ความคิดเห็นที่ 1 วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ เดินทางไปไม่ยากเลยครับ นั่งรถแดง 20 บาทเท่านั้น จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:02:31

ความคิดเห็นที่ 2 ซุ้มประตูที่สร้างมาแต่ครั้งโบราณครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:03:24

ความคิดเห็นที่ 3 วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ โดยเป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เป็นที่สักการะทั้งของชาวเชียงใหม่เองและคนไทยทั้งประเทศ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:04:22

ความคิดเห็นที่ 4 ข้างหน้าจะมีอนุเสาวรีย์ ครูบาศรีวิชัย จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:06:32

ความคิดเห็นที่ 5 ท่านจำพรรษาที่วัดนี้ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:06:48

ความคิดเห็นที่ 6 สร้างขึ้นในปี พ.ศ 1888 หรือประมาณ 660 ปี โดยพญาผายูกษัตริย์องค์ที่ 7 ในราชวงค์มังราย เพื่อบรรจุอัฐิและพระอังคารของพระเจ้าคำฟู ผู้เป็นพระบิดา เดิมมีชื่อว่า "วัดลีเชียง" เพราะเในอดีตบริเวณวัดพระสิงห ์เดิมเป็นตลาด ชื่อ "กาดลีเชียง" ในสมัยที่พระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 9 เป็นผู้ครองนครเชียงใหม่ ในปี พ.ศ 1983 เจ้ามหาพรหมได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองกำแพงเพชร เพื่อถวายแด่พระเจ้าแสนเมืองมา โดยจะอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัด บุปฝาราม แต่เมื่อรถที่อัญเชิญมาถึงหน้าวัดลีเชียง รถเกิดติดขัดไม่สามารถชักลากไปได้ จึงให้ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ไว้ที่วัดนี้ ต่อมาวัดนี้ได้ชื่อเพิ่มว่า " วัดลีเชียงพระ " และต่อมาเรียกกันว่าวัดพระสิงห์กระทั่ง พ.ศ. 2483  จึงได้รับการสถาปนานายกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร และได้รับนามใหม่ว่าวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร มาจนถึงปัจจุบัน และได้รับการประกาศเป็นโบราณสถานสำหรับชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 ตอนที่ 0ง วันที่ 8 มีนาคม 2478 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:08:28

ความคิดเห็นที่ 7 ในเทศกาลวันสงกรานต์ของแต่ละปีทางจังหวัดเชียงใหม่จะมีพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงส์ เคลื่อนขบวนผ่านไปตามถนนสายต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้สักการะและสรงน้ำพระตามประเพณีของชาวเหนือ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:09:10

ความคิดเห็นที่ 8 พระวิหารหลวง เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนา กว้าง 24 เมตร ยาว 46 เมตร ผนังและเสาเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนด้านบนเป็นไม้สักทั้งหมด พระวิหารหลวงเดิมเป็นแบบจตุรมุขที่ชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก ต่อมาครูบาศรีวิชัย และพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 9 ร่วมกับประชาชนสร้างขึ้นใหม่ และในปี พ.ศ. 2525 ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ และเปลี่ยนเป็นช่อฟ้าใบระกา และกระเบื้องใหม่ทั้งหมด จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:09:53

ความคิดเห็นที่ 9 พระประธานในพระวิหารหลวง จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:10:34

ความคิดเห็นที่ 10 ..........                      ขอเน้นๆของกิน  นะฮ้า... .. จากคุณ : เจ๊ เชพบ๊ะ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:10:45

ความคิดเห็นที่ 11 พระเจ้าทองทิพย์ เป็นพระพุทธสิหิงค์จำลอง หรือพระสิงห์น้อย หน้าตัก 14.5 นิ้ว สูง 21 นิ้ว น้ำหนัก 27 กิโลกรัม ฝังอัญมณีมีค่าต่าง ๆ รอบฐาน จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:11:20

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ : เจ๊ เชพบ๊ะ  ----- กร๊ากกก เจ๊.... ของกินโพสหมดแล้วในก้นครัวอ่ะ อิอิอิ ----------------------------------------------------------------------------- หล่อด้วยทองแดงผสมทองคำ มีสีสุกปลั่งอยู่เสมอ พระเจ้า ทองทิพย์มีพุทธลักษณะเป็นพระสิงห์รุ่นแรกซึ่งสวยงามมากครับ พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์มังราย โปรดให้สร้างพระเจ้าทองทิพย์ขึ้นในปี พ.ศ. 2020 เพื่อเป็นที่ระลึกในงานสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 8 ของโลก จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:13:12

