ความคิดเห็นที่ 1 ตามธรรมเนียมต้องกางแผนที่ของสถานที่ก่อน  แม้ว่าวัดสุทัศนวราราม จะเป็นที่รู้จักกันตามปกติก็ตาม แต่การเดินทางมาที่นี่ บางคนก็ยังนึกไม่ออก เพราะไม่ได้อยู่บนถนนสายหลักของกรุงเทพฯ  คือ ถนนบำรุงเมืองที่เริ่มจาก ถนนกัลยาณไมตรี (เป็นถนนด้านข้างกระทรวงกลาโหมกับ กรมแผนที่ทหาร) ตรงสะพานช้างโรงสี ที่ข้ามคลองคูเมืองเดิมมา ผ่านสี่แยกสี่กั๊กเสาชิงช้า ตรงมาผ่านเสาชิงช้า ด้านหน้าวัด  เลยไปแยกแม้นศรี ข้ามสะพานกษัตริย์ศึก ออกมายัง แยกปทุมวัน(มาบุญครอง) มาต่อด้วยถนนเพลินจิต และ ถนนสุขุมวิท ได้เลย  ในขณะที่ขากลับ จะเป็นช่วง OneWay วิ่งไปไม่ได้หลายช่วงมาก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 16:38:00

ความคิดเห็นที่ 2 ไปด้วยคนคะ ;) จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 16:42:58

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนใหญ่การมายังวัดสุทัศน์ แห่งนี้จะใช้ถนนราชดำเนินกลางเป็นหลัก ทำให้รู้สึกไม่ง่ายที่เลี้ยวเข้ามายังวัดได้ เพราะถนนดินสอใกล้ๆ กลับเป็น OneWay สวนทางออกมา การเข้าถึงวัดจึงต้องอ้อมๆ ไปยัง สี่แยกคอกวัว แล้วเลี้ยวซ้าย เมื่อถึง สี่กั๊กเสาชิงช้ากลับมาอีกที   ถ้ามาจาก แยกผ่านฟ้า ก็ชิดซ้ายเมื่อลงสะพาน(ชิดป้อมมหากาฬ) แล้วชิดขวาตั้งแต่หน้าวัดราชนัดดา แล้วเขาซอยเล็กๆ ตรงมายังด้านหน้าศาลาว่าการกทม.ได้ ถ้ามาจาก สะพานพุทธ หรือ สะพานพระปกเกล้า ก็ให้ตรงไปด้านข้าง ดิโอลด์สยาม ซึ่งเป็น OneWay แล้วก็จะไปเจอสามแยก บังคับเลี้ยวขวา เช่นกัน แต่ถ้ามาจาก ถ.เยาราช นี่ก็ยากนิดนึง ตรงที่เมื่อเลยสวนรมณีนาถ แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเล็กๆ เลียบสวน มาออกที่ ถ.อุณากรรณ กลับรถเข้าวัดได้ จากแผนที่ข้างล่างแสดงด้วยเส้นลูกศรสีเหลืองขอบดำ ทั้ง 4 เส้นทางครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 16:56:03

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีครับ คุณBROWN STITCH : ด้วยความยินดี เชิญติดตามมาได้เลยครับ มัวอธิบายเรื่องแผนที่ มากเกินไปหน่อย (กลัวมาไม่ถูก ครับ แบบว่าถ้าไม่ได้ตั้งใจมา มักจะเจอประจำ เสาชิงช้านี่ แต่ถ้าตั้งใจ ก็หาทางเข้าไม่ได้สักที วนรถเสียหลายรอบเลย) จากรูปข้างล่าง เป็นมุมกล้องมองออกไปจากริมถนนหน้าวัด จะเห็นเสาชิงช้า และ ศาลาว่าการกรุงเทพฯ  (ลืมถ่ายย้อนกลับเข้ามา..  ที่จริงถ่ายไว้เหมือนกัน แต่เป็นตอนมืด แสงไม่พอ ภาพเลยมัวไปหมด)   เสาชิงช้านี้ ที่จริงก็ทำหน้าที่เหมือนวงเวียน แต่อยู่บนเกาะกลางถนนยาวๆ แทน เราสามารถเวียนขวาเข้าวัดได้เสมอ  (ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาไปจอดรถยนต์กันตรงไหน วันนั้นผมไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์ครับ) ภาพที่ได้อาจไม่สดใสนัก เพราะถ่ายด้วยกล้อง Ricoh ตัวเก่าที่ถ่ายในที่แสงน้อยๆ ไม่ค่อยได้ แถม White Balance ก็ออกแดงๆ ในขณะที่ปัจจุบันนี้ผมถ่ายด้วยกล้อง Kodak เพราะเจ้า Ricoh ได้หายไปเมื่อต้นปี พ.ศ.2552 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 17:12:24

