ความคิดเห็นที่ 1 คิดเป็นค่าเฉลี่ยเลยดีกว่าครับ ว่า กี่ นัด/ประตู แต่สถิติทีมชาติเมสซี่ทำลายมุลเลอร์ไม่ได้แน่ เพราะมุลเลอร์ 62 นัด/68 ประตู หึหึ จากคุณ : [k]atalan เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 21:08:05

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ครับ คิดแค่ในรอบปี ส่วนเรื่องจำนวนนัด ไม่ลองคิดบ้างว่า จำนวนนัดเยอะขึ้น = มุลเลอร์อาจจะกรอบได้เหมือนกัน หรือเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บได้ง่ายขึ้น จากคุณ : King of Extreme เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 21:10:12

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่คิดสิครับ ชื่อสถิติก็บอกอยู่แล้วว่า ยิงประตูมากที่สุดในรอบ 1 ปี (1 ม.ค.-31 ธ.ค.ในปีนั้น) ไม่ต้องนับนัดที่ลงหรอกครับ เพราะไม่เกี่ยวกับสถิติ ไม่งั้น ถ้ามีคนที่ลงแค่นาทีเดียวทั้งปี ลงไปยิงแล้วเจ็บเลย ไม่ได้ลงอีก ก็คงได้สถิติต่อนาทีที่ลงสนามเทพสุดๆละครับ ส่วนเรื่องนัมเบอร์วันผมว่า ทั้งมูลเลอร์และเมสซี่ก็เป็นนัมเบอร์วันในยุคของแต่ละคนอยู่ละครับ ใครจะเหนือกว่าใครก็แล้วแต่ความเห็นส่วนตัวละครับ จากคุณ : คนชอบฟัง เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 21:10:47

ความคิดเห็นที่ 4 Godfrey เจ๋งกว่าเยอะ จากคุณ : KapampaBlue เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 21:15:12

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าเอาจริงๆอาจจะมีคนยิงเยอะกว่าปู่แกรดด้วยซ้ำ แต่ไม่มีใครยื่นเรื่อง หรือทักท้วงอ่ะไร หรือบ้างสมาคม บางประเทศยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสถิติแบบนี้ด้วย เราคนไทยหลายๆคนก็มารู้ตอนเมสซี่จฃจะทำลายสถิติเนี่นแหละ จากคุณ : machoiso เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 21:19:30

