ความคิดเห็นที่ 1 ทริปนี้ ไม่ได้ไปเครื่องบินค่ะ....งานนี้ “รถยนต์” ตั้งแต่ออกจากพิษณุโลก ไทยแลนด์  ออกจากพิษณุโลก 3 ทุ่ม เพื่อจะได้ไปเช้าที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย  พักอาบน้ำและทานอาหารเช้ากันที่โรงแรมน้ำโขงริเวอร์ไซด์ หนึ่งในโรงแรมที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางข้ามฝั่งเป็นประจำ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:12:24

ความคิดเห็นที่ 2 ทานอาหารเช้าเสร็จ ยังพอมีเวลาไปเดินเล่นริมโขง หน้าโรงแรม  บรรยากาศริมโขงยามพระอาทิตย์ขึ้น สวยงาม เจอคุณลุงพายเรือมาเก็บกุ้งที่วางกับดักไว้เมื่อคืน เพื่อนำไปขายที่ตลาด กุ้งเต้นสด ๆ จริง ๆ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:12:53

ความคิดเห็นที่ 3 ได้เวลาแปดโมงเช้า  เราไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงของ ทำพิธีการตรวจเรียบร้อย ก็ข้ามแม่น้ำโขงโดยเรือหางยาว  ทั้งตอนไปและตอนกลับต้องใช้บริการเรือหางยาว ขอชูชีพใส่  คนขับเรือบอกว่า “ไม่มีครับ กำลังไปซื้อ” อ้าว....งานจะเข้าหรือเปล่าเรา จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:13:30

ความคิดเห็นที่ 4 ใช้เวลาข้ามด้วยความรวดเร็ว 3 นาที ...ก็ถึงฝั่งลาว ....เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว เราจะเดินทางโดยรถยนต์ต่อไปยังประเทศจีนด้วยเส้นทาง R3A จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:14:09

ความคิดเห็นที่ 5 หลายท่าน คงรู้เรื่องเส้นทางนี้ เอาเป็นว่า มาทบทวนกันซักนิด เส้นทาง  R3A ก็มาจาก R คือ Road , 3 คือ ประเทศไทย-ลาว-จีน และ  A คือ Asia  เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างประเทศไทย-ลาว-จีน   (หรือ คุนมั่น กงลู่ " คือเส้นทางเชื่อมกรุงเทพสู่คุนหมิง" ) เส้นทางนี้เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งมีต้นทางเริ่มจากอำเภอเชียงของ ประเทศไทย - แขวงบ่อแก้ว - แขวงหลวงน้ำทา - แขวงบ่อเต็น ของประเทศลาว - บ่อหาน - เชียงรุ่งหรือจิ่งหง ในแคว้นสิบสองปันนา นครคุนหมิง  มณฆลยูนนาน ของประเทศจีน โดยมีระยะทางจากกรุงเทพถึงคุนหมิงประมาณ 1,800 กิโลเมตร ปัจจุบันเส้นทางดังกล่าวก่อสร้างเสร็จไปกว่าร้อยละ 90 ของระยะทางที่กำหนดทั้งหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงสะพานเชื่อมไทย-ลาว ช่วงเส้นทางระหว่างอำเภอเชียงของกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้วเท่านั้น เส้นทางนี้จะทำให้ระยะเวลาการเดินทางจากนครคุนหมิงถึงกรุงเทพมหานคร  ลดลงจาก 42 ชั่วโมง เหลือเพียง 20 ชั่วโมง เท่านั้น จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:14:44

ความคิดเห็นที่ 6 การก่อสร้าง แบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงที่ 1 ระยะทาง 66.43 กม. จากด่านบ่อเต็น-น้ำลัง แขวงหลวงน้ำทา (กิโลเมตรที่ 160.8-228.3) จีนเป็นผู้รับผิดชอบ ก่อสร้างโดยเงินให้เปล่า 249 ล้านหยวน และเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยอีก 449 ล้านหยวน จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:15:20

ความคิดเห็นที่ 7 ช่วงที่ 2 ระยะทาง 76.80 กิโลเมตร จากน้ำลัง-บ้านสอด (กิโลเมตรที่ 84-160.8 เวียงภูคา-บ้านน้ำลัง) ที่ ADB ให้รัฐบาลลาว กู้จำนวน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการของไทย มารับดำเนินการ   ช่วงที่ 3 ระยะทาง 84.77 กิโลเมตร จากบ้านสอด-เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว (กิโลเมตรที่ 0-กิโลเมตรที่ 84) ที่รัฐบาลไทยให้ลาวกู้จำนวน 1,210 ล้านบาท มีห้างหุ้นส่วนจำกัดแพร่ธำรงวิทย์ ดำเนินการ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:15:50