ความคิดเห็นที่ 13 ติดตามชมครับ   คิดถึงเชียงใหม่จริงๆ จากคุณ : 3KKK เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:15:41

ความคิดเห็นที่ 14 ในพระวิหารหลวงมีโบราณวัตถุหลายชิ้นครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:16:27

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ : 3KKK  --- ไปด้วยกันอีกมะครับ อิอิอิ --------------------------------------------------------------- จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:17:19

ความคิดเห็นที่ 16 มีรูปเหมือนของ พระธรรมสิทธาจารย์ (หนู ถาวรมหาเถระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ ฯ รูปที่ 13  ที่เพิ่งมรณภาพไปครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:20:45

ความคิดเห็นที่ 17 เดี๋ยวเราเดินไปทางด้านหลังพระวิหารหลวงกันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:21:53

ความคิดเห็นที่ 18 ด้านข้างพระวิหารหลวงมีระฆัง จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:22:33

ความคิดเห็นที่ 19 ด้านหลังพระวิหารหลวงมีโบราณสถานที่สำคัญหลายที่ครับ ทางซ้ายมือของภาพคือพระวิหารลายคำ ที่ประดิษฐานพระพุทธสิงหิงค์ ตรงกลางคือพระธาตุ ทางด้านซ้ายคือพระอุโบสถครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:24:56

ความคิดเห็นที่ 20 เดี๋ยวเราไปชมพระอุโบสถกันก่อนครับ พระอุโบสถ เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคา 3 ชั้น มุงกระเบื้องดินเผา มีช่อฟ้าใบระกา ซุ้มประตูและหน้าบัน มีมุขโถงทั้งทั้งด้านหน้าด้านหลัง หน้าต่างขนาดใหญ่ตีเป็นช่องแบบไม้ระแนง แต่ภายในเป็นหน้าต่างจริง จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:27:19

ความคิดเห็นที่ 21 ลายปูนปั้นบริเวณซุ้มประตูทางเข้า จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:28:14

ความคิดเห็นที่ 22 หน้าบันมีลักษณะวงโค้งสองอันเหนือทางเข้าประกบกัน เรียกว่า คิ้วโก่ง เหนือคิ้วโก่งเป็นวงกลมสองวงคล้ายดวงตา ที่เสาและส่วนอื่นๆ มีปูนปั้นนูน มีรักปั้นปิดทอง จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:29:00

ความคิดเห็นที่ 23 ภายในมีมณฑปอยู่ตรงกลาง มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ด้านกลางพระอุโบสถตามแบบลังกา จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:29:57

ความคิดเห็นที่ 24 ตามมาอีกครั้งคะ ไปไหว้ด้วยคน ;) จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:31:30

ความคิดเห็นที่ 25 พระอุโบสถนี้มีลักษณะเป็น "พระอุโบสถสองสงฆ์" พระอุโบสถสองสงฆ์ เป็นยังไง... ลองติดตามอ่านดูครับ พระอุโบสถสองสงฆ์คือพระอุโบสถที่พระภิกษุ กับภิกษุณีทำสังฆกรรมร่วมกันได้ โดยด้านเหนือเป็นที่กระทำสังฆกรรมของพระภิกษุสงฆ์ ด้านใต้เป็นที่กระทำสังฆกรรมของภิกษุณีสงฆ์ พระอุโบสถนี้จึงมีชื่อว่า "พระอุโบสถสองสงฆ์" หรืออีกเรื่องราวหนึ่งเชื่อว่าพระอุโบสถนี้สร้างให้เห็นเป็นคติเลียนแบบสมัยพุทธกาล ซึ่งภิกษุณีสงฆ์ต้องบวชในสงฆ์สองฝ่าย คือบวชในภิกษุณีสงฆ์ก่อน แล้วจึงบวชในภิกษุสงฆ์ พระอุโบสถนี้พญาแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย เป็นผู้สร้าง โดยในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2470 โดยโปรดเกล้าฯ ให้พลตรีเจ้าแก้วนวรัฐเป็นธุระซ่อมพระอุโบสถ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 15:35:31 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:32:10

ความคิดเห็นที่ 26 หนูกราบพระด้วยคนค่ะ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:36:40

