ความคิดเห็นที่ 1 จขกท.ตื่นเช้ามาลั่ลล๊าสุดขีด กะว่าวันนี้จะเที่ยวทิ้งทวนเต็มที่ แต่ปรากฎป๊าเดี๊ยนนอนหมดสภาพอยู่บนเตียง ป๊าบอกเมื่อคืนป๊าเข้าห้องน้ำทั้งคืนเลย เพราะไอ้พาสต้าหอยเวรตะไลเมื่อวานแท้ๆ โธ่ป๊า ก่อนออกจากบ้านลืมไหว้พระมาป่าวฮะ ถึงได้กระเป๋าหาย หกล้ม ท้องเสีย ครบสูตรแบบนี้ >_< จขกท.เลยปล่อยให้ป๊ะป๋าได้นอนพักต่อไปก่อน ส่วนตัวข้าพเจ้าก็ออกไปแต๊แดรับวันใหม่ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:43:19

ความคิดเห็นที่ 2 อิฉันก็เพิ่งรู้ตอนเตรียมทริปมาเบลเยี่ยมเนี่ยแหล่ะฮ่ะ ว่าเบลเยี่ยมเป็นต้นกำเนิดการ์ตูนดังๆหลายเรื่อง โดยเฉพาะ Tintin (บ้านเราเรียกตินติน แต่จริงๆอ่านว่าแต็งแต็งชิมิ) การ์ตูนคลาสสิคที่โด่งดังไปทั่วโลก ที่บรัสเซลส์เลยมี Belgian Comic Strip Center ซึ่งเป็นมิวเซียมการ์ตูนโดยเฉพาะเลยด้วย ในปี 1991 กลุ่มนักวาดการ์ตูนปิ๊งไอเดียว่า น่าจะเอาการ์ตูนเมดอินเบลเยี่ยมทั้งหลายมาประดับตึกรามบ้านช่องดู ตอนนี้เลยมีภาพการ์ตูนประดับผนังไม่ต่ำกว่า 30 อันกระจายอยู่รอบๆ Grand Place จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:43:39

ความคิดเห็นที่ 3 จขกท.เลยอาศัยแผนที่ทุยๆจากไกด์บุคออกตามหาล่าหาน้องแต็งแต็งกับเค้ามั่ง เดินออกจากโรงแรมไม่ทันไรก็ปะกับรูปนี้เข้าให้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:44:15

ความคิดเห็นที่ 4 กร๊ากกกก นกหัวขวานขี้อิจฉา "ตูไม่ได้กิน พวกเมิงก็อย่าได้กินเลย" จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:44:39

ความคิดเห็นที่ 5 รูปต่อมาก็ฮาไม่แพ้กัน โจรแฝดสี่!! >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:45:13

ความคิดเห็นที่ 6 เดินๆอยู่เจอน้องเหมียวอีกตะหาก ม๊าววววววว เจ้าเหมียวก็น่ารักมากค่ะ แค่ จขกท.หยุดทักทายเข้าหน่อย น้องเหมียวก็เอาหัวดันประตูจะออกมาเล่นกับเดี๊ยนต่อ แหม่ หลอกง่ายแบบนี้เจ้าของเค้าคงปล่อยออกมาหรอกแก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:45:44

ความคิดเห็นที่ 7 เดินไปเดินมา จขกท.ก็มาโผล่ที่ถนนสายหลัก Anspach Blvd ซะงั้น เลยได้จ๊ะเอ๋กับปฏิบัติการเย้ยว่าที่พ่อตาของพ่อหนุ่มคนนี้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:46:54

ความคิดเห็นที่ 8 นี่ถ้าเป็นการ์ตูนขายหัวเราะ ว่าที่พ่อตาคงเล็งปืนลูกซอง เตรียมส่องนอมินีลูกเขยอยู่กระมัง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:48:04

ความคิดเห็นที่ 9 จากนั้นก็เดินเลี้ยวไปทาง Grand Place จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:48:45

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้ท่าจะเป็นการ์ตูนสายลับนะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:49:07

ความคิดเห็นที่ 11 ตรงข้ามกับสายลับภาพบนก็จะเป็นรูปคู่ตุนาหงันคู่นี้ อันนี้ จขกท.แอบทุย ตอนแรกอิฉันคิดว่า โห เจ๋งนะนี่ มีการ์ตูนเกย์ด้วยเหรอ! อ้าว ดูอีกทีคนซ้ายมือนี่เป็นผู้หญิงนี่หว่า แป่ว -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:49:29

ความคิดเห็นที่ 12 ก็แหม ตรงข้ามการ์ตูนดันมีร้านปักธงสีรุ้ง (สัญลักษณ์ชาวเกย์สากล) หราซะขนาดนี้ หนูก็เข้าใจผิดสิฮะ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:49:51

ความคิดเห็นที่ 13 ต่อฮ่ะต่อ เจอแล้ว Tintin อยู่ใกล้ๆน้องยืนฉี่ Manneken Pis นี่เอง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:50:21

ความคิดเห็นที่ 14 เอ่อ...แล้วคุณพี่ซูเปอร์แมนคนนี้ มาจากไสวะค่ะ!? อย่าบอกนะว่าตอนนี้ Comic Strip Center เค้าติดตั้งระบบ 3D แล้ว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:50:54

ความคิดเห็นที่ 15 เนื่องจากวันนั้นมี Brussels Jazz Marathon เลยมีรถตำรวจจอดรอบๆ Grand Place อย่างเพียบ แหม่ ไม่รู้นัดกันมารึเปล่า ถึงเลือกทำเลจอดได้เข้ากับการ์ตูนมากๆอ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:51:22

