ความคิดเห็นที่ 1 ดูผลงานของ ทีมชาติ อังกฤษ กับ ดูผลงานทีมชาติ เยอรมัน น่าจะเข้าใจนะครับ ฮ่าๆ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 15:53:46 จากคุณ : เทพบุตรกีต้าร์ลีด เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 15:39:25

ความคิดเห็นที่ 2 ปีเตอร์ วิช หาระบบที่เหมาะสมมาใช้กับนักเตะที่สมาคมเลือก วินเฟรด เชฟเฟอร์ เลือกนักเตะที่เหมาะสม มาใส่ในตำแหน่งที่ตัวเองวางระบบไว้ จากคุณ : badboysII เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 15:44:07

ความคิดเห็นที่ 3 ปีเตอร์ วิช มาเหมือนสร้างทีมสโมสร เพราะมีเก็บตัวทีมชาตินานมาก ตอนนั้นยังไม่มีฟุตบอลลีก ส่วนเชเฟอร์ เข้ามาทำทีมชาติเหมอนทีมชาติ คือมีระบบ เลือกนักเตะที่เข้ากับระบบตัวเองต้องการ ไม่ต้องเก็บตัวนานมาก มีโอกาสได้เลือกผู้เล่นเอง งงป่ะ ผมก็งง 555 จากคุณ : suatop เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 15:51:01

ความคิดเห็นที่ 4 น่าดึงปีเตอร์วิช มาเป็นมือขวาวินนี่ จากคุณ : top_sk132 เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 16:01:55

ความคิดเห็นที่ 5 เท่าที่เห็นนะครับ สไตร์ปีเตอร์วิชคือเล่นง่าย ไม่เน้นครองบอล  เน้นรับแน่นๆแล้วสวน ยุคปีเตอร์วิทกองหลังไทยเทพมาก  รุกจากปีกทั้งสองข้าง ไม่นิยมกลองกลาง แต่เน้นปีก  กองหน้านิยมการเข้าฮอตอย่างเดียว ลูกนิ่งก็เน้นฟรีคิก  ไม่ค่อยมีสูตร เพราะอาศัยตัวซ้ำเก่งๆมากกว่า เป็นทีมที่เล่นไม่สวยแต่ชนะ สไตร์วินนี่คือเน้นทีมเวิร์ค เน้นกลางครองบอล ไม่ฝืน ถ้าไปไม่ได้ก็คืนหลัง ไม่โยนมั่วซั่ว  เล่นบอลกับพื้น สวยงาม อาศัยหน้าเป้าคนเดียว ถ้าถามผมว่าชอบสไตร์ไหน  ผมชอบปีเตอร์วิชครับ เพราะเหมาะกับความสามารถที่นักเตะไทยมี  หมดยุคปีเตอร์วิชไปเราก็ยังคง พยายามเลียนแบบสไตร์ที่แกทำนะ  แต่ไปไม่รอด เลยเปลี่ยมาใช้การเคาะบอลแทน เพราะคนไทยขาสั้น(เหตุผลคนพากษ์)ว่างั้น พยายามเอาโค้ชบลาซิลที่นั่งเลี้ยงหลานอยู่มาทำทีม จนแล้วจนรอดก็ห่วยเหมือนเดิม เลยได้วินนี่มา กอรปกับเยอรมันฟอร์มบอลโลกเข้าตามากๆ ไทยก็อยากเอามั่ง น่าเสียดายที่ยุคปีเตอร์วิชไม่มีไทยลีคที่บูมแบบตอนนี้  แต่ที่เรามีวินนี่ก็ดีครับ เพราะเทรนบอลตอนนี้ต้องเคาะตามช่อง  สไตร์แบบปีเตอร์วิชมันล้าสมัยไปแล้ว อีกอย่าง ทีมชาติจะได้หัดเล่นกันเป็นทีมซะที จากคุณ : ttno1 เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 16:06:57