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ : BROWN STITCH  ---- ตามมาเลยคราบบบบ ------------------------------------------------------------ เสาที่ฝังอยู่รอบๆพระอุโบสถนี่เป็นใบเสมาหรือเปล่าก็ไม่ทราบ อิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:37:19

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ : สาวหน้าใส  ----- ไปกราบพระพุทธสิหิงค์กันครับ -------------------------------------------------------- จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:38:15

ความคิดเห็นที่ 29 พระพุทธสิหิงค์ประดิษษฐานอยู่ในพระวิหารลายคำ **** คำ = ทอง / ลายคำ = ลายทอง **** แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 15:41:31 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:40:26

ความคิดเห็นที่ 30 รูปผิดครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:41:53

ความคิดเห็นที่ 31 วิหารลายคำสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเมืองแก้ว กษัตริย์องค์ที่ 11 แห่งราชวงศ์มังราย (พ.ศ.2038 – พ.ศ.2068) ได้มีการซ่อมแซมกันต่อมาหลายสมัย อาทิ สมัยพญากาวิละ ในปี พ.ศ. 2353 พญาธรรมลังกา ในปี พ.ศ. 2359 และมาซ่อมแซมใหม่สมัยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 6 ในสมัยรัตนโกสินทร์ (พ.ศ.2399 – พ.ศ.2413) เป็นวิหารล้านนาที่มีความงามสมบูรณ์แบบที่สุด จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:43:43

ความคิดเห็นที่ 32 วิหารลายคำสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเมืองแก้ว กษัตริย์องค์ที่ 11 แห่งราชวงศ์มังราย (พ.ศ.2038 – พ.ศ.2068) ได้มีการซ่อมแซมกันต่อมาหลายสมัย อาทิ สมัยพญากาวิละ ในปี พ.ศ. 2353 พญาธรรมลังกา ในปี พ.ศ. 2359 และมาซ่อมแซมใหม่สมัยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 6 ในสมัยรัตนโกสินทร์ (พ.ศ.2399 – พ.ศ.2413) เป็นวิหารล้านนาที่มีความงามสมบูรณ์แบบที่สุด จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:44:11

ความคิดเห็นที่ 33 วิหารจะเขียนสีทองทั้งหลังเลยครับ ถึงได้ชื่อว่าวิหารลายคำ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:46:43

ความคิดเห็นที่ 34 ตามเข้ามาข้างในเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:47:14

ความคิดเห็นที่ 35 ภายในประดิษฐาน "พระพุทธสิหิงค์" บนผนังด้านหลังพระประธานมีรูปปราสาทแวดล้อมด้วยมังกรและหงส์ มีเสาหลวง (เสากลม) เสาระเบียง (เสาสี่เหลี่ยม) จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:48:03

ความคิดเห็นที่ 36 พระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ เป็นพระพุทธรูปโบราณหล่อด้วยสำริดหุ้มทอง ปางสมาธิ สูง 79 เซนติเมตร หน้าตักกว้าง 63 เซนติเมตรสูงจากขอบฐานถึงยอดพระเมาลีบัวตูม ๕๑ นิ้ว ตามหนังสือบอกไว้ว่าเป็นศิลปะแบบลังกา แต่มีผู้รู้ท่านหนึ่งได้ให้ความเห็นไว้ว่าจากลักษณะขององค์พระพุทธสิหิงค์แล้ว เป็นพระเชียงแสนรุ่นแรกนี่เอง หมายถึงเป็นสกุลช่างของชาวภาคเหนือ มิใช่เป็นพระพุทธรูปแบบลังกา ตามประวัติกล่าวว่า พระเจ้าสีหฬะ พระมหากษัตริย์แห่งลังกาทวีป ทรงสร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 700 ต่อมา เจ้านครศรีธรรมราชได้ไปขอมาถวายพระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย เมื่อสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยาได้กรุงสุโขทัยเป็นเมืองขึ้น จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้มีผู้นำไปไว้ที่เมืองกำแพงเพชรและเชียงราย เมื่อพระเจ้าแสนเมืองมา เจ้านครเชียงใหม่ยกทัพไปตีเมืองเชียงรายได้ จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่เชียงใหม่พร้อมกับพระแก้วมรกต เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชตีเมืองเชียงใหม่ได้เมื่อ พ.ศ. 2205 ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่วัดพระศรีสรรเพชญ์กรุงศรีอยุธยาเป็นเวลานานถึง 105 ปี เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แก่พม่าใน พ.ศ. 2310 ชาวเชียงใหม่ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปที่เชียงใหม่ เมื่อมณฑลพายัพได้กลับมาเป็นของไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทโปรดให้อัญเชิญลงมายังกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2338 ปัจจุบันพระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระราชวังบวรสถานมงคล[3] โดยจะมีพิธีเชิญออกมาช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้ประชาชนไทยได้สักการะและสรงน้ำ ส่วนพระสิงห์ที่ประดิษฐานที่วัดแห่งนี้เป็นพระพุทธรูปจำลอง แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 15:49:45 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:48:55

