ความคิดเห็นที่ 1 วัดนี้ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ช่วงระหว่าง อ.ปากท่อ กับ จ.ราชบุรี ห่างจาก แยกเข้า อ.ปากท่อ เพียง 3 กิโลเมตร แต่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนเพชรเกษมนะครับ  ถ้าหากไปจาก แยกวังมะนาว มุ่งไป จ.ราชบุรี วัดนี้จะอยู่ด้านซ้ายมือ แต่มองไม่ค่อยเห็นชัด เพราะอยู่ลึกเข้าไปในทุ่งนา ประมาณ 300 เมตร บังเอิญเมื่อวานนี้เอง(31 ตค.53)  ผมบังเอิญผ่านไปแถวนั้น ตอนค่ำๆ ก็ยังมองไม่เห็นวัดเหมือนกัน  เพราะวันจัดงาน นั้นเขาประดับไฟจากริมถนนเข้าไปถึงวัดเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 15:06:31

ความคิดเห็นที่ 2 เนื่องจากเวลาที่เข้าไป นั้นยังไม่มืด แต่ ผมไม่ได้บันทึกภาพทางเข้าไว้  มาบันทึกในตอนหลัง ที่ใกล้จะกลับ ซึ่งมืดแล้ว  จึงขอลำดับภาพจากสถานที่ แทนระยะเวลา นะครับ (เดี๋ยวจะงง) ภาพบน : เป็นมุมมองจากถนนเพชรเกษม ยามค่ำคืนนะครับ (ถ่ายตอนขากลับ)  เมื่อวานผมก็ไปมองมุมนี้เช่นกัน แต่มืดไม่มีไฟประดับเลยมองไม่เห็นครับ ภาพกลาง : เป็นถนนทางเข้าไป ซึ่งทางวัดได้จัดให้รถจอดทางด้านซ้าย (ในทุ่งนา) เป็นการชั่วคราว เพราะรถเยอะ แล้วเดินข้ามถนนไปเข้าวัด ด้านขวามือครับ ภาพล่าง : เป็นธงประจำวัดหนองระกำ  ซึ่งมีประวัติความเป็นมา จากสำนักสงฆ์กระต่ายทอง เพราะแต่ก่อนแถวนั้นมีกระต่ายชุกชุม เลยเรียกกันว่า ดอนกระต่าย ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น หนองระกำ เพราะแถวนั้นมี ต้นระกำบริเวณหนองน้ำเยอะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 16:28:03

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อนำรถไปจอดแล้ว ก็เดินข้ามถนนไปยังวัด เป็นถนนลูกรัง  ด้านซ้ายเป็นวัด ด้านขวาเป็นบริเวณร้านค้าตลาดนัด ซึ่งที่นี่มีเป็นจำนวนมาก ราวกับ ตลาดนัดสวนจตุจักรเลยเชียวครับ สำหรับรูปข้างล่างนั้น เด็กๆ กำลังให้ความสนใจบ้านลม สีเหลืองที่ตั้งอยู่ปลายถนนข้างหน้านี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 16:42:57

ความคิดเห็นที่ 4 ภาพบน :  ก่อนอื่นก็ต้องตรงไปยังเต้นท์จำหน่าย ธูป-เทียน-ทอง ก่อนตามระเบียบ ซึ่งเต้นนี้ทางวัดได้มาขนาดใหญ่มาก ขนาดสระว่ายน้ำมาตรฐานได้สบายๆ  เลยครับ ภาพกลาง : เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็พบแถวคนหนาแน่นตรงกลางเต้นท์   เอ๊ะ..ไม่ใช่ เข้าคิวซื้อธูปเทียนทอง นี่นา  แล้วเขาทำอะไรกัน ถึงมุงกันเยอะขนาดนี้ ภาพล่าง : อ๋อ... กำลังเข้าคิวเพื่อขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นสิริมงคลกลับไปบูชาที่บ้านครับ แต่สังเกตุให้ดีว่า มีรูปปั้นกระต่ายสีทองด้วย  อันเป็นชื่อเดิมของวัดนี้ ก่อนที่มีการก่อตั้งในปี พ.ศ.2526  ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 17:03:27