ความคิดเห็นที่ 6 ปีเตอร์ วิช เรียนรู้นิสัยคนไทยแล้วหาระบบมาให้ แต่ก่อนเราไม่ฟิต ความรับผิดชอบต่อตำแหน่งไม่มาก เลยต้องหลัง 5 เห็นโค้ชชัชชัยให้สัมภาษย์ ต้องแอบนัดนักเตะก่อนเวลาปีเตอร์ วิธมาเพื่อ ให้วิ่งเรียกความฟิตก่อน เพราะปีเตอร์ไม่เน้นมาก โค้ชชัชเลยได้ฉายาโค้ชยอมฟิตแต่นั้นมา ประกอบกับตอนนั้น วิงแบ็กซ้าย-ขวาเราดีมาก ระบบนี้เลยเวิค ซ้าย-ดาราเอเชีย โอ่งดุสิต ขวา-ยอมขยันและหนัก กฤษฎา แถมกองหน้าคู่ลงตัวมาก คนหนึ่งเก่งเข้าฮอส (นินูและเศกสรรค์) อีกคนระเบียบวินัยทุ่มเท (ซิกโก้) แถมเจอกับอาเซียนด้วยกัน จับวรวุฒิลงไปโหม่งเป็นเข้า ผลงานเลยออกมาดี ดีที่สุดนับตั้งแต่มีทีมชาติไทยมา จากคุณ : boonboon_sk เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 16:37:43

ความคิดเห็นที่ 7 ปีเตอร์ วิธ   รูปแบบการเล่นแบบทีมชาติอังกฤษโดยแท้ เน้นบอลออกปีกเป็นพิเศษ กองกลางไม่เน้้นเท่าไหร่อาศัยการขึ้นมาเติมจากวิงแบ็คปีกโยนหรือเปิดตัดเข้ามา กองหน้ารอเข้าฮอส  ยุคนั้นกองหน้าไทยใช้ระบบหน้าคู่ ซิโก้ กับ เศกสรรค์ แถมถ้า เจาะไม่เข้ายังมีลูกกลางอากาศดีๆอย่าง โค้ชโย่ง วรวุธ ศรีมะฆะ คอยโจมตีอีกทางนึง ยุคนั้นเราเล่นแบบนี้แหละ ง่ายๆแบบเดิมๆ แต่ก็ผลงานดีนะ วินนี่  รูปแบบก็คล้ายบอลเยอรมัน เน้นบอลจากแดนกลาง ขึ้นเกมส์ด้วยบอลภาคพื้นดิน ไม่ถึงกับเน้นดาวดังมากเน้นระบบทีมเป็นสำคัญมีจังหวะแทงทะลุช่อง  ถ้ากลางแน่นคู่ต่อสู้ รับลึกจะถ่างออกปีก  ชอบใช้ระบบกองหน้าตัวเป้า  จะไม่นิยมกองหน้าเข้าฮอสแบบยุค ปีเตอร์ วิธ  กองหน้าลักษณะอย่าง ศรายุทธ ที่รอจังหวะเข้าฮอสคงกลับมายากแล้ว ผมชอบยุค วินนี่ ตรงที่ทีมชาติไทยเล่นบอลเป็นระบบมากกว่าเดิม มีความหลากหลาย ในเกมส์รุกมากกว่า  เพราะ จะขึ้นบอลทางปีกก็ได้จะเจาะกลางก็ได้  คู่ต่อสู้จะจับทางยาก ที่สำคัญคือ ไม่เน้นดาวดังมากนักทุกคนพอจะทดแทนกันได้ ชอบตรงนี้แหละครับ ถ้าเป็นยุคก่อนๆ ทีมชาติไทยตัวสำรองจะทดแทนตัวจริงลำบากมาก ตัวหลักเจ็บเกมส์เป๋ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 17:03:20 จากคุณ : แร้งคอย เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 17:02:46

ความคิดเห็นที่ 8 ยุคปีเตอร์วิธ ชัดเจนเรื่องการยิงแถว2มากครับ ยิงไกลดีหลายตัว ธวัชชัย ดุสิต อนุรักษ์ นิรุจน์ สุรชัย จากคุณ : GROUP_B เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 17:04:35

ความคิดเห็นที่ 9 ปีเตอร์วิธนี่ ใช่คนที่ทำทีมตอนที่ ไทย 9 ชนะ เกาหลี 11 ป่ะ จากคุณ : stryker เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 17:19:24