ความคิดเห็นที่ 16 เดินไปหลงไป กลับมาถึง Grand Place จนได้สิเรา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:52:12

ความคิดเห็นที่ 17 เช้านี้แดดดีสุดๆ ถ่ายรูป Hotel de Ville ได้อย่างงามแต๊ๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:52:26

ความคิดเห็นที่ 18 ไปก่อนนะจ๊ะ Grand Place หวังว่าถ้าฉันได้กลับมาบรัสเซลส์งวดหน้า จะได้ถ่ายรูปเธอเต็มๆพลาซ่าซะที จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:52:45

ความคิดเห็นที่ 19 กลับไปหาป๊ะป๋าที่โรงแรมดีกว่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:53:02

ความคิดเห็นที่ 20 อันนี้เป็นตึกใกล้ๆโรงแรมค่ะ ลวดลายช่างคิขุกาโม่มากมาย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:53:18

ความคิดเห็นที่ 21 จากโรงแรมเราก็นั่งรถเมล์มายัง Royal Museums of Fine Arts จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:53:43

ความคิดเห็นที่ 22 โชคดีที่วันนี้ จขกท.วางแผนเข้าไปนอนตายในมิวเซียมอยู่แล้ว ป๊าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย เดินไป นั่งมองงานศิลป์ พักฟื้นจากเมื่อคืนไปก็แล้วกันนะป๊า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:54:26

ความคิดเห็นที่ 23 ตรง The Forum ซึ่งเป้นห้องโถงทางเข้ามิวเซียมนี่ จะมีภาพขนาดเบ้งๆวางเรียงบิวต์อารมณ์อยู่หลายรูป หนึ่งในนั้นก็คือ Episode of the September days, 1830, on the Grand Place of Brussels (ชื่อยาวฉิบ -_-) โดย Gustaf Wapper ภาพนี้ ซึ่งเป็นการรำลึกจุดกำเนิดประเทศเบลเยี่ยมในปัจจุบัน หลังจากชาวเบลเยี่ยมยึดอำนาจคืนจากฮอลแลนด์ในปี 1830 จขกท.ดูรูปนี้แล้วนึกถึงภาพ Liberty Leading the People ของ Delacroix ชอบกล (รูปเดียวกับหน้าปกซีดี Viva la Vida ของ Coldplay) สงสัยเพราะธงชาติเป็นเหตุ เหอเหอ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:54:53

ความคิดเห็นที่ 24 เอ๋ นี่อะไรเอ่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:55:16

ความคิดเห็นที่ 25 อะจ๊ากกกกกก เต่าทอง(เขียว)ล้วนๆเลยนี่นา >_< ตอนแรก จขกท.ก็อึ้งว่าตาศิลปิน Jan Fabre แกจะถึกไปไหน ลงทุนเพนต์เต่าทองมาแปะลูกโลก ที่ไหนได้ สีปีกมันเป็นอย่างงี้อยู่แล้ว สีสวยมากๆอ่ะ ที่อึ้งกว่าคือ เต่าทองพวกนี้ เมดอินไทยแลนด์ค่ะทั่น!! ทำไมเด็กกทม.อย่างเดี๊ยนถึงไม่เคยได้เห็นแมงสีสวยๆอย่างงี้บ้างเลยอ่ะ งื้ดๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:55:37

ความคิดเห็นที่ 26 ที่ผ่านมานี่เป็นแค่โหมโรงนะฮะ ของจริงขอเชิญขึ้นเหล่าเต้งโลด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:56:14

ความคิดเห็นที่ 27 มิวเซียมนี้ดีจัง ที่นั่งอย่างเพียบเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:56:41

ความคิดเห็นที่ 28 เราเริ่มทัวร์มิวเซียมกันด้วยงานรุ่นเก่าๆกันก่อนเน้อ แน่นอนค่ะ ยี่ห้อศิลปิน Flemish ไม่ว่าจะดังหรือโนเนมแค่ไหน ต้องถึกไว้ก่อนพ่อสอนไว้ ขนาดรูป Triptych of The Abbey Dielegem ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนวาด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:57:05

ความคิดเห็นที่ 29 ก็ยังอุตส่าห์วาดดีเทลได้สะใจพระเดชพระคุณเลยนะเคอะ (แต่เหมือนศิลปินจะเน้นวาดแต่ดีเทลนะเนี่ย คนในรูปเลยหน้าตาแปลกๆ เหอเหอ) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:57:27

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนภาพนี้ เป็นผลงานของ Rogier van der Weyden ศิลปินรุ่นเดียวกับ Jan van Eyck ค่ะ แม้งานของแกจะไม่ถึกเท่า Van Eyck แต่เรื่องดราม่านี่ ขอให้บอก Lamentation ภาพนี้ แม้พระแม่มารีจะกอดพระเยซูอย่างแทบขาดใจ แต่ท่านก็ยังโศกแบบไว้ฟอร์มหน่อย ถ้าอยากดูดราม่าเน้นๆต้องเชิญชมภาพ Descent from the Cross ที่พิพิธภัณฑ์ปราโด้ กรุงมาดริด ซึ่งของแท้พระแม่มารีต้องล้มทั้งยืน แถมมีน้ำตาหยด 5 แหมะด้วยนา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:57:48