ความคิดเห็นที่ 5 ภาพ 1 : รู้สึกสนใจ รูปปั้นกระต่ายทองนี้จัง กำลังยืนอุ้มเงินที่เป็นรูปถ้วย (เงินของจีนสมัยก่อน เรียกว่า กิมตุ้ง) แล้วมีธงยันต์มาคล้องอีกที ดูแล้วเหมือนกำลังจะมอบโชคให้กับผู้คนที่มาที่วัดนี้ ภาพ 2 :  มีรูปปั้นกระต่ายทองสองตัวด้วยนะครับ ภาพ 3 : เดินอ้อมมาข้างหลัง เพื่อจะได้เห็น เบื้องหลัง และสีหน้าความสนใจของผู้คนที่มามุงกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 17:19:50

ความคิดเห็นที่ 6 ภาพบน : เดินผ่านเต้นท์โค้งๆ เข้าไป ก็พบศาลามุงแฝกที่จำหน่าย ธูปเทียนทอง ตามต้องการ แต่ก็รู้สึกประทับใจ กับสาวๆ เอ๊ย... ผู้ให้บริการ ธูปเทียนทอง ซึ่งนอกจากจะเป็นสุภาพสตรีล้วนๆ แล้วยังแต่งชุดไทย(ภาคเหนือ) ทุกคนด้วย นับเป็นตัวอย่างที่ดีของ เอกลักษณ์ไทย ครับ ภาพล่าง : นี่ก็เป็นเบื้องหลังของ เคาท์เตอร์บริการธูปเทียนทอง ซึ่งจะได้เห็นชุดที่สวมกันเต็มตัว ว่าสวยงามมากแค่ไหน...  ดีครับ ร้อนๆ มาเห็นอย่างนี้ก็รู้สึกสบายตามากเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 17:32:36

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพซ้าย : หลานผมเธอก็ชอบเคาท์เตอร์นี้เช่นกัน เลยขอสักภาพ ภาพขวา : เสร็จแล้วก็ต้องมาตระเตรียมอีกเช่นเคยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 17:42:28

ความคิดเห็นที่ 8 ภาพบน : ตอนนี้ก็ต้องไปที่พระอุโบสถกันแล้ว ซึ่งอยู่ห่างไปจาก เต้นท์จัดเตรียมของไหว้ไม่น้อยครับ  นี่ดีที่เป็นตอนเย็น ถ้าหากเป็นตอนกลางวันละก็ คงร้อนสุดๆ ครับ ช่วงนั้นแดดจ้ามากๆ ด้วย ภาพล่าง : ป้ายบอกทางไปด้านหน้าพระอุโบสถ คงกลัวคนเดินลัดเข้ามาทางด้านข้าง แล้วจะสับสน คนติด (เหมือนรถติด) แน่นอนครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 17:52:10

ความคิดเห็นที่ 9 แวะมาชมครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 18:04:23

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพขวา : เดินผ่านด้านข้างพระอุโบสถ จะเห็นรูปปั้นที่ควรเคารพบูชา เรียงรายมาจนถึงหน้าพระอุโบสถเลย ใครใคร่ถวายก็ถวาย ใครจะปิดทองก็ทำได้ตามใจ (แต่กลัวทองที่ได้มา ไม่เพียงพอจะปิดลูกนิมิต ผมเลยไม่ได้ปิดทองตรงนี้) ภาพกลาง :  เลยเต็นท์ด้านข้างมาก็เจอกับผู้ทุพลลภาพ หลายคนรอการให้ทาน เพื่อให้ครบกับการทำบุญแล้วก็ทำทาน ดั่งคำกล่าวที่คล้องจองกันมาแต่ไร ภาพซ้าย : มองไปทางซ้ายมือ ก็จะเห็นลูกช้าง(เร่ร่อน)มารอรับอาหาร ที่คนทั่วไปซื้อจากผู้ดูแลช้าง เพื่อเป็นรายได้ของช้างและเจ้าของช้าง (เพราะลำพังคนเลี้ยงช้างก็ไม่มีเงินซื้ออาหารให้ช้าง เลยต้องยืมเงินคนมาซื้ออาหารเตรียมให้ช้างก่อน แล้วค่อยหาคนมาซื้ออีกต่อให้ช้างของตน) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 18:10:44

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากๆครับผม ผมนั่งรถไฟผ่านปากท่อหลายครั้งมากๆ แต่ไม่เคยเดินออกไปไหนไกลกว่าตลาดปากท่อเลย หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 18:27:11