ความคิดเห็นที่ 10 ปีเตอร์ วิธ ชื่อเสียง ฝีมือ สู้วินนี่ไม่ได้หรอกครับ ก่อนคุมทีมไทยก็ไม่เคยคุมทีมใหญ่มาก่อน หลังคุมทีมไทยผลงานก็ไม่ดีนัก แต่แกคุมทีมไทยได้ดีจริงๆ ถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดของทีมชาติไทย 2 แชมป์อาเซี่ยน ที่ 4เอเชี่ยนเกมส์ 2 ครั้ง อันดับ 43 ของโลก คือผลงาน   ผลงานดีเพราะ 1.เป็นโค้ชฝรั่ง ไม่เล่นเส้น เหมือนโค้ชไทย 2.เล่นบอลเป็นระบบ แม้จะเป็นสไตล์ยุโรปง่ายๆ เน้นขึ้นบอลทางด้านข้าง วางระบบ 5-3-2 ใช้แบ็คเป็นปีก ตามสมัยนิยมในยุโรปขณะนั้น (เยอรมันแชมป์โลกเล่นระบบนี้) ซึ่งแต่ก่อนหน้านั้นบอลไทยขึ้นชื่อว่าเล่นบอลไม่มีสไตล์ มันก็ทำให้ระบบการเล่นไทยมีมาตรฐาน 3.จิตวิทยาดี วิธเป็นโค้ชที่อาจไม่เด่นด้านเทคนิคนัก แต่เด่นด้านการกระตุ้นนักเตะ ให้ใจสู้ ให้มั่นใจตัวเอง นักเตะไทยถึงได้พลิกล็อคชนะทีมที่เหนือกว่าได้บ่อยๆ ในยุคของเขา ในด้านฝีไม้ลายมือ วินนี่ ดีกว่าแน่นอน ด้านจิตวิทยา ผมว่าวินนี่ก็ไม่ธรรมดา ผลงาน ยังทำงานมาไม่นาน ก็เป็นช่วงที่จะต้องสร้างผลงาน แต่อาจต้องเหนื่อยหน่อย เพราะการเตรียมทีมชาติสมัยนี้ มันทำได้ลำบากกว่า ต้องพึ่งการทำงานของสมาคมอยู่มาก โค้ชระดับโลกอย่างวินนี่ ถ้าเราสนับสนุนเขาดีพอ ผลงานไทยน่าจะดีกว่ายุควิธนะ แต่หวังว่าคงไม่โดนไล่ออกเพราะไม่ใส่สูทตามคำสั่งของสมาคม อย่างวิธนะ (ตอนนั้นสมาคมมีร้านสูทเป็นสปอนเซอร์หรือไงหว๊ะ) จากคุณ : ไฮโซหนองใหญ่ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 18:28:55

ความคิดเห็นที่ 11 ยุควินนี่เล่นบอลเป็นระบบหลากหลายกว่า แต่ข้อเสียคือฟุตบอลลีกช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังพึ่งพัฒนา การเรียกเก็บตัวฝึกซ้อมเป็นเวลานานๆ เดินสายเก็บตัวต่างประเทศ จึงทำไ้ด้ยาก ไม่เหมือนยุคปีเตอร์ วิธ แต่ข้อดีนักฟุตบอลฝีเท้าดีๆเกิดขึ้นมากมาย มีตัวเลือกเยอะ แต่คงต้องใช้เวลาอีกซักพัก สมาคมฟุตบอลต้องให้ความร่วมมือวินนี่มากๆ โค้ชอยากเก็บตัววันไหน ให้สมาคมจัดให้ ไม่ใช่ไม่มีสนามซ้อมเหมือนยุค ปีเตอร์ รีด ให้ตายยังไงก็พัฒนายากถ้าทำแบบนั้น จากคุณ : ซุปเปอร์เดปอร์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 18:48:41