ความคิดเห็นที่ 37 ตามมาเที่ยวเชียงใหม่ค่ะ จากคุณ : ชื่อไม่มีปัญหา เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:52:23

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ : ชื่อไม่มีปัญหา  ----- มาโพสให้อยากครับ อิอิอิ ----------------------------------------------------------------- แต่มีผู้ตั้งข้อสังเกตุเอาไว้ว่าพระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปที่เป็นที่นับถือของคนไทยทั้งประเทศปรากฏว่า มีถึง 3 องค์ด้วยกัน องค์หนึ่งอยู่ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร องค์หนึ่งอยู่ที่หอพระพุทธสิหิงค์นครศรีธรรมราช อีกองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์เชียงใหม่ ลักษณะประจำพระองค์ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ เป็นแบบสุโขทัย ส่วนที่นครศรีธรรมราช เป็นศิลปอยุธยา  องค์ที่วิหารลายคำ วัดพระสิงห์เป็นศิลปแบบเชียงแสน รุ่นแรก แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 15:58:40 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:53:52

ความคิดเห็นที่ 39 โบราณสถานอีกแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญคือพระเจดีย์ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:57:23

ความคิดเห็นที่ 40 เรียกว่า พระธาตุหลวง หรือพระมหาเจดีย์ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:59:24

ความคิดเห็นที่ 41 มีความสูงราว 25 วา ฐานเป็นแบบสี่เหลี่ยม ยาวด้านละ 16 วา 1 ศอก กับอีก 6 นิ้ว โดยที่ฐานพระธาตุมีช้างล้อมรอบด้านละ 1 เชือก จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:00:21

ความคิดเห็นที่ 42 ไหว้พระด้วยคนนะคะ จากคุณ : แมวน้อยใส่ทูพีช เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:00:50

ความคิดเห็นที่ 43 สร้างในสมัยราชวงศ์เม็งราย จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:00:57

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ : แมวน้อยใส่ทูพีช --- มากราบพระธาตุหลวงด้วยกันคราบบ ------------------------------------------------------------ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:01:53

ความคิดเห็นที่ 45 พระธาตุแห่งนี้ยังเป็นพระธาตุหนึ่งใน 12 นักษัตร โดยเป็นพระธาตุประจำปีมะโรง จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:02:35

ความคิดเห็นที่ 46 ตามทนายอ้วนมาเข้าวัดครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:02:51

ความคิดเห็นที่ 47 พอเดินมาชมพระธาตุทางด้านหลังจึงสังเกตุว่าตรงที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ใหพระวิหารลายคำนั้นทำเป็น "กู่" หรือเจดีย์ เคยเห็นสิ่งก่อสร้างในลักษณะนี้ที่วัดปราสาท เชียงใหม่ อย่ถัดจากวัดพระสิงห์นี่เองครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:05:13

ความคิดเห็นที่ 48 คุณ : ม่วงมหากาฬ  ---- วันนี้ออกอาการสงบเสงี่ยมมากๆครับ อิอิอิ --------------------------------------------------------------------- จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:06:13

ความคิดเห็นที่ 49 ลื๊ม.................... ลืมพาไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารลายคำครับ..... เป็นงานจิตรกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ของเชียงใหม่มีชื่อเสียงมากด้านเหนือเขียนเป็นเรื่องสังข์ทอง ด้านใต้เป็นเรื่องสุวรรณหงส์โดยเฉพาะเรื่องสังข์ทอง นัยว่ามีการแข่งขันกันวาดภาพระหว่างช่างเมืองเหนือปัจจุบันนี้ได้มีการศึกษาภาพจิตรกรรมฝาผนังแห่งนี้โดยละเอียดแล้ว พบว่าเป็นช่างของภาคเหนือทั้งสองด้าน ด้านทิศเหนือเป็นฝีมือของ “เจ็กเส็ง” ด้านทิศใต้เป็นฝีมือของ “หนานโพธา” ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ประติมากร ชาวอิตาเลียน บิดาแห่งวงการศิลปะร่วมสมัยของไทย ได้สรุปไว้ว่า "จิตรกรรมในภาคเหนือนิยมเขียนภาพชีวิตประจำวันเป็นภาพเหมือนชีวิตจริง ถ้ามองดูภาพที่งดงามเรื่องสังข์ทองในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ เราจะรู้สึกคล้ายกับว่า เราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นจริงตามความเป็นอยู่เมื่อ 100 ปีก่อน" จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:07:44

