ความคิดเห็นที่ 1 เหรอครับ อืมมมม จากคุณ : ตัวโน้ตดนตรีที่ 18 เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 14:50:07

ความคิดเห็นที่ 2 เหมือนเมสซี่ใช่ไหมครับ ที่ไม่เทพ ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการย้ายออกจากบาซ่ามาพาสโต๊กเป็นแชมป์ซะก่อน   จากคุณ : ต้นกล้าเซ็นเตอร์เบอร์17 เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 14:51:12

ความคิดเห็นที่ 4 มูแค่ย้ายไปทีมไหนทีมนั้นได้แชมป์ อยู่ ปอโต้ ลีค + ยูฟ่า    เชลซี  ลีค + บอลถ้วย    อินเตอ ลีค + บอลถ้วย + ยูฟ่า    เมดริด ลีค + บอลถ้วย นี่ยังดาดๆอีกหราาา จากคุณ : ผมต้องชอบดูฟุตบอล เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 14:57:53

ความคิดเห็นที่ 6 นึกถึงอันนี้แฮะ ผมแฟนผี แต่คิดไปคิดมาก็ไม่อยากให้มูริญโญ่มาคุมซักเท่าไหร่ มาก็อาจจะดี แต่อยากได้ใครซักคนที่จะมาคุมยาว ๆ มากกว่า แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 17:27:41 จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:23:42

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยบางส่วนครับ เพราะมูคุมแต่ทีมใหญ่ๆ ทั้งนั้น จากคุณ : mr.virgin เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:24:17

ความคิดเห็นที่ 8 เดอะ สเปเชียลวัน ฉายานี้ไม่ไอ้มาเพราะโชคช่วย เเต่ใครไม่ยอมรับก้อไม่ว่ากัน คนสวนกระเเสมีเสมอ. จากคุณ : Karn_nimrod เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:24:55

ความคิดเห็นที่ 9 ตรรกะแบบนี้ ใครจะเป็นโคชเทวดา พิเศษขนาดคุมได้ทุกทีม ดีทุกทีม ละครับ  ตั้งเอง นึกคำตอบเองได้ป่ะนั่น จากคุณ : ^-^ball เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:37:55

ความคิดเห็นที่ 10 ก็เพราะเก่งไงเลยมีแต่ทีมใหญ่ๆมาจ้าง แล้วทีมใหญ่ๆที่คุมนี่ ช่วงที่แกคุมกับแกไปก็ต่างค่องข้างชัดนะ จากคุณ : เอฟเฟ่ห้าวหัวเสือไม่เคยกลัวใคร เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:39:45

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าคิดแบบเจ้าของกระทู้แสดงว่าในปีนั้นๆ ปอร์โต้  เชลซี  อินเตอร์ มาดริด ใครมาคุมก็ได้แชมป์ใช่มั้ยครับ ไม่จำเป็นต้องเป็น มู ใช่รึเปล่า คิดแบบนั้นจริงๆเหรอครับ ผมว่าคนดูบอลเป็นเค้าไม่คิดแบบนั้นแน่ๆ จากคุณ : who's zaa เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:42:39

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นคุณค่าที่คู่ควรจะคุมมากกว่า ไม่ต่างจากเป๊ป หรอกที่ตอนนี้เนื้อหอมสามารถเลือกทีมที่จะไปคุมได้ไม่ต่างจาก มู  แล้วเป็นทีมใหญ่ๆด้วย  ผลงานกับ บาร์ซ่า สร้างเครดิตได้มากมายในช่วงเวลาไม่กี่ปี ถ้า เป๊ป มาทำพวกทีมอย่าง แมนยู หรือ เชลซี ได้แชมป์  ไอ้พวกอคติ มันก็จะตั้งคำถามแบบนี้อีกแหละ เช่น > ถ้าไม่ไปคุมทีมล่างๆคว้าแชมป์ ตรูก็ไม่เชื่อมือ แบบนี้เรียกว่า ไม่เก่งจริง !! มูริญโญ่ กับ เป๊ป ผมคิดแค่ว่า เค้าเป็น ผจก ที่ทำทีมได้แชมป์กระจาย   มันก็เป็นเครดิตติดตัวของเค้าเองแล้ว ไม่จำเป็นต้องมานั่งสนขี้ปากชาวบ้านหรอก จากคุณ : Angelus เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:46:57

ความคิดเห็นที่ 13 ปอร์โต้ แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ผมว่ายาก เชลซี กลับมาคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ผมว่ายาก อินเตอร์ สามแชมป์ใหญ่ในปีเดียว ผมว่ายาก รีล มาดริด แชมป์ลาลีกาในยุคบาร์ซ่าไร้เทียมทาน ผมว่ายาก ลองเปลี่ยนเอาโค้ชที่ จขกท ว่าแน่ๆมาคุม รับประกันทำไม่ได้หรอกคับ จากคุณ : ล็อคอินผี เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:48:01

ความคิดเห็นที่ 14 1. ผมมองว่ายุคหลังๆมาดริทเป็นทีมที่ค่อนข้างคุมยาก ทุ่มเงินซื้อนักเตะเยอะเกินไป บางทีมีซุปเปอร์สตาร์มากเกินไป มันก็ไม่ใช่ว่าจะดีอย่างที่คิด 2. คู่แข่งสำคัญ บาซ่า ยุคนี้เก่งชนิดที่ใครหยุดไม่อยู่ไปอีก 3. หลายทีมพัฒนามาเป็นทีมแข็งแกรงๆ แต่ที่คิดหลักๆคือมาดริทแพ้ภัยตัวเอง หรืออาจจะเป็นช่วงขาลง จากคุณ : ZU_RJ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:51:59

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าที่มีคนมองแกแบบนี้อาจจะเพราะความ "พิเศษ" ของตัวแกเองนั่นแหละ มู เทพจนสร้างบรรทัดฐาน สร้าง "ความคาดหวัง" จากแฟนบอลทั่วโลกว่าผลงานของทีมแกของเหนือจักรวาล ขนาดสยบบาซ่าได้ อะไรแบบนั้น ซึ่งในความเป็นจริง โค้ชแบบนั้น แทบหาไม่เห็นในโลก ต่อให้เอ่ยชื่อโค้ชที่คุมทีมได้แชมป์โลก จะบราซิล อิตาลี เยอรมัน ฯลฯ แต่ละคนล้วนเป็นที่จดจำจาก "จุดสูงสุด" ของตัวเอง แต่ไม่ค่อยถูกพูดถึงในช่วงตกต่ำหรือด้านลบ แต่บังเอิญว่า ไอเจ้า "จุดสูงสุด" ของมู ดันมีเยอะ บ่อย และถี่ จนคนตั้งใหม่ว่า "จุดสูงสุด" ของมูไม่ใช่แค่การคว้าแชมป์ แต่คือการคว้าแชมป์ตลอดมาและตลอดไป ซึ่ง เป็นไปไม่ได้ ผมคิดว่า มู ก็คือคนนึงที่เจอโจทย์ยากๆ มาเยอะ แก้ไขโจทย์ที่แตกต่างกันในสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน มาได้มาก และเยอะ นี่คือสิ่งที่เจ้าตัวสมควรได้เครดิต ผมก็เห็นใจเค้านะ ถ้าปีนี้ เรอัล อาจจะไ่ม่ได้ไปถึงฝั่งฝัน แต่มันก็จะเป็นหลักฐานของสัจธรรมว่าทุกอย่างมีขึ้นมมีลง ธรรมดา ถ้าเจ้าตัว เลือกจะลาออกหลังพาเรอัลคว้าแชมป์ ออกไปพักผ่อนสบายๆ เหมือนเป็ป ทิ้งไว้แต่ผลงานดีๆ ให้ผู้คนจดจำ เขาก็คงไม่ต้องถูกมองอย่างเคลือบแคลงแบบนี้ แต่เพราะเขาเลือกจะสู้ ตามนิสัยของเจ้าตัวนั่นแหละ พูดไปแล้ว เป๊ป เองอีกหน่อยก็จะต้องเจอบททดสอบที่หนักไม่แพ้ มู เพราะความเทพของเจ้าตัว ก็มาพร้อมเครื่องหมายคำถามว่า เจ้าตัวมีส่วนกับความสำเร็จของบาซ่ามากน้อยแค่ไหน ในเมื่อเปลี่ยนโค้ชแล้วทีมก็ยังเล่นได้ดี หรือขนาด ตีโต้ ไม่ได้อยู่คุมทีม ทีมก็ยังชนะได้อยู่ดีอีก หรือว่า บาซ่า จะเทพอัตโนมัติได้โดยแม้ไม่ต้องมี โค้ช ? คำถามเ่ล่นๆ นี้จะได้ถูกพิสูจน์แน่ ทันทีที่ เป๊ป หวนกลับมา และจะได้เจอโจทย์ใหม่ๆ เหมือนที่ มู เจอมาแล้วมากมายนั่นเอง จะยังไง ผมก็ยังคิดว่ามูก็ยังเป็นยอดโค้ชครับ ต่อให้ปีนี้เรอัลฟอร์มห่วยก็เถอะ ยิ่งเห็นปัญหาภายในเรอัลแล้วนะ เฮ้อ การเป็นยอดโค้ช ไม่ได้แปลว่าต้องคุมทีมห่วยๆ แล้วพาขึ้นมาได้ ทีมเล็กๆ ก็มี "บันได" ให้ปีนขึ้น แต่ทีมใหญ่ๆ เองก็มี "บันได" ให้ต้องปีน ให้ต้อง "ก้าวข้าม" เหมือนกัน เพียงแค่มันเป็นโจทย์ที่แตกต่างกัน เซาท์แธมตัน ไม่ได้ต้องเจอกับคู่แข่งเขี้ยวๆ ทุกสัปดาห์ ไม่ได้ต้องเจอกับความกดดันมหาศาลจากทุกทิศทาง ไม่ได้ต้องเจอความคาดหวัง ไม่ได้ต้องมาหลอมรวมทีมที่คับคั่งไปด้วยซุปเปอร์สตาร์เอาแต่ใจ ทีมเล็ก - ทีมใหญ่ มันก็มีข้อดี/ข้อเสีย แตกต่างกันไปนั่นล่ะครับ ไม่ใช่ว่าทีมใหญ่ๆ จะสบายเสมอไป ไม่งั้น เรอัล, เชลซี หรือทีมอื่นๆ จะเปลี่ยนโค้ชกันอย่างกับกระดาษชำระเหรอครับ จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:54:10