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนเข้าไป เจอการประดับบานประตูรั้ววัดด้วยต้นไม้ ดูแปลกดีเลยเก็บภาพมาให้ดูกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 17:16:09

ความคิดเห็นที่ 6 ภาพซ้าย : เมื่อก้าวผ่านประตูรั้ววัดด้านหน้าเข้ามาแล้ว  ก็จะเจอจุดชำระเงินสำหรับชาวต่างชาติ (20 บาท) อันเป็นค่าบำรุงสถานที่ แล้วก็จะเจอประตูด้านใน ทันที ซึ่งผมได้หันหลังกลับไปถ่ายภาพด้านหน้า(นอก)วัด  ก็จะเห็นเสาชิงช้า และ ศาลาว่าการกทม. ครับ ภาพขวา : ก้าวผ่านประตูใน เข้ามาแล้ว หันกลับไปถ่ายภาพบานประตูสวยๆ อีก ลักษณะเป็นภาพลงรักปิดทอง หุ้มด้วยกรอบพลาสติคอีกชั้น กันมือคนไปจับเกิดความสกปรกและความเค็มจากเหงื่ออาจกัดสีภาพเสียหายได้) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 17:30:57

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนนี้ข้างหน้าผมก็คือ พระวิหารที่ประดิษฐานองค์พระประธาน พระศรีศากยมุณี(พระโต) ซึ่งอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ในสมัยรัชกาลที่ 1  ซึ่งตอนนั้น วัดยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ มาเสร็จบริบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 พ.ศ.2390 ครับ จากรูปจะเห็น ศาลเล็กๆแบบจีน ทำด้วยหิน อยู่ข้างหน้าพระวิหาร  แต่ไม่มีข้อมูลใดๆ บอก ทำให้คิดว่าต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับชาวจีนแน่นอน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 17:40:32

ความคิดเห็นที่ 8 ลอง Close Up ศาลเจ้าเล็กๆ (เหมือนศาลเจ้าที่ ประจำบ้านคนจีน) ดูเล็กน้อย จะเห็นความปราณีตในการสร้าง เหมือนของจริง ที่วัดจีนเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 17:49:39

ความคิดเห็นที่ 9 ภาพซ้าย : แหงนดูขึ้นไปบนหลังคาพระวิหาร จะเห็นหน้าบรรณ สวยงาม จนดูคล้ายกับ พระอุโบสถ (แต่ที่จริงไม่ใช่ เพราะ พระอุโบสถจริงๆ จะอยู่ด้านหลัง พระวิหารนี้อีกทีครับ) ภาพขวา : ลองเล็งภาพพระประธานภายในพระวิหารจากประตูด้านหน้าดู นับว่างดงามมาก หากแต่ ภาพที่ได้ค่อนข้างจะมัวไปหน่อย เพราะเป็นเวลาเย็น ห้าโมงครึ่งไปแล้ว ถ้าผมจำไม่ผิด คาดว่าเราจะเข้าประตูนี้ไม่ได้ ต้องเลี่ยงไปเข้าประตูด้านหน้าถัดไป ที่มีทั้งสองข้าง เพราะมีแท่นที่บูชาพระอยู่ด้านหน้าประตูนี้พอดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 17:56:03

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อผมได้เข้ามาในพระวิหารแล้ว ก็ขอบันทึกภาพ พระประธาน พระศรีศากมุณี (พระโต) ชัดๆ แบบเต็มองค์มาให้ดูกันหน่อย นับว่างดงามอ่อนช้อย ตามรูปแบบศิลปะสุโขทัย บรรยากาศภายในพระวิหารนั้นร่มเย็นอย่างมาก มีผู้คนมานั่งสมาธิกันหลายท่าน จนทำให้ผมรู้สึกเกรงใจ ไม่อยากจะกดภาพให้มีเสียงรบกวน ยิ่งแฟลชแล้วต้องงดอย่างเด็ดขาด ภาพเลยออกมามัวๆ ไปหน่อยนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 18:11:04

ความคิดเห็นที่ 11 เนื่องจาก พระวิหารมีลักษณะแคบแต่สูง จึงทำให้ยากแก่การบันทึกภาพได้ เรียกว่า ต้องแหงนคอตั้งบ่าดูผนังภายในพระวิหารกันเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 18:18:55