ความคิดเห็นที่ 50 จากการสันนิษฐานของ สน สีมาตรัง กล่าวว่า โครงสร้างสถาปัตยกรรมวิหารลายคำเป็นโครงสร้างเก่าแก่อายุราวพุทธ ศตวรรษที่ ๒๑ - ๒๓ แต่งานช่างทั้งอาคารที่เห็นในปัจจุบันอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๓ - ๒๔ แต่ภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นฝีมือ ช่างเขียนในพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ซึ่งเขียนขึ้นภายหลัง สกุลช่างเชียงใหม่ที่เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังด้านทิศเหนือ ของวิหารลายคำ เป็นลักษณะการเขียนภาพที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวช่าง ซึ่งบ่งบอกถึงความประทับใจของช่างแล้วแสดงออกในภาพ เป็นแบบอิสระตามความชอบและความถนัดของช่างเขียน มากกว่าจะเป็นแบบทำตามระบบกำกับงานของนายช่างใหญ่หรือผู้ปกครอง            ภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ มีลักษณะการเขียนของช่างที่สวยงานประณีตมาก แสดงออกซึ่งความชำนาญของช่างเขียนที่ได้ถ่ายทอดออกมา มีลักษณะการเขียนที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและรัตนโกสินทร์ ผนวกกับลักษณะเฉพาะของปราสาทล้านนา และเรือนกาแล ที่นิยมสร้างกันสมัยนั้น ภาพคน คือ ตัวพระ ตัวนาง และภาพตัว กาก (ภาพสามัญชน) มีลักษณะการเขียนที่แสดงถึงลักษณะของคน ล้านนาในยุคนั้น เครื่องแต่งกายต่างๆ ก็บอกความเป็นคนล้านนา            โดยจะสังเกตุเห็นว่าเครื่องแต่งกาย ของข้าราชการในวังสมัยรัชกาลที่ ๕ ปรากฏอยู่ในภาพ นอกจากนี้ยังปรากฏลักษณะการแต่งกายของชนเผ่าต่างๆ ที่มีความใกล้ชิดกับชาวล้านนาสมัยนั้นด้วยรูปลักษณ์ของ หน้ากลม ตาสองชั้นเรียวยาว จมูกเรียวเล็ก ปากรูปกระจับ ทรงผมเกล้ามวยของผู้หญิง และทรงผมผู้ชายเป็นกระจุกอยู่กลางศีรษะที่เรียก กันว่า"ทรงมหาดไทย" ทุกอย่างที่กล่าวมาบ่งบอกถึงลักษณะของผู้คนชาวล้านนา ในพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ทั้งสิ้น           ส่วนลักษณะการเขียน สถาปัตยกรรมประกอบภาพในเรื่องส่วนประกอบของไม้ใช้เป็นส่วนบน ปูนใช้ เป็นส่วนกลางและหลังคามุงกระเบื้อง ส่วนรั้วและกำแพง บางจุดเป็นไม้ บางจุดเป็นอิฐมีความละเอียดประณีตมาก ใช้ทองคำเปลว ช่วยให้เกิดความสวยงาม มีผ้าม่านเป็นฉากกั้นระหว่างห้อง เขียนลายผ้าม่านเป็นลวดลายดอกไม้สวยงามมาก สีที่ใช้จิตรกรรมฝาผนังในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ เป็นวรรณสีเย็น ซึ่งมีสีน้ำเงินครามและสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ นอกจาก นี้ก็มีสีแดง สีเขียว สีน้ำตาล สีดำ และสีทอง ซึ่งใช้เขียนส่วนที่เป็นโลหะปิดด้วยทองคำเปลวตัดด้วยสีแดงและดำ เช่น เชิงหลังคา และยอดปราสาท สิ่งของเครื่องใช้ เช่น อาวุธ เครื่องประดับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:08:35