ความคิดเห็นที่ 16 มันเรื่องธรรมดานะ โค้ชมีชื่อชั้นก็ต้องอยากร่วมงานกับ พวก ซุปเปอร์สตาร์ดีๆที่ฝีเท้าเยี่ยม สามารถทำตามแท็คติค และเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของทีมได้ เพราะลูกทีมศักยภาพสูงพอที่จะช่วยให้งานสำเร็จ พวกที่บอกให้ไปคุมทีมล่างๆตาราง แล้วให้พาคว้าแชมป์นี่ก็นะ ความคิดรู้สึกจะเพ้อเจ้อไปหน่อย  เพราะมันแทบเป็นไปไม่ได้ ไหนจะเรื่องค่าจ้าง  ไหนจะเรื่องเงินซื้อนักเตะดีๆ ผจก เก่งก็สามารถใช้จุดนี้ต่อยอดงานตัวเองได้ ซึ่งเป็นจุดได้เปรียบมากกว่า ผจก คนอื่นๆ อย่างถ้าให้ มูริญโญ่ ไปคุมทีมล่างๆอย่างที่ทุกคนบอก มันเสียเวลาเค้าเปล่าๆ ทีมที่คุมมีแต่ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังทั้งนั้น นับแต่ เชลซี มา การคว้าแชมป์มันทำให้ดูไม่ไกลเกินเอื้อมเมื่อมีนักเตะพวกนี้ ดู มาดริด ตั้งแต่ ปีแรกที่มู มาคุม เห็นผลงานฝืดๆช่วงเริ่ม (ดันไปแพ้ บาร์ซ่า ซะ 5-0 ด้วยอีก) ยังไม่กล้าคิดเลยว่าปี 2 จะคว้าแชมป์ได้   แถมได้ตั้ง 100 คะแนน ยิงเป็น 100 ประตู ถ้าจะไม่ได้เครดิตเลยก็เกินไปหน่อยนะ  จำประตูรวมบาร์ซ่าไม่ได้  แต่มาดริด ยิงเยอะมากๆ เล่นไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่หลายคนยี้มูริญโญ่ แต่แรกเท่าไหร่นะ เกมส์รุกต้องบอกว่าเต็มสูบ น่าดูใช้ได้ จากคุณ : Angelus เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:55:32

ความคิดเห็นที่ 17 แสดงว่าโค้ชที่เทพ ต้องเคยคุมทีม บาร์ซ่า มาดริด แมนยูได้แชมป์ แล้วไปคุม ทีมนอกลีกให้ได้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ สินะ ถึงจะเป็นโค้ชระดับเทพได้ ตรรก อาร์คีมีดีส ชัดๆ จากคุณ : nublur เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 17:59:57

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ต้องทำทีมเล็กให้ได้แชมป์ ก็เป็นโค้ชมีฝีมือได้ครับ อย่าลืมว่าแชมป์มันมีได้ตำแหน่งเดียว แต่ทีมใหญ่ๆมันมีเยอะจะตาย ต่อให้เป็นทีมใหญ่แค่ไหนก็ไม่ได้การันตีแชมป์ซะหน่อย ถ้าได้แชมป์ขึ้นมาโค้ชต้องได้เครดิตเต็มๆอยู่แล้ว จากคุณ : บักจืดจาง เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 18:17:47

ความคิดเห็นที่ 19 มาอีกแล้วพวกย้ายทีมแล้วเก่ง ไม่น่าเชือ่ว่า  เดโฟ  อาเนลก้า เก่งกว่า อิเนสต้า กับ ชาบีเนอะ สองคนนี้ไม่ได้ย้ายทีม เฟอกี้นี่อ่อนด๋อย หมูดาดๆไปเลยไม่ได้ย้ายทีมคุม ไม่กล้าว่าดูบอลไม่เป็น เอาเป็นว่า คิดไรไปก็คิดไปเหอะ จากคุณ : กะเพราหมูไข่ดาว_ชาดำเย็นแก้ว เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:04:21

ความคิดเห็นที่ 20 เหมือนเฟอร์กี้ใช่ไหมครับ ที่ถ้าไม่คุมแมนยูคงไม่ได้แชมป์ โค้ชหลายคนครับที่พอย้ายไปทีมอื่นแล้ว ทำทีมล้มเหลว อย่าง ไรการ์ด กุลลิท เบนิเตซ คูมัน แม็คคลาเรน พอออกจากทีมที่ตัวเองทำได้ดครั้งนึงแล้ว ทำทีมไม่ได้แชมป์อีกเลย ดังนั้นด้วยผลงานถ้วยที่ได้รับ ตอนนี้มูเก่งที่สุดแล้วครับ แล้วถ้าใครจะมาบอกเรื่องเล่นอุด กลับไปดูผลงานมาดริด ปีที่แล้วก่อนด้วยนะครับแล้วค่อยพูด จากคุณ : เขียนบนดาวอังคาร (sace22) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:38:34