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้ารูปข้างบนดราม่าไม่สะใจ ก็ขอเชิญที่ The Justice of Emperor Otto III โดย Dirk Bouts ภาพนี้ได้เรย อันนี้มาธีมเดียวกับภาพโชว์ถลกหนังในทู้มิวเซียมเมือง Bruges นะฮะ งานชิ้นนี้ก็ได้เทศบาลเมือง มาจ้างศิลปินให้วาดภาพประดับศาลฎีกา จึงต้องวาดธีมให้เข้ากับกระบวนการยุติธรรมเสียหน่อย ด้านซ้ายของภาพแสดงเรื่องราวในตำนานของชายชุดขาวที่ถึงคราวซวย โดนพระราชินีแอบปิ๊งแต่เฮียไม่เล่นด้วย เลยโดนราชินีใส่ร้ายว่ามาแต๊ะอั๋งคุณเธอ -_-" พระราชาเลยสั่งบั่นหัวอาเฮียสุดซวยซะให้ ก่อนตายเฮียเลยหันไปสั่งเสียภรรเมียชุดแดงว่า "ล้างมนทิลให้พี่ด้วย" ฝั่งเมีย (ที่คงนึกในใจว่า ตูจะเป็นม่ายอยู่รอมร่อแล้ว ทำไมไม่ห่วงตูบ้างเลย ) ก็ตกปากรับคำว่า "ไม่เป็นไรท่านพี่ ข้าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่านพี่ให้เอง!" จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:58:22

ความคิดเห็นที่ 32 ว่าแล้วชีก็เลยสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้า แล้วเข้าไปถวายฎีกากับพระราชา พร้อมแสดงปาฏิหาริย์ ด้วยการกำเหล็กแดงร้อนฉ่า ฝั่งพระราชาเห็นแล้วก็สำนึกผิดว่านี่เราตัดสินพลาดไปแล้ว เลยสั่งเผาเมียตัวเองแก้เกี้ยวซะงั้น >_< (สังเกตได้จากภาพในแบ็คกรานด์ นอกหน้าต่างลิบๆ) เข้าใจว่าเค้าคงจะสื่อว่า ถึงเวลาตัดสิน ต่อให้คนผิดเป็นญาติตัวเอง ผู้พิพากษาก็ต้องตัดสินกันตามเนื้อผ้า แต่ จขกท.ดูแล้วกลับสงสัยว่า 1.) ทั่นพระราชาผู้เบา สั่งประหารคนไม่ดูตาม้าตาเรือเนี่ย ทำไมไม่โดนลงโทษบ้างหว่า และ 2.) สมัยกระโน้นเขามีอิมพอร์ตบัวหิมะมาจากเมืองจีนด้วยเหรอคะเนี่ย กร๊ากกกกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:58:49

ความคิดเห็นที่ 33 มาต่อกันที่ผลงานของ Hieronymus Bosch อีกหนึ่งสุดยอดศิลปินเฟลมิชกันค่ะ ภาพนี้เป็นก็อปปี้ของภาพ The Temptation of St Anthony ซึ่งต้นฉบับอยู่ที่ลิสบอน ไม่ทราบเหมือนกันว่ารูปนี้เฮีย Bosch ก็อปเอง หรือศิลปินคนอื่นก็อปอีกที ป้ายไม่ยอมบอก -_- ในตำนานว่าไว้ว่า St Anthony เป็นลูกเศรษฐี แต่วันดีคืนดีจิตใจเกิดฝักใฝ่ทางธรรม จึงละทิ้งทุกอย่างแล้วออกเดินทางแสวงบุญ ระหว่างทางแกก็โดนภูติผีปีศาจมาคอยยั่วยุให้ตบะแตกตลอด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:59:16

ความคิดเห็นที่ 34 อย่างในรูปนี้ ปีศาจปลอมตัวมาในคราบหญิงสาว (แต่ดันหางโผล่) หลอกท่านนักบุญให้เข้าสู่มหกรรมอโคจร แต่ท่าทาง St Anthony จะรู้ทันนะเนี่ย แกถึงได้ทำหน้าปวดตับใส่คนดูแบบนี้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:59:40

ความคิดเห็นที่ 35 งานของ Bosch จะมีจุดเด่นอยู่ที่แกชอบกระหน่ำตัวประหลาดมาเต็มภาพไปหมด แต่ปีศาจในรูปนี้ จขกท.ว่ามันออกแนวคิขุกาโม่มากกว่าน่ากลัวนะเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 09:59:58

ความคิดเห็นที่ 36 ดูรูปมึนๆกันไปพอสมควรแล้ว มาคั่นรายการด้วยภาพของ Adriaen Isenbrant กันหน่อยดีมั๊ยฮะ จขกท.ชอบภาพนี้ตรงมันเรียบๆนิ่งๆแต่ได้อารมณ์ดีจังค่ะ เหมือนพระแม่มารีกำลังนั่งรำลึกความหลัง โดยวงกลมรอบๆก็แสดงเรื่องราวชีวิตพระเยซู ตั้งกะเพิ่งลืมตาดูโลก ยังไม่ทันไรพระแม่มารีกับสาละมี ก็ต้องหอบพระเยซูหนีการตามล่าไปที่อียิปต์ และจบที่ตอนพระเยซูโดนตรึงกางเขนจนลาโลกไปเฝ้าพระเจ้า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:00:21

ความคิดเห็นที่ 37 ลูกทัวร์มาแล้วจ้า ^^ ชอบภาพบนผนังตึกแบบนี้มากๆ ค่ะ เวลาไปประเทศไหนที่มีสวยๆ จะปลื้มเป็นพิเศษ >_< แต็งแต็งนี่...สารภาพว่าไม่รู้เลยว่า เรื่องราวมันเป็นยังไง ไม่เคยดูเล้ย ^^" จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:00:34

ความคิดเห็นที่ 38 รูปนี้ก็พระแม่มารีอีกแล้ว อันนี้เป็นภาพ Triptych of the Confraternity of St Anne in Louvain โดย Quinten Massys ค่ะ น่าเสียดายที่ถ่ายรูปมามืดไปหน่อย เพราะรูปจริงสีสวยมากๆๆๆๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:00:46