ความคิดเห็นที่ 12 นี่ก็เข้าหน้าหนาวอีกแล้ว หากมีโอกาส คงต้องลองหาเวลาไปเที่ยวแบบเจ้าของกระทู้บ้างแล้วครับ อ่านแล้วรู้สึกสบายใจดีครับ .. ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : สุดท้ายตรงไหน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 18:50:19

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีครับ คุณกัปตันลูกชุบ : ที่แวะเข้ามาทักทายในกระทู้นี้เป็นท่านแรก ขอให้ได้รับบุญ ด้วยนะครับ ผมลองเดินเข้าไปมองดู ด้านริมกำแพงพระอุโบสถดู พบว่าไม่มีกำแพงอย่างโบสถ์ทั่วไป หากแต่มีการยกระดับของพื้นโบสถ์แทน  แต่ก็ยังคงมีกำแพงเตี้ยๆ เหมือนระเบียง บริเวณมุมทั้งสี่ของพื้นยกระดับรอบๆ โบสถ์แทน นับว่าแปลกดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 19:13:52

ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดี คุณdigimontamer : สมเป็นนักท่องเที่ยวรถไฟเลยครับ  ผมเองก็เพิ่งนึกได้ว่า อ.ปากท่อก็มีรถไฟผ่าน แต่ลึกเข้าไปจากถ.เพชรเกษมเป็นกิโลเมตร  เมื่อคืนนี้เองที่ผมเพิ่งผ่านมา โดยลองวิ่งรถยนต์ กลับกรุงเทพฯ ทางถนนสายปากท่อ-สมุทรสงคราม แล้วมาหาทางลัดออก ถ.พระรามสอง ตอนใกล้ๆ จะถึง จ.สมุทรสงคราม ยังจำได้ ตอนผ่านทางรถไฟ ไม่ทันสังเกตุ (มืดมาก) ผมลืมชะลอความเร็ว เบรคไม่ทันรถกระโดดเกือบลอยแน่... สวัสดีครับ คุณสุดท้ายตรงไหน : ปีนี้หนาวเร็ว ผมคิดว่าอีกไม่นานคงจะร้อนขึ้นมาอีกแน่นอน  ช่วงนี้เป็นเทศกาลทอดกฐิน กับงานวัดประจำปี(ฤดูหนาว) ครับ ภาพข้างล่างนี้เป็นบรรยากาศด้านหน้าพระอุโบสถ ตรงจุดที่จุดธูปไหว้พระก่อนเข้าไปในโบสถ์ คนเยอะไม่น้อย ภาพซ้าย : มีบริการรับฝากรองเท้าด้วย ไม่คิดเงิน แล้วแต่จะบริจาคให้ ภาพกลาง : คนแน่นบริเวณเต๊นท์จุดธูป ภาพขวา : ไหว้พระปักธูปเสร็จแล้วก็มาปิดทองพระพุทธรูปกันก่อน ซึ่งทางวัดได้เตรียมแผ่นทองให้เพียงพอที่จะปิดลูกนิมิตได้ครบ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 19:33:40

ความคิดเห็นที่ 15 ก่อนจะขึ้นไปปิดทองลูกนิมิตในโบสถ์ ให้นำใบโพธิ์เงิน โพธิ์ทอง ที่เตรียมมา เสียบธนบัตรตามกำลังศรัทธาเข้าแล้ว ก็นำไปเสียบกระถางต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง บริเวณเชิงบันไดขึ้นพระอุโบสถกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 19:42:13

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพขวา : ก่อนจะขึ้นบันไดไปบนพื้นยกระดับของพระอุโบสถ เหลือบเห็นสระน้ำเล็กๆ หน้าโบสถ์ เป็นรูปปั้นพระแม่ธรณีบีบมวยผม  สวยครับ แต่มองไม่ค่อยเห็น เนื่องจากมีอะไรบดบังเยอะ  ถ้าหากเลิกงาน เป็นช่วงปกติก็คงเห็นพระอุโบสถชัดๆ เต็มๆ นะครับ ภาพซ้าย : ตอนนี้กำลังจะขึ้นบันไดแล้วครับ มีราวบันไดสแตนเลสด้วย นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมประยุกต์เข้ากับสมัยใหม่ เน้นความคงทน และ สะอาดตา ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 19:50:51