ความคิดเห็นที่ 21 มูคุมทีมเล็กๆ ผมว่าก็คงไม่ต่างกับคนอื่นเช่น O'Neil, Martin Jol ครับ สาเหตุหลักๆ ที่มูดูเก่งมากๆ ก็เพราะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง  แถมทีมที่ไปคุม ก้เป็นทีมเต็งของประเทษนั้นๆ ด้วยทั้ง Chelsea, Inter, Real Madrid ผมว่ามูเหมาะคุมทีมที่มีตัวเทพๆ เช่น Man City, Chelsea จริงๆ นะ  แต่มูก็อ่อนและไม่เคยพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นโค้ชยอดแมวมอง เพราะทีมของมู ซื้อแต่ star เข้ามา  ไม่เคยปั้นหรือสร้างเด็กให้ขึ้นมาได้  แต่ก็คงเป็นเพราะอยู่ไหนได้ไม่นานมั้ง จากคุณ : bingoman เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:50:54

ความคิดเห็นที่ 22 มูรินโญ่ถือเป็นโค๊ชชั้นยอดคนนึงครับแต่ก็ไม่ได้เหนือไปกว่าโค๊ชชั้นยอดคนอื่นๆเหมือนกัน การพาปอร์โต้ได้แชมป์นั้นเครดิตก็ต้องให้มูรินโญ่ไปเต็มๆ แต่การที่ได้แชมป์ในปีนั้นก็มีปัจจัยหลายอย่างช่วยมูรินโญ่มากเหมือนกัน ในปีนั้นทีมปอร์โต้ก็ถือว่าเป็นทีมที่มีนักเตะไม่ธรรมดาอยู่เหมือนกัน อย่างคาร์วัลโญ่หรือเดโก้ และในปีนั้นรอบน๊อกเอ้าเป็นต้นมาปอร์โต้เจอทีมใหญ่แค่ทีมเดียวครับคือแมนยู นอกนั้นเป็นทีมที่ชื่อชั้นพอๆกับปอร์โต้หมดเลย ถึงจะมีปัจจัยหลายๆอย่างแต่ก็ต้องให้เครดิตมูรินโญ่อยู่ดีครับ และในการพาเชลซีคว้าแชมป์ลีกในรอบ50ปีนั้น ปีนั้นผมว่าผู้เล่นเชลซีถือว่าดีกว่าทุกทีมในลีกพอสมควรนะครับ อย่างลิเวอร์พูลก็ผู้เล่นระดับต่างจากเชลซีอย่างชัดเจน มีอาร์เซน่อลที่ช่วงนั้นนักเตะถือว่าพอฟัดกับเชลซีไหวแต่อาเซน่อลก็มีช่วงเป๋ไปพักนึงคือช่วงหลังจากไร้พ่ายมา49นัดและมาแพ้แมนยู ซึ่งทำให้พลาดหลายๆนัดในช่วงนั้นติดกัน และหลังจากนั้นอาร์เซน่อลก็ไม่เคยกลับมายิ่งใหญ่อีกเลย แมนยูที่ก็มีปัญหาขาดกองกลางตัวตัดเกมมาทำหน้าที่แทนรอยคีนพักนึงในช่วงนั้น แต่จะเห็นได้ว่ามูรินโญ่เนี่ยแหละที่เป็นคนขึ้นมายกระดับเชลซีขึ้นมาอีกระดับนึงด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่มีแต้มที่สุดคือ95แต้มในปีนั้น และเสียประตูน้อยที่สุดคือ15ลูก แต่หลังจากนั้นก็เหมือนมูรินโญ่ไปจุดไฟให้เฟอร์กี้กลับมาคึกอีกครั้ง แมนยูเริ่มจะดึงนักเตะอย่างวิดิก เอฟร่า คาร์ริคเข้ามาเพื่อยกระดับทีมสู้กับเชลซี จนเอาชนะได้หลังจากปล่อยให้เชลซีได้ปแชมป์ไป2ปี และหลังจากนั้นมูรินโญ่ก็เริ่มมีปัญหากับเสี่ยหมีจนโดนบีบให้ออกไป และมาถึงอินเตอร์ในลีกขอไม่พูดถึงเพราะเนื่องจากปัญหาล้มบอลในลีก ทำให้ทีมใหญ่ๆโดนเล่นงานไปทุกทีมยกเว้นอินเตอร์ แชมป์ลีกจึงนอนมาอยู่แล้วสำหรับอินเตอร์ และนักเตะอินเตอร์ช่วงนั้นถือว่าแน่นปึกจริงๆ + กับนักเตะใหม่อย่างเอโต้ มิลิโก้ สไนเดอร์ นั้นถือว่าอินเตอร์ช่วงมูรินโญ่นักเตะนั้นไม่แพ้ใครในยุโรปเลย ในส่วนของแชมป์เปี้ยนลีกนั้นผมว่ามูรินโญ่มีโชคช่วยอย่างมากในรอบรองที่เจอบาซ่า เนื่องจากเกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดจนทำให้เกิดเขม่ามากจนไม่สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ ดังนั้นบาซ่าต้องเดินทางโดยรถบัสเพื่อมาจากอินเตอร์ถึงอิตาลีจนทำให้ล้าอย่างมาก