ความคิดเห็นที่ 6 คิดแค่ในรอบปีนะ ใน 1 ปียิงได้กี่ลูก แต่ไม่ค่อยมีใครเห็นว่าไม่ยุติธรรมหรอกนะ เพราะท่านลองไปสังเกตดูตามเทรนด์ได้เลย พวกที่ยิงกันได้เยอะๆเป็นกอบเป็นกำ ถล่มทลายหลายลูกนั้น ส่วนใหญ่อยู่ยุคโบราณทั้งนั้น ปัจจัยของบอลสมัยใหม่นี้ มีทั้ง - ความนิยมในการเล่นเกมรับเน้นผลการแข่งขันมากขึ้น(เพราะเป็นธุรกิจมากกว่าแต่ก่อนเยอะ) - แทคติคแผนการในเกมรับพัฒนาขึ้นมาก - ผู้เล่นกองหลัง มีเทคนิคดีขึ้นกว่าสมัยก่อนค่อนข้างมาก ไม่จำเป็นต้องใช้แต่แรงหรือเน้นเข้าหนักเท่าสมัยก่อน มีสาเหตุที่สำคัญอีกคือ 1. เทคโนโลยีพัฒนาไปมาก ทั้งการสื่อสาร การบันทึก สมัยนี้ใครเด่นจะถูกเก็บข้อมูลไปวิเคราะห์อย่างละเอียด มีเทปบันทึกไว้หมด ถ่ายทอดให้เห็นกันชัดๆหลากหลายมุม สโลว์โมชั่นอย่างละเอียด ทำให้บรรดาคู่แข่งนำไปพัฒนาหาวิธีจัดการให้อยู่หมัดได้ง่ายขึ้นเยอะ ต่างกับสมัยก่อนที่ การบันทึกก็ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่ต้องไปดูด้วยตาเปล่า ถึงจะค่อยเห็นชัดๆว่านักเตะคนนี้ใช้เทคนิคยังไง เด่นถนัดยังไงถึงยิงได้ดี แล้วควรจะรับมืออย่างไร จะเห็นได้ว่าสมัยนี้มีการที่นักบอลเด่นๆพรสวรรค์สูงแจ้งเกิดกันขึ้นมาเป็นจำนวนมาก แต่ไม่นานพอถูกจับทางได้ก็ดับๆเงียบๆไป จะอยู่รอดต้องเก่งของแท้จริงๆ 2. การที่มีจำนวนนัดให้เตะเยอะขึ้น บวกกับความเป็นธุรกิจมากขึ้น ใช่ว่าจะเป็นผลดี เหมือนดาบสองคม ในด้านหนึ่งกลับเป็นผลร้าย เพราะโปรแกรมเตะถี่มากๆ ทำให้นักเตะกรอบกันเป็นแถวๆ (ช่วงนี้ก็ดูอย่างสามหนุ่มสามประสานเชลซี เป็นต้น) เหมือนทำงานติดๆกันตลอด ดูเหมือนจะทำให้ได้งานเยอะกว่า แต่กลายเป็นประสิทธิภาพกลับต่ำลงกว่าให้มีพักเป็นช่วงๆ คนที่เค้นฟอร์มได้สม่ำเสมออย่างโด้7 หรือเมสซี่นั้น ต้องมีความพิเศษไม่น้อย แม้แต่ขนาดเมสซี่เองถ้าตามดูตลอดก็จะเห็นว่าช่วงที่กรอบก็ล้ามากจริงๆ วิ่งอืดกว่ากองหลังซะอีกซึ่งผิดปกติวิสัย ก็มี สรุปคือ จะเห็นเลยว่าทศวรรษหลังๆมานี้ หาใครมีจำนวนยิงที่จะใกล้เคียงระดับนี้ไม่มีเลย เพราะมันทำยากมากจริงๆ พอเมสซี่ทำได้ ก็เลยเป็นข่าวที่คนสนใจเยอะ หลายๆคนทึ่ง และส่วนใหญ่ก็ชื่นชมยินดี แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 55 21:37:58 จากคุณ : ตะวันที่ชื่อจันทรา เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 21:32:42

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ก่อนแม่มยิงกันกระจาย ระบบทีมและกติกาก็ไม่เหมือนสมัยนี้ 100 % จากคุณ : รอคอย ณ ดอยหนาว เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 21:44:00

ความคิดเห็นที่ 8 #6 เห็นด้วย สมัยนี้ใครจะยิงได้เยอะ80-90ลูกต่อปี เป็นไรที่ต้องสุดยอดมากๆ ห้ามเจ็บนาน และไม่ใช่แค่บุคคลอย่างเดียว ทีมต้องเทพมากๆด้วย ถ้าเผลอตกรอบแรกไรเงี้ย โอกาสก็ทำได้น้อยแล้ว พูดง่ายที่เมสซี่ทำได้เพราะ 1.ฟอร์มสม่ำเสมอ ไม่มีเจ็บนาน 2.ความสำเร็จโดยรวมของทีม 3.สภาพแวดล้อมในทีม รูปแบบการเล่น บุกแหลกแบบบารซ่า 4.การได้ลงสม่ำเสมอ อันนี้ก็ต้องวัดใจโค้ชแต่ละคนด้วย เพราะถ้าเมสซี่อยู่แมนยูเซอรไม่ให้ลงบ่อยแบบนี้แน่ๆ 5.เพื่อนปั้น อันนี้ก็สำคัญ เช่น จากเมสไม่ค่อยได้ยิงฟรึคิก แต่หลังมานี้ได้ยิงคนเดียวเลย (อย่าเพิ่งแขวะโด้นะ) ฟรีคิกกับลูกโทษผมเชื่อว่ามีคนยิงดีกว่าเมสซี่แน่ๆ แต่ถ้าจะแขวะไอ่โด้เรื่องยิงฟรีคิกพอได้ แต่ลูกโทษมันแม่นสุดแล้ว ผมกล้าพนันเลยว่าปีหน้าและอีกหลายๆปีนี้ ไม่ว่าเมสซี่หรือใคร ก็จะทำลายสถิติปีนี้ของเมสซี่ไม่ได้แน่นอน เพราะปีนี้มันเป็นปรากฎการณ์ของเมสซี่จริงๆ มีมาทุกอย่าง ทั้งเก่ง ทั้งเฮง ทั้งดวง เอาล็ิอคอินเป็นเดิมพันเลยอ่ะ55 แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 55 21:57:19 จากคุณ : machoiso เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 21:54:22

