ความคิดเห็นที่ 1 ช่วงนั่น กิ้ก เบ็คส์ ช่วงพีก ขึ้นเกมส์ทางปีกอย่างเดียวเลย เวรอนเลยไม่เด่น บอลกัลโช่เล่นช้ากว่าeplมากๆ เวรอนดับสนิท จากคุณ : Cantochicha เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 18:11:55

ความคิดเห็นที่ 2 ช่วงนั้นเป็นช่วงแรกๆที่เฟอร์กี้ใช้ระบบที่ว่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่ทะลุปรุโปร่งมากนัก เขาต้องลองผิดลองถูก เรียนรู้แทกติกต่างๆต่อมาอีกมากมายขนาดไหน กว่าจะเข้าใจระบบ4-5-1ได้ถ่องแท้ขนาดนี้ หากเวรอนตอนพีคๆ มาเล่นในระบบ 4-5-1 ของเฟอร์กี้ในยุคปัจจุบัน อาจจะเป็นโคตรบอลเลยก็ได้ จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 18:14:57

ความคิดเห็นที่ 3 ครับ การมาของเวรอนทำให้เฟอร์กี้ต้องดันสโคลส์ไปยืนเป็นหน้าต่ำ ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่ถนัดเท่าไร สโคลส์จะเล่นได้ดีที่สุดเมื่อยืนตรงกลางคู่กับรอยคีน ประกอบกับเวรอนที่โชฟอร์มไม่ดีเท่ากับตอนที่เล่นลาซิโอ ระบบนี้เลยไม่ค่อยเวิร์คเท่าไร มันขาดๆเกินๆ ทั้งนี้่ทั้งนั้นเป็นเพราะเฟอร์กี้พยายามจะปรับระบบเพื่อเวรอนโดยเฉพาะ และอีกอย่างผมว่าเวรอนเป็นนักเตะที่ช้า เหมือนกับจังหวะการออกบอลของเค้ามันไม่ตรงกับจังหวะกับบอลอังกฤษซักเท่าไหร่ การเล่นของเวรอนจะเหมาะกับลีกอิตาลีมากกว่า ระบบนี้เลยต้องล่มไป แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 18:19:18 จากคุณ : มะมะมะแมดเนส เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 18:18:44

ความคิดเห็นที่ 4 แหม กระทู้วัดอายุกันอีกแล้ว ผมมันยุค เคลฟเวอรี่ อันแดร์สัน เลยต้องไปดูคลิปแล้วมาตอบให้เลยนะครับ ใช่ครับการมาของเวรอนทำให้กระทบต่อ lineup และรูปแบบการเล่นอยู่พอควร ตอนนั้นที่ป๋าเซ็นต์เวรอนมาด้วยการการันตีตัวจริงครับ แล้วดูแผงกลางเรา กิ๊ก - สโคลส์ - คีโน่ - เบ็คส์ คู่กลางคือสโคลส์กับคีโน่ ที่ตอนนั้นดีเกินกว่าที่จะดรอปมานั่งข้างสนาม เวรกรรมเลยมาตกอยู่กับพวกกองหน้า เช่น ยอร์ค-โคลด์ ที่เริ่มจะโรยรา น้าโอเล่ย์ ที่ดูจะเหมาะเป็นซุปเปอร์ซัพมากกว่า ฟอร์ลันที่ตอนนั้นยังหวังอะไรไม่ได้ การวางรุดเป็นหน้าเป้าตอนนั้นเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ และด้วยปีกทั้ง 2 ด้วยแหละ ที่ทำให้มันยอดเยี่ยม กลางมีหน้าที่ถ่ายบอลไปปีก ถ้าซ้ายกิ๊กส์ก็กระชาก แล้วเปิดหรือตัดเข้าไปยิง หรือถ้าไปขวาป๋าเบ็คส์ก็โยนแม่นชิอ๋าย ถ้าบอลมาถึงรุดก็ยิงหรือโหม่งได้แบบคมๆ ถ้าบอลกระฉอกหรือตันก็จะมีแถวสองอย่างสโคลส์หรือลูกพี่คีโน่อยู่ แต่การมาของเวรอนมันทำให้จังหวะที่เคยเร็วมันกลายเป็นช้าไปซะอย่างงั้น เลยไม่ค่อยเวิร์ค แต่ยอมรับว่าทักษะแกดีจริงๆ ติดว่าไม่ค่อยเล่นบอลจังหวะ 50-50 เท่าไหร่ พอใกล้มีแข่งทีมชาติแกจะยั้งไม่เข้าแลกในหลายๆจังหวะ จนลูกพี่คีโน่ไม่พอใจอยู่เหมือนกันนะตอนนั้น จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 19:11:24

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนเวรอนอยู่แมนยู ชอบจ่ายให้เพื่อนโดนเตะ คือพี่แกจะคลึงบอลรอจังหวะ พอคู่แข่งบี้พรวดเข้าถึงตัว แกก็จะยัดบอลไปให้เพื่อนคนที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที แบบไม่ดูอะไรทั้งสิ้น ผลคือสโคลล์ที่ชอบมารองบอลจากเวรอนบ่อยๆ โดนเตะจนอ่วม เพราะพี่แกจ่ายไม่เคยสนใจว่าเพื่อนจะโดนประกบอยู่รึเปล่า เอาตัวกรูรอดก่อนเป็นพอ 55 จากคุณ : หมีพูห์แห่งง่อไบ๊ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:49:46