ความคิดเห็นที่ 8 ระหว่างทางระหว่างบ้านห้วยทราย ไปด่านจีน คณะต้องแวะเข้าห้องน้ำ...หากไปไกลอีกนิดคงไม่ไหวแน่ ๆ ....โชเฟอร์จอดรถให้อย่างไม่ลังเล ...เข้าป่าข้างทาง ธรรมชาติโดยแท้ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:16:26

ความคิดเห็นที่ 9 เราแวะทานอาหารกลางวันที่บ่อเต็น จะเรียกว่ากลางวันก็คงไม่ได้ เพราะกว่าจะถึงก็บ่ายเข้าไปแล้ว เป็นร้านที่อยู่ก่อนถึงชายแดนบ่อเต็น-บ่อหาญ ตึกใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาก เป็นแหล่งคาสิโนที่ทุนจีนมาสร้าง เสร็จแล้วบางส่วน แต่ส่วนใหญ่ยังไม่เสร็จ เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จีนเช่าพื้นที่ในลาว ผู้ใช้บริการส่วนมากก็เป็นชาวจีน จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:16:56

ความคิดเห็นที่ 10 ออกมาจากย่านคาสิโน เดินทางมาอีกนิดนึงก็มาผ่านพิธีการตรวจลงตราขาออกเมืองและพิธีการศุลกากรฝั่งลาว มีกลุ่มคนรอคิวก่อนหน้าอยู่บ้างแต่ไม่มาก จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:17:31

ความคิดเห็นที่ 11 จากนั้นก็มาผ่านพิธีการตรวจลงตราเข้าเมืองที่ด่านบ่อหาญ ซึ่งเป็นฝั่งของประเทศจีน เราต้องปรับเวลาให้เร็วกว่าเวลาของไทย 1 ชั่วโมง วันนั้นเจอกรุ๊ปทัวร์สองกรุ๊ป(รวมเรา) เจ้าหน้าที่จีนทำงานช้ามาก เสียเวลาเกือบสองชั่วโมง ถึงจะออกจากด่านได้  (ถ้าเป็นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เราคงบินถึงสิงคโปร์ไปแล้ว ) จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:18:11

ความคิดเห็นที่ 12 ระหว่างทาง อีนางตัวดี น้องมะนาว ไกด์จีน ก็บรรยายความเป็นมาของเมืองสิบสองปันนา เส้นทาง R3A ช่วงที่จีนเป็นคนสร้าง ขอบอกว่าสุดยอด กับการย่นระยะทางโดยการเจาะภูเขาเป็นอุโมงค์ จำนวน 27 อุโมงค์ ทำให้การเดินทางจากด่านจีนถึงสิบสองปันนา ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:18:55

ความคิดเห็นที่ 13 ตลอดเส้นทาง พบว่ามีการปลูกยางพารา ลดหลั่นไปตามเขาตลอดเส้นทาง ที่ราบปลูกข้าวและกล้วยหอม (ที่แพงมาก ตกลูกละ 5 บาท ไม่ใช่หวีละ 5 บาทนะ) จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:19:21

ความคิดเห็นที่ 14 กว่าจะถึงสิบสองปันนา ปาไปเกือบทุ่ม เข้าสู่เมือง ทำไมมันมืดจัง เขาประหยัดไฟหรือไง ที่ไหนได้ ไฟดับค่ะ ถึงร้านอาหารในขณะที่ไฟยังไม่ติด ต้องจุดเทียนกินกัน เออ...รดชาดของชีวิต กินเกือบอิ่ม...ไฟมา... จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:20:13

ความคิดเห็นที่ 15 ทานอาหารเสร็จก็เข้าพักที่โรงแรม Golden Phoenix  Hotel   หลังจากเข้าห้องพักเรียบร้อย  อ้ายบ่าวตัวดีกับอีนางตัวดี (เป็นคำที่ชาวสิบสองปันนา จะเรียกผู้ชายกับผู้หญิงที่น่าตาดี 555)  อย่างเราก็ออกมาเดินเที่ยวราตรีที่ถนนคนเดิน ที่อยู่ห่างจากโรงแรมเพียง 200 เมตรเท่านั้น งานนี้ได้ละลายทรัพย์เป็นที่แรกในเมืองจีน ภาษาก็พูดไม่ได้ คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง เงินบาทไทยก็ไม่รับ รับแต่เงินหยวน ต้องใช้ภาษามือ เครื่องคิดเลข กดต่อรองราคากันให้วุ่นวาย...กว่าจะกลับเข้าโรงแรมก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน...สบายกระเป๋าไปหนึ่งวัน จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:20:54