ความคิดเห็นที่ 9 นาย A ลง 50 นัด ยิงได้ 80 ลูก นาย B ลง 500 นัด ยิงได้ 81 ลูก นาย B ก็ได้ลงสถิติว่ายิงสูงสุดครับ แต่ส่วนว่า นาย A เก่งกว่านาย B หรือปล่าวอันนี้คงแล้วแต่ละคนคิดครับ จากคุณ : เบอร์8คอกลม เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 22:03:44

ความคิดเห็นที่ 10 107 - มหาเทพ Godfrey Chitalu ซูเปอร์สไตร์เกอร์ในตำนานแห่งกาฬทวีป ทำไว้ในปี 1972 106 105 104 103 102 101 100 99 98 97 96 95 94 93 92 91 90 <------------- เป้าหมายของเมสซี่ ก่อนหน้าการปรากฏตัวของมหาเทพตัวละครลับ 89 - "ซิโก้" เปเล่ขาวแห่งฟลามิงโก้ ทำไว้ในปี1979 แต่ไม่ทราบจำนวนนัดที่แน่นอน 88 <------------- เมสซี่ ณ.ปัจจุบัน ทำได้จากการลงสนาม 67นัด 87 86 - เมสซี่ ทำได้ในปี 2012 จากการลงสนาม 66นัด 85 - เกิร์ด มุลเลอร์ ตำนานทีมชาติเยอรมัน ทำไว้ในปี 1972 จากการลงเล่น 60นัด 84 83 82 81 80 79 78 77 76 - เมสซี่ ทำได้ในปี2012 จากการลงสนาม 59นัด 75 - "เปเล่" ราชันลูกหนังโลก ทำไว้ในปี 1958 จากการลงสนาม 53นัด 74 73 72 71 70 69 68 67 66 65 64 63 62 - คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำได้ ณ.ปัจจุบัน เป็นการวอร์มอัพก่อนจะเอาจริงในปี 2013 61 60 จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 22:31:18

ความคิดเห็นที่ 11 - -" จากคุณ : aunubis เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 22:39:17

ความคิดเห็นที่ 12 ยังแพ้รุ่นน้องผมนะ เตะบอลสัปดาห์ละ 1 วันตลอดปี เป็นทั้งหมด 52 วัน แต่ยิงได้วันละ3-5ลูก อาจจะเตะหลายเกมต่อวันมหาเทพยังต้องไปต่อคิวรุ่นน้องผมนะ เรื่องประตูรวม อิอิ จากคุณ : Virus-N เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 22:47:48

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท.คงกระจ่างแล้วนะคะ จากคุณ : nancya9 เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 22:53:20

ความคิดเห็นที่ 14 คห10  ตอบไม่ตรงคำถามนะครับ จากคุณ : unthaphan เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 23:05:27

ความคิดเห็นที่ 15 #14 เห็น จขกท ถามถึงเรื่องจำนวนนัด ก็เลยเอาจำนวนนัดมาให้ดูไงครับเท่าที่รู้ แยกให้เห็นแบบชัดๆ ให้ดูง่ายๆ จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 23:09:06