ซึ่งจากการที่ต้องเดินทางโดยรถบัสของบาซ่า ทำให้โดนถลุงไปนิ่มๆ3-1ในเกมแรก จะเห็นได้ว่านักเตะบาซ่าเล่นกันเนือยมากต่างจากเกม2อย่างเห็นได้ชัด และนัดที่2นั้นด้วยผลต่าง2ประตู และนักเตะของอินเตอร์ที่ไม่แพ้บาซ่าโดยอย่างยิ่งในแผงหลังแกร่งมาก ทำให้แม้มอตต้าจะโดนพิษกรรมการไล่ออกไป แต่ผลต่าง2ลูกในนัดแรกนั้นก็ทำให้อินเตอร์ไม่เสียเปรียบมากนัก แม้ว่าใน2นัดนั้นอินเตอร์จะมีโชคอยู่ในนัดแรกทำให้ได้ผลต่างของประตูถึง2ลูก แต่นัด2ก็เสียเปรียบเหมือนกันจากที่ต้องเหลือ10คน มาถึงรีลมาดริด รีลมาดริดนั้นในยุกก่อนที่มูจะมาคือยุคของเปเยกินี่ แม้ว่าจะไม่ได้แชมป์แต่ผลงานก็พอๆกับบาซ่าอยู่แล้วนะครับดูจากปีสุดท้ายของเปเยกินี่ มาดริดได้96คะแนน ส่วนบาซ่าได้ 99คะแนน เรียกได้ว่าเป็นรองแชมป์ที่มีแต้มมากที่สุดในประวัติศาสตร์เลย และปีนั้นเปเยกินี่ก็ทำมาดริดสู้กับบาซ่าได้สูสีทีเดียวในเอลกลาสิโก้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่ามาดริดไม่เป็นรองบาซ่ามาตั้งแต่แรกแล้วครับ และที่เปเยกินี่โดนปลดนั้นส่วนหนึ่งก็มาจากในUCLทำได้แค่16ทีม กับมูรินโญ่ที่กำลังฮอทในตอนนั้น ถ้าผมจำไม่ผิดมูรินโญ่จะประกาศออกมาว่าถ้าได้ UCL จะออกจากอินเตอร์จึงทำให้เปเยกินี่ต้องไปแม้ว่าจะทำผลงานได้ไม่ขี้เหร่เลย พอมูรินโญ่มาคุมมาดริดปีแรกจะเห็นได้ว่าทำแต้มได้ไม่ได้มากไปกว่ายุคเปเยกินี่เลยคือ 92แต้ม คะแนนตกลงไปด้วยซ้ำ และมาปีที่2ที่ปีนี้ต้องบอกว่าบาซ่าตกลงไปพอสมควรเนื่องจากช่วงต้นซีซั่นนั้นบางลูกควรจะได้จุดโทษก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนมาดริดนั้นลูกที่ควรจะได้ก็ได้ตลอด และทำให้ปีนั้นคะแนนของบาซ่าตกลงไปพอสมควรคือเหลือ91แต้มซึ่งสวนทางกับมาดริดที่ทำผลงานได้ดีตลอดทั้งปีจึงทำให้ได้แชมป์ไป จะเห็นได้ว่ามูรินโญ่นั้นถือว่าเป็นโค๊ชระดับท๊อปคนนึงเหมือนกัน แต่การจะได้แชมป์แต่ละอย่างนั้นทุกทีมก็ต้องมีปัจจัยหลายๆอย่างแตกต่างกันไป ส่วนตัวผม ผมว่ามูรินโญ่เลือกคุมทีมได้ฉลาดครับ คือหลังจากปอร์โต้มา มูรินโญ่ก็เป็นโค๊ชที่เนื้อหอมมาก ดังนั้นเค้าสามารถเลือกทีมที่เค้าจะคุมได้ระดับนึง และก็เป็นเชลซีที่ยื่นเข้ามาซึ่งปัจจัยพร้อมอย่างมากในการสร้างชื่อเสียงของเค้า และหลังจากเขาออกจากเชลซีไปจะเห็นได้ว่ามูรินโญ่ไม่รีบร้อนในการหาทีมคุม เพราะการคุมเชลซีได้แชมป์นั้นทำให้เค้ายิ่งมีบารมีเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว จนกระทั่งอินเตอร์ยื่นเข้ามาจึงรับงาน และเป็นจังหวะที่ปัจจัยหลายอย่างพร้อมรวมทั้งมีโชคช่วยในนัดรองด้วยนิดนึง ทำให้ได้ 3 แชมป์ในปีนั้น และเขาก็ตัดสินใจออกทีนทีเมื่อถึงจุดสูงสุดและมาคุมมาดริดที่มีขุมกำลังสุดยอดเหมือนกัน จนถึงตอนนี้ และเราต้องดูกันต่อไปว่ามูรินโญ่กับมาดริดจะจบลงแบบไหน **Edit บรรทัดให้อ่านง่าบหน่อยนึง** แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 20:08:39 แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 20:08:14 จากคุณ : mr.yoshiki เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:51:41