ความคิดเห็นที่ 39 อันนี้เป็นรูปบนบานพับของรูปข้างบนค่ะ จขกท.ล่ะชอบแบ็คกราวด์รูปนี้จริงๆ ยังกะเทพนิยายเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:02:56

ความคิดเห็นที่ 40 #คุณ Clear Ice ฮะ เดี๊ยนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแต็งแต็งเรื่องเป็นไง ไม่เคยอ่าน ตอนเด็กๆอ่านแต่โดราเอมอน โม้มาตั้งนาน ได้เวลาดาวเด่นของมิวเซียมออกโรงแย๊ว ที่นี่มีภาพของ Pieter Bruegel the Elder จิตรกรเฟลมิชชื่อดังอยู่ 3 ภาพด้วยกันค่ะ หนึ่งในนั้นก็คืองานยุคแรกๆของแกที่ชื่อ The Fall of the Rebel Angels ภาพนี้ หลังจากเฮีย Bosch เด๊ดสะมอเร่ลง ก็มีศิลปินรุ่นหลังมากมายที่พยายามวาดภาพแสดงจินตนาการหลุดๆ เลียนแบบสไตล์ของ Bosch แต่นอกจาก Bruegel แล้ว ไม่มีใครทำได้เทียบเคียงกับต้นตำรับเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:04:56

ความคิดเห็นที่ 41 แค่ดูรูปเฉยๆยังเหนื่อยแทนคนวาดแล้ว ต้องคิดกันนานไหมเนี่ยกว่าจะวาดออกมาได้อ่ะ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:05:27

ความคิดเห็นที่ 42 ภายหลัง Bruegel เริ่มหันมาบันทึกภาพวิถีชาวบ้านแทน แต่แกยังคงความแปลก แหวก และรายละเอียดเพียบเช่นเดิม อย่างภาพ The Census at Bethlehem นี้ แสดงเรื่องราวตอนที่เซ็นต์โจเซฟ (ป๊ะป๋าของพระเยซู) พาพระแม่มารีที่กำลังอุ้มท้องพระเยซูอยู่กลับมาเมือง Bethlehem บ้านเกิดของบรรพบุรุษ เพราะปีนั้นมีคำสั่ง ให้มีการสำรวจสำมะโนประชากร(!) เลยทำให้พระแม่มารีต้องมาคลอดพระเยซูที่เมือง Bethlehem นี้เอง และเนื่องจากวันคริสต์มาสหรือวันเกิดพระเยซูนั้นอยู่ในหน้าหนาว เมืองในภาพเลยอุดมไปด้วยหิมะ แม่น้ำก็แข็งเป๊กจนคนเดินได้ ว่าแต่ ทำไมเมือง Bethlehem (ซึ่งปัจจุบันคือดินแดนปาเลสไตน์) ถึงได้หน้าตาเหมือนเมืองในเบลเยี่ยมยังงี้ล่ะเพ่! >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:05:43

ความคิดเห็นที่ 43 เข้าใจว่า Bruegel ไม่ได้ตั้งใจจะวาดรูปเมืองในตะวันออกกลางอยู่แล้ว ไม่งั้นในภาพจะมีรูปคนกำลังเชือดหมูเหรอท่าน! (คนยิวไม่กินเนื้อหมูค่ะ -_-) อ้อ หลายคนดูรูปบนอาจสงสัยว่า ไหนฟะพระแม่มารี ก็นี่ไงเคอะ พระแม่มารีกำลังขี่ม้าเข้าเมืองอยู่นี่เลย เนื่องจาก Bruegel วาดรูปวิถีชาวบ้านที่คล้ายๆภาพ The Census at Bethlehem ไว้เยอะมาก จนหลายคนคิดว่าพื้นเพแกคงเป็นแนวปากกัดตีนถีบ แต่จริงๆแล้ว บ้านแกรวยนะเคอะขอบอก แถมแกยังเป็นคนช่างคิดและรอบรู้ จนเพื่อนของแกยังบอกว่า Bruegel ใช้เวลากับการ"คิด"ภาพแต่ละรูป มากกว่าตอนลงมือวาดจริงซะอีก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:06:00

ความคิดเห็นที่ 44 ภาพจากเทพนิยายกรีก The Fall of Icarus ภาพนี้ ก็เป็นตัวอย่างของความแยบคายของ Bruegel เนื่องจากภาพนี้มันลึกซึ้งเกินกว่าที่สมองน้อยๆของ จขกท.จะตีความได้ >_< อิฉันเลยขอยกคำอธิบายจาหนังสือ What Great Paintings Say มาดื้อๆเลยละกันเน้อ เรื่องมีอยู่ว่า Icarus กับคุณพ่อนักประดิษฐ์โดนขังอยู่ในเขาวงกต (ส่วนที่ว่าทำไมถึงโดนขัง เรื่องมันยาวฮ่ะ เชิญไปอากู๋กันเองเน้อ) คุณพ่อสมองไวเลยปิ๊งไอเดียสร้างปีกที่ทำจากขนนกและขี้ผึ้ง แล้วสองพ่อลูกก็สวมปีกปลอม โบยบินออกจากเขาวงกตไป ก่อนจะบิน คุณพ่อก็เตือน Icarus ว่า อย่าบินไปใกล้ดวงอาทิตย์นะลูก แต่พอออกบินจริง Icarus ก็ได้ใจบินสูงขึ้นเรื่อยๆ จนความร้อนจากดวงอาทิตย์เผาขี้ผึ้งที่ยึดขนนกอยู่ละลาย พอปีกหาย Icarus ก็ร่วงลงทะเล ซี้แหง๋แก๋ตามระเบียบ เช่นเคยค่ะ เพื่อนๆคงจะสงสัยว่า ไหนฟะ Icarus เห็นขาคนตีน้ำป๋อมแป๋มใกล้ๆเรือไหมคะ นั่นแหล่ะค่ะ Icarus!! ตามตำนาน ตอนที่ Icarus กำลังร่วงลงผืนน้ำ มีชาวนา เด็กเลี้ยงแกะ และคนตกปลาอยู่แถวๆนั้นพอดี แล้วทำไม Bruegel ถึงไปเน้นตัวประกอบทั้งสามแทนที่จะเป็น Icarus พระเอกของเรื่องล่ะเนี่ย นั่นก็เพราะในความคิดของ Bruegel Icarus ไม่ใช่ฮีโร่ที่กล้าแหกกฎประเพณี แต่เป็นคนเขลาที่ไม่รู้จักประมาณตน ชาวนาชาวไร่ที่ตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งตะหาก คือฮีโร่ที่แท้จริงในสายตาของ Bruegel จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:06:19