ความคิดเห็นที่ 16 เฮ้ย งั้นผมมา defend ให้นักเตะยุคเก่าบ้างดีกว่า นักเตะสมัยก่อนรายได้ไม่เยอะเท่าสมัยนี้นะครับ ชีวิตก็ไม่ได้สุขสบาย อยากได้อะไรก็ได้ขนาดนี้ นักเตะสมัยนี้รายได้เยอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินๆทองๆ ครอบครัวอยู่ไกล เป็นโฮมซิก จ่ายเงินค่าเครื่องแป๊บเดียวก็บินไปมาหากันได้แล้ว เรื่องโภชนาการก็คงไม่ดีเท่าสมัยนี้ ไหนจะเทคโนโลยีรองเท้า ลูกฟุตบอล เสื้อฟุตบอล สมัยก่อนนักเตะบางคนยังดื่มเหล้าสูบบุหรี่กันอยู่เลย ระบบไม่ได้เป็นมืออาชีพแบบทุกวันนี้ วิทยาศาสตร์การกีฬาสมัยก่อนก็ด้อยกว่า เจ็บทีกว่าจะหาย ยังไงก็ช้ากว่าสมัยนี้ ไหนจะเรื่องสภาพสนามที่ สนามสมัยก่อนก็ตะปุ่มตะป่ำ โดยเฉลี่ยหญ้าก็ไม่ได้เรียบดีเท่าสมัยนี้แน่นอน หน้าหนาวหิมะตกๆก็ทนๆเล่นบอลส้มกันไป เรื่องเทคโนโลยี สมัยก่อนก็ไม่มีการเก็บบันทึก เกมรับฝ่ายตรงข้ามข้อดีข้อด้อยยังไงก็ไม่รู้ ดังนั้นจะวางแผนเกมบุก บางทีก็ไม่รู้ว่าจะเจาะยังไง ไม่เหมือนสมัยนี้ ที่มีเกม record ไว้ให้ดูว่าจะเจาะเกมรับยังไง จุดอ่อนเกมรับคู่ต่อสู้อยู่ตรงไหน สมัยก่อน ในเกมยอมให้เปลี่ยนตัวได้แค่คนเดียวด้วยซ้ำ นักเตะเจ็บก็ทนเล่นกันไป ไม่เหมือนสมัยนี้ที่เปลี่ยนได้ 3 คน แถม option ในม้านั่งอีกเพียบ (อันนี้ผมไม่ได้หมายถึงยุคมุลเลอร์นะ) คือผมจะบอกว่า pros-cons ของยุคเก่ายุคใหม่มันมีทั้งนั้นแหละครับ แล้วแต่จะหยิบจับอะไรออกมาเล่า มันมีความยาก-ง่ายของแต่ละยุคสมัยแตกต่างกันออกไป ความจริงก็คือเมสซี่ยิงประตู/ปี แซงหน้ามุลเลอร์ไปแล้ว แต่ goal/game มุลเลอร์ก็ยังเหนือกว่า ถ้าทุกคนยอมรับใน FACT เรื่องมันก็จบ จากคุณ : นักมายากลแห่งรัสเซีย เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 23:20:05