ความคิดเห็นที่ 23 มูรินโญ่ เป็นโค้ชที่เก่งมากในเรื่องการสร้างแรงกระตุ้นให้กับทีม และรวมสปิริตภายในทีมเพื่อเป้าหมายเดียวกัน แต่เขายังไม่สามารถพิสูจน์ได้มากพอ ในการทำให้ทีมรักษาแรงกระตุ้นนั้นไว้ต่อไป หลังจากที่ทำเป้าหมายสำเร็จแล้ว ในปีแรกๆกับมาดริด ทีมอยู่ใต้เงาของบาร์ซ่ามานาน นักเตะจึงมีความกระหายที่จะโค่นบาร์ซ่าให้ได้ เฮียมูสามารถเอาเป้าหมายนี้มาเป็นแรงผลักดันฟอร์มของทีมได้อย่างยอดเยี่ยม นักเตะมุ่งมั่นทุ่มเทเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้อาจจะมีปัญหาลึกๆกันบ้าง แต่ทุกคนยอมเก็บไว้ในใจ ก้มหน้าก้มตาเล่นเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่หวังให้ได้ก่อน จะเห็นได้ว่ามาดริดเวลาเจอบาร์ซ่าทีไร เล่นราวกับโกรธแค้นมาแต่ชาติปางก่อน กะเอาตายคาสนาม ซึ่งเป็นผลจากแรงกระตุ้นที่เฮียมูใส่ลงไปในหัวของลูกทีมทุกๆคน จนอยากชนะบาร์ซ่าสุดๆ นักเตะมาดริดเหมือนโดนล้างสมอง ทุกคนเห็นบาร์ซ่าเป็นศัตรู ไม่ใช่แค่คู่แข่ง มี passion สูงมากจนโค่นบาณ์ซ่าได้สำเร็จ แต่หลังจากที่โค่นบาร์ซ่าได้แล้ว ความรู้สึกของนักเตะมาดริดดูลดลงไปมากทีเดียว ช่วงหลังๆ el clasico ก็ไม่เดือดมากเท่าไหร่ แถมอิเคร์ยังรู้สึกอยากกลับไปญาติดีกับเพื่อนๆทีมชาติสเปนในบาร์ซ่าอีกด้วย ซึ่งเฮียมูไม่สบอารมณ์มากกับท่าทีแบบนี้ของอิเคร์ เพราะมันทำให้ทีมสูญเสีย passion ที่จะเอาชนะบาร์ซ่าลงไป ซึ่งหลังจากที่ทีมไปถึงเป้าหมายแล้ว ตรงนี้แหละคือสิ่งที่วัดความสามารถโค้ชอย่างแท้จริง เมื่อไม่มีเป้าหมายมาเป็นแรงกระตุ้น+แรงผลักดันแล้ว ตัวโค้ชจะต้องมีบารมีมากพอที่ผลักดันทีมต่อไปได้ด้วยพลังของตัวเอง แต่มูสอบตกมา2ครั้งใหญ่ๆ คือที่เชลซี และที่มาดริด พอทีมขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้วไม่อาจจะรักษาระดับเดิมไว้ได้ ปัญหาภายในเยอะ แรงกระตุ้นของเฮียมูเองยังคงมากมายมหาศาลเหมือนเดิม แต่นักเตะเริ่มมีปัญหากัน แบ่งก๊กแบ่งเหล่า ไม่อาจตอบสนองความกระหายของโค้ชได้มากพอ หากเฮียมูจะเรียกสปิริตกลับมา ก็คงต้องผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ เพื่อเรียกสปิริตของทีมกลับมาอีกครั้ง แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 20:25:53 จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 20:21:22

ความคิดเห็นที่ 24 ช่วยหาเหตุผลที่เขาต้องทำแบบนั้นเพื่อให้คุณเปลี่ยนความคิดหน่อยครับ จากคุณ : DerDen เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 20:25:24

ความคิดเห็นที่ 25 ค่ะ เขาเป็นโค้ชธรรมดาแต่เป็นโค้ชธรรมดาที่เรารักมาก เชลซีถึงจะเปลี่ยนโค้ชมาหลายคนแต่ก็ยังรักน้ามูอยู่เหมือนเดิม จากคุณ : lukva เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 21:52:50

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่ามูรินโญ่เก่งมากๆ ดูจากการแก้เกมส์ การวางแผนนี่มันสุดๆ แต่ปัญหาคือตัวแกเองนั่นแหละ ชอบสร้างปัญหากับทีมอื่นๆรอบข้าง กรรมการ สภาพแวดล้อม มันเลยทำให้มีความกดดันมากไป ใครจะบอกว่ามูต้องการให้ความกดดันมาลงที่ตัวแกเอง ผมว่าไม่ใช่ พอนักข่าวด่า เค้าก็ขุดประเด็นไม่ดีมาเสนอ มันก็ระแวงกันหมด ทั้งนักเตะ ประธาน โค้ช ตัวแกเอง กับทีมอื่นโอเค แหย่เค้าได้บางครั้งบางคราว มันก็ผ่านไป แต่กับทีมตัวเองมันอยู่ทน เพราะเจอกันทุกวัน สังเกตได้ ไปอังกฤษก็ด่านักข่าว ด่ากรรมการ ประธานสโมสร ไปอิตาลีก็ไปทะเลาะกับนักข่าว กับโค้ชทีมอื่นเละเทะ มาสเปนนี่เอาครบเลย แม้กระทั่งแฟนบอลทีมอื่นๆ ทำทีมเงียบๆน่ะผมว่าพี่แกโคตรเก่งแล้ว ไม่รู้จะหาเรื่องทำไม จากคุณ : KapampaBlue เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 23:43:42

