ความคิดเห็นที่ 1   เรื่องอาหารการกินนี่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ของคนไทยที่ไปแสวงบุญกัน ธรรมดาคนที่เป็นนักท่องเที่ยวจริง ๆ เวลาไปประเทศไหน ๆ ก็มักจะไปลองกินอาหารของประเทศนั้น ๆ ไม่งั้นจะถือว่าไปไม่ถึง ความคิดนี้นี้ไม่แน่เสียแล้วว่าจะใช้ที่นี่ไ้ด้ เพราะอาหารไทยเราเป็นอาหารที่หลากหลาย รสชาติก็หลากหลายตามไปด้วย เพียงแค่การปรุงอาหารอย่างเดียวกัน วัตถุดิบเหมือนกัน แต่เครื่องปรุงไม่เหมือนกัน ก็สามารถทำให้มีรสชาติแบบไทย ๆ ได้ เพียงแค่ใช้น้ำปลา น้ำตาล มะนาว ส้มมะขามทุกอย่างก็แตกต่างออกไปจากชาติอื่น ๆ คนไทยที่ไปกับทัวร์เวลาไปแสวงบุญ เขามักจะไม่พาไปกินอาหารอินเดีย เพราะถ้าพักที่วัดไทย ก็จะมีอาหารไทย ถ้าพักโรงแรมก็จะมีอาหารที่คล้ายกับของไทย แต่มีกะปิน้ำปลา น้ำพริก ซ๊อส มาเสริมแรง บางบริษัทถึงกับเข้าครัวเองเพื่อปรุงอาหารให้ลูกทัวร์กินกัน จะได้มีแรงไปไหว้พระกันต่อ เรื่องนี้ถ้าจิตใจห่อเหี่ยวเสียแล้ว ปิติก็ไม่ค่อยเกิด เพราะฉะนั้น การตุนอาหารแห้งและเครื่องกระป๋อง ไปจากประเทศไทยนั้นมีความจำเป็นมาก ปีที่แล้วมีทีมงานอยู่คนหนึ่งน้ำหนักลดไปเกิน 5 กิโล ในระยะเวลา 1 เดือน เพราะไม่ได้ตุนอาหารแห้งไปมากพอ พอของที่ตุนไปหมด เท่านั้นแหละ น้ำหนักก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ ไม่ต้องไปเข้าคอร์สลดน้ำหนักให้หุ่นเพรียว ไปอินเดียแล้วไม่ต้องถามหาอาหารไทยเท่านั้นรับรองผล ปีนี้ทีมงานผู้นั้นเลยเตรียมพร้อมอย่างเต็มพิกัด อยู่ได้ 1 เดือนสบาย ๆ เรื่องนี้คนที่ไม่เคยไปอาจจะบอกว่า แค่รสชาติของอาหารยึดติดอะไรกันมากมาย ตัวผมเองก็เป็นเช่นนั้น ที่แรกก็ไม่เข้าใจว่ามันอะไรกันนักหนา ผมไปท่องอยู่ในอินเดีย-เนปาล มากกว่า 2 เดือน ก็หาอาหารอะไรก็ได้ที่กินได้ ดูสะอาดหน่อยก็ยังสามารถอยู่ได้ แต่บางวันก็รู้สึกแห้งเหี่ยวไปบ้าง พอได้กินอาหารที่รสจัด ๆ หน่อย ก็พออยู่ต่อไปได้อีก บางช่วงต้องกินอาหารอินเดียนติดต่อกัน เกิน 7 วัน ก็จะรู้สึกเหี่ยว ๆ ไปเหมือนกัน แต่ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ พอไปกับคณะเพิ่งจะรู้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ๆ ใครไม่ไปไม่ทราบ ถึงเวลานั้นระบบหิวอาหารมันตัดการทำงานไปเสียดื้อ ๆ มีอยู่วันหนึ่งเราตกลงกันว่าจะไปกินอาหารอินเดียกัน ซึ่งก็มีอยู่ร้านหนึ่งที่ผมพาไปทานกัน เมื่อก่อนอยู่หน้าทางเข้าพุทธคยา จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:48:16

ความคิดเห็นที่ 2   แต่ปีนี้ถูกรื้อ เพราะแผนการจัดการเพื่อให้พุทธคยาเป็นมรดกโลก ร้านนี้จึงต้องระเห็จไปอยู่อีกที่หนึ่ง ผมถามหาร้านนี้ว่าอยู่ที่ไหน สัญชัยก็พาไปอยู่ห่างจากที่เดิมไปอีกประมาณ 200 เมตร จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:49:58

ความคิดเห็นที่ 3   ไปเจออาหารอะไรบ้าง มื้อนั้นเป็นมื้อเช้า คนอินเดียก็จะกิน โรตี ซึ่งคนอินเดียเรียกว่า "ปู้รี่" หรือว่า "จับปาตี" ผมเข้าไปเจาะถึงในครัวของร้านอาหารนี้ซึ่งก็อยู่หน้าร้านนั่นเอง จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:50:39