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยกับคุณ นักมายากลแห่งรัสเซีย ในสมัยก่อน เกมรับอาจจะไม่มีแท็กติกมากเท่าปัจจุบัน แต่ในทางกลับกัน เกมรุกก็เช่นเดียวกัน มันไม่ได้มีระบบการเข้าทำที่หลากหลายเอื้อตัวรุกแบบปัจจุบันนี้ ไม่มีระบบ tiki taka ทำชิ่ง เคลื่อนที่เข้าไปยิงได้ง่ายๆแบบปัจจุบัน ส่วนใหญ่นักเตะตัวรุกก็ต้องลากลุยฝ่าดงแข้งสตั๊ดโหดๆเข้าไปยิงเป็นหลัก ไม่มีการแบ๊คเติมตลอดเกม วิ่งสอดมาจากแถวสอง หลากหลายมากมายแบบแท็กติกเกมรุกปัจจุบันนี้หรอก การล้ำหน้า สมัยก่อนหากมีใครซักคนล้ำคือล้ำทันที ไม่มีการอ้างว่าไม่เกี่ยวกับเกม แบบทุกวันนี้ กองหลังก็สามารถส่งคืนโกล์ใช้มือรับได้ แถมใบเหลืองใบแดงก็ออกยากมาก นักเตะแบบเปเป้ รามอส โจอี้บาร์ตัน ในสมัยก่อนมีมากมายแทบทุกทีม โหดกว่าพวกนี้ยังมีเลย แถมไม่โดนใบแดงง่ายๆด้วยสิ เสียบจากข้างหลังก็ได้อีกต่างหาก กระโดดโหม่งกางศอกก็เป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นนักเตะเกมรุก ถ้าไม่แกร่งจริง ไม่มีทางยืนระยะยิงได้ตลอดปีอย่างแน่นอน เพราะกติกา+กรรมการไม่ปกป้องแบบทุกวันนี้ ลองเอาพวกนักเตะปัจจุบันบางคนไปเล่นสิ ไม่เกิน10นัดอาจเดี้ยงนอนใส่เฝือกอยู่บนเตียงโรงพยาบาลกันหมดแล้ว และอย่าลืมว่าสมัยก่อน พวกนักกายภาพ physio วิทยาการต่างๆ ก็ยังไม่รุดหน้าแบบปัจจุบัน การช่วยฟื้นสภาพกล้ามเนื้อให้นักกีฬาในแต่ละเกม ยังไงก็ไม่เท่าปัจจุบันอยู่แล้ว ลงสนามไป 10นาที เจอสอยโหดๆไปแล้ว3-4ครั้ง แต่คู่แข่งไม่โดนใบเหลืองซักคน ถ้าใครไม่แกร่งจริง ไม่มีทางเล่นถึง30นัดต่อซีซั่นได้แน่นอน ไหนจะสนามที่พื้นไม่เรียบ ต้องลุยโคลน ฝุ่น หิมะ ฝน ฯลฯ ไม่มีระบบทำความร้อนใต้พื้นสนามมาคอยปรับสภาพสนามแบบปัจจุบันหรอก อุปกรณ์อย่างรองเท้าที่หนักอึ้งเวลาลุยโคลน ลูกฟุตบอลหนักอึ้ง เสื้อผ้าอุ้มน้ำ ไม่ระบายอากาศดีพอ ดังนั้นอย่าดูถูกฟุตบอลสมัยก่อนให้มากเกินไป หากคุณไม่ได้ผ่านยุคสมัยความยากลำบากนั้นมากับตัวเอง ก็อย่าได้คิดว่ามันหมู จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 00:23:03