ความคิดเห็นที่ 12 นี่เป็นด้านหลังขององค์พระประธาน (ที่หลายคนมักไม่ค่อยเห็น - Unseen)  จะเห็นฐานองค์พระสูงและปราณีตมาก  มองไปข้างหน้าองค์พระ จะเห็นผนังพระวิหารด้านหน้า ก็มีลวดลายเช่นกัน  ถ้าได้มาเห็นด้วยตาตัวเองจะสวยกว่าในภาพมากครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 18:22:03

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 18:27:32

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพซ้าย : ตรงระหว่างด้านหลังองค์พระประธานกับ ผนังด้านหลังพระวิหาร จะมีช่องว่างไม่น้อย ภาพขวา : ซึ่งด้านล่างตรงฐานองค์พระ จะมีแท่นบูชาพระอยู่ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 18:36:16

ความคิดเห็นที่ 15 ตามมาเที่ยวชมวัดสุทัศน์ค่ะ นั่งรถผ่านประจำแต่ไม่เคยแวะ ต่างกับวัดโพธิ์แวะจนนับครั้งไม่ถ้วน แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 53 18:49:48 จากคุณ : Memories pink เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 18:48:49

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับ คุณdigimontamer : นับว่าไม่พลาดเลยสำหรับกระทู้ผม ขอบคุณเช่นกันครับ ช่วงนี้ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกลๆ เลยวนๆ อยู่แถวกรุงเทพฯ  อ้อ..มีไปวัดอยุธยา และเมืองประวัติศาสตร์ด้วย ถ้ามีเวลาจะลงให้ แต่ปีใหม่นี้ มีคิวไปเดินสำรวจอุโมงค์รถไฟภาคเหนือ กับสะพานด้วย ถ้าไม่ติดขัดจะนำภาพกลับมาให้ชมกันอย่างจุใจครับ ภาพซ้าย : ผมเดินออกมาทางประตูด้านหลังพระวิหาร โอ้โฮ..กลางคืนยิ่งดูสวยจากแสงสี น่าเสียดายกล้องผมไม่สามารถเก็บความงามนี้มาให้ชมกันได้เต็มที่ครับ ภาพกลาง : หันกลับไปดูประตูด้านหลังพระวิหารที่เพิ่งเดินผ่านมา จะเห็นฐานองค์พระประธาน และประตูด้านหน้าพระวิหารเล็กน้อย ครับ ภาพขวา : หันมาทางขวามือ ก็คือด้านข้างพระวิหาร ที่มีระยะห่างระหว่างเสากับ ผนังด้านนอกแคบมาก  แต่ก็ยังมองเห็นเสาชิงช้าด้านหน้าวัดได้ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 19:22:07

ความคิดเห็นที่ 17 สวัสดีครับ คุณMemories pink : ยินดีต้อนรับครับ  คงรู้สึกแปลกใจว่า ผมมาเที่ยววัดทั้งที ทำไมมาตอนค่ำๆ มืดๆอย่างนี้ (ได้ยินเสียงพระกำลังสวดมนต์เย็นด้วย)   ก็พอดีมีธุระแถวๆนั้น เลยแวะเข้ามา  ก็อย่างที่คุณบอกนั่นแหละครับ ผ่านบ่อยๆ แต่ไม่ได้แวะ อาจเป็นด้วยว่า ไม่ได้มีการโปรโมทการท่องเที่ยว เท่ากับวัดอื่นๆ และเท่าที่เห็น คนมาที่นี่ ก็ดูเป็นคนแถวนี้ มานั่งทำสมาธิกันเงียบๆ ครับ รูปข้างล่างนี้ ผมเดินกลับมาทางด้านหน้าพระวิหารแล้วครับ จะเห็นเจดีย์หิน 6 ชั้น ที่เรียกว่า "ถะ" วางอยู่ตรงกลาง(ขวาง) บันไดกลางเลย (เลยต้องใช้ประตูหน้าทั้งสองข้าง เพื่อจะได้ตรงกับบันไดข้างล่างพอดี)   ซึ่ง เจดีย์หินนี้จะมีทั้งหมด 28 องค์ อันหมายถึง พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ (มุม 4 ด้านหน้า 5 หลัง 5 ซ้าย 7 ขวา 7) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 19:37:29

ความคิดเห็นที่ 18 เพื่อนดูภาพในคห.16 และ 17 แล้วอย่างง ว่าเอ๊ะ..ฟ้ามืดแล้ว ทำไมกลับมาสว่างอีก  เนื่องจากเวลาที่ไปถ่ายจริงๆ ไม่ได้เรียงลำดับอย่างในกระทู้ ที่อยากเรียบเรียงให้เข้าใจง่ายถึงความสัมพันธ์ของสถานที่ และการเดินกล้องครับ คือตอนที่บันทึกภาพด้านหน้า พระวิหารนี้เป็นเวลา ยังไม่ถึง 6 โมงเย็นครับ  ภาพข้างล่างนี้ ขอเก็บภาพพระวิหารเต็มๆ หน่อย ซึ่งนับว่ายาก เพราะมีเนื้อที่น้อย ด้านหลังผมติดกับ ระเบียงคต (วิหารคต) ที่ล้อมรอบพระวิหารอีกทีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 19:51:29