ความคิดเห็นที่ 12 ปีเตอร์ วิธ โชคดี เข้ามาในยุคที่ทีมชาติไทย มีนักฟุตบอลไทยซึ่งจัดได้ว่าฝีเท้าดีค่อนข้างเยอะ มีให้เลือกทั้งตัวเก๋าประสบการณ์สูงชุดดรีมทีม แล้วก็นักบอลหน้าใหม่ชุดเอเชี่ยนเกมส์ที่ปูซาน ถ้าถามว่าทีมชาติไทยยุคคนั้น มีพัฒนาการขึ้นหรือเปล่า ผมมองว่า นักฟุตบอลไทยยุคนั้นดีที่สุดแล้วในประวัติศาตร์ฟุตบอลไทย เพราะ ซีเกมส์ อาเซียนคัพ ไม่มีพลาดแชมป์ เอเชี่ยนเกมส์ ก็ไปไกลได้ที่ 4 2 ครั้งซ้อน เอเชี่ยนคัพ ก็ได้ไปเตะรอบสุดท้าย แต่ก็ทำได้เท่านั้น คือ พอไปเล่นทัวนาเมนต์ ชุดใหญ่รายการระดับเอเซีย ทีมไทยก็ยังสู้เขาไม่ได้อยู่ดี ส่วน วินเฟร็ด เชฟเฟอร์ ผมยังดูไม่ออกว่า เขาพัฒนาการทีมไทยดีขึ้นหรือเปล่า เพราะ ทีมชาติไทย ยุคหลังๆ มานี่ เหมือนถ่ายเลือดใหม่ สร้างทีมกันใหม่แทบจะยกชุด ยังดูไม่ออกว่า ทีมชาติไทย ยุคนี้ ดีกว่าเดิมหรือเปล่า ซูซูกิคัพ วัดผลอะไรแทบไม่ได้ เพราะ คู่แข่งไม่มีมาตรฐานเลย แถมรอบคัดเลือกไทยเป็นเจ้าบ้านอีก ต้องดูเอเชี่ยนคัพรอบคัดเลือกที่จะถึง ว่าจะผ่านไปเล่นรอบสุดท้ายกับเขาได้หรือเปล่า ถ้าผ่านไปได้ ก็แสดงว่า ทีมไทยพัฒนาขึ้น แต่ถ้าตกรอบคัดเลือก ก็แสดงว่า ทีมไทย ไม่ได้พัฒนาอะไรขึ้นเลย จากคุณ : มิตรภาพอาบยาพิษ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 18:54:25

ความคิดเห็นที่ 13 #12 คุณยกตัวอย่างไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเท่าไหรเลย ยุคนั้นดี ได้แชมป์อาเซียนคัพ แต่พอพูดถึงยุคนี้ คุณกลับบอกว่า มันแทบวัดผลอะไรไม่ได้ ผมว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปครับ สมัยก่อนเอเชี่ยนเกมส์มันเอาทีมชาติชุดใหญ่ไปเตะ ซีเกมส์ก็เช่นกัน แต่ในสมัยนี้มันต่างกัน มันใช้ชุด U-23 อีกทั้งครั้งก่อนหน้านี้โค้ชทีม U-23 ไม่ใช่วินนี่ แต่เป็นน้าเหม่ง บอลไทยมันเหมือนกราฟขาลงแล้วเพิ่งขึ้น ยุคปีเตอร์ วิธ ก็เหมือนขาขึ้น แต่ก็เจอขาลงไปพักเรื่อยๆ จนยุคปีเตอร์ รีด ก็ดูเหมือนจะดี พอเขาไป ร็อบสันทำห่วยแตกอีก จนมาถึงวินนี่ เราได้เห็นอะไรใหม่ๆ ตอนนี้เรามีบอลลีกที่เป็นรูปธรรมมากกว่าแต่ก่อน ไม่ได้มีเวลาเก็บตัวยาวๆเหมือนยุคนั้น ถ้าให้เทียบกันคนยาก อีกทั้งเทรนฟุตบอลที่ต่างไปด้วย จากคุณ : benzbento เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 19:21:13

ความคิดเห็นที่ 14 ผมมองว่า ทั้งปีเตอร์วิธ และวินนี่ แกสามารถปรับความเหมาะสมให้กับนักเตะไทยได้ดีทั้งคู่ บอลแต่ล่ะช่วงสมัย วิธีรูปแบบการเล่น ก็ปรับเปลี่ยนไป อีกอย่างตอนนี้ลีกเราก็ถือว่าพัฒนาตัวเองขึ้นมามาก ทำให้นักเตะไทยได้มีโอกาสเล่นกับสโมสสรได้เต็มหน่วย ตอนนี้ทีมชาติชุดนี้ถือว่ามาถูกทางแล้ว ค่อยๆมองทีล่ะก้าวครับ กว่าญี่ปุ่น เกาหลีใต้จะเป็นเต้ยฟุตบอลเอเซียยังใช้เวลาเลย คห.12 ถ้าคุณบอกย่านอาเซียน เราไม่มีมาตรฐาน แต่กว่าที่เราจะชนะแต่ล่ะนัดนี่ไม่ได้ง่ายเลยน่ะครับ มองว่าเค้าพัฒนาตามหลังเรามาซะมากกว่าอีก จากคุณ : Codemastle เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 20:59:51

ความคิดเห็นที่ 15 จริง ๆ แล้ว ปีเตอร์ วิธ ได้รับมรดกที่บิ๊กหอยเตรียมไว้ดีแล้วครับ นักเตะเกือบทั้งหมด มาจากชุดที่บิ๊กหอยปลุกปั้นมากับมือ ตั้งแต่ยุคน้าชัชคุมทีมไปแข่งเอเชียนเกมส์ที่ฮิโรชิมา มาจนถึงการสร้างดรีมทีมในยุคหลัง ๆ  และชุดนี้ ได้รับการดูแลอย่างดีมากที่สุดในบรรดานักเตะทีมชาติไทยตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเรื่องของสวัสดิการ และประสบการณ์ในการลงสนามระดับนานาชาติ เพราะฉะนั้น เมื่อปีเตอร์ วิธ เข้ามาคุม จึงเก็บเกี่ยวผลผลิตของบิ๊กหอยได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ไม่รวมถึง ทีมงานเก่ง ๆ อย่าง อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ที่คอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ถ้าในยุคก่อนหน้านั้น บิ๊กหอย ไม่ดื้อรั้นมากจนเกินไป หาโค้ชมีฝีมือต่างประเทศมาคุม แกก็คงไม่ต้องนั่งน้ำตาแตกเป็นประจำแน่ ๆ ส่วนกรณีของเชเฟอร์ ผมมองว่า แกทำทีมเป็นระบบดี การออกบอลเร็วขึ้น ไม่ต้องมากจังหวะ ซึ่งเหมาะกับทีมชาติไทยที่ความสามารถของนักเตะอยู่ในระดับกลาง ๆ เพราะฉะนั้น ต้องเน้นระบบทีม และความฟิตที่ดูดีมากกว่าชุดก่อน ๆ ที่ผ่านมา อีกอย่างคือเรื่องของการให้โอกาสนักเตะหน้าใหม่ ๆ ได้ลงสนาม ทำให้เกิดการแข่งขันกัน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทีมชาติไทยในอนาคต จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:33:16

ความคิดเห็นที่ 16 ผมชอบยุควินนี่ครับ เพราะมันไม่ง่ายที่จะทำทีมชาติไทย เล่นเป็นทีม เป็นระบบ ไม่นอกเกมมากนัก มีสมาธิ กับเกม ผู้เล่นทดแทนกันได้ ไม่พึ่งพาใครเป็นหลัก ขึ้นเกมไม่รีบ วิ่งเป็นตำแหน่ง เล่นแล้วไม่เหนื่อยเล่นเป็นทีมดี ทุกคนรู้ตำแหน่งหน้าที่ บอลแบบนี้ ทำไปนานจะเป็นผลดี จากคุณ : aweb เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:17:15

ความคิดเห็นที่ 17 ปีเตอร์วิช เหมือนยุคเด็กเส้น จากคุณ : เป็นไปไม่ได้หรือไม่ได้ทำ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:59:54

ความคิดเห็นที่ 18 ปีเตอร์วิธ เล่นระบบอะไรกันแน่อะ 3-5-2 ไม่ใช่เหรอ เห็นบนๆบอก 5-3-2 งงเลย จากคุณ : kookkai_adonis เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 00:02:53

ความคิดเห็นที่ 19 ปีเตอร์ วิธ นี่แทบจะเรียกว่ามาสร้างชือในการคุมทีมที่เมืองไทยเลยครับ เพราะก่อนหน้านั้นจำไม่ได้เลยว่าเคยคุมทีมอะไรมาก่อนที่อังกฤษ ผิดกับวินนี่ที่มีชื่อเสียงมีประสบการณ์การทำงานมานานมาก ทั้งระดับสโมสรและระดับชาติ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 02:22:12

ความคิดเห็นที่ 20 ผมกลับมองวิธีการเล่นในยุคของปีเตอร์ วิธ ต่างออกไปเล็กน้อย ทีมของวิธ ในช่วงนั้น มีกองกลางที่แข็งแกร่งมาก จำได้ว่ามิดฟิลด์ตัวรับ เทพทุกตัว อย่างเสนาะ โล่งสว่าง พวกเราชอบชมอดุลย์ หละโสะ แต่ผมว่าอดุลย์ยังเป็นรอง เสนาะอยู่หลายขุม อย่าว่าแต่เทพจริงๆ อย่างโค้ชจุ่น อนุรักษ์ ศรีเกิด ถ้า้น้องๆ คนไหน จะเสนอมิดฟิลด์เกมรับ ที่ดีกว่าเขา ลองเสนอชื่อมา นอกจากนี้ จะไม่พูดถึงโค้ชง้วน กับ พี่แบน คงไม่ได้ครับ คนหนึ่งไดนาโม เล่นลูกสั้นดี ยิงไกลดี อีกคนทะลุทะลวง จินตนาการสูง ไปกับบอลเองดี คล้ายๆ พอล สโคลล์ จึงมักจะยิงประตูไ้ด้บ่อยๆ ดังนั้น ถ้าพูดถึงเกมแดนกลาง ในยุคนั้น ไม่แพ้ใครเลย ซัดกับอิหร่าน เลบานอน เกาหลี ได้อย่างสูสี แต่ปัญหาของทีมในยุคนั้นคือ ทรัพยากรนักเตะมีน้อย ตัวสำรองคุณภาพสู้ตัวจริงไม่ได้ ตัวจริงเจ็บแล้วเสร็จเลย ทรงบอลความเป็นมืออาชีพน้อยกว่ายุีคนี้ อยู่กันด้วยใจมากกว่า ความหลากหลายในเกมน้อย กว่า ทีมชาติเราเดี๋ยวนี้เล่นได้หลายแบบ จะโยนให้กองหน้่าสูงๆ โหม่งทำทางก็ได้ จะใช้ปีกธรรมชาติโจมตี เล่นเหมือนแมนยูก็ได้ คิลเลอร์พาสก็มีให้เห็น ความสามารถนักเตะโดยเฉลี่ยพัฒนาขึ้น เอาง่ายๆ ผมว่าหลังเราไม่ค่อยกลัวลูกโด่ง แต่ไม่ใช่จุดแข็งนะครับ เล่นลูกโด่งได้ แต่ทีมยังมีจุดอ่อนเวลาถูกโจมตีด้านข้างด้วยลูกโด่ง ใจผมอยากให้เราเจอกับออสซี่เพื่อล้่างตาตอนแพ้ 4-0 อีกที ผมเชื่อว่าเราสู้ได้สูสี ถ้าแรงไม่หมดเพราะโดนบด สนุกแน่ครับ จากคุณ : norapob เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 07:45:23

ความคิดเห็นที่ 21 เรียน คห.18 ระบบ 3-5-2 กับ 5-3-2 มันก็ระบบเดียวกันหล่ะครับ แล้วแต่จะมอง ที่แน่ๆ คือมีเซนเตอร์แบ็ค 3 ตัว มีกลาง 3 ตัว มีหน้า 2 ตัว ทีนี้ จะมีตัวริมเส้น 2 ตัววิ่งขึ้นลงตลอด ซึ่งแล้วแต่จะมองว่าเป็น แบ็คเติมสูง หรือ มิดฟิลด์ริมเส้น อย่างทีมเยอรมันชุดแชมป์โลก เขาใช้ เบรเม่ห์ กับ แบร์โธล เป็นตัวริมเส้น ผมเห็นว่าตำแหน่งในสโมสรเล่นเป็นแบ็ค เลย เรียกระบบเยอรมันว่า 5-3-2   แต่หลายตำราเขาบอกว่านี่คือ 3-5-2 เบรเม่ห์หลายคนเขาว่าเป็นมิดฟิลด์ครับ ส่วนไอร์แลนด์ตอนบอลโลกสมัยนั้น มีแมคคาร์เทีย กับ รอย คีน(ตอนดาวรุ่ง) เป็นตัวริมเส้น ผมเรียกระบบนี้ว่า 3-5-2 เพราะถือว่าตอนเล่นสโมสร สองคนนี่เป็นกองกลางครับ แต่สมัยวิธ คุมทีมนี่ เขาบอกกับสื่อชัดเจนครับ ว่าเราเล่นระบบ 5-3-2 ใช้หลัง 5 ตัว ใช้แบ็คเป็นตัวริมเส้นครับ จากคุณ : ไฮโซหนองใหญ่ เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 09:39:57

ความคิดเห็นที่ 22 ผมชอบทั้งสองคน อย่างน้อยทั้งสองคนนี้คุมทีมก็ทำให้แฟนบอลไทยมีความสุข โม้ได้ เวลาทีมชาติลงเตะมีคนอยากเข้าไปดูจนต้องแย่งกันซื้อตั๋ว วิธีการคุมทีมแตกต่างกันแล้วแต่สไตล์แต่ละคน แต่ผลลัพธ์คือผลงานทีมชาติไทยดี คนไทยมึความสุขเมื่อดูฟุตบอล ผมโอเคละ จากคุณ : gaomask เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:12:28