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าทุกคนยอมรับใน FACT เรื่องมันก็จบ เห็นด้วยกับประโยคนี้อย่างยิ่งครับ เน้นว่า"ทุกคน"เลยนะครับ ที่เถียงกันไปเถียงกันมาก็เพราะไม่ยอมรับความจริง หาเหตุผลข้างๆคูๆมาเข้าข้างขวัญใจตัวเอง-กดหัวอีกฝ่ายลง เป็นกันทั้งสองฝ่ายเลยน่ะแหละครับ จากคุณ : ฮีโร่ในยามยาก เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 00:41:16

ความคิดเห็นที่ 19 คิดแบบไม่สนนัดที่ลงผมว่าดีแล้วหล่ะ ถ้าคิดจำนวนนัดด้วย แล้วเกิดมีนักเตะคนนึง ลงนัดแรกของปีทำดับเบิ้ลแฮททริคได้ แต่ขาเกิดหัก อดลงเล่นทั้งปี สถิติของนายคนนี้ก็จะกลายเป็น 600% กลายเป็นอันดับ 1 ไปเลย แบบนี้ดีแล้วเหรอ??? จากคุณ : บักจืดจาง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 01:46:43

ความคิดเห็นที่ 20 #16 "คือผมจะบอกว่า pros-cons ของยุคเก่ายุคใหม่มันมีทั้งนั้นแหละครับ แล้วแต่จะหยิบจับอะไรออกมาเล่า มันมีความยาก-ง่ายของแต่ละยุคสมัยแตกต่างกันออกไป" พูดได้ดีเลยท่าน ก็นั่นเองล่ะประเด็นที่แท้จริง คนเค้าถึงยอมรับกันไง ว่าไม่ได้ไม่ยุติธรรมตรงไหน เมสซี่ทำได้ครั้งนี้ คนถึงยอมรับนับกันว่าสุดยอดมาก ไม่ได้มีข้อน่าติติง ถ่วงอะไรอีกกับจำนวนประตู แล้วก็จริง ส่วนใหญ่ก็ชื่นชมยินดีกันทั้งโลก นักข่าวกีฬา คนในวงการเองก็ทึ่งกันเป็นจำนวนไม่น้อย เค้าย่อมคิดคำนึงถึงข้อได้-เสียเปรียบมาอยู่แล้ว ก่อนจะปริปากชมกัน (โดยเฉพาะนักข่าวสายกีฬา พวกที่คนเห็นว่าน่าเชื่อถือในการโหวตบัลลงดอร์นั่นแหละ) ก็นั่นแหละ เพราะมันมีข้อหักล้างกันไปเรียบร้อยแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จึงเห็นว่า fair fair ดีอยู่ ส่วนจำนวนประตู ต่อ จำนวนนัดที่ลงแข่ง คำนวนอัตราส่วนประตูต่อนัด ก็เป็น fact นึง ที่จดไว้ เป็นสถิติตัวนึง ก็ไม่แปลกอะไร ไม่ได้มีใครว่าอะไร แม้ลงแค่ 10-30 นัด ก็สามารถมีอัตราส่วนมหาศาลที่ดูสุดยอดก็ได้ เป็นเรื่องธรรมดาของตัวเลข ปัญหาจริงๆอยู่ตรงนี้ต่างหาก=> การหยิบเอาข้อมูลตัวเลขแค่เพียงอันเดียว มาตัดสินถ่วงดุลเรื่องทั้งเรื่อง บางคนไม่คิดคำนึง factor อะไรให้รอบเลย ยกมาง่ายๆแค่สมการเดียว ประตู/นัด เป็นธงหลัก แล้วก็หยิบเอามาพยายาม present อ้างอย่างนั้นอย่างนี้จนเกินไป ว่ายังใช้ไม่ได้ บลาๆ... สวนกระแสชาวโลกและคนในวงการส่วนใหญ่ ไม่มีใครไม่ยอมรับสถิติตัวเลขจำนวนประตู/นัด  แต่คนบางกลุ่มต่างหากที่ไม่ยอมรับปรากฏการณ์ใหม่ (จะด้วยยึดติดอดีตอันหอมหวานหรืออะไรก็ตามแต่) ซึ่งก็มักจะพยายาม present ตัวเลขนี้ชี้นำมานั่นเอง เพราะเอามาใช้ง่าย ไม่ก็มักเสนอข้อมูลด้านเดียว ว่าของเก่าดีกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่ค่อยเห็นจะยอมรับอย่างท่านว่ามานั่นแหละ ว่า cons ของยุคใหม่ มันก็มีอยู่มิใช่น้อย นี่แหละคือการ "กดหัว" ที่ตลกและไม่ค่อยแฟร์ แต่พบเห็นได้เป็นระยะๆ ถ้าเอาง่ายๆก็สามารถทำได้ อย่างแกล้งมาปล่อย หรือทำถามหาตัวเลขนี้ห้วนๆ แล้วจากไป ทำทิ้งให้คนตะหงิดตะขิดตะขวงแบบได้ผลง่ายๆ อย่างน้อย สถิติก็ไม่เคยหลอกใคร สมัยนี้ถ้ายิงง่ายกว่า กองหน้าโหดๆที่ได้รับความสบายเสริมเติมจากเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ ก็คงยิงกันเฉียดหลัก 70+ ได้หลายต่อหลายคนแล้ว แต่ความจริงคือ หาที่ใกล้เคียงยังแทบไม่มี หรือน้อยมาก ส่อว่า cons ของยุคใหม่มีอิทธิพลมากไม่น้อยจริงๆ "FACT" อันนี้ หลายๆคนยังไม่(อยาก)ยอมรับ... แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 02:04:26 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 01:56:16 จากคุณ : ตะวันที่ชื่อจันทรา เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 01:50:16

ความคิดเห็นที่ 21 #10 สวยดีครับ แบบนี้ดูง่ายเลย แต่อย่าลืมใส่นัดที่ลงเล่นของคนวอร์มอัพด้วยสิ จากคุณ : บักจืดจาง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 01:50:55

ความคิดเห็นที่ 22 #21 เห็นด้วยจริงๆ เรียงมาสวยเลย เขียนน่ารักดีด้วย แต่มหาเทพ Godfry นี่ตกลงได้รับการตรวจสอบ officail จาก fifa แล้วรึยังอ่ะ ตกลง ถ้าผลออกมาว่ามีบางเกมที่ไม่ได้มาตรฐาน ตัวเลขมันก็อาจจะลดไปอีกโขนะ ไม่ใช่ 107 จากคุณ : ตะวันที่ชื่อจันทรา เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 02:00:34

