 气" ในทางแพทย์แผนจีนหมายถึง ....เอาแบบภาษาง่ายๆ ก็คือกล้ามเนื้อส่วนไหนแข็งแรง เลือดไหลเวียนดี ออก"แรง"ได้ทั่วถึง นั่นคือมี "ชี่" เยอะ "เน่ยกง,内功" หรือแปลตรงตัวว่า "กำลังภายใน" .....ในตำรานั้นอุดมไปด้วยท่าวิดพื้น วิดพื้นกระโดด เวทเทรนนิ่งและบอดี้คอนดิชั่นนิ่งอีกสารพัด ด้วยความสัตย์จริงครับ ปัจจุบันบู๊ตึ๊ง เส้าหลิน เค้ามีห้องฟิตเนสให้เล่นเวทกันครับ..... จบเท๊อะครับ ได้ไม่เป็นภาระของกิมย้ง โกวเล้ง อูเบ จากคุณ : win_mma เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 55 07:44:09

ความคิดเห็นที่ 74 อืม ไม่นึกว่ากระทู้จะไปไกลขนาดนี้เลยเเฮะ มีทั้งคิดว่าน่าจะมีเเละไม่น่าจะมีนะ เดี๋ยวลองไปถามดูที่หว้ากอดูบ้าง จากคุณ : ไล่ฮก เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 55 08:14:58

ความคิดเห็นที่ 75 กลายเป็นวิชาลับไปแล้ว แถมมีในหลายวิชา มวยไชยาด้วย ก็แปลกดี เป็นวิชาลับสุดๆ ขนาดในจีนยังหาคนบรรลุยาก รับศิษย์ก็น้อย แต่ดันหาคนเก่งได้ในเมืองไทย แถมอยู่แถวสวนลุมนี่เอง ฝึกกันประจำ อืมม์ - -'' ผมว่าผมพอมั่งดีกว่า เดี๋ยวคุยไปคุยมาจะหลุดไประดับต้านแรงดึงดูด50ชั้นบรรยากาศ หรือระดับนิวเคลียร์ฟิวชั่น ทลายดาราอะไรไปกันใหญ่แน่ .................................................................................................................................................. 555โดนเหน็บจนได้    มันไม่ใช่ความลับของฟ้าอะไรเทือกนั้นหรอกครับ เพียงแต่มันเป็นส่วนที่เรา ไม่เคยใช้ เลยไม่เคยคิดว่ามันใช้ได้ ต้องอาศัยการสังเกตุตัวเอง ซึ่งถ้าไม่มีคนแนะแนวก็จะไม่รู้ เช่นการออกแรงโดยการใช้มัดเอ็นไม่ใช่มัดกล้าม ซึ่งถ้าไม่มีคนแนะนำ ก็จะเผลอ ออกแรงกล้ามเนื้อบ่อยๆ ซึ่งแรงที่ออก กับแรงที่ได้ ประสิทธิภาพมันต่างกัน     คล้ายกับการเล่นเวทครับ  คือถ้าคุณยกผิดท่าแค่นิดเดียว  กล้ามเนื้อมันก็ผิดมัดแล้ว ส่งผลให้ไม่ได้ประสิทธิภาพเต้มที่   ดังที่ผมบอกไปในคห.22  ว่าในทัศนะผม มันคือแรงจาก  "มัดเอ็น" ผมอาจจะออกทะเลไปเยอะ  แต่สิ่งที่ต้องการบอกทั้งหมดจากหลายๆความเห็นที่ผมออกไป  สรุปแค่นี้ครับ จากคุณ : mamarine เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 55 10:47:21

ความคิดเห็นที่ 76 ผมว่ากำลังภายในมันมีจริงนะ แต่ผมว่ามันไม่เหนือมนุษย์อ่ะ มันคงไม่ทำให้วิ่งได้เร็วกว่า ยูเซนท์โบลท์ หรือหมัดหนักกว่านักมวยรุ่นเฮฟวี่ หรือมันก็มีอยู่ในศาสตร์การกีฬาอื่นๆแต่เขาไม่เรียกมันว่ากำลังภายในเท่านั้นเอง ไอ้เรื่องหลักการส่งแรงที่ว่าเนี่ยในมวยสากลยังเป็นพื้นฐานเลยนะครับ หรือต่อให้มันเหนือมนุษย์จริงๆคนฝึกได้ก็คงน้อยโคดๆจนไม่ส่งผลอะไรกับภาพรวม จากคุณ : bigcy เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 04:13:06

ความคิดเห็นที่ 77 มีจริงอยู่้สำหรับกังภายใน เพราะผมเองก็เคยฝึกในขั้นพื้นฐาน ของแบบยี้ถ้าคนไม่เคยสัมผัสต้องลองเอง เพียงแต่จุดประสงค์ของกำลังภายในไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ต่อสู้หรือเป็นพลังเวอรๆแบบในนิายกำลังภายในหรือในหนังจีน แต่เป็นการใช้และสร้างเพื่อสุขภาพ การทำสมาธิ บำเพ็ญภาวนาในทางศาสนา สังเกตว่าวิชายุทธ์จียในประวัติศาสตร์มักมีกำเนิดมาจากเพือสุขภาพ ไม่ว่าจะไท้เก๊กหรือมวยเส้าหลิน ส่วนวิชายุทธ์จีนที่ใช้ต่อสู้คือพวกวิชาหมัดมวยที่เป็นกังภายนอกและวิชาอาวุธทั้งหลาย ที่จริงแล้วหลักการฝึกกำลังภายในพื้นฐานมีความเป็นวิทศาสตร์มาก ลองค้นค้วาดูครับ ใครก็ฝึกได้ เป็นเรื่องของสมาธิ ส่วนสิ่งที่ได้มาคือการทำให้เรารู้จักการใช้ส่วนต่างๆในร่างกายไปด้วย จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 12:35:09

ความคิดเห็นที่ 78 เสริมนิดครับ แต่เป็นมุมของนักประวัติศาสตร์ นักเขียนที่ได้สัมผัสเรื่องเหล่านี้มา หลักการของกำลังภายในหรทอชี่ จะดูเหมือนยาก แต่ถ้ามีสมาธิ ลงตั้งใจฝึกดูสม่ำเสมอและค้นคว้าอย่างตั้งใจ ยังไงเสียก็เป็นประโยชน์กับร่างกายแน่นอน เพียงแตาจะเอาไปใช้ในการต่อสู้คงต้องฝึกกันทีเป็น20-30ปีละครับ ที่สำคัญผมว่าสิ่งนี้เหมาะแก่การใช้เพื่อสุขภาพบำรุงจิตใจและร่างกายมากกว่า สุดท้ายแล้วถ้าจะช่วยในเรื่องการต่อสู้ ที่จะเด่นชัดไม่ใช่เรท่องที่จะทำฝห้มีกำลังมหาศาลออกแรงผลักอะไรเยอะๆ แต่จะเป็นเรื่องของความเข้าใจในกล้ามเนื้อและร่างกายตนเอง เกิดควรมยืดหยุ่นในร่างกายและส่งผลต่อสมาธิ เลือดลมไหวเวียนดี ทำให้สภาวะต่างๆไม่ติดขัด เรื่องการไหลเวียนของเลือดนี่สำคัญมากครับ ผมไม่ได้ฟันธงวีาถ้าฝึกกำลังภายในมากๆแล้วระบบการไหลเวียนเลือดจะดีสุดๆ เพราะคุณต้อองด้วยตนเอง ยิ่งถ้าในสภาะเป็นผู้มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บป่วยง่าย หรือต้องการที่จะลดน้ำหยักแต่ไม่สามารถออกกำลังกายหยักๆได้ การฝึกฝนเรื่องนี้มีประโยชน์แน่นอน เพราะทางการแพทย์ตะวันตกทุกวันนี้ก็ยอมรับแล้วว่าการไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดนั้นคือต้นเหตุของโรคะอาการเจ็บปว่ยในร่างกายแทบทั้งหมด ถ้าระบบเลือดไหลเวียนดี โอกาส่เจ็บป่วยจะลดลงหรือถ้าเป็นอยู่ก็จะฟื้นเร็วขึ้น ถึงได้มีการพยายามค้นคว้าสารที่ช่วยล้างหลอดเลือดจากอเมริกาและญี่ปุ่นในช่วง20ปีหลังนี้ และอยากให้ลงมองที่ประวัติศาสตร์ของวิชาการต่อสู้ของจีน เราจะพบว่าพวกจอมยุทธ์ตัวจริงในประวัติศาสตรนั้น เป็นพวกจอมพลังที่ใช้ความแข็งแรงของร่างกายและพวกเชี่ยวชาญทางอาวุธ การที่คนโบราณจะแข็งแรงกว่าคนปัจจุบันย่อมไม่แปลก และในหมู่ยอดฝีมือ พวกสายที่ฝึกชี่จะมีอายุยืนและหลักการเน้นไปทางสุขภาพมากกว่าจะเน้นต่อสู้ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 12:50:19