ความคิดเห็นที่ 17 ขึ้นบันไดมาปุ๊บก็เข้าโบสถ์ทันที มีข้อสังเกตุคือ ประตูด้านหน้าเป็นประตูเดี่ยว แตกต่างจาก พระอุโบสถทั่วไป ที่จะมี 2 ประตู  นับเป็นการประยุกต์ให้เข้ากับสถานการปัจจุบันที่มีผู้คนนิยมเข้าโบสถ์กันเยอะ จะได้เดินสะดวกๆ ในขณะที่การมี 2 ประตู ผู้คนมักชอบเข้าออกประตูด้านใดด้านหนึ่งมากกว่าประตูอีกด้าน (ไม่มีข้อกำหนดเรื่องการเดินเข้าออกแต่ละประตู) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 20:32:30

ความคิดเห็นที่ 18 ภาพขวา : องค์พระประธาน เป็นรูปแบบพระศรีอารย์ คือคล้ายกับเทวดา (มีมงกุฎที่พระเศียรและกำไรต้นแขน) มีชื่อว่าพระพุทธศรีชัยมงคลจักรพรรดิ ภาพซ้าย : หลังคาโบสถ์ก็เป็นลักษณะหักมุมเหมือนท้องเรือ มีโคมไฟระย้า และไฟดาวไลน์ สมัยใหม่ ทำให้ดูเหมือนวิหารประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของบ้านเมือง มาก   นี่คงเป็นที่มาของ "พระอุโบสถเฉลิมพระเกียรติ" เลยดูออกจะเป็นทางการ หรือของหลวงไปเลย มีประวัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระอุโบสถนี้เล็กน้อยคือ เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.2549 ได้รับพระรับตราพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ติดหน้าบันอุโบสถ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา (ข้อมูลจาก :http://hererb.บล็อกสปอท.com/2010/08/blog-post_20.html) แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 53 20:51:59 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 20:48:28

ความคิดเห็นที่ 19 และก็มาถึงตอนสำคัญคือ ปิดทองลูกนิมิต ลูกเอก กลางพระอุโบสถแห่งนี้ ซึ่งโชคดีที่ผมได้มุมเหมาะๆ เลยถ่ายภาพได้ชัดๆ หน่อย (สองภาพลูกเดียวกันนะครับ) ดูดีๆ ในวงกลมสีชมพู นั้นคืออะไรครับ    ตอบได้เลยว่า คือมังกร  เป็นการถักเชือกให้เป็นรูปมังกร ผมเพิ่งมาเข้าใจสักครู่นี้เองว่า เป็นเอกลักษณ์ของชาวราชบุรี ที่มีโอ่งมังกรเป็นสินค้าพื้นเมืองมาช้านานครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 21:04:12

ความคิดเห็นที่ 20 ภาพขวา : ตอนนี้ก็ออกมาจากพระอุโบสถแล้ว (ซึ่งเป็นบันได อีกช่วงที่สอง ในขณะที่ช่วงแรกก็คือจากพื้นดิน ขึ้นมายังพื้นยกระดับรอบโบสถ์) ภาพซ้าย : เป้าหมายก็คือ ลูกนิมิตลูกที่สอง หน้าโบสถ์นั่นเอง  สังเกตุให้ดีจะเห็นว่ามีโอ่งมังกร มารองรับลูกนิมิตอีกที ในขณะที่ปกติ ลูกนิมิตจะห้อยโดยหวายเท่านั้น นับเป็นการผสมผสาน หัตถกรรมท้องถิ่น เข้าไปด้วย แจ๋วจริงๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 21:13:14

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพซ้าย : แหงนขึ้นไปถ่ายภาพ ช่อฟ้าของพระอุโบสถดูบ้าง ดูแล้วคล้ายๆ พุทธมณฑลเลยครับ ภาพขวา : เป็นระเบียงด้านหน้าโบสถ์ ที่จะเห็นความแตกต่างระหว่าง โบสถ์ทั่วไป ที่นอกจากจะมีประตูเดียว แล้ว บันไดที่เดินลงมายังออกมาตรงกับประตูพอดี ในขณะที่โบสถ์ทั่วไป บันไดจะแยกออกมาทางข้างโบสถ์ ทั้งสองด้าน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 21:26:59