ความคิดเห็นที่ 23 #20 ถ้าวัดตามสถิติจริงๆ ฟุตบอลในยุค70s ถือเป็นยุคที่กองหน้าทำประตูกันได้ยากพอๆกับปัจจุบันแล้วนะ เพราะนับตั้งแต่จบฟุตบอลโลก 1962 ศาสตร์ฟุตบอลเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเน้นเกมรับมากขึ้น เตะแหลก เตะโหดกระจาย อุดประตูเน้นโต้กลับ แท็กติกเกมรับมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตลอด แต่แท็กติกเกมรุกพัฒนาตามไปไม่ทัน จำนวนประตูลดลงฮวบฮาบ โดยเฉพาะในยุค80-90 เป็นยุคที่คาเตนัคโช่รุ่งเรืองมาก เน้นอุดประตู ตัดเกม กองหลังส่งคืนโกล์ถ่วงเวลา ฯลฯ ลองคิดรายชื่อพวกดาวยิงดังๆหลังยุค 1970 หาได้น้อยมากที่จะยิงประตูได้เฉลี่ยมากกว่า1ประตูต่อเกม เปเล่ ยูเซบิโอ ที่ว่าสถิติยิงโหดๆในยุค60 แต่ในยุค 70s สถิติก็ลดลงฮวบฮาบเช่นกัน อัตราทำประตูของพวกกองหน้าดังๆทั่วไป ก็ประมาณ 0.6 -0.7 ลูกต่อนัด พอๆกับกองหน้าในยุคปัจจุบันนี่แหละ โอเคถ้าเป็นฟุตบอลยุคโบราณก่อนหน้าเปเล่ อันนั้นยิงกันกระจายจริงๆตามสถิติ ซัดกันทีละ 7-4 ,5-3 เป็นสกอร์ปกติ แต่ทั้งมุลเลอร์ และมหาเทพ Godfrey ทำสถิติในปี 1972 ซึ่งถือว่าเป็นยุคที่ฟุตบอลยิงประตูยากพอๆกับปัจจุบันแล้ว การที่พวกเขายิงเฉลี่ยต่อเกมได้มากขนาดนั้น ก็ต้องถือว่าพวกเขาสุดยอดจริง เป็นปรากฏการณ์ พวกเขาไม่ได้อยู่ในยุคที่กองหน้ายิงประตูกันง่ายๆถล่มทลายอย่างที่คุณคิดหรอก ลองไปค้นสถิติกองหน้าคนอื่นๆดูได้เลย อย่างมหาเทพ Godfrey ที่ยิง 107 ประตู ก็ทิ้งห่าง Bernard Chanda ดาวซัลโวที่ตามมาอันดับสองถึง57ประตู ก็คือกว่าครึ่งเลยทีเดียว ยุคสมัยที่พวกกองหน้ายิงกันกระจาย มันเป็นช่วงก่อนหน้ายุค 70s หลายปีพอสมควรทีดียว แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 03:23:38 จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 03:03:19

ความคิดเห็นที่ 24 แหม่ ซาโนะ ~!!!!! จากคุณ : ภรรยาเมสซี่ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 03:14:02

ความคิดเห็นที่ 25 ต้องยอมเสียกิ๊ฟให้ซาโนะ #10 จริงๆ ยิ่งโดยเฉพาะบรรทัดล่าง โอยยยยยยย ไม่ได้ขำเยาะเย้ยนะ แค่ขำเพราะเข้าใจคิดจริงจริ๊ง พ่อคูณณณณณณ จากคุณ : Barca'naL_uffy เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 06:57:07

ความคิดเห็นที่ 26 มันตั้งมาไม่กลัวเงิบเลย fifa เขายังไม่รับรองผลเลย รอก่อนก็ไม่เสียหลาย จากคุณ : unthaphan เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 12:24:22

ความคิดเห็นที่ 27 ผิดตรงไหนครับ ที่ในหนึ่งปี รักษาสภาพร่างกายดีกว่า ไม่บาดเจ็บไม่ป่วยไข้ ทำให้ลงสนามแข่งขันได้มากนัดกว่า ใครมีปัญญาเตะ ได้ 500 นัดต่อปี 1000 นัดต่อปีแล้วยิงได้มากกว่าเมสซี่ก็เชิญ ....... ส่วนประเด็น Godfrey มันออกจะแปลกๆ เพราะทำไมฟีฟ่าไม่เคยรับรอง ก่อนหน้าไม่เคยมีใครโวย ปล่อยให้สถิติเป็นของเกิร์ด มุลเลอร์ ได้ไง ? จากคุณ : หนุ่มบางปะกง เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 14:48:12