ความคิดเห็นที่ 51 เพิ่งอ่านเจอในเวบครับว่า ไม่ควรใช้แฟลช ในถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนัง   ผม.... ผิดไปแล้ววววว จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:10:01

ความคิดเห็นที่ 52 เดินอ้อมออกมาอีกด้านหนึ่งของพระวิหารหลวงจะพบกับ กู่บรรจุอัฐิพญาคำฟู ซึ่งเป็นพระบิดาของ พญาผายู กษัตริย์ผู้สร้างวัดพระสิงห์ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:13:21

ความคิดเห็นที่ 53 แล้วมาจบที่ หอธัมม์ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:15:00

ความคิดเห็นที่ 54 พระเจ้ากาวิละ เจ้าหลวงเชียงใหม่ โปรดให้สร้างเมื่อ พ.ศ.2385  และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ พ.ศ.2469 ด้วยพระราชศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลฝ่ายเหนือ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:15:48

ความคิดเห็นที่ 55 โดยสร้างเป็นเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สองชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ผนังตกแต่งด้วยปฏิมากรรมปูนปั้น เทวดา 16 องค์ ในอริยาบทการยืนที่แตกต่างกันบริเวณท้องไม้ประดับด้วยปูนปั้น รูปสัตว์หิมพานต์อยู่ในกรอบทรงสี่เหลี่ยม จำนวน 75 ตัว  ประกอบด้วยสิงโตจีน มอง สิงห์ เงือก ช้าง กวาง กิเลน ปลา เหมราช คชสีห์ นกยูง เสือ และนรสิงห์ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:16:22

ความคิดเห็นที่ 56 บนสร้างด้วยไม้ มุงหลังคากระเบื้องดินเผา และมีบราลีทำเป็นรูปหงส์อยู่บนสันหลังคา หันหน้าไปทางตะวันออก ผนังด้านข้างเป็นฝาไม้ เข้าลิ้นปิดทึบ ประดับกระจกเป็นรูปดอกจันทน์ 8 กลีบ และลายหม้อ ปูรณฆฏะ เหนือประตูมีซุ้มโขง มีลวดลายปูนปั้นประดับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:16:55

ความคิดเห็นที่ 57 บันไดทางขึ้นด้านหน้าเป็นรูปมกรคาบสิงห์บนแท่นข้างละ ๑ ตัว ซุ้มประตูทางเข้าในส่วนหน้าบันเป็นบุษบกซ้อนกัน ๕ ชั้น แกะสลักลวดลายปูนปั้นพรรณพฤกษา พญานาค และประดับกระจกสี จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:17:51

ความคิดเห็นที่ 58 ใช้เป็นอาคารที่ใช้สำหรับเก็บรักษาพระธรรม คัมภีร์และหนังสือใบลานต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนา บางครั้งเรียกว่า หอพระไตรปิฎก จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:18:31

ความคิดเห็นที่ 59 เหนื่อยกันหรืองยังครับ พักก่อนนะครับ แล้วพบกินใหม่พรุ่งนี้ครับ Cubby Lawyer Tour .................... เที่ยวไป .............. ตามใจฉัน ขอบคุณท่านเหล่านี้ที่ทำให้การเที่ยววัดพระสิงห์ของเราสนุกขึ้นครับ วิกิพีเดีย http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3 Photoonture http://www.photoontour.com/gall_slideshow_html/WatPrasingh/watprasingha.htm http://www.peeso.itgo.com/old_cm.htm Tourthai.com http://webboard.tourthai.com/index.php?topic=13139.0 เดสทินี ทราเวล เซอร์วิส http://www.destinythai.com/index.php?lay=show&ac=photo_view&event_id=10375&pagephoto=1 Medithai.com http://www.medicthai.com/admin/news_dna_detail.php?id=95 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 18:54:16 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:20:50

ความคิดเห็นที่ 60 อะ จบซะแระ รอชมตอนต่อไปครับ จากคุณ : 3KKK เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:33:10

ความคิดเห็นที่ 61  ขอบคุณนักๆเจ้า จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 17:29:33

ความคิดเห็นที่ 62 วันที่เชียงใหม่นี่สวยจริงอะไรจริง จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 18:20:35

ความคิดเห็นที่ 63 วัดพระสิงค์สวยมากค่ะ เห็นทีจะต้องตามไปเที่ยวด้วยซะแล้ว ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ จากคุณ : nifedipine เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 18:25:59

