เมื่อวานผมนัดเพื่อนนักเขียนคนหนึ่งไว้ตอนห้าโมงเย็นแถวปากเกร็ด เพื่อนคนนี้เพิ่งไปเตะตะกร้อชินลงที่พม่ามา เขาจะลาออกจากงานที่เกินเงินเดือนหลายหมื่นหมื่นบาท เพื่อจะมาเป็นนักเขียนตกยาก
ผมแนะนำว่า น่าจะจัดระเบียบชีวิตให้ดีสิ ทำงานไปด้วย เขียนหนังสือไปด้วย
เขาว่า พี่ไม่เข้าใจ ถ้าทำงานกินเงินเดือนขนาดนี้ เจ้านายเขาไม่ยอมให้เราได้มีเวลาเป็นของตัวเองหรอก
ผมก็ว่า งั้นก็ตามใจ ลาออกเลย ขอให้พระเจ้านำทาง เมื่อผมนัดเพื่อนไว้ห้าโมงเย็น ผมก็ต้องไปซ้อมตอนบ่ายสามโมง
ผมให้โปรรัชนีคนสวย(ตอนนี้ท้องได้สองเดือนแล้ว)จัดการหาพัตเตอร์มาให้ผม เธอก็จัดการมาให้ในราคาสองพันกว่าบาท น่าจะพอแก้ขัดไปได้ ไว้เก่ง ๆ ค่อยคิดหาซื้อของแพงมาใช้ ผมเคยเล่าให้ฟังไปรอบหนึ่งหนึ่งแล้ว เรื่องโปรรัชนี จู่ ๆ ก็มากระซิบบอกผมว่า พี่หนูท้อง ผมตกใจเลย แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว เพราะว่า ผมไม่น่าจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้
ผมคำนวณเวลาแล้ว พบว่าเธอตั้งครรภ์ช่วงเดียวกับที่ผมไปเรียนวันแรก ๆ ถ้าถูกเนื้อต้องตัวผมแล้วตั้งครรภ์ ผมก็คงมีลูกอยู่ในท้องเธอได้สองเดือนพอดี
แต่ผมไม่ใช่ปลากัดก็เลยรอดตัวไป ผมเล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาผมฟัง ภรรยาผมบอกว่า ผมนี่คิดแต่เรื่องร้าย ๆ ลองไปอยู่กับเขาสิ แล้วจะรู้ว่าใครก็ทนผมไม่ได้ ผมหัวเราะหึ ๆ ไม่กล้าเถียง ที่จริงผมคิดว่า ผมออกจะดี อย่างน้อยก็ใจดี ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับภรรยา แถมบางครั้งก็ยังไม่สู้หน้าด้วย เมื่อวานผมซ้อมเต็มวงตลอด และก็ตีได้ดีจนโปรฯรัชนีเข้ามาชม มันลอยไปไกลเกือบร้อยหกสิบ เกือบทุกครั้งที่หวดลงไป แต่แปลกใจมากที่ลงสนามจริงกลับทำแทบไม่ได้เลย
ผมเองก็รู้ตัวว่า มันไม่เหมือนตอนซ้อม ไปอยู่ในสนามแล้วมันตื่นเต้น กลัวจะผิด กลัวจะพลาด กลัวพวกพี่ ๆ จะระอาใจ สุดท้ายมันก็ผิด ไม่ได้ดังใจแม้แต่ลูกเดียว
ตอนซ้อมกลับเป็นอีกเรื่อง
ทำไมถึงตีได้ดีนักก็ไม่รู้ นึกถึงบทเรียนที่โปรฯสอนทุกอย่าง
หนึ่ง ท่าต้องสวย
สอง ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะไปไกลหรือไม่ไกล
สาม ถ้าท่าสวยลูกมันก็จะไปของมันเอง เรื่องนี้ผมจำแม่น แต่พอเจอของจริงกลับคิดแต่จะหวดให้ไกล ตีให้แรงอย่างเดียว
ผลก็คือ ฉึก มันวิ่งไปจอดอยู่ไม่ห่างปลายเท้าสักเท่าไร
ถ้าผมเป็นโปรฯ ผมจะพูดกับลูกศิษย์สมองทึบที่ยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ข้าง ๆ ว่า เรียนหนังสือแล้วโง่ เล่นกอล์ฟแล้วทำไมหัวไวนัก
จากคุณ |
:
kajohnrit
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ธ.ค. 55 17:45:28
|
|
|
|