ความคิดเห็นที่ 27 แล้วรานิเอรี่ละครับ ได้คุมแต่ทีมใหญ่ๆ องค์ประกอบก็พร้อม แล้วเป็นชิ้นเป็นอันอะไรมั่งครับ จะประสบความสำเร็จทีมก็มีส่วนแต่ส่วนสำคัญคือผู้จัดการทีมครับ จากคุณ : เมี่ยง@เมี่ยง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 01:00:19

ความคิดเห็นที่ 28 #27 ของรานิเอรี่ได้คุมทีมใหญ่ก็จริงแต่ปัจจัยช่วงนั้นไม่เอื้อครับ เอาเฉพาะทีมใหญ่ๆนะที่ผมติดตามนะ ตอนคุมเชลซีตอนนั้นเป็นทีมใหญ่ก็จริงแต่ก็ร้างแชมป์ลีกมานานผลงานก็อยู่ระดับต้นๆมีลุ้นแชมป์อยู่ แล้วไปคุมยูเว่ตอนปี2007-2009 ตอนนั้นยูเว่ก็เพิ่งขึ้นชั้นขึ้นมาจากคดีล้มบอลถึงจะเป็นทีมใหญ่แต่ตอนนั้นแทบจะเรียกว่าต้องมานับ1ใหม่ ส่วนโรม่าก็ชื่อชั้นนักเตะตอนนั้นเป็นรองอินเตอร์เยอะแต่ก็ได้ลุ้นกับอินเตอร์ของมูจนนัดสุดท้ายเลยนะ ส่วนตอนมาคุมอินเตอร์ตอนนั้นก็เป็นชุดนักเตะเก่าของมูรินโญ่เนี่ยแหละ ที่นักเตะหมดไฟแล้วตั้งแต่ราฟามาคุมก่อนหน้านั้น ชื่อนักเตะดังก็จริงแต่มันไม่ใช่ระดับเดียวกับตอนที่มูคุมแล้วครับตอนนั้น จะประสบความสำเร็จได้สำคัญที่สุดคือผู้จัดการทีมครับ แต่องค์ประกอบและปัจจัยอื่นก็สำคัญไม่แพ้กัน จากคุณ : mr.yoshiki เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 01:54:55

ความคิดเห็นที่ 29 ชั่วโมงนี้ใครมาคุม รีลมาดริด ก็ต้องคิดหนักครับ เพราะปัญหาเยอะ ทั้งประธานสโมสร ผู้บริหารฝ่ายกีฬา สื่อ รวมถึงบรรดาขาใหญ่ในห้องแต่งตัว หมดจากยุคเอียร์โร่ ก็มาราอูล หมดราอูล ก็มาเป็นกาซิยาสกับรามอส เหมือนบาร์ซ่ายุคนี้  ที่ต้องเอาคนในหรือเด็กเก่าที่มีบารมีมาคุม  พวกบ็อบบี้ ร็อบสัน  หลุยส์ ฟาน กัล  หรือ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด  มาคุมก็อยู่ได้ไม่นาน และไม่ประสบความสำเร็จเท่า จากคุณ : 9ปล่อยไก่ (nmcm) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:58:39

ความคิดเห็นที่ 30 จบที่ดวงชะตาครับ ทุกอย่างอยู่ที่ดวง ไม่ต้องวัดฝีมือกันแล้ว เฟอรืกี้ก็ดวง เป้ป มู เวงเกอร์ก็ดวง (รอดูราฟา) จากคุณ : jazpada เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 12:25:41

ความคิดเห็นที่ 31 คนเก่งย่อมเหมาะกับทีมที่เก่ง จากคุณ : tonky96 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 14:59:37

ความคิดเห็นที่ 32 คห.28 ครับ ถ้าจะอ้างแบบนั้น ก็อ้างได้ครับ รานิเอรี่เข้ามาก็ไม่ใช่ว่าไม่ซื้อใครนี่ครับ ก็ซื้อตามที่ตัวเองอยากได้ แต่ทำผลงานไม่ได้เอง ส่วนมูนั้นผมว่า ทีมก็เอื้อพอๆกับรานิเอรี่ล่ะครับ แต่แกทำได้ดีกว่า ยิ่งตอนแกมาต่องานจากเปเยกรินี่ กว่าจะเข้าที่ได้ก็ใช้เวลาอยู่ ส่วนผลงานของรานิเอรี่ที่ผมว่าทำได้ดีมากๆคือ ตอนคุมบาเลนเซีย จากทีมท้ายตารางลุ้นหนีตกชั้นประจำๆ จนกลายเป็นทีมหัวตารางอย่างสม่ำเสมอนี่ล่ะครับ ต่างคนต่างความคิดครับ จากคุณ : เมี่ยง@เมี่ยง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 20:47:13