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพขวา : ตอนนี้ผมเดินปิดทองลูกนิมิตมาได้เกือบรอบแล้ว เห็นประตูด้านหลังโบสถ์ เลยถ่ายมาให้ดูกัน ว่าเป็น 2 ประตูไม่เหมือนด้านหน้า ในขณะที่ บันไดเดินขึ้นนั้นเป็นตรงกลางเหมือนกัน ภาพกลาง : นี่เป็นด้านข้างโบสถ์ ที่ประดับด้วยหลอดไฟจำนวนมาก เนื่องจากมีสีขาวเรียบ จึงรับกับหลอดไฟได้ดี  ตรงระหว่างทางเดินด้านข้างโบสถ์ ก็จะมี รั้วต้นไม้เตี้ยๆ ด้วย ภาพซ้าย : ทางเดินของพื้นยกระดับด้านข้างโบสถ์ เป็นบรรยากาศที่นอกจากปิดทองลูกนิมิตกันแล้วก็มีการทำบุญเสริมความเป็นศิริมงคล เพิ่มเติม เช่นกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 21:43:44

ความคิดเห็นที่ 23 ภาพขวา : ผมเดินมาจนปิดทองลูกนิมิตลูกสุดท้าย คือลูกที่ 9 แล้วครับ ก็คือด้านหน้าของพระอุโบสถ หันกลับไปมองด้านข้างดู แล้วบันทึกภาพเพื่อเปรียบเทียบกับอีกด้านหนึ่ง ที่ถ่ายไปแล้ว ในภาพกลาง คห.22 ภาพซ้าย : หลังจากนั้นก็ลงมาจากโบสถ์ แล้วหันกลับไปถ่ายภาพอีกครั้ง ซึ่งยากที่จะเก็บภาพเต็มๆ ได้ เพราะมีเต้นท์และ สิ่งของบังอยู่ครับ  ตอนนี้รู้สึกจะเริ่มเห็นความงามในอีกรูปแบบหนึ่งของพระอุโบสถ คือแสงไฟที่ประดับอยู่ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 21:55:42

ความคิดเห็นที่ 24 ที่วัดนี้ผมก็ไม่พลาดที่จะได้เห็นบอร์ดแสดงรายรับของวัดในแต่ละวัน ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการปิดทองฝังลูกนิมิตเช่นกัน (ว้าว....มาทั้งที ก็เป็นวันสุดท้ายของเกือบทุกวัด เลยต้องเร่งๆ กันหน่อย) วันนี้ดึกแล้วขอพักกระทู้หน่อยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาต่อครับ ใกล้จะจบแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 22:00:03

ความคิดเห็นที่ 25 วันนี้มาต่อกันให้จบตอนครับ ผมออกมาจากพระอุโบสถ แล้วหันกลับไปมอง เต้นท์จัดเตรียมของไหว้(โค้งๆ)  เห็นผู้คนยังเดินกันขวักไขว่ ใกล้ค่ำ อากาศเย็นสบาย บางคนเลยเลือกมาเวลานี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:40:59

ความคิดเห็นที่ 26 เวลาโพล้เพล้แบบนี้ ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน แสงสว่างจากท้องฟ้ามาเป็นหลอดไฟต่างๆ ในงาน ผู้ที่มากลางวันก็จะไม่ได้เห็นภาพเหล่านี้ ผมเลยยังรีรอ ไม่รีบกลับออกมา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:44:34

ความคิดเห็นที่ 27 ผู้คนทั้งหลาย ก็เช่นกัน ดูแล้วคงไม่อยากกลับบ้านกันสักเท่าใด หลายคน ยังคงเดินไปเดินมา กันแถวนั้น ดูน่าอบอุ่น เสียนี่กระไร นี่เป็นภาพ พระอุโบสถ ท่ามกลางแสงหลอดไฟ  ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผม อยากมาทำรีวิว เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เห็นความงามอย่างที่ผมเห็น  ไม่นึกว่าวัดห่างไกลจากตัวจังหวัด พระอุโบสถจะสวย เหมือน เรืองแสงได้ ค่อยๆ โผล่มาจากขอบฟ้า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:51:37

ความคิดเห็นที่ 28 หันไปมอง ฝั่งตรงข้ามถนน(ลูกรัง) ที่เป็นแนวร้านค้า มีคนเข้าไปเดินจับจ่ายกันเยอะ  ผู้ที่มา คงไม่ใช่แค่ชาวปากท่อ หรือแม้แต่ คนราชบุรี เท่านั้น การจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิตนี้ ทำให้มีผู้คนมาจากหลายสารทิศ มารวมกัน ที่นี่ เพื่อร่วมทำบุญด้วยกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:00:24