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าใครติดใจงานของ Bruegel ให้ไป Kunsthistoriches Museum ที่กรุงเวียนนาได้เลยค่ะ เพราะ 1 ใน 3 ของรูปของ Bruegel อยู่ที่เวียนนาเจ้าค่ะ รวมทั้งต้นฉบับของภาพ The Struggle between Carnival and Lent รูปนี้ด้วย ภาพนี้คนก็อปปี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น Pieter Brueghel the Younger ลูกชายคนโตของเฮีย Bruegel นั่นเอง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:06:58

ความคิดเห็นที่ 46 ในขณะที่ Pieter Brueghel the Younger เดินตามรอยป๊ะป๋า Jan Brueghel the Elder ลูกชายคนรอง กลับฉีกแนวไปวาดภาพวิวทิวทัศน์หรือไม่ก็ Still Life ซะแทน แต่กลายเป็นว่าทำไปทำมา Jan ดังกว่าพี่ตัวเองซะอีก รูปนี้ก็เป็นผลงานของน้อง Jan ค่ะ วาดดอกไม้ได้สวยเหมือนจริงสุดๆอ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:07:12

ความคิดเห็นที่ 47 "โอย ดูงานศิลป์จนตาลายแล้ว ขอป๊านั่งพักหน่อยนะลูก" จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:07:33

ความคิดเห็นที่ 48 ป๊าอิฉันเค้าชอบรูปนี้ค่ะ เป็นภาพครอบครัวสุขสันต์ของศิลปิน Cornelis de Vos จขกท.ก็ชอบตรงที่ทุกคนในรูปดูลั่ลล๊าบางกะปิแฮปปี้แลนด์มาก ไม่ได้นั่งแข็งทื่อเป็นบ็อทแบบ Portrait หลายๆรูป งื้ดๆ ดูรูปแล้วคิดถึงหม่ามี๊ที่บ้านง่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:07:56

ความคิดเห็นที่ 49 แน่นอนค่ะว่าที่มิวเซียมนี้ต้องมีงานของ Rubens อ่ะ เอาไปเลยห้องนึง ดูกันให้สะใจ! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:08:22

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่รู้สิคะ ส่วนตัว จขกท.ชอบงานยุคแรกๆของเฮีย Rubens (แบบภาพในวิหาร Antwerp) มากกว่างานยุคหลังๆที่ดูแล้วอลังการงานสร้างก็จริง แต่เดี๊ยนว่ามันยุ่งๆมึนๆชอบกล -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:08:51

ความคิดเห็นที่ 51 กลายเป็นว่ารูปของ Rubens ที่ จขกท.ชอบสุดในมิวเซียมนี้ กลายเป็นภาพสเก็ตช์ชายชาวแอฟริกันรูปนี้ซะงั้น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:12:58

ความคิดเห็นที่ 52 ชมผลงานของศิลปินเบลเยี่ยมไปเยอะแล้ว มาแก้เลี่ยนด้วยศิลปะจากฝรั่งเศสกันบ้างเน้อ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:13:13

ความคิดเห็นที่ 53 อย่างภาพวาดสไตล์นีโอคลาสสิคของ Jacques Louis David ที่ชื่อ Venus Disarming Mars ภาพนี้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:13:36

ความคิดเห็นที่ 54 เฮีย David แกเคยลี้ภัยมาอยู่เบลเยี่ยมช่วงนึงด้วยค่ะ เพราะแกเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการปฏิวัติล้มราชวงศ์ ที่ส่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารีอังตัวเนตต์ขึ้นเขียงกิโยตินในปี 1789 แต่ว่าภายหลังแกนนำคณะปฏิวัติ ดันบ้าอำนาจซะเอง สั่งฆ่าผู้บริสุทธิ์และคนที่ไม่เห็นด้วยมากมาย จึงโดนโค่นล้มอำนาจในกาลต่อมาตามระเบียบ Jean-Paul Marat นักหนังสือพิมพ์ก็เป็นหนึ่งในแกนนำปฏิวัติปี 1789 ภายหลังเขาโดนลอบสังหาร ด้วยน้ำมือสาวชาวบ้านที่ชื่อ Charlotte Corday ซึ่งตอนแรกเธอก็สนับสนุนการปฏิวัติอย่างสุดตัว แต่เธอก็ไม่เห็นด้วยกับการประหารพระเจ้าหลุสย์ที่ 16 อีกทั้งหลังจากเห็นผู้คนล้มตายมากมายอย่างไม่เป็นธรรม เธอจึงตัดสินใจเชื่อดไก่ให้ลิงดู ด้วยการบุกฆ่า Marat ตายสนิทคาอ่าง หลายคนอาจเห็นว่า Charlotte Corday เป็นฮีโร่ที่กล้าลุกขึ้นมาจัดการมะเร็งสังคม แต่ในมุมมอง David แล้ว การตายของ Marat เพื่อนรักนั้น ก็ไม่ต่างจากโศกนาฎกรรมของเทพนิยายกรีกเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:13:52