ความคิดเห็นที่ 4   ปู้รี่และจับปาตี ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร เนื้อแป้งเหมือนกันคือทำมาจากข้าวสาลี นำมานวด ๆ ๆ แล้วปั้นเป็นก้อน ๆ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:51:10

ความคิดเห็นที่ 5   ปู้รี่นั้นเขาจะใช้ไม้นวดแป้ง บี้ให้เป็นแผ่นกลม ๆ แบน ๆ แล้วเอาไปทอดในน้ำมัน สักพักก็นำมาเสริฟได้แล้ว ส่วนจับปาตีนั้น ก็จะใช้วิธีการที่ตรงกับคำที่ออกเสียงคือ จับ ไอ้ก้อนแป้งที่ว่านี้ขึ้นมา ปา ลงไปบนโต๊ะที่นวดแป้ง จากนั้นก็แผ่ออกเป็นแผ่นบาง ๆ แล้ว ตี เหมือนกับแขกขายโรตีในบ้านเรา รวมเป็น จับปาตี จากนั้นนำไปปิ้งบนกระทะร้อน ๆ ก็ใช้ได้แล้ว หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น นำไปปิ้งในเตาอบที่คล้ายกับเตาอบพิซซ่า อันนี้จะออกมาเป็น จับปาตีที่รสเลิศ บางเมืองเรียกว่า "นาน" ดูไป ๆ ก็ได้ยินเสียงปาก้อนแป้ง เป็นระยะ ๆ นึกสงสัยว่า ไม่ต้องปาให้มีเสียงดังไม่ได้เหรอ หนกหู เขาตอบว่าไม่ได้ การปาอย่างนี้จะทำให้เนื้อแป้งแน่นขึ้น เหนียวน่าทาน อร่อยขึ้นด้วย เออ...มีเหตุผล โรตีที่ว่าไม่ได้เอามาจิ้มนมนะครับ นั่นมันแบบไทย ๆ เขาเอาโรตีมาจิ้มกับแกงที่ไม่เหมือนแกงกะหรี่บ้านเรา แกงหลัก ๆ ที่ชาวบ้านกินกันจะมีอยู่ 3 อย่าง แกงจะนะ แกงสัปยี แกงดาล จะนะเป็นถั่วชนิดหนึ่ง ที่เป็นโปรตีนหลักของชาวอินเดีย สัปยีคือมันผรั่ง ดาลคือถั่วทองบ้านเรา ทั้งสองอย่างแรกนี้นำมาแกงแบบชาวบ้านรสชาติก็จะออกเค็ม ๆ เป็นหลัก น้ำไม่ข้นมากเพราะไม่ได้ไส่กะทิ ถ้านำมาแกงแบบมาซาล่า รสชาติก็จะออกเผ็ดเค็มมีรสเปรี้ยวนิด ๆ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:52:15

ความคิดเห็นที่ 6   ถ้านำมาแกงแบบแกงกะหรี่ ก็จะใส่เครื่องแกงของอินเดีย น้ำข้น เค็ม อันหลังนี้เขาเอาไว้กินกับข้าว ส่วนดาลจะไม่เอาไปแกงอย่างนั้น เท่าที่เห็นก็จะเอาถั่วทองมาต้มจนเปื่อย น้ำใส ๆ ใส่เกลือ นิดหน่อย ใส่ต้นหอมอีกนิด เอาไว้คลุกข้าวกิน อันหลังนี้ผมยังงงว่ากินกันเข้าไปได้อย่างไร คลุกพอให้ข้าวมีน้ำแกงเหลือง ๆ เวลากินอาหารคนอินเดียเขาจะใช้มือเปล่า ข้างเดียว ฉีกโรตีด้วยนิ้ว 3 นิ้ว ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วกลางจับแผ่นโรตี แล้วใช้นิ้วชี้ดันส่วนที่ไม่ต้องการออก นำส่วนที่ฉีกออกมาแล้วไปจิ้มแกง ถ้าเป็นข้าว เขาก็จะเอามือหยิบแกงมาปล่อยลงในข้าว คลุก ๆๆๆ แล้วก็เปิป ไม่เหมือนกับคนไทยที่กินข้าวด้วยมือ คนไทยเราดูเรียบร้อยกว่า มาดูกันดีกว่าเช้านี้เราสั่งอะไรมากินบ้าง จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:53:07

ความคิดเห็นที่ 7   จากซ้ายมาขวา แกงถั่วจะนะ แบบมาซาล่า แกงสัปยีแบบชาวบ้าน ถั่วทองปรุงรสที่ขายเป็นถุง ๆ คล้ายโก๋แก่บ้านเรา 2 ถ้วย จานใหญ่นั่นคือปู้รี่ (โรตีทอด) เหนือจานปู้รี่ คือกะหรี่ปั้บ ใส้มันฝรั่งผัดผงกะหรี่ คนอินเดียเรียกว่า ซอโมซา ทางขวาของจานปู้รี่คือ ถ้วยน้ำพริกที่เอาไปจากเมืองไทย อันนี้ข้ามไป สุดท้ายก็คือแกงสัปยี แต่เห็นมีดอกกระหล่ำอยู่ด้วย กินกันเพื่อให้รู้จักว่าอาหารอินเดียเป็นอย่างไร จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:53:45