ความคิดเห็นที่ 29 แทบไม่น่าเชื่อว่า งานฝังลูกนิมิตธรรมดาๆ จะมีแสงสี ได้สวยขนาดนี้   แค่หลอดนีออน(ฟลูออเรสเซนต์) ที่เราใช้เป็นประจำ เพียงแค่ เลือกชนิดที่เป็นสีสรร ก็สร้างความประทับใจให้กับงานได้มากเท่านี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:04:53

ความคิดเห็นที่ 30 นี่เป็น การประดับหลอดนีออน ในลักษณะต่างๆ สุดแท้แต่จะคิดกันมาได้ ภาพซ้าย : หลอดนีออนรูปรัศมีวงใน (เห็นเป็นสีชมพูขาว) นั้นหมุนได้ เปลี่ยนสีได้ และที่สุดๆ ก็คือ เป็นไฟวิ่งหลายสีไล่เข้าไปข้างในอีก ไม่รู้ว่าคิดได้อย่างไร  (น่าจะไม่ใช่หลอดนีออนธรรมดา ผมคิดว่าน่าจะเป็นหลอดไฟสีวางเรียงกันในแท่งยาวๆ) ภาพขวา : เป็นนีออนหมุน วงนอก กับวงใน หมุนสวนทางกัน  แค่คิดยังงงๆ ว่า สายไฟตั้งเยอะแยะคงไม่พันกันเองบ้างนะ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:25:07

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นภาพซูม ขยายจาก คห.30 ว่าเป็นอย่างไร ภาพซ้าย : แสดงให้เห็นการไหลของสีไฟเข้าไปข้างใน สุดยอดเทคนิดครับ ทั้งๆ ที่กำลังหมุนด้วย ภาพขวา : แสดงให้เห็นแกนหมุนที่ซ้อนกัน แล้วหมุนสวนทางกัน  เนื่องจากวางไว้สูง เลยเห็นได้เท่านี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:35:08

ความคิดเห็นที่ 32 บังเอิญมีอยู่อันหนึ่ง ที่อยู่ไม่สูงนัก เลยเข้าไปถ่ายภาพใกล้ๆ ดู โอ้โฮ..สายไฟเยอะจริงๆ  หมุนแล้วไม่พันกัน....คิดได้อย่างไรนะนี่... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:38:30

ความคิดเห็นที่ 33 ไปๆ มาๆ กลายเป็นผมมาหลงแสงสี ไปเสียเอง  ทั้งๆ ที่ตั้งใจมาทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิต นะนี่   เวลาตอนนั้นใกล้ หนึ่งทุ่มแล้ว คืนสุดท้าย งานมักจะเลิกไม่ดึก แต่ พอดี พบว่า ยังมีวัดที่ไม่ใช่คืนสุดท้าย ด้วย อยู่ไม่ไกลนัก คือ บนถนนเพชรเกษมเส้นนี้เช่นกัน แต่คนละจังหวัด เลยตัดสินใจ ไปอีกวัด คือ วัดรัตนรังสี จ.นครปฐม โน้น คอยติดตามตอนต่อไปนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:44:47

ความคิดเห็นที่ 34 ฮ่าๆ นานๆ จะได้ เห็นภาพแบบนี้ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : snas89Pink เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:49:19

ความคิดเห็นที่ 35 ตามผู้อาวุโสมาเที่ยววัดด้วยครับ  ...ดองได้อีก  หุหุ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 21:54:11

ความคิดเห็นที่ 36 สวัสดีครับ คุณsnas89Pink และ คุณtiger's nest วันนี้มาต่อให้จบ ครับ 4 วัด 4 จังหวัด ภายในครึ่งวัน http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9877340/E9877340.html จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 13:15:51

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณค่ะ   นึกถึงเพลงงานวัดที่ชอบฟังเมื่อตอนสาวๆ ...  เพลิดเพลินมาเดินด้วยกัน  แทะไหมฝันดูรถไต่ถัง  หยอกเย้าบนชิงช้าสวรรค์  ถ่ายรูปคู่กันกินขนมจีนข้างทาง... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 03:46:50

ความคิดเห็นที่ 38 สวัสดีครับ คุณป้าฟู นั่นเพลงของวงเพื่อน ที่สะท้อนภาพงานวัดได้ดีมากจริงๆ ครับ ขอบคุณที่ติดตามชมครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 21:20:00