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อกี้เป็นแนวสูง คราวนี้เป็นแนวกว้างบ้าง (แต่ก็ยังไม่เต็มอยู่ดี  ตอนนั้นผมยังไม่มีกล้องที่ถ่ายภาพแบบพานอรามาด้วย) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 19:57:16

ความคิดเห็นที่ 20 มองไปทางซ้ายมืออีก จะเห็น วิหารคต หรือระเบียงคต เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น จำนวน 156 องค์โดยรอบ ซึ่งจะมีประตูทั้ง 4 ด้าน(ผมเรียกว่าประตูใน ให้ต่างกับประตูรั้ววัดครับ) มุมนี้ยังมองเห็นพระอุโบสถอยู่ด้านหลัง ที่ผมทราบเพราะได้ยินเสียงพระสวดมนต์จากข้างในดังออกมาครับ อ้อ..นอกจากนี้ ยังมีรูปปั้นม้าสำริด ที่มุมทั้ง 4  บนฐานพระวิหาร(ไพที) 1 ตัว พื้นข้างล่าง 1 ตัว รวมทั้งหมดเป็น 8 ตัว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 20:07:43

ความคิดเห็นที่ 21 หันไปข้างหลังผมก็คือ วิหารคตแนวด้านหน้าพระวิหาร(ติดประตูหน้าที่เดินเข้ามา) ด้านหน้ามีต้นไม้ดัด เรียงรายอย่างเป็นระเบียบครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 20:12:02

ความคิดเห็นที่ 22 ลองเดินเข้าไปชมพระพุทธรูป ในวิหารคตกันหน่อย  มีสีทองอร่ามไม่เหมือนดังข้อมูลที่ได้มาว่าเป็นปูนปั้นเลย ลักษณะเหมือนกันหมด จำนวน 156 องค์ (ดูด้วยสายตาแล้วไม่น่าถึง  เพื่อนๆ ถ้ามีเวลาก็ลองมาเดินนับเอาเองนะครับ ถ้าสมาธิไม่นิ่ง ผมว่านับอย่างไรก็ไม่ตรง  แต่ถ้าหากใช้คณิตศาสตร์เข้ามาช่วย สมมติว่าวิหารคตเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมจตุรัส ทุกด้านเท่ากัน ก็หาร 4 ไป ก็มีองค์พระด้านละ 44 องค์ ฝั่งหนึ่งของแต่ละด้านก็ 22 องค์ ถ้าองค์พระประดิษฐานเท่ากันทุกด้าน ถ้าไม่ใช่ก็ลองนับอีกด้านหนึ่งมาเทียบแล้วคำนวณดู ก็น่าจะประเมินได้เช่นกันนะครับ) แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 53 20:51:59 แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 53 20:28:09 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 20:17:16

ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อมองทางด้านซ้ายของพระวิหาร(ยืนหันหน้าเข้าพระวิหาร) ลองไปดูทางด้านขวาบ้าง ก็ต้องสะดุดตากับ รูปปั้นที่อยู่ตรงมุมวิหารคต ครับ ลองเดินเข้าไปดูใกล้ๆ นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 20:55:35

ความคิดเห็นที่ 24 รูปปั้นนี้คือ พระบรมราชานุสรณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 ซึ่งได้มีการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ มาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนีเมื่อ วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2493 ด้วย (พระองค์ท่านเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.2498)  เพราะในระหว่างการนิวัติพระนครครั้งแรก เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2481 นั้น พระองค์ได้เสด็จมาที่วัดนี้ และมีพระราชดำรัสกล่าวว่า "ที่นี่สงบเงียบน่าอยู่จริง" ดังนั้น เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต จึงได้นำพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์มาประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้ นอกจากนี้ ในวันที่ 9 มิถุนายน ของทุกๆ ปี อันเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์  ยังได้มีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล ณ.ที่แห่งนี้ ด้วย  นับเป็นข้อมูลใหม่ที่ผมไม่เคยทราบมาก่อนครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 21:17:51