ความคิดเห็นที่ 8   จริง ๆ แล้วคนอินเดียทั้งหลายติดอาหารของประเทศตนยิ่งกว่า คนไทยติดอาหารไทยเสียอีก เวลาทำกับข้าวกินตามบ้าน เขาจะทำเป็นหม้อใหญ่ ๆ กินกันหลาย ๆ วัน ไม่เบื่อ ผมพาเด็กอินเดียของเราไปกินอาหารไทยบ้าง เขาทั้งสองคนไม่ยอมกิน ถ้าเราบังคับให้กิน ก็กินไม่มาก แต่ปากบอกว่าอร่อย ให้กินอีกไม่เอา เขาไม่ได้พูดรักษาน้ำใจนะครับ แต่คนอินเดียไม่ค่อยยอมกินอาหารที่ตนเองไม่รู้จัก คนไทยเรียกอาการนี้ว่า "กินไม่เป็น" ที่ร้านนี้ ถ้าเป็นลูกค้าที่ดูดีหน่อย เขาจะใช้จานสแตนท์เลส ถ้าเป็นคนอินเดียเขาจะใช้จานที่ทำจากใบไม้ ใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่ในความรู้สึกจานสแตนท์เลสไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่เพราะล้างด้วยน้ำเปล่า แล้วใช้ผ้าเช็ด จานใบไม้น่าใช้กว่า แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 53 06:54:55 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:54:16

ความคิดเห็นที่ 9   อิ่มแล้วก็ต้องตามด้วยขนม ขนมบางอย่างก็มีในพุทธประวัติด้วย ที่เห็นในจานทางซ้ายสีขาว ๆ นั่นคือ "นมเปรียง" บ้านเราเรียกว่านมเปรี้ยว เวลากินต้องโรยน้ำตาล นมเปรียงนี่แหละ ที่พระเจ้าปเสนทิโกศล ฝันเห็นคนเอาแก่นจันทน์แดงไปแลกกับเปรียงเน่า เปรียงเน่าที่ว่าก็คือนมเปรี้ยวอันนี้ แต่ทิ้งไว้เกินกำหนดกินไม่ได้แล้ว เพราะมันจะเปรี้ยวขึ้นทุกวันจนเน่าถ้าไม่ใส่ตู้เย็น จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:55:54

ความคิดเห็นที่ 10   เวลาเขาทำ จะทำใส่กะละมังใหญ่ ๆ อย่างนี้ ปิดด้วยกระจกกันเชื้อโรคลงไป ไม่งั้นจะเน่าเร็วขึ้น ยังมีขนมอีกหลากหลายชนิดที่คนอินเดียนิยมกิน จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:56:37

ความคิดเห็นที่ 11   ที่เห็นตั้งอยู่บนตู้เป็นพวกถั่วต่าง ๆ ปรุงรสต่าง ๆ กัน เทียบได้กับขนมขบเคี้ยว อบกรอบทั้งหลายในประเทศไทย ชาวบ้านเขาก็จะกินกันแบบนี้ราคาไม่แพงแต่คนในเมืองเขาก็จะทำเป็นถุง บรรจุอย่างดี แต่ราคาก็จะแพงขึ้นอีก ที่เห็นในชั้นล่างสุด ถั่วแบบนั้นแบบนี้ผสมปนเปกันหลากหลายรสชาติ เป็น snack ของคนอินเดียเขาละ ในตู้เป็นขนมที่ปรุงขึ้นมาจาก นม,น้ำตาลและเนย เป็นหลัก หวานจัด นุ่มบ้างแข็งบ้างตามแต่ที่พ่อครัวจะปรุงขึ้นมา แต่ว่ามีขนมอย่างหนึ่งที่อยากจะแนะนำ ดูทางขวาของภาพที่เห็นเป็นลูกกลม ๆ สีเหลือง ที่อินเดียเรียกว่า "ลาดู"  แต่ในเมืองไทยเรียกว่าขนม "โมทกะ" เป็นขนมที่พระพิฆเนศ ชอบกิน ใครที่นับถือพระพิฆเนศ ให้ไปดูที่รูปปั้น บางรูปจะมีขนมชนิดนี้ตั้งอยู่ข้าง ๆ เป็นก้อนกลม ๆ เหมือนกัน ตอนที่ไปถามเด็กอินเดียเขาไม่รู้จักคำว่า "โมทกะ" ก็เลยถามว่า ขนมอะไรที่พระพิฆเนศชอบกิน เขาก็ชี้ให้ดู จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:57:10

ความคิดเห็นที่ 12   ดูไปดูมาเห็นมีไอศครีม ก็เลยสