ความคิดเห็นที่ 1 ข้อมูลให้อ่านเพิ่ม คนเขียน คือ  - พ.ต.ท.ศักกพล สุขปาน - ลักษณะการกระทำอย่างไร เป็นความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ พอสรุป ได้ดังนี้ 1. ต้องมีการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง 2. ข้อความนั้นต้องเป็นเท็จและต้องเป็นเหตุการณ์ในอดีตหรือปัจจุบัน ไม่ใช่เหตุการณ์ในอนาคต เว้นแต่เหตุการณ์ในอนาคตนั้นพออนุมานได้ว่าเป็นการแสดงถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันรวมอยู่ด้วย 3. ผู้กระทำต้องรู้ข้อความนั้นเป็นเท็จ และต้องเป็นการกล่าวยืนยันข้อความนั้น ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือคาดคะเนหรือเพียงให้คำมั่นสัญญาแม้จะไม่ตรงกับความจริงก็ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง 4. การแสดงข้อความเท็จนั้น อาจเป็นเท็จต่อเพียงบางส่วนก็ได้ ไม่จำต้องเท็จทั้งหมด 5. การหลอกลวงนั้นต้องกระทำก่อนที่จะได้ทรัพย์สิน จากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ถ้าได้ทรัพย์มาในความครอบครองก่อนแล้ว จึงหลอกลวงไม่เป็นฉ้อโกง 6. การหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ถ้าเขาหลงเชื่อและส่งมอบทรัพย์หรือยอมให้ทรัพย์สินนั้นไปด้วยความเต็มใจ เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ถ้าผู้ถูกหลอกลวงไม่หลงเชื่อหรือหลงเชื่อแต่ยังไม่ยินยอมให้เอาทรัพย์นั้นไป ถ้าผู้ที่หลอกลวงหยิบเอาทรัพย์นั้นไปเองหรือหลอกลวงเพื่อให้ทำการลักทรัพย์ได้สะดวกขึ้นเท่านั้นเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ฉ้อโกง 7. การแสดงข้อความอันเป็นเท็จนั้น อาจกระทำด้วยทางวาจา กิริยาท่าทาง ลายลักษณ์อักษร เครื่องขยายเสียง วิทยุ โทรทัศน์ หรืออื่นๆก็ได้ กฎหมายไม่จำกัดเฉพาะทางวาจาเท่านั้น 8. การปกปิดความจริงที่ควรบอกให้แจ้ง คือจะต้องรู้ความจริงแล้วนิ่งเสียไม่ยอมบอกให้เขาทราบเพื่อจะให้ได้ทรัพย์สิน ฯ อาจกระทำโดยกิริยา ท่าทาง หรืออย่างอื่นๆก็ได้ 9. การแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งในกรณีที่เกี่ยวกับการโฆษณาสินค้า หรือการขายของ แม้จะเกินความจริงไปบ้างก็ยังไม่ถือว่าเป็นการฉ้อโกงเพราะบุคคลทั่วไปก็เข้าใจในเรื่องนี้ดี แต่ถ้ามีเจตนาที่จะหลอกลวงเพื่อทำการฉ้อโกงโดยตรงก็เป็นความผิดเกี่ยวกับการค้า ตาม มาตรา 271 ได้ 10. การหลอกลวงนั้นต้องทำให้เขาหลงเชื่อและได้ไปซึ่งทรัพย์สิน หรือ ทำให้เขาทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว หากให้เพราะความสงสารหรือเพื่อจะเอาเป็นพยานหลักฐานในการฟ้องคดีหรือไม่เชื่อจึงไม่ให้ทรัพย์ หรือเชื่อแต่ไม่ให้ทรัพย์หรือไม่มีทรัพย์จะให้ ดังนี้ เป็นเพียงความผิดฐานพยายามฉ้อโกง 11. การได้ทรัพย์สินหรือให้ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธินั้น ไม่จำกัดว่าจะต้องได้ไปจากผู้ถูกหลอกลวง แต่รวมถึงบุคคลที่สามด้วย แต่บุคคลนั้นต้องมีการครอบครองเหนือทรัพย์นั้นด้วย ถ้าผู้ที่มอบให้ไม่มีการครอบครองเหนือทรัพย์นั้น ผู้เอาไปผิดฐานลักทรัพย์ ดูฎีกาที่ 207/2512 12. ความผิดฐานฉ้อโกง การได้ทรัพย์นั้น ไม่จำกัดเฉพาะทรัพย์แต่อย่างเดียว แต่รวมถึงทรัพย์สิน สิทธิบางอย่างและให้ทำ ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิด้วย 13. ในกรณีที่ให้ทำ ถอนหรือทำลายเอกสารนั้น ต้องเป็นเอกสารสิทธิ ถ้าไม่ใช่เอกสารสิทธิ เป็นเอกสารธรรมดา ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง 14. ความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำต้องมีเจตนาทุจริตมาก่อนหรือในขณะ หลอกลวงอันเป็นเหตุให้ได้ทรัพย์นั้น ถ้าผู้กระทำมีเจตนาทุจริตขึ้นในภายหลังไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง แต่ผิดฐานยักยอก 15. ความผิดฐานฉ้อโกงนั้น ต้องหลอกลวงเอาทรัพย์ของผู้อื่น การหลอกลวงเอาทรัพย์ของตนเองไปจากผู้อื่นไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ดูฎีกาที่ 16/2510 16. ความผิดฐานฉ้อโกง ต้องเป็นการหลอกลวงให้เขาส่งทรัพย์ให้ แต่การ หลอกลวงเพื่อเอาทรัพย์ไปส่งคืน แม้เป็นเท็จก็ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ลิงค์ http://www.lawyerthai.com/articles/law/018.php จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 19:10:37

ความคิดเห็นที่ 2 คือ ผมว่่ามันก็ดีนะที่เราจะคิดแบบนี้ แต่ผมอ่านเท่าไหรก็ไม่เข้าใจซักที ผมตีความได้ว่า การซื้อตั๋วเกิน 6 ใบคือผิดกฏหมาย อย่างนี้ใช่มั้ย จากคุณ : benzbento เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 19:22:07

ความคิดเห็นที่ 3 ผมตอบแทนตำรวจไทยเลยว่า เรื่องขี้หมาแบบนี้ อย่าเสียเวลาเลย จากคุณ : นี่หรือคน (rnon) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 19:25:46

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นจุดเริ่ม เป็นแนวคิดที่ดี ผมชอบครับ    สนับสนุน จากคุณ : ชิปโป เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 19:59:35

ความคิดเห็นที่ 5 อย่างนี้พวกขายสินค้าเกินราคาหน้าซอง  จะมีความผิดไหมล่ะ   แบบว่า  --  "ค่าเช่าที่มันแพงไอ้น้อง พี่ก็ต้องขายแพง" จากคุณ : RedKingKub เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 20:29:26

ความคิดเห็นที่ 6 ประเด็นน่าสนใจมากครับ ถ้าแบบนี้พวกที่ซื้อน้ำตาลจากห้างต่างๆที่เขียนไว้ว่า "จำกัดครอบครัวละไม่เกิน 6 ถุง" แล้วให้ลูกหลานเวียนกันไปซื้อ ก็ผิดฉ้อโกงด้วยสิเนี่ย จากคุณ : [-Vertico-] เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 20:37:44

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าไม่มีคนซื้อ ต่อๆไปก็จะไม่มีใครขายแล้วครับ... จากคุณ : เอเจ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 20:43:13

ความคิดเห็นที่ 8 1.ผู้ขายไม่ได้หลอกลวงผู้ซื้อว่าเป็นตั๋วจริง (ในกรณีที่เอาตั๋วปลอมมาขาย) แต่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นตั๋วจริงจึงยอมจ่ายเงินซื้อไปในราคาที่สูงกว่าราคาตามปกติ ผู้ขายจึงไม่ได้กระทำการอันเป็นการหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง (ผู้ซื้อ) จึงไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา 341 ของประมวลกฎหมายอาญา 2.ตามประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้บัญญัติให้อำนาจพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินคดีกับผู้ขายตั๋วเกินราคา เพราะประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้บัญญัติให้การซื้อขายตั๋วเกินราคาเป็นการกระทำความผิด คงทำได้เพียงป้องปราม 3.หากผู้ขายเอาตั๋วปลอมมาขายก็จะมีเพียงความผิดฐานปลอมเอกสารเท่านั้น 4.สคบ. ก็เอาผิดไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ 4.ถ้าจะเอาความผิดพวกนี้ต้องออกเป็นกฎหมายเฉพาะต่างหากอย่างเช่นของสิงค์โปร์ซึ่งมีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องกีฬาโดยเฉพาะ จากคุณ : sk2515 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 21:16:47

ความคิดเห็นที่ 9 มีใครซื้อล๊อตเตอรี่ 80 บาทได้บ้าง เห็นแต่ 120 บาท ทั้งประเทศ จากคุณ : M11 3FF เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 22:11:18

ความคิดเห็นที่ 11 ล็อตเตอรี่มาอีแล้ว เป็นอะไรกันมากป่าวอ่ะ เค้าคุยกันเรื่องตั๋วบอลครับ ลองให้ล็อตเตอรี่ขายเกินราคาซัก สิบเท่าแบบตั๋วบอลสิ อยู่กันไม่สุขแน่ๆ จากคุณ : tough เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 00:12:38

ความคิดเห็นที่ 12 ยกพวกไปรวมตรีนมัน ท่าจะง่ายกว่า    (ชั้นพูดเล่น) ทางที่ดี คืออย่าซื้อแมร่ม ชักชวนกันดูบอลอยู่บ้าน  หรือวางแผนการซื้อให้รัดกุม มีการรวมตัวกันซื้อก่อน ยกพวกไปจับผิดการซื้อ-ขายตั๋ว ก็น่าจะช่วยได้อีกทาง จากคุณ : ป้าหนอน เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 02:09:54