ความคิดเห็นที่ 55 ดูอาร์ตกันจนมึนได้ที่แล้ว เราสองพ่อลูกก็ขอแวะเติมพลังกันหน่อยที่คาเฟ่ด้านในมิวเซียม จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:14:09

ความคิดเห็นที่ 56 ระเบียงด้านนอกคาเฟ่วิวดีไม่หยอกเลยนะฮะ เหมาะกับการพักสายตานักแล จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:14:26

ความคิดเห็นที่ 57 จากงานยุคเก่าๆ เราก็มากระชากอารมณ์กันด้วยมหกรรม Belgian Symbolism กันต่อฮ่ะ เผอิญตอนไป เค้ากำลังมีนิทรรศการ Symbolism in Belgium อยู่พอดี กี๊ดๆ *** แต่เนื่องจากเค้าไม่ให้ถ่ายรูปในนิทรรศการ จขกท.เลยต้องตบภาพจากในเน็ตมานะขอรับ *** Belgian Symbolism นี่ถือเป็นหนึ่งในต้นกำเนิดศิลปะแบบ surrealism เซอร์ไม่เซอร์ก็เชิญชมภาพ The Caress โดย Fernand Khnopff เป็นตัวอย่าง โดยภาพนี้มีผู้รู้ตีความไว้ประมาณล้านแปดเวอร์ชั่น ว่ามันเป็นแค่ภาพโอดีปุสและสฟิงซ์ บ้างก็ว่ามันสื่อถึง power/domination/seduction บ้างก็ว่ามันเป็นภาพสะท้อนของตัวศิลปินและน้องสาว (Khnopff มักใช้บริการ Marguerite Khnopff น้องสาวของแกมาเป็นแบบ จนมีคนลือว่าแกหลงรักน้องสาวตัวเองฮ่ะ เอร๊ยยยย >_<) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:15:01

ความคิดเห็นที่ 58 เจ๊ Marguerite ยังตามมาหลอนผู้ชมกันต่อที่ The Portrait of Marguerite Khnopff ภาพนี้ ภาพนี้เค้าว่า Khnopff ต้องการจะสื่อถึงนางในอุดมคติของแก ที่ขาวบริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า แถมที่นางฟ้าเบือนหน้าหนีคนดูนั้น นัยว่าเป็นการสื่อว่านางช่างยากเกินไขว่คว้ายิ่งนัก (ภาษาชาวบ้านเรียก สวยเลือกได้ ค่ะแบบนี้ ) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:15:23

ความคิดเห็นที่ 59 หรือถ้าจะดูแบบไม่ต้องคิดมาก ในนิทรรศการก็มีรูปสวยๆของ Khnopff ให้ดูกันเพลินๆหลายรูปอยู่ อย่าง Silence รูปนี้ไงคะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:15:36

ความคิดเห็นที่ 60 หรือ Acrasia/Britomart ภาพนี้อีก กรี๊ดดดดด จ๋วยยยยยยย ทั้ง Acrasia แล้วก็ Britomart เป็นตัวละครในบทกวี The Faerie Queene อันโด่งดังของ Edmund Spenser โดย Acrasia เป็นสาวงามที่คอยยั่วยวนบรรดาอัศวินให้ใจแตก ในภาพเลยต้องเอ็กซ์สะบัดช่อให้สมศักด์ศรีหน่อย จขกท.ชอบรูปเจ๊ Acrasia มาก เพราะดูเผินๆเหมือนงานยุคแรกๆของ Gustav Klimt ศิลปินคนโปรดของเดี๊ยนเรย ส่วน Britomart นั้นในเรื่องเป็นอัศวินสาว ที่ตกหลงรักอัศวินหนุ่มนามว่า Artegal หลังจากเห็นหน้าพ่อหนุ่มหนึ่งหนถ้วน แต่แทนที่จะนั่งรออัศวินหนุ่มอยู่ในปราสาทเฉยๆแบบเจ้าหญิงดีสนีย์ Britomart กลับออกผจญภัยตามหารักแท้ของเธอแทน ระหว่างทางเธอก็ต้องสู้รบปรบมือกับอัศวินชายอกสามศอกมากมาย แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ทำสถิติชนะรวด จนกระทั่งมาพ่ายแพ้ต่ออัศวินหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน Artegal พระเอกของเราน่ะเอง ฮิ้ววววววว (น้ำเน่าเจงๆ) ในบทกวี Edmund Spenser ยกย่องความมุ่งมั่นของ Britomart ที่ตัดสินใจเก็บรักไว้มอบให้กับชายในฝันของเธอ เรียกว่ามาคนละขั้วกับแม่นาง Acrasia ที่โพสท่าเดียวกันเด๊ะๆอยู่ข้างๆเลยนะเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:16:00

ความคิดเห็นที่ 61 นอกจากนี้ Khnopff ยังชอบวาดภาพเมือง Bruges ที่แกเติบโตมาอีกด้วย เพียงแต่สมัยกระโน้น Bruges ยังเป็นเมืองร้างผีหลอก ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวขายดีแบบสมัยนี้ Bruges ในความทรงจำของ Khnopff จึงให้บรรยากาศงดงามปนเงียบเหงาเศร้าซึม ดังในภาพ Memory of Bruges รูปนี้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:16:18

ความคิดเห็นที่ 62 ^ ^ เอ้ รูปนี้มุมคุ้นๆเนอะ เพียงแต่ไม่มีน้องเป็ดน้องหงส์เต็มคูแบบในรูปเดี๊ยนเท่านั้นเอง อิอิ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:18:19

ความคิดเห็นที่ 63 หรือ Abandoned City ภาพนี้ที่ถ่ายทอดความงามแบบเหงาๆของ Bruges ได้อย่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:18:52

ความคิดเห็นที่ 64 ดูงานของ Khnopff มาเยอะแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศมาชมงานของศิลปินคนอื่นบ้างเน้อ เนื่องจากเค้าห้ามถ่ายรูปในมิวเซียม จขกท.เลยชักจำไม่ค่อยได้ว่ามีรูปอะไรมั่ง แต่ที่จำได้ติดตาก็คือ Autumn ของ Xavier Mellery ภาพนี้แหล่ะค่ะ โอ้แม่เจ้า รูปช่างหลอนได้สะใจ แบบนี้น่าเอาไปทำโปสเตอร์วันฮาโลวีนมั่กๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:19:09

ความคิดเห็นที่ 65 ศิลปินอีกคนที่ จขกท.จำได้แม่นก็คือ Léon Spilliaert เจ้าของภาพ Vertigo รูปนี้นั่นแล จขกท.ติดใจงานของ Spilliaert มั่กๆ ทั้งที่รูปแกไม่มีอะไรเลย ไม่มีดีเทลอลังการงานสร้าง สีก็ทึมๆ มีแต่มุมมองสุดกราฟฟิคแปลกตา กับบรรยากาศเท่ๆที่ทำให้รูปออกมากิ๊บเก๋เหลือกำลังลาก ปล. Spilliaert เป็นชาวเมือง Ostend เมืองชายทะเลของเบลเยี่ยมที่อยู่ใกล้ๆ Bruges ที่เมือง Ostend (ซึ่งเป็นบ้านของภาพ Vertigo นี้ที่ Royal Museum of Fine Arts ยืมมาจัดแสดงอีกที) เลยมีอนุสาวรีย์รูปสาวผมปลิวนั่งอยู่บนขั้นบันได แบบในรูปนี้เด๊ะเลยตั้งอยู่ข้างหาดด้วยนะเคอะ! >_< ถ้าใครแวะไปก็อย่าลืมถ่ายรูปเอามาเทียบกับต้นฉบับล่ะเน้อ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:19:29

ความคิดเห็นที่ 66 หรือ The Bath Girl โดย Spilliaert เจ้าเก่าภาพนี้ก็เท่ไม่แพ้รูปบน โดยเฉพาะลายผิวน้ำที่ทำให้รูปมีเสน่ห์ขึ้นมาอีกหลายขีด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:19:56

ความคิดเห็นที่ 67 แต่รูปจากนิทรรศการ Symbolism in Belgium นี่เด็กๆไปเลย เมื่อมาเจอกับเจ้าพ่อหลุดโลกของจริงอย่าง Rene Magritte เข้าให้!! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:20:20

ความคิดเห็นที่ 68 Magritte Museum เพิ่งเปิดทำการในปี 2009 ที่ผ่านมาเองค่ะ โดยมิวเซียมอยู่ติดกับ Royal Museum of Fine Arts นี่แหล่ะ ซึ่งนอกจากจะมีผลงานของ Magritte ให้ชมแล้ว ยังมีนิทรรศการที่เล่าถึงประวัติและแรงบันดาลใจของ Magritte อีกด้วย ภาพนี้ชื่อ Empire of Light เป็นญาติกับ Empire of Light II ในทู้ MOMA ณ นิวยอร์คของเดี๊ยน จะเวอร์ชั่นไหนๆก็ยังเท่ไม่สร่างค่ะ เมืองในความมืดแต่ท้องฟ้าเบื้องหลังกลับสว่างโร่เชียว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:20:37

ความคิดเห็นที่ 69 ขอสารภาพว่ากว่าจะถ่อสังขารมาถึง Magritte Museum เราสองพ่อลูกก็สมองบอบช้ำกับการเที่ยวมิวเซียมมาทั้งวันแล้ว เราเลยไม่ค่อยได้ตั้งใจดูนิทรรศการที่เค้าบรรยายถึงที่มาของแต่ละ motif ของเฮีย Magritte นัก -_- แถมแต่ละรูปก็ดูหลุดโลกซะ เล่นป๊าเดี๊ยนดูรูปไปเกาหัวแกรกๆไป กร๊ากกก แต่รูป The Domain of Arnheim รูปนี้ก็เจ๋งดีออกป๊า แม่นกกางปีกเป็นภูเขา เท่สุดๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:21:25

ความคิดเห็นที่ 70 หรือป๊าเดี๊ยนจะเก็กซิมกับความกวนตรีนของเฮีย Magritte เพราะซับไตเติ้ลภาพนี้แปลเป็นภาษาปะกิตได้ว่า "This is not a pipe" โอ้ เซอร์กว่านี้มีอีกมั๊ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:21:46

ความคิดเห็นที่ 71 หลังจากชมงานศิลปะกันจนเหนื่อยแล้ว เราก็เปลี่ยนบรรยากาศ ออกมาเดินเล่นตรงย่าน Place du Grand Sablon ซึ่งอยู่แถวๆมิวเซียมต่อ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:22:02

ความคิดเห็นที่ 72 แวะกินขนมที่ Cafe Wittamer ก่อนดีกว่า จขกท.หม่ำเค้กช็อกโกแล็ต จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:22:52