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนั้นนักเตะแมนยูฟอร์มตกครับ เพื่อนผมยอมรับว่าอย่างนั้น เป็นช่วงที่แมนยูเปลี่ยนระบบจากกองหน้าคู่ มาเป็นกองหน้าตัวเดียว ยอมรับว่าไม่ได้ตามจริงๆ จังๆ เท่าไหร่ รู้แต่ผลและฟีดแบ็กหลังเกมสื ผลการแข่งออกมาไม่ประทับใจเลยลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนแมนยูสองฤดูกาลก่อน ผมตีความเอาในตอนนั้นว่าระบบการเล่น เพราะจากการที่ตัวเองเล่นเกมส์ฟุตบอลเมเนเจอร์แล้วไม่เห็นชอบกับระบบการเล่นนี้ แต่เพื่อนผมว่า นักเตะแมนยูฟอร์มตก เป็นปีแรกๆ ที่ฟานนิสเตอร์รอย มา  ฟอร์มดีมาก ทั้งที่เล่นกองหน้าตัวเดียวแต่พี่รุดก็ทำประตูได้เรื่อยๆ อดทึ่งไม่ได้ เอาจริงๆ ตอนนนั้นผมมองว่าแมนยูต้องมิดฟิลด์มาเพิ่มเสียหน่อย แต่ไม่นึกว่าจะได้ตัวเป้งมา ทำให้สโคลต้องกลายเป็นตัวสำรองบ่อยครั้ง ไม่สโคลล์ก็คนอื่นที่ต้องหลีกให้เวรอน จริงๆ การที่นึกได้ว่าเราได้เกมเมกเกอร์ของทีมที่เก่งที่สุดในโลกอย่างอาร์เจน ก็ดีใจใช่หยอกนะครับแต่ผลไม่ดีอย่างที่คิดเท่าไหร่ จากคุณ : PYK-S เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 22:05:30

ความคิดเห็นที่ 7 Beckham ไม่ใช่ปีกที่เอาตัวรอดเก่งครับ เขาจะต้องพักบอล แล้วทำชิ่งกับแบคขวาก่อน เพื่อหาโอกาสเปิด เบค ไม่ใช่โรนัลโด้ หรือ กิ๊กส์ ที่จะเลื้อยเข้าไปสร้างโอกาสเองได้ ดังนั้น มันจึงเหมือนเล่น 451 มากกว่า 433 ในยุคหลังที่ปีกแบบ รูน และ โด้ สามารถ พลิกเอาตัวรอดได้ จากคุณ : vdi เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:24:37

ความคิดเห็นที่ 8 ผมชอบ คห.ที่4 กับคนให้กิฟคนแรกจังเลย ดูชื่อคนให้กิฟ กับ คห.ย่อหน้าแรกของคห.4 จะเข้ากันได้ดี จากคุณ : อมยิ้มสยาม เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 02:23:32

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนที่เล่นทีมชาติตอนนั้น อาร์เจนจะเล่น 3-5-2 จำไำด้ว่าอัลเมด้าจะเป็นตัวตัดเกม เวรอนอยู่ข้างหน้าคอยเชื่อมเกม ส่วนออร์เตก้าจะเป็นตัวรุก ธรรมชาติของเวรอนจึงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนที่มาก แค่รับบอลจากกองหลัง แล้วใช้สายตามองดูเพื่อนเพื่อจ่าย ที่เล่นในทีมชาติจะจ่ายขวางสนามซะเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็จ่ายให้ออร์เตก้าเพื่อเลี้ยงเข้าไปอีกที ความมีชื่อเสียงของแกเพราะแกจ่ายบอลได้แม่นเหลือเกิน ตอนนั้นป๋าคงอยากได้ไว้เชื่อมเกมร่วมกับคีนและสโคลส์ แต่บอลอังกฤษเล่นกันเร็วเกินไป พอแกรับบอล คู่ต่อสู้ก็ประชิดตัวแกแล้ว ทำให้แกไม่มีเวลาดูเพื่อนที่จะส่งบอล บอลจึงเสียที่แกบ่อยมาก จากคุณ : jengchai เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 10:25:22

ความคิดเห็นที่ 10 จริงๆอยากจะบอกตามตรงว่า ระบบนี้ไม่รุ่งอย่างแรงครับ ตอนปิดฤดูกาลผมเห็นทั้ง เวรอน ทั้ง รุด ชูเสื้อ หวังว่าปีนั้นจะกระหน่ำคว้าแชมป์ที่ไหนได้ดันเล่นกันไม่ดี ส่วนเวรอนแกทั้งช้ากับจ่ายบอลผิดจังหวะหลายครั้งครับ แถมออกลูกขี้เกียจด้วย เลยไม่ประสบความสำเร็จในเสื้อสีแดง อีกอย่างคือเบ็คแฮม ไม่ใช่ปีกแบบแพรวพราว เหมือนพวกปีกยุคหลังๆ ปีกแบบแก พอมีรุด เป็นกองหน้าตัวเป้าให้ตัวเดียว ทำให้การออกบอลเหมือนล็อคให้เป็นแบบเดียว ซึ่งยังดีที่ตารุดแกเก่ง แถมยิงกระจายด้วยครับ จะว่าไปตอนนั้นจำได้ว่ากองหลัง+ประตู ช่วงผลัดใบจากปีสามแชมป์ แทบจะเรียกว่าแย่ทีเดียวก่อนจะได้น้าซามา สรุปว่าแผนนี้อาจจะเข้าท่า ถ้ามีตัวผู้เล่นที่เหมาะนะครับ แต่ตอนนั้นต้อง 4-4-2 ถึงจะดีครับ จากคุณ : shadowmoo เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 13:53:31

ความคิดเห็นที่ 11 และทีสำคัญ ปีนั้น ดันปล่อยเซนเตอร์ตัวหลักของทีม แล้วไปเอา นักเตะวัย 35 มารอปลดเกษียณซะงั้น จากคุณ : vdi เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 22:33:29