ความคิดเห็นที่ 16 เช้ารุ่งขึ้น อากาศที่สิบสองปันนาเย็นสบาย  เราเริ่มต้นการเดินทางท่องเที่ยวแห่งแรกที่สวนป่าดงดิบ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:21:52

ความคิดเห็นที่ 17 ชมการ โชว์เสือและโชว์สิงห์โต หมี เห็นเจ้าหมีตัวหนึ่ง มันเดินอยู่กับคนเลี้ยง ไม่น่าเชื่อว่ามันเป็นหมีจริง แต่พอใกล้มันกลิ่นสาบมันแรงมาก ที่ถูกใจการแสดงก็คงเป็น การแสดงของลูกหมี ที่พอมันแสดงเสร็จ มันก็ช่วยคนเลี้ยงยกเก้าอี้กลับเข้ากรงมันไป น่ารักดี จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:22:59

ความคิดเห็นที่ 18 จากนั้นเราก็นั่งรถรางไฟฟ้า เข้าไปชมการเรียกนกยูงลงมาจากภูเขา บริเวณลานแสดงนกยูงบิน มีคนรอชมเยอะมาก (ช่วงที่ไปตรงกับวันชาติของจีนพอดี รัฐบาลเขาหยุดให้ประชาชนเขาเที่ยวหนึ่งสัปดาห์ คนเยอะมากมาย)  ด้านล่างเป็นบ่อขนาดใหญ่มีปลาสวย ๆ เยอะ มีเจ้าหน้าที่ขายอาหารนกยูง อาหารปลา  ถุงละประมาณ 10 บาท ( 2 หยวน) จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:23:55

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อถึงเวลาโชว์ อีนางตัวดี ก็จะออกมาเป่านกหวีด เมื่อสัญญาณนกหวีดดังขึ้น ฝูงนกยูงก็จะทยอยบินลงมาจากเขา เมื่อนกยูงลงมาแล้วจะมีคนโปรยเมล็ดข้าวโพดไปที่ต่างๆ เพื่อให้คนดูได้อย่างทั่วถึง นกยูงจะวิ่งตามกันเป็นพรวน เป็นภาพที่สวยงามดี แต่นกยูงหางมันสั้นหมดแล้ว ไม่มีให้รำแพนสวย ๆ เลย จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:25:00

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ถึง 10 นาที  อีนางตัวดี ก็ออกเอาธงมาโบกต้อนนกยูงให้บินกลับไปบนเขา แต่มันไม่ได้บินขึ้นไปบนเขาหรอกนะ มันบินข้ามสระน้ำไปอีกฝั่ง และก็เดินขึ้นเขาไปเป็นขบวน....(เขาเลี้ยงของเขามาดีจริง ๆ ...) จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:25:44

ความคิดเห็นที่ 21 จากนั้น เราข้ามสะพานสลิงไปชมหมู่บ้านของชนเผ่าอีก้อ  ไปดูความเป็นอยู่ของชาวเขาเผ่า ภายในบ้านของอีก้อ ประกอบไปด้วยห้องนอนห้องใหญ่ ห้องเล็ก ห้องครัว และเครื่องใช้ไม้สอยที่ใช้ในชีวิตประวัน ส่วนใหญ่จะเป็นภาชนะที่ทำมาจากดินเผา หรือทำมาจากไม้ หรือไม้ใผ่ คล้ายกับเครื่องใช้ของชาวเขาในประเทศไทย จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:27:00

ความคิดเห็นที่ 22 บริเวณใต้ถุนเรือนจะมีการแสดง เช่น การเต้นและร้องเพลง พร้อมอธิบายถึงประเพณีต่าง ๆ ของชนเผ่า ในตอนท้ายก็มีการจำลองพิธีแต่งงาน โดยให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมกับพิธีแบบดั่งเดิม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าอีก้อโดยเฉพาะ ถ้าสาวอีก้อ เอาห่วงมาคล้องคอหนุ่มคนไหน เป็นการสู่ขอผู้ชาย (เอากับดื้อๆแบบนี้เลยล่ะ) และหากชายคนไหนยอมให้สาวอีก้อคล้องห่วงที่คอแสดงว่า ยอมรับที่จะให้เป็นเมีย จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:28:11