ความคิดเห็นที่ 25 นอกจาก พระบรมราชานุสรณ์แห่งนี้แล้วยังมีอีกหลายแห่ง ครับ  เช่นหน้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, โรงพยาบาลอานันทมหิดล จ.ลพบุรี,  โรงเรียนเทพศิรินทร์,  โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย, สวนหลวงพระราม 8(ใต้สะพานพระราม 8), วัดนางรอง ต.สาริกา จ.นครนายก เป็นต้น ครับ ภาพข้างล่างคือ พระบรมรูปท่าน ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดนางรอง ซึ่งมีประวัติความเป็นมาเล็กน้อย คือ สมเด็จย่าท่านได้สร้างขึ้นมาถวายไว้ที่วัดนี้ในปี พ.ศ.2514  จนเมื่อปี พ.ศ. 2546 จึงได้มีการสร้างมณฑปเชิญประดิษฐานไว้ พร้อมๆ กับพระบรมรูปของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ครับ น่าสนใจเหมือนกัน ข้อมูลเกี่ยวกับวัดนางรองแห่งนี้ มีลิ้งค์ข้างล่าง http://www.watnangrong.com/ ผมเองผ่านไปแถวนั้นก็หลายครั้ง ก็ยังไม่เคยทราบว่าวัดนี้มีอะไรดีๆ น่าไปมากเหมือนกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 21:50:04

ความคิดเห็นที่ 26 จากบริเวณด้านข้างพระบรมรูปรัชกาลที่ 8 ผมได้ถ่ายภาพด้านข้างของพระวิหารอีกด้าน   ผมได้สังเกตุเห็นศาลาเล็กๆ บนฐานพระวิหาร(ไพที) ที่มีเฉพาะด้านหน้าเท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 21:58:39

ความคิดเห็นที่ 27 แพนกล้องไปด้านหลังพระวิหารดูบ้าง เป็นพื้นที่โล่งๆ ไปจนถึงวิหารคต รอบๆ ในรูปนี้ผมเน้นกระเบื้องปูพื้นครับ ส่วนใหญ่จะผิวเรียบ หน้าฝนนี่ ถ้าเดินต้องระวังลื่นกันหน่อย เพราะดูแล้วมีแผ่นที่ผิวน่าจะสากๆ อยู่ห่างๆ กัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 22:03:00

ความคิดเห็นที่ 28 ลองหันกล้องมาทางด้านหน้าพระวิหารบ้าง ก็จะเป็นภาพคนละด้านกับ คห.18  แต่เน้นศาลด้านหน้า และทางขึ้นพระวิหาร ที่เป็นบันได 2 ช่วง  โดยช่วงล่างเป็น 2 ฟาก แล้วมารวมกันเป็นบันไดเดี่ยวตรงกลางอีกทีครับ วันนี้ดึกแล้วขอพักกระทู้ไว้แค่นี้ก่อน ไว้พรุ่งนี้มาต่อกันให้จบครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 22:09:43

ความคิดเห็นที่ 29 เที่ยวแบบได้สาระกันอีกแล้ว ชอบครับ ^^ จากคุณ : แมลงภู่บนหูกระต่าย เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 23:17:10

ความคิดเห็นที่ 30 ตามมาเที่ยวต่อครับ จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 23:31:36

ความคิดเห็นที่ 31 มาลงชื่อให้กำลังใจคนทำรีวิว จะได้ดูอีกนานๆจ้า จากคุณ : แม่ค้าลูกชิ้นนึ่ง เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 00:34:16

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีครับ คุณแมลงภู่บนหูกระต่าย , คุณRed Fox และคุณแม่ค้าลูกชิ้นนึ่ง : ขอบคุณทุกท่านครับ วันนี้ผมมีธุระ กว่าจะมาต่อก็เย็นเข้าไปแล้ว หลังจากออกจากวัดสุทัศนเทพวราราม อันมีชื่อเต็มเป็นทางการว่า "วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร" พอดีค้นไปค้นมาเจอเว็บให้ข้อมูลวัดนี้ จากคุณกาดำ น่าสนใจทำดูแล้วอ่านง่าย เด็กๆ ชอบ ครับ http://www.everykid.com/wat/suthat.html เสร็จแล้วก็ใช้ถนนดินสอ (ต้นถนนจากหน้าวัดนี่แหละ สิ้นสุดแค่ จุดตัดถนนพระสุเมรุเท่านั้น นับว่าเป็นถนนที่สั้นจริงๆ) ผ่านด้านข้างศาลาว่าการกรุงเทพฯ มาออก ถ.ราชดำเนินกลาง ก็พบกับ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเด่นสง่ากลางสี่แยก ซึ่งหันไปทางซ้าย และขวา ก็มีการประดับไฟกัน เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ตอนนั้นใจก็คิดว่า ถ้ามีโอกาสก็จะลองเดินข้ามถนนไปเก็บภาพรายละเอียดใกล้ๆ ดูสักครั้งครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 17:27:13