ความคิดเห็นที่ 64 .. ขอบคุณที่นำชมวัดเก่าในเมืองเชียงใหม่ครับ ผิดไปแล้วมิเป็นไร แต่จำไว้ "งดใช้แฟลช" นะเออ .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 18:46:35

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณสำหรับรีวิวและข้อมูลดีๆ นะครับ จากคุณ : นายโอเลี้ยง (ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 20:42:27

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณสำหรับรีวิวพาชมวัดพระสิงห์นะครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 21:04:40

ความคิดเห็นที่ 67 วัดพระสิงห์สวยมากค่ะ  ขอบคุณที่พาชมนะคะ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 22:07:41

ความคิดเห็นที่ 68 ตามมาเที่ยวต่อครับ จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 22:12:41

ความคิดเห็นที่ 69 รอเข้าพัก เลอ แฮะ ๆ ข้อมูลแน่น มาก ๆ เลยครับ ขอบคุณครับ สำหรับ รีวิว   จากคุณ : นายฟ้าใส เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 22:12:59

ความคิดเห็นที่ 70 ♥ ผมขึ้นไปเชียงใหม่ไม่ได้ไปพาชมวัดพระสิงห์ หรือที่สวย ๆ อะไรแบบนี้เลยครับ ขอบคุณที่พาเที่ยวนะครับ จากคุณ : P.S. i love you เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 23:52:07

ความคิดเห็นที่ 71 วัดพระสิงห์งามมากๆค่ะ จากคุณ : Red-Rose-14Feb เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 00:05:32

ความคิดเห็นที่ 72 ตะเอง  วันนี้ ไม่ตามไปด้วยนะ เข้าวัด แล้วร้อน อ่ะ  555 จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 02:44:26

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : snas89Pink เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 09:19:43

ความคิดเห็นที่ 74 คุณ : 3KKK  --- เที่ยวคราวนี้มีแต่วัดคราบบ คุณ : สาวหน้าใส  ---- วันนี้จะไปแอ่ววัดเกต ไปด้วยแหมก่อ คุณ : marzo  --- วัดที่เชียงใหม่เป็นวัดเล็กๆครับ แต่สวยจริงๆ คุณ : nifedipine  --- เดินให้ทั่วเลยนะครับ คุณ : POGGHI  --- จำจนวันตายเลย คุณ : นายโอเลี้ยง  ---- เดี๋ยวนี้ไม่เห็นในก้นครัวเลย อิอิ คุณ : tataweb  --- ยิ๋นดีจ๊าดนักเจ้า คุณ : ป้าฟู  ---- ดีใจที่ชอบครับ คุณ : Red Fox  ---- เดี๋ยววันนี้ไปวัดกันอีกคราบบ คุณ : นายฟ้าใส  ---- หาข้อมูลเยอะๆ ก่อนไปเที่ยว แล้วมันจะเที่ยวสนุกกว่ามากๆเลยครับ คุณ : P.S. i love you  ---- คราวหน้าอย่าลืมนะครับ ต้องไปให้ได้ คุณ : Red-Rose-14Feb  ---- ไปเที่ยววัดกันต่อนะครับ คุณ : หมู (ตัว) อ้วน  ---- ตัวรอหน้าวัดนะ เค้าเข้าไปถ่ายรูปแป๊บเดียว อิอิ คุณ : snas89Pink  --- ยินดีคราบบ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 15:09:37

ความคิดเห็นที่ 75 แวะมาชมต่อครับ ตามไปเที่ยวชมวัดด้วยคน ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 09:32:08

ความคิดเห็นที่ 76 พี่บอล... วัดพระสิงห์ ยู้ไปมาแล้วค่ะ ไปทำบุญตอนเมษาด้วย จากคุณ : นู๋ยู้ฮู้ เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 19:18:39

ความคิดเห็นที่ 77 เป็นวัดที่งดงามมากเลยค่ะ ยังไม่เคยไปเลย ขอบคุณนะคะที่พาไปเที่ยว อยากตามไปทุกทริปเลย อิอิ จากคุณ : lovelyjone/jog เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 21:36:03

ความคิดเห็นที่ 78 เจียงใหม่บ้านเฮาปีที่แล้วตอนกลับบ้านไปวัดพระสิงค์เจออั้ม อธิชาติด้วยอ่ะ จากคุณ : jena_naam เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 22:43:45