 |
ช่วงปี 2523 - 2529 ผมมักมีส่วนร่วมเหตการณ์สำคัญๆในสนามแห่งนี้อยู่เสมอ..
ทั้ง..
นัดอำลาสนามของสิงห์สนามศุภฯนิวัตร ศรีสวัสดิ์ ที่ทีมกรุงเทพ 11 เสมอกับ โคเวนทรีไป 2 - 2
หรือ การมาเยือนเมืองไทยของ เควิน คีแกน กับทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
และ การมี " ดับเบิ้ลบิ๊กแม๊ตช์ "
วันเสาร์... ลิเวอร์พูลชุดแชมป์ดิวิชั่น 1 ปี 1983 ถล่มแบ็งค์กรุงเทพ 3 - 0
ในสัปดาห์เดียวกันนั้นเอง บาเยิร์น มิวนิค แชมป์บุนเดสลีก้าที่นำทีมมาโดย " ไอ้หนูแก้มแดง " คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้
ใส่ชุดปะหน่าอก " แม่โขง " ไล่ถล่มทีมกรุงเทพผสมไป 7 - 2 ผมก็อยู่ในสนาม
ยิ่งทัวนาเม๊นต์ คิงส์คัพ ที่ไทยเอดวลแข้งกับ เกาหลีเหนือ , เกาหลีใต้ และ วันสนามแตกชิงกับเดนมาร์กชุดโอลิมปิคที่มี ชไมเคิ่ล ,ไบรอัน เลาดรูป
ผมก็ลงไปนั่งอยู่บนลู่วิ่งกับเขาเหมือนกัน
ใน ซีเกมส์ปี 2528 วันไทยไล่ถล่มอินโดนีเซียกระจัดกระจาย 5 หรือ 6 ประตูต่อ 1 ในรอบรองชนะเลิศ
หรือ นัดชิงที่ไทยเอาชนะสิงค์โปร์ 2 - 1 นั้น ผมกับเพื่อนก็ยืนเฮกันสนั่นที่ด้านหลังโกล์ทั้ง 2 แม๊ตช์
แต่ช่วงหลังมานี่ เพราะหน้าที่การงาน และ การที่ต้องย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดทำให้เส้นทางของผมกับสนามศุภฯเหินห่างกันไป...
แต่ความทรงจำของผมกับสนามศุภฯ สิ่งหนึ่ง ที่นึกย้อนไปถึงแล้วทำให้ต้องอมยิ้ม ผสมกับ การเวทนาตัวเอง
ที่เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่...
" ไม่สมควรกระทำตามเป็นอย่างยิ่ง "
ก็คือ..
ในช่วงปี 2524 ในทัวนาเม๊นต์ควีนส์คัพนัดหนึ่ง
ผมกับเพื่อนซี้ มีเงินไม่พอซื้อตั๋วทางด้านอัฐจรรย์กระถางคบเพลิง
ไอ้เพื่อนจอมแสบก็ดันเสนอไอเดียว่า... " ซื้อด้านหลังโกล์ก็พอ แล้วค่อยไปแอบปีนรั้วข้ามไปทางด้านกระถางคบเพลิงเอาก็ได้ "
ไอ้ผมก็ดันเห็นดีเห็นงามกับมันไปด้วย
พอเกมเตะกันไปแบบที่คนดูทั้งสนามกำลังได้ลุ้น
ผมกับเพื่อนก็เริ่มปฎิบัติการณ์ " Mission Impossible "
เดินขึ้นไปชั้นบนสุดของอัฐจรรย์หลังโกล์ แล้ว ปีนกำแพงสนามข้ามฝากลงไปยังด้านกระถางคบเพลิง
อย่างน่าหวาดเสียวแก่สายตาของคนในสนามที่หันมาดู
ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุด พวกผมทั้งสองลิง จะข้ามไปได้อย่างปลอดภัย
แต่ก็โดนเจ้าหน้าที่สนามมาตักเตือน ให้ โอวาทอยู่เป็นนานสองนาน
มาถึงวันนี้ พอมานั่งย้อนนึกกลับไปถึงวันนั้น
ถ้าผมหรือเพื่อน ดันปีนพลาดท่าร่วงตกอัฐจรรย์ลงไปตาย
คงได้เป็น...
" 2 ผีเด็กเฝ้าสนามศุภฯ มายันวันนี้แน่ๆเลย "
> Shine on you crazy diamond <
จากคุณ |
:
Romancini
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ธ.ค. 55 01:31:54
|
|
|
|
 |