ความคิดเห็นที่ 73 ส่วนป๊ะป๋าก็สั่งแอปเปิ้ลพาย อาหย่อยยยยย เค้กร้านนี้รสชาติใช้ได้เลยค่ะ แต่ต้องทนกับบริการที่ช้าเป็นเต่าขาหักหน่อยนะฮะ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:23:21

ความคิดเห็นที่ 74 จขกท.เลยฆ่าเวลารอพนักงานด้วยการเปิดแค็ตตาล็อกช็อคโกแล็ตเล่มน้อยนี้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:23:40

ความคิดเห็นที่ 75 อูย จะเอาอันไหนดีน๊า dark chocolate ก็น่ากิน white chocolate ก็น่าหม่ำ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:24:10

ความคิดเห็นที่ 76 แวะมาปาดก่อนครับ + จองที่นั่ง และจ่ายค่ามัดจำเป็นกิฟก่อนครับ scroll down ผ่านๆอย่างรวดเร็ว เห็นมีงานศิลป์เก๋ๆอีกแล้ว เดี๋ยวคืนนี้แวะมาเข้า class เลคเชอร์อย่างละเอียดนะครับ อย่าลืมเอาอาหารอร่อยๆมาฝากกันด้วยเน้อออ :P จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:24:21

ความคิดเห็นที่ 77 ^ ^ ได้เรยฮะคุณ Coffee Blended ทู้นี้อาหารอาจจะกร่อยนิดนึง -_- ไว้ขอแก้ตัวซีรีย์หน้าเลยละกันนะฮะ >_< เขมือบเค้กเสร็จ เราก็มาต่อที่ร้านช็อคโกแล็ต Wittamer ที่อยู่ข้างๆคาเฟ่ค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:26:33

ความคิดเห็นที่ 78 กรี๊ดดดดด ละลานตาไปโหม้ด เลือกไม่ถูกเลยเชียว (เพราะอิฉันมัวแต่ยืนเกาะตู้น้ำลายยืดอยู่ ) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:26:59

ความคิดเห็นที่ 79 แถมช็อคโกแล็ตยังหน้าตาไฮโซได้อีก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:27:18

ความคิดเห็นที่ 80 จขกท.เลยห่อน้องช็อคโกแล็ตกลับบ้าน 20 เม็ดขำๆฮ่ะ นอกจากจะหน้าตาดูดีมีชาติตระกูลแล้ว ช็อคโกแล็ตของ Wittamer ยังอร่อยกลมกล่อมมากมายค่ะ T^T น่าเสียดายที่ช็อคโกแล็ตร้านนี้ รสออก traditional หน่อย ไม่มีไส้ประหลาดๆ ประเภทรสวาซาบิ หอมทอด เหมือนของร้าน Chocolate Line ที่ Bruges เล่นเอาคนชอบของแปลกอย่างเดี๊ยนแอบผิดหวังเล็กน้อย (ปล. Wittamer มีสาขาที่ญี่ปุ่นด้วยนะเคอะ ตึ่งโป๊ะ! แง๊ ทำไมไม่ยอมมาเปิดร้านที่เมกาบ้างอ่ะ ) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:27:53

ความคิดเห็นที่ 81 นอกจากร้าน Wittamer แล้ว ตรงแถวๆ Grand Sablon นี่มีร้านช็อคโกแล็ตอย่างตรึมเลยค่ะ นี่ก็อีกร้านดังของเบลเยี่ยม Pierre Marcolini จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:28:18

ความคิดเห็นที่ 82 บรรยากาศในร้านดูไฮโซ๊ไฮโซ เล่นเอาเด็กกะโปโลอย่างอิฉันยืนปากคอสั่น (ในราคา) เลยเชียว แม้ร้านจะดูทางการ แต่พนักงานในร้านก็น่ารักและเป็นมิตรช่วยเหลือดีนะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:28:51

ความคิดเห็นที่ 83 ตอนแรก จขกท.นึกว่าที่ Pierre Marcolini จะขาย chocolate praline หรือ truffles แบบที่ Wittamer แต่ไม่แฮะ เหมือนจะเน้นขาย macaron มากกว่า มีช็อคโกแล็ตนิดหน่อยเอง โดยเฉพาะ truffles ในกล่องหรู ที่จขกท.เห็นราคาแล้วน้ำหูน้ำตาไหล (หรือตูมาผิดร้านฟะ >_<) ไหนๆมาแล้ว จขกท.เลยตัดใจถอยช็อคโกแล็ตนานาชาติ 16 ชิ้น 8 ชาติมา มีทั้งช็อคโกแล็ตจาก เอกวาดอร์,บราซิล,ตรินิแดด,กาน่า,ชวา,มาดาร์กาสก้า,เวเนซูเอล่า และอันที่ชื่อ Pierre Marcolini (สงสัยเป็นพันธุ์ที่ปลูกอยู่หลังบ้านเฮียปิแอร์ กร๊ากกกกกกก) สารภาพว่าลิ้นทุยๆอย่าง จขกท. กินแล้วก็ไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างนัก บางอันขมกว่าชาวบ้านนิด บางอันออก nutty กว่าเพื่อนหน่อย สงสัยอิฉันต้องถอยช็อคโกแล็ตมาทำวิจัยอีกซักกล่องแล้วกระมังเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:29:31

ความคิดเห็นที่ 84 จากนั้นเราก็ไปย้ายวิกนั่งฟังเพลงแจ๊ซเพราะๆกันตรง Grand Sablon ที่เผอิญเป็นหนึ่งในเวทีของงาน Brussels Jazz Marathon พอดี จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:30:06