ความคิดเห็นที่ 23 จากนั้นสาวอีก้อก็จะพาผู้ชายมาที่บ้านของหัวหน้าเผ่าเพื่อทำพิธี ผู้ชายคนนั้นจะต้องไปเข้าพิธีแต่งงานกับเธอ  ซึ่งจะต้องเสียค่าพิธีเป็นเงิน 50 หยวนทีเดียว อ้ายบ่าวตัวดีในคณะเรา โดนไปหลายคน สร้างความสนุกสนานเฮฮา กันพอหอมปากหอมคอ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:29:09

ความคิดเห็นที่ 24 ก่อนทานอาหารกลางวัน เราไปแวะที่ศูนย์วิจัยสมุนไพร เป็นศูนย์ฯ ที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จมาและทรงปลูกต้นเลือดมังกรไว้ที่บริเวณหน้าอาคาร ที่นี้มีสมุนไพรรักษาโรคหลากหลายชนิด โดยเฉพาะโรคตับ...แต่หมอบอกว่า ฝักเพกา เป็นยาที่ดีที่สุด อ้าว ...แล้วเราจะซื้อทำไม บ้านเรามีเยอะแยะ กลับมาเมืองไทยจะกินแต่ฝักเพกา 555 ส่วนยาตัวอื่น ราคาก็แพงเอาการ สรุปว่า ต้องซื้อเป็นหมื่น ถึงจะเห็นผล...ไอ้เรา ก็ได้แค่ ใบชาแห้ง ละลายไขมันมาหนึ่งซอง 10 หยวน จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:30:38

ความคิดเห็นที่ 25 เรากลับเข้ามาในเมืองเชียงรุ่ง เพื่อไปที่ วัดหลวงเมืองลื้อ  ก่อนเข้าวัด พาเราแวะจ่ายตังค์อีกแล้ว น้องมะนาว ไกด์อีนางตัวดี ของเราบอกว่า ต้องแวะคะตามที่รัฐบาลกำหนด มาทัวร์จีนต้องทำใจค่ะ มันเป็นข้อบังคับของเมืองเขา ที่ต้องให้นักท่องเที่ยวกระจายรายได้ให้ท้องถิ่น ไปหมู่บ้านตีมีด ก็ได้มาคนละเล่มสองเล่ม...หมดตังค์หยวนไปอีกล่ะ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:31:32

ความคิดเห็นที่ 26 ไปต่อที่ วัดหลวงเมืองลื้อ  เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อของสิบสองปันนา วัดนี้สร้างอย่างสวยงามบนเนื้อที่หลายพันไร่ริมเชิงเขาโดยผสมผสาน ศิลปะพุทธ ทั้งหินยาน มหายาน และทิเบต รอบ ๆ วัดจะมีท้าวจตุรบาลแบบจีนยืนตระหง่านอยู่สุดเชิงบันไดนาค ตรงกลางของที่พัก ช่วงแรกเป็นที่ สถิตของพระพรหมสี่หน้า องค์ทองอร่าม ถัดขึ้นไปพระพุทธรูปปางประสูติ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:32:26

ความคิดเห็นที่ 27 วัดหลวงเมืองลื้อ สิบสองปันนา แห่งนี้ บริษัทพัฒนาการท่องเที่ยวหยวนห้าว จำกัด ได้ทุ่มเงินลงทุนเองถึง 350 ล้านหยวน เพื่อสร้างวัดนิกายหินยานหรือเถรวาทและพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในแถบนี้  เราต้องนั่งรถกอล์ฟขึ้นไปชมค่ะ เดินไม่ไหวแน่ ๆ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:33:04

ความคิดเห็นที่ 28 ออกจากวัด...ทัวร์พาเข้าไปช๊อปอีกล่ะ...ก่อนขึ้นรถต้องเดินเข้าที่จำหน่ายอเมทิส บังคับจริง...เขาบอกว่า อเมทิส เป็นหินที่มีพลังในการบำบัดทั้งด้านร่างกายและจิตใจของผู้สวมใส่สูงมาก สามารถปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่ได้ มีสีม่วงอ่อนไปจนถึงสีม่วงเข้ม  คุณสมบัติที่สำคัญของ อเมทิส คือเป็นหินที่ก่อนให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในจิตใจ ขจัดความคิดแง่ลบ นิยมใช้ในการแก้ไขฮวงจุ้ยที่ไม่ดีภายในบ้าน ....นอกจากนี้ อเมทิส มีคุณสมบัติที่สามารถฟอกเลือด และสร้างเม็ดเลือด ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับเม็ดเลือดต่าง ๆ ควรเลือกสวมใส่เครื่องประดับจากอเมทิส  สรุก...ก็ได้มาหนึ่งเส้น ...ตั้งใจว่าจะไม่ จะไม่นะ.... จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:33:31