ความคิดเห็นที่ 33 ผ่านมาปีกว่าๆ ผมก็ได้มีโอกาสแวะไปสัมผัสใกล้ๆ กับ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เลยได้ภาพมาให้เพื่อนได้ดูกันใกล้ๆ พร้อมกับประวัติศาสตร์ ความหมายของอนุสาวรีย์แห่งนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 17:43:44

ความคิดเห็นที่ 34 ที่มาของ อนุสาวรีย์แห่งนี้ ก็คือ มาจากความคิดเห็นของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่ เห็นประเทศสหรัฐอเมริกาที่ ได้เสรีภาพ(จากประเทศแม่ในยุโรป) แล้วเขาก็มีอนุสาวรีย์เทพสันติภาพ ซึ่งประเทศไทยเราได้ประชาธิปไตยก็น่าจะมีอนุสาวรีย์กับเขาบ้าง อนุสาวรีย์แห่งนี้ ถูกออกสร้างโดย หม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล   ควบคุมการก่อสร้างโดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี  และมีศิลปินผู้ปั้นอนุสาวรีย์คือ นายสิทธิเดช แสงหิรัญ เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2482 (หลังจากได้รัฐธรรนูญ ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 มา 7 ปี)   สร้างเสร็จมีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2483 (ใช้เวลาสร้าง 9 เดือนพอดี) โดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีคำสุนทรพจน์ ว่า "อนุสาวรีย์แห่งนี้ ได้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของถนนสายต่างๆทั่วประเทศ เสมือนศูนย์กลางความเจริญก้าวหน้าทั้งปวง  และเป็นการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัย จะทำให้ถนนเส้นนี้ เป็นถนนหลักของประเทศ" ดังนั้น อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแห่งนี้จึงได้ สอดแทรกความหมายต่างๆ ลงใน สิ่งก่อสร้าง ส่วนประกอบ และ ประติมากรรมต่างๆ มากมาย ให้สมดังความตั้งใจของคณะราษฎร์ผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง เริ่มจาก ตัวรัฐธรรมนูญเองก็ออกแบบสร้างคล้ายกับ สมุดไทยสมัยก่อน (ดูคล้ายใบลานที่พระเทศน์) วางบนพานแว่นฟ้า 2 ชั้น ทั้งหมดทำจากทองแดงหนัก 4 ตัน  สูง 3 เมตร อันหมายถึง เดือน 3 ที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (เริ่มนับเดือนหนึ่งจาก เดือนเมษายน ในสมัยนั้น)  กับอีกความหมายว่าเป็นอำนาจอธิปไตยทั้งสาม ในการบริหารประเทศ (นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ)  ทั้งหมดวางบนป้อม 6 ด้านอีกที และถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นพระขรรค์ ตรงกลางประตูแต่ละด้าน (รวม 6 ด้าน ก็คือ พระขรรค์ 6 เล่ม) มีความหมายถึง หลักหลัก 6 ประการของคณะราษฎรในการบริหารประเทศ ได้แก่          1. รักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น ทางการเมือง ทางศาล ทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง          2. รักษาความสงบปลอดภัยในประเทศ ให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข          3. ต้องทำนุบำรุงความเป็นอยู่ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ ให้ราษฎรมีงานทำ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก          4. ราษฎรมีสิทธิเสมอกัน          5. ราษฎรได้เสรีภาพ อิสรภาพ ตามขอบเขตของกฎหมาย          6. ราษฎรได้รับการศึกษาอบรมอย่างเต็มที่ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 53 19:05:33 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 53 19:01:29 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 53 18:36:51 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 18:32:51

ความคิดเห็นที่ 35 ต้องขออภัยที่ต้องแก้ไขข้อมูลหลายอย่างที่ผมเองเข้าใจผิดครับ  รูปรัฐธรรมนูญบนป้อมก็เลยมาอยู่ในความเห็นนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 19:06:28