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าจะยกพวกไปตีมันก็ข้อแนะนำให้ต่อยที่ท้อง และอย่าให้เลือดออก เพราะความผิดจะมีแค่ถูกปรับ 500 บาทเอง การต่อยที่หน้าจะมีความผิดอีกขั้นหนึ่ง ลืมสรุปสั้นๆ คือ การที่คนๆเดิมไปซื้อของที่มีกำหนดให้ซื้อได้จำกัดจำนวน โดยทำเนียนเหมือนไม่เคยซื้อ (ซึ่งก็คือการหลอกลวง) ว่ากันตามจริงมันผิดกฏหมายถ้าผู้ขายจะเอาเรื่องก็ได้ เพราะถ้าผู้ขายรู้ว่าคนๆนั้นซื้อไปแล้วจะไม่ขายให้(ตามหลักการที่ควรทำ) มันเรื่องขี้หมาจริงๆนั้นแหละ แต่ช่วยหาข้ออ้างซักข้อจับพวกตั๋วผีจะได้ไหม หรือจะปล่อยไว้โดยไม่ทำอะไรอยู่อย่างนี้ จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 06:25:04

ความคิดเห็นที่ 14 หลายวันก่อนก็อ่านว่า มีคนชี้ให้ตำรวจจับ แต่ตำรวจไม่จับ ขออภัยท่านเจ้าของข้อความท่านนั้นจริงๆ ผมอ่านแล้วผมจำ Login เขาไม่ได้ ต้องขออภัยถ้าข้อความต่อไปนี้จะกระเทือนท่าน จับเขายังไงได้บ้าง คนร้อง ก็ร้องหาว่าใครไม่มีตั๋วเชิญครับ... เราเอาผิดเขาได้หรือยัง คนชี้ให้จับ แล้วไง ชี้แล้วก็เดินหายหัวไป... หาพยานที่ไหนมาประกอบสำนวน คนซื้อก็สมยอม... จับแล้วก็อ้างตั๋วเขาเหลือ เขาขายต่อ ราคาปกติ จับยังไง... ระเบียบกรุงเทพมหานครขายสินค้าบนทางเท้าเหรอ... ร้านน้ำ ร้านลูกชิ้น ถั่วต้ม กล้วยทอด โดนหมด = = = = = เวลานี้พวกปากว่าตาขยิบมีเยอะ... ตั้งแต่นัดที่แล้วล๊ะ “ตั๋วไม่มี ไปดูจอโปรเจ๊กเตอร์ที่สนามเทพก็ได้ฟระ”... สุดท้ายเดินท่อมๆ ไปหาตั๋วผีตรงตีนบันไดรถไฟฟ้า จากคุณ : หมอนทองแท้ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 08:03:53

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นแย้งนะครับ ป.อาญา ม.341มุ่งหมายถึงฐานความผิดอันเกี่ยวกับฉ้อโกง คนละกรณีกับขายตั๋วผีครับถ้าคุณชี้ให้ตำรวจจับก็ไม่ผิดที่เค้าจะไม่จับครับ ตามคห.บนๆ เลยถ้าต้องการจับก็คงได้แค่พวกความผิดลหุโทษเท่านั้นครับ จากคุณ : opta เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 10:09:19

ความคิดเห็นที่ 16 มันคือปัญหาในเรื่องของ อุปสงค์และอุปทานครับ ความอุปสงค์ ยังไงซะ ก็ต้องมีอุปทาน ความต้องการซื้อมากกว่าของที่มี ย่อมต้องมีคนแสวงหาผลกำไรเป็นธรรมดา แก้ไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : panda_bs เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 11:35:45

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าคนๆหนึ่ง มี เกิน 6 ใบ มันน่าจะเป็นความทุจริตในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ขายตั๋วเกินจำนวนที่ บริษัท กำหนดนะ จากคุณ : จิ๊กโก๋กรุงเก่า เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 11:43:21

ความคิดเห็นที่ 18 คห.17 กรณีนั้นก็ยังไม่ผิดกฏหมายครับแต่เข้าใจว่าถ้าบริษัทประกาศโพลิซีมาเช่นนั้นก็น่าจะเป็นการละเมิดคำสั่งบริษัทเฉยๆครับไม่มีฐานความผิดระบุไว้ ถ้าเรื่องว่าผิดกฏหมายการค้าภายในไหมก็ยังไม่ผิดอีกแหละครับเพราะว่าตั๋วดูบอลไม่ได้เป็นหนึ่งในสินค้าควบคุม จับได้แค่ความผิดลหุโทษ(พวกทำเสียงอึกทีก อะไรทำนองนั้นแหละครับ) ปรับเงินทำประวัติแล้วก็ปล่อยตัว ทำได้แค่นี้แหละครับตั๋วผี จากคุณ : opta เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 12:19:33