ความคิดเห็นที่ 29 ค่ำนี้เรามีนัดสำคัญที่โรงละครพาราณสี  “การแสดงพาราณสี” เป็นไฮไลท์ของเมืองสิบสองปันนา หากใครมาแล้วไม่ได้ดูโชว์ ก็เหมือนกับมาไม่ถึงเมืองสิบสองปันนา เป็นการแสดงกายกรรมทางวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ บอกที่มาและการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของสิบสองปันนา สำหรับราคาตั๋วเข้าดูประมาณ 800 บาท จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:34:09

ความคิดเห็นที่ 30 การแสดงมีหลากหลายตื่นตาตื่นใจ สวย อลังการ ...เขาให้ถ่ายรูปภาพนิ่งได้ แต่ห้ามถ่ายวีดีโอ  หากอยากได้มีขายราคา แผ่นละ ประมาณ 250 บาท จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:34:41

ความคิดเห็นที่ 31 ชุดการแสดงอลังการมาก โดยเฉพาะ ชุดการแสดงเอกลักษณ์ของเมืองสิบสองปันนา คือ นกยูง หรือ เมืองแห่งนกยูง และชุดการแสดงประเพณีสงกรานต์ ที่สร้างความสนุกสนาน บนเวทีเป็นสระน้ำค่อยๆ ยื่นออกมา ใกล้กับที่นั่งแถวแรก จากนั้นนักแสดงก็สาดน้ำใส่คนดู ต้องหนีกันจ้าละหวั่น ผลคือเปียกหมด   ค่ำนี้กลับที่พัก ด้วยอาการเหนื่อยล้า...ใครมาชวนไปเดินถนนคนเดิน ก็ไม่ไหวแล้ว...ขอนอนเอาแรงก่อน จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:35:45

ความคิดเห็นที่ 32 เช้าอีกวัน  เราไปเมืองกาหลั่นป้า แวะชมวิถีชีวิตชาวบ้านของชาวไทลื้อ ที่ตลาดเช้าของไทลื้อ พวกผักสด อาหารสด อาหารแห้ง โดยเฉพาะผัก ใบใหญ่โตดี เป็นชีวิตชาวบ้านจริง ๆ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:39:42

ความคิดเห็นที่ 33 จากนั้นก็ไปที่ในหมู่บ้านอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยลื้อ จะมีการแสดงการจำลองเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนที่นี่ พร้อมทั้งจำหน่ายสินค้าที่ระลึกควบคู่ไปด้วย (ช็อปปิ้งกันไปหลายหยวน)  กระจายรายได้ให้ท้องถิ่น จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:40:16

ความคิดเห็นที่ 34 เดินชมไปเรื่อยๆ ก็ถึงวัดมหาราชฐานสุทธาวาส วัดนี้มีศิลปะเป็นของตัวเองค่อนข้างโดดเด่น แต่โดยรวมๆ คล้ายกับวัดทางภาคเหนือของไทยเรา จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:40:42

ความคิดเห็นที่ 35 อีกภาพ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:41:15

ความคิดเห็นที่ 36 ก่อนไปทานข้าวเที่ยง ....ทัวร์พาแวะที่จ่ายตังค์อีก เป็นที่จำหน่ายหยก สารพัดหยกมีหยกของพม่าด้วย แต่ราคาค่อนข้างแพง งานนี้ใจแข็ง...ไม่เสียตังค์ จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:41:55

ความคิดเห็นที่ 37 บ่ายเราไปเที่ยวที่สวนบ้านทิง อนุสาวรีย์โจวเอินไหล (นายกรัฐมนตรีคนแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีน) ซึ่งอดีตเคยเป็นพระราชอุทยานของกษัตริย์ไทลื้อและเป็นสวนที่สมเด็จพระพี่นาง ทรงปลูกต้นโพธิ์คู่ไว้ เรานั่งรถกอล์ฟ เข้าไปชมวัดป่าเจที่อยู่ด้านหลังของสวนม่านทิง (เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเชียงรุ้ง) วัดที่นี่ผสมผสานหลายวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน ศิลปะคล้ายกับของพม่า ปูชนียสถานที่สำคัญของวัดคือ เจดีย์ขาว ซึ่ง มีรูปร่างคล้ายกับพระธาตุไชยาของไทย และเจดีย์ขาว นี้ มีความสำคัญและเป็นที่เคารพสักการะของคนเชียงรุ่งอย่างมาก เราจะเห็นรูปของ เจดีย์ขาว ตามโปสเตอร์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ ในคืนวันสำคัญทางศาสนา ต่างๆ จะมีการเวียนเทียนรอบ ๆ เจดีย์ขาว โดยผู้ชายจะเดินอยู่วงรอบด้านใน ส่วนผู้หญิง จะเดินอยู่วงรอบด้านนอก จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:42:39

ความคิดเห็นที่ 38 ก่อนทานข้าวเย็น...ไปจ่ายตังค์กันอีกรอบค่ะ....อันนี้ไม่แวะโดนว่าแน่ๆ บัวหิมะ...แก้สารพัดโรค...หมดตังค์ไปอีกรอบ กว่าจะเข้าที่พักก็ค่ำ ปาไปเกือบ 2 ทุ่ม พรุ่งนี้เช้าต้องตื่นเช้าเพื่อออกเดินทางกลับเมืองไทย หลายคนเงินหยวนยังเหลือเยอะก็ไปเดินถนนคนเดินต่อ แต่สำหรับนักข่าวบ้านนอก วันนี้ไปเดินถนนคนเดินไม่ไหวแน่ ๆ ที่ไม่ไหวเพราะว่าเงินหยวนที่แลกมา...หมด...ไปแล้ว... จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:44:32

ความคิดเห็นที่ 39 เช้านี้ เราต้องร่ำลาสิบสองปันนา  ตั้งแต่ 7 โมงครึ่ง ระหว่างทางหมอกลง ดูแล้วเหมือนหน้าหนาว เราผ่านด่านจีน เข้าด่านลาวมาทานอาหารเที่ยงที่ร้านเฮือนลาว แขนงหลวงน้ำทา และข้ามมาถึงชายแดนไทยประมาณบ่ายสี่โมง....กลับถึงพิษณุโลก ตี 2 ครึ่ง....เป็นการเดินทางที่นั่งรถยาวนานที่สุดในชีวิตจริง ๆ ....ลาก่อน อีนางตัวดี.....ก๊อก ๆ ...โซ๊ย ๆ ๆๆๆๆ โซ๊ย...ชนแก้ว จากคุณ : นกน้อยภูธร เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 17:45:08

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณสำหรับรีวิวชุดนี้  เห็นแล้วอยากไปเที่ยวจังเลยครับ จากคุณ : ส่วนหนึ่งของประเทศไทย เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 18:02:38

ความคิดเห็นที่ 41 มารอชมด้วยคนนะคะ จากคุณ : snas89Pink เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 18:45:50

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นและอยากไปมังจังครับ จากคุณ : ชายเอ ทุ่งรังสิต เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 19:09:38

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 20:19:30

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ จขกท ไปเที่ยวมาวันทีเท่าไหร่คะ ป้าไปมาเมื่อ 30 ก.ย. - 3 ต.ค ประทับใจหลายเรื่องค่ะ ออกจากพิษณุโลก ประมาณ 3 ทุ่มเหมือนกัน นั่งรถ 1 คืน 1 วัน เหมือนกัน เมื่อยสุดชีวิต และกลิ่นห้องส้วมเมืองจีน ยังติดจมูกอยู่จนปัจจุบันนี้ อมตะนิรันดร์กาล เริ่มเหม็นตั้งแต่ด่านเลย ขนาดห้องน้ำในล๊อบบี้โรงแรมยังกลิ่นฉุนมากมาย โปรแกรมเที่ยวเหมือนกันเลยค่ะ ป้าต้องไปจ่ายค่าพิธีแต่งงานสาวอีก้อให้ อ้ายลุงตัวดีของป้าไปหลายสิบหยวน อิอิ ไถ่เธอคืนมา จากคุณ : ป้าไปเที่ยวด้วยคนค่ะ เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 21:19:51

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 23:00:07

ความคิดเห็นที่ 46 ตามไปเที่ยวประเทศจีนด้วยคนคะ จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 53 11:14:37

ความคิดเห็นที่ 47 กำลังจะไป วันที่ 12-15 พฤศจิกายน นี้ .. ขอบคุณสำหรับ รีวิว ครับ จากคุณ : jasino เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:17:06