ความคิดเห็นที่ 36 ครีบปีกรอบๆ ที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้า ทั้ง 4 ด้าน ที่ผมเองดูแล้วเหมือน รัศมีแสงจากพื้นดินตรงกลางออกไปทุกทิศทาง นั้น ก็มีความหมาย คือ กลุ่มบุคคล 4 เหล่า มี ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน ที่เข้าร่วมกันเป็นคณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครอง   ความยาว(สูง)ของครีบปีกแต่ละอันก็เท่ากับ 24 เมตร วางรอบป้อมในลักษณะวงกลมมีวงรัศมี 24 เมตร ซึ่งก็มีความหมายเป็นเลขสองตัวหน้าของปีที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ.2475) เพื่อนผมดูแล้วบอกว่า ครีบปีกนี้เหมือนใบเรือสำเภา   เพื่อนๆ ใครมองเป็นอย่างอื่นบ้างก็บอกมาได้นะครับ ครีบทั้ง 4 นี้ ดูให้ดี จะไม่ทำมุมฉากซึ่งกันและกันนะครับ จะแคบๆ แนวถนนดินสอ แต่จะกว้างในถนนราชดำเนินกลาง   ผมคิดว่าคงเป็นเพราะขนาดของถนนที่ไม่เท่ากันนั่นแหละครับ เพื่อจะได้มองจากถนนทั้งสองสาย ได้เห็น ป้อมตรงกลางโดยไม่มีครีบด้านข้างมาบังตาได้ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 53 19:24:42 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 19:13:39

ความคิดเห็นที่ 37 ส่วนฐานของครีบ ทั้ง 4 นั้นได้มีการประติมากรรมรูปปั้นนูนสูงไว้  8 ด้าน (ฐานละ 2 ด้าน) ซึ่งหมายถึง เรื่องราวการดำเนินงานของคณะราษฎรตอนที่นัดหมายและแยกย้ายกันก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อดูให้ชัดๆ แล้วจะพบว่า มีซ้ำกัน 2 ชุด ทำให้มีรูปปั้นประติมากรรมจริงๆ แค่ 4 แบบ ครับ ภาพข้างล่างคือ แบบที่ 1 (อาจไม่ใช่ภาพลำดับที่ 1 ตามที่ ผู้ออกแบบคิดก็ได้) จะมีทหาร ตำรวจ นักวิชาการ กำลังวางแผนอยู่) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 19:34:21

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วนภาพที่สองนี้ เป็นรูปเหล่าทหารกำลังบุก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 19:38:12

ความคิดเห็นที่ 39 ภาพแบบที่สาม เป็นรูปประชาชนผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร และทหารยืนรักษาการณ์อยู่  (ใครพอทราบความหมายมากกว่านี้ ก็เข้ามาแจมกันได้นะครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 19:44:37

ความคิดเห็นที่ 40 และรูปปั้นสุดท้ายก็คือ กีฬา การศึกษา เทพแห่งความยุติธรรม และ ศาสนา ครับ น่าเสียดายที่ ไม่มีแผ่นป้ายแสดงข้อมูล รายละเอียดของประติมากรรมแต่ละชิ้นให้ชัดเจน ครับ มิหนำซ้ำ ผมเชื่อว่า คนส่วนมากจะไม่เคยเห็นภาพเหล่านี้ และสังเกตุว่ามีอะไรอยู่ในภาพ ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 20:16:11

ความคิดเห็นที่ 41 บริเวณรอบๆ วงเวียนอนุสาวรีย์ สังเกตุให้ดีจะเห็นว่ามีโซ่คล้องอะไรอยู่ ซึ่งนั่นก็คือ ท้ายกระบอกปืนใหญ่ ที่หันหัวลงทิ่มดิน ฝังไว้เกือบทั้งกระบอก อันมีความหมายในเรื่องจำนวนที่นำมาใช้  75 กระบอก  คือ เลขสองตัวท้ายของปีที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ.2475)  และโซ่ที่คล้องไว้ ก็หมายถึง ความสามัคคีพร้อมเพรียงของคณะปฏิวัติ นอกจากนี้บริเวณฐานครีบทั้ง 4 ที่หันออกด้านนอกวงเวียน จะมีรูปปั้น หัวพญางูใหญ่ พ่นน้ำออกมาลงอ่างเก็บน้ำ (ในรูป ไม่ได้เปิดน้ำไว้) มีความหมายถึง ปีมะโรงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  การพ่นน้ำก็มีความหมายให้คนไทยมีน้ำจิตน้ำใจต่อกันเพื่อความสงบร่มเย็นเป็นสุขกันทั่วหน้า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 20:34:58

ความคิดเห็นที่ 42 แหม..เวลาเข้ามาอยู่ในวงเวียนนี้ จะพยายามเก็บภาพยอดครีบทั้งสี่ พร้อมๆ กันนี้ยากจริงๆ  ถ่ายแล้วเหลือแค่นี่เอง.... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 20:41:02

ความคิดเห็นที่ 43 ภาพที่ผมถ่าย นั้นผมเอามาลงให้หมดแล้ว  ต่อไปจะนำภาพเก่าๆ ที่ค้นพบในเว็บมาให้ชมกัน คิดว่าเพื่อนๆ บางคนคงไม่เคยเห็นมาก่อน รูปแรกนี้เป็น อนุสาวรีย์กำลังก่อสร้าง  ผ่านมาแล้ว 70 ปีครับ จากเว็บเด็กดี กระทู้ของคุณpeng_ncc ครับ http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1275779 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 53 20:49:42 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 20:48:23