ความคิดเห็นที่ 79 ผมสรุปความให้ละกันนะครับ ทุกอย่างก็คือวิทยาศาสตร์ดีๆนี่เองพิสูจน์ได้หมด ที่พูดๆกันมา มันก็หนีไม่พ้นเรื่อง ที่ในวงการกีฬาหรือสิ่งที่วิทยศาสตร์การกีฬาเขาทำกัน หลักการทางศาสนาพุทธ หรือแม้กระทั่งวิทยาศาสตร์การกีฬา ทำให้ผมเชื่อยากว่าคุณหรือใครที่มีกำลังภายในแล้วคุณจะฝืนหลักธรรมชาติ คุณแก่ตัวไปมวลกระดูกก็ลดลงร่างกายไม่สร้างแคลเซียม กล้ามเนื้อคุณก็ลดลง ระบบเผาพลาญก็ลดลง โอกาสสะสมไขมันสูงขึ้น เมื่อมีไขมันร่างกายคุณก็จะมีประสิทธิภาพในการออกกำลังกายน้อยลง แล้วคุณจะเอาแรงที่ไหนไปใช่ในการต่อสู้ครับ  ยิ่งฝึกนานยิ่งเก่งไม่จริงครับ มันแค่ทำให้คุณชำนาญขึ้น ไอ้เรื่องจิตสมาธิมันก็ตามหลักพระพุทธศาสนาอยู่แล้วครับยิ่งฝึกนานจิตยิ่งแกร่ง มันทำให้คุณได้ไตร่ตรองมีสมาธิหรือที่ฝรั่งเรียกว่าโฟกัสกับสิ่งที่ทำมากขึ้นโอกาสรู้แจ้งก็มากขึ้นครับ แต่หลักตำรา อาหาร ฝังเข็ม หยินหยาง ความสมดุลนั้นผมไม่เถียง ส่วนการไหลเวียนของเลือดจะดีไม่ดี ยังไงก็ต้องออกกำลังกายครับ ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ป่านนี้พี่กันเขาทดสอบ และทำการวิจัยแล้ว ไม่ต้องไปเอากำลังภายในมาวิจัยหรอก แค่สร้างพวกx men the hulk มาได้นี้ก็สบายแล้วในการรบยุคสมัยที่รบกันในเมืองมากขึ้น พี่ยุ่นก็เอาพาวเวอร์เรนเจอร์มาปราบ คนจีนก็เรียกพวก เชียวฟง เทพอาถรรพ์มา คงมันพิลึก พวกนี้มันก็คือแฟนตาซีครับ ลองไปหาอ่านมาเฟียบู๊ลิ้มดูครับเป็นการเปิดโลกอีกมุมของนิยายกำลังภายในในจินตนาการของผู้เขียน คนเรายังมีความเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่ไม่แปลกทำไมรายการอภินิหารย์ในเมืองไทยถึงมีเยอะ ปล.ผมมีควาาเขื่อหลายๆศาสตร์ของฝั่งจีนนะครับ ไม่วาาจะหวงจุ้ย แพทย์แผนจีน จากคุณ : กระบี่เก้าสําเนียง เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 20:21:30

ความคิดเห็นที่ 80 เอาไว้ดูขำ ๆ นะครับ สวัสดีปีใหม่ทุก ๆ ท่านครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 22:46:32

ความคิดเห็นที่ 81 อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคลิปทดสอบแบบแหกตาหรือเปล่านะครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 22:54:21

ความคิดเห็นที่ 82 ทิ้งท้ายก่อนนอน  เห็นบางท่านบอกว่าอายุเยอะแล้ว ไม่น่าจะสู้ได้ เลยนำคลิปมาให้ชมกันครับ ในภาพ อ.ยิบชุน ลูกชายของ อ.ยิปมัน ในคลิปนี้ไม่ได้ใช้ชี่นะครับ เป็นแค่จิ้งธรรมดาเท่านั้น จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 23:04:49

ความคิดเห็นที่ 83 ส่วนนี่ก็เป็นพระวัดเส้าหลินที่ดังที่สุดในยุคหลัง อ.ไห่ เทิง   ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า คลิปนี้จะตัดต่อยังไงนะครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 23:15:12

ความคิดเห็นที่ 84 Link นี้ก็ไม่แน่ใจว่าฝรั่งจะศึกษาเรื่องชี่กันมากน้อยแค่ไหนเหมือนกัน แหมเสียดายว่าไปเน้นเรื่องสุขภาพ ไม่ยักกะมีคนศึกษาเรื่องการต่อสู้แฮะ http://www.qigonginstitute.org/html/papers/Electrodermal_Effects_of_Qi.pdf รวมงานวิจัยเป็นแบบ PDF http://www.qigonginstitute.org/html/papers.php จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 23:18:35

ความคิดเห็นที่ 85 ใน ไอคิโด ก็มีแฮะ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 23:25:07