ความคิดเห็นที่ 33 #32 คุณเอาช่วงไหนล่ะครับ ถ้าเอาช่วงเชลซีนั้นไม่เถียงครับ นั่นปัจจัยเอื้อพอตัวแต่ทำไม่ได้เองแต่ผลงานก็ไม่ได้ถือว่าขี้เหร่ระดับลุ้นแชมป์ แต่ส่วนยูเว่กับโรม่านี่ถ้าจะบอกว่าเอื้อก็เกินไปนะ ยูเว่เพิ่งเลื่อนชั้นกลับขึ้นมา ส่วนโรม่าถ้าจะเทียบนักเตะกับอินเตอร์นี่ผมว่าคนละชั้นนะ ส่วนมาถึงอินเตอร์ จะบอกว่าปัจจัยเอื้อให้เป็นแชมป์พอๆกับมูรินโย่ก็เกินไปนะ จะเห็นได้ว่าอินเตอร์ชุดของรานิเอรี่เนี่ย พลาดแชมป์มาตั้งแต่ยุคก่อนหน้านั้นให้มิลานของอัลเลกีในฤดู2010/2011 ละนะ พอมาคุมในปีต่อมา ก็มาเจอยูเว่ที่ผลงานสุดยอดชุดไร้พ่ายต่อ แต่ลองไปดูมูรินโย่ตอนคุมอินเตอร์สิในช่วงนั้นมีคู่แข่งในลีกไหม จะเห็นได้ว่าก่อนหน้านั้น มันชินี่(ที่แฟนบอลหลายคนบอกว่ามือไม่ถึง)คุมก็ยังได้แชมป์มา3-4ปีติดต่อกัน อินเตอร์ของมูเข้ามาคุมเรียกได้ว่าไร้คู่แข่งเลยชุดนั้น ผมว่าถ้าสลับกันให้มูมาคุมอินเตอร์ยุคเดียวกับรานิเอรี่(ให้สมมุติว่ามูไม่เคยคุมอินเตอร์มาก่อนนะถือว่าเป็นโค็ชใหม่มานักเตะไม่ได้ผูกพันกับมู) ผมว่าก็ไม่แน่ว่าจะได้แชมป์ ผลงานอาจจะดีกว่าแต่ไม่การันตีแชมป์เหมือนยุคที่มูคุมแน่นอน จากคุณ : mr.yoshiki เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 09:53:13

ความคิดเห็นที่ 34 แล้วที่บอกว่ารานิเอรี่ก็ซื้อตัวที่ตัวเองอยากได้ ใช่จริงครับ แต่ขอถามหน่อยนักเตะที่ซื้อมานั้นได้ระดับเดียวกับมูรินโย่เลยหรือเปล่า มูรินโย่ตอนนั้นดึงสไนเดอร์ มิลิโต้ เอโต้ มอตต้า ลูซิโอ้ พานเดฟ อยากจะถามว่ายุครานิเอรี่นี่ได้นักเตะระดับเดียวกับมูเลยหรอครับ แถมนักเตะชุดเก่าที่มีของอินเตอร์ผลงานก็ดร็อปลงไปจากยุคมูเยอะเลย ผมว่าทรัพยากรของรานิเอรี่ที่อินเตอร์นี่แย่กว่าของมูเยอะครับ มาถึงเปเยกินี่ของมู เปเยกินี่ผลงานไม่ขี้เหร่อยู่แล้วครับ ได้95แต้ม บาซ่า99แต้ม อันนั้นเปเยกินี่นั่นเปเยกินี่ก็คุมมาดริดแค่ปีเดียวนะครับ ถ้าบอร์ดให้โอกาสเพิ่มเนี่ยไม่แน่ก็อาจเอาชนะบาซ่าได้เหมือนกันในปีต่อมาก็ได้ แต่สาเหตุที่เปเยกินี่โดนปลดเนี่ยสาเหตุหลักๆมาจากตกรอบ UCL เร็วไปครับ แล้ว+กับมูได้UCL บอร์ดเลนตัดสินใจดึงมูมาคุมเพื่อต้องการ UCL+เอาชนะบาซ่าครับ แล้วมูมาคุมปีแรกเนี่ยก็ใช่ว่าจะผลงานดีกว่าเปเยกินี่คุมปีแรก ได้คะแนนอยู่ที่91แต้ม จะเห็นได้ว่าไม่ได้ดีไปกว่าเปเยกินี่คุมทีมปีแรกเลย จากคุณ : mr.yoshiki เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 10:01:51

ความคิดเห็นที่ 35 ที่ผมพิมพฺ์นี่ไม่ใช่จะบอกว่ามูไม่เก่งนะ มูน่ะเก่งมาก แต่การจะได้แชมป์หรือไม่นั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ผจก.อย่างเดียว มันต้องดูหลายๆปัจจัยด้วย ทั้งนักเตะ คู่แข่ง โชค(พวกนักเตะเจ็บ) อะไรต่างๆมากมายผมว่าสำคัญหมดครับ ถ้าให้ความสำคัญ ผมให้นักเตะ 40 โค็ช 30 คู่แข่ง 20 โชค10 จากคุณ : mr.yoshiki เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 10:05:09

ความคิดเห็นที่ 36 José Mourinho : "ที่อังกฤษ ผมได้รับฉายาว่า The Special One ตั้งแต่เพิ่งไปถึง ซึ่งก็ดีที่ทุกอย่างมันเป็นไปได้สวย และไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ ผมคือคนเดียวที่ได้แชมป์ทั้งที่อังกฤษ อิตาลี และสเปน - ครบทั้งสามลีกสำคัญของโลก" Goal.com, Aug 12 จากคุณ : Numwaan_S เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 09:48:45