ความคิดเห็นที่ 44 รูปนี้ อนุสาวรีย์ยังสร้างไม่เสร็จ แต่เป็นการถ่ายภาพหมู่ของ คนกลุ่มหนึ่ง จะเห็นว่ายังไม่มีการติดตั้งพานแว่นฟ้าที่มีรัฐธรรมนูญจำลองอยู่ข้างบน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 20:52:51

ความคิดเห็นที่ 45 นี่เป็นภาพพิธีเปิดอนุสาวรีย์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2483 ก็ผ่านมา 70 ปีเต็มแล้ว ดูแล้วเหมือนไม่ต่างจากปัจจุบันเท่าไรนัก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 20:58:51

ความคิดเห็นที่ 46 และนี่ก็เป็นภาพถ่ายมุมบน สมัยก่อนโน้น ที่ดูโล่งเอามากๆ สำหรับ ถ.ราชดำเนินกลาง ดูจากรูปแล้วน่าจะเป็นด้าน สี่แยกคอกวัว โดยมีถ.ข้าวสาร แยกออกไปจาก ถ.ตะนาว(ที่มุ่งไป บางลำภู) อีกทีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 21:05:50

ความคิดเห็นที่ 47 ติดตามชมกระทู้ดี ๆ ต่อครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 21:15:42

ความคิดเห็นที่ 48 และนี่ก็อีกภาพ ตอนน้ำท่วมใหญ่ กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2485 (หลังจากเปิดอนุสาวรีย์เพียง 2 ปี)  ท่วมขนาดลอยเรือกันได้เลย และต้องขออนุญาต คุณคุณpeng_ncc มา ณ. ที่นี้ ที่ผมได้นำรูปมาลง ถึง 5 ภาพนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 21:25:18

ความคิดเห็นที่ 49 สวัสดีครับ คุณCherokee1 : ยินดีที่พบกันอีกครับ สำหรับกระทู้อิงประวัติศาสตร์ของผม เรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี พ.ศ.2485 นี่ รู้สึกว่าจะท่วมหนักจริงๆ เลยมีรูปในอินเตอร์เน็ตเยอะ ผมขอนำมารวมๆ กันให้ดูจากหลายแหล่งนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 21:32:37

ความคิดเห็นที่ 50 และนี่ก็ ด้านหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง กับ สนามหลวง จะว่าไปแล้ว ระดับการท่วมก็ยังไม่มากนัก ผู้คนยังพอดำรงชีพอยู่ได้ แต่ในอนาคตนี้เอง กลับมีการทำนาย หรือคาดการณ์ว่ากรุงเทพฯ จะจมน้ำกว่านี้เยอะ จากสาเหตุโลกร้อน ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นกว่านี้หลายเมตร   ดร.อาจอง ท่านบอกว่า ถ้าหากไม่ทำเขื่อนปิดปากอ่าว ภายใน 6 ปี ก็จะไม่ทันการ น้ำทะเลถ้าไหลขึ้นมาถึงคลองประปา คนกรุงเทพฯจะไม่มีน้ำใช้กันทั้งหมด  เพราะอีก 15 ปี น้ำจะท่วมใหญ่ มิฉะนั้นจะต้องสร้างเมืองหลวงใหม่กัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 21:41:02

ความคิดเห็นที่ 51 ออกนอกเรื่องไปจนได้ ก่อนจบกระทู้ ผมนึกขึ้นได้แล้วว่า ครีบทั้ง 4 ใบของ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้นคล้ายกับอะไร ก็ โลโก้ของ ร.ย.ส.ท.  (ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์) ใครสนใจก็คลิ๊กเข้าไปอ่านประดับความรู้กันนะครับ http://www.raat.or.th/about วันนี้ผมขอจบกระทู้ตอน 3 นี้นะครับ  ไว้คราวหน้ามีอะไรน่าสนใจ Unseen ในกรุงเทพฯ ผมจะพาเพื่อนๆไปชมกัน ในซีรี่ "พาเที่ยวกรุงเทพฯ" อีกนะครับ  สวัสดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 21:55:24

ความคิดเห็นที่ 52 ความรู้อัดแน่น  ขอบคุณมากครับ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 53 20:15:14

ความคิดเห็นที่ 53 สวัดสีครับคุณtiger's nest : ขอบคุณเช่นกันครับ  คอยติดตามกระทู้รีวิวอื่นๆ ของผมต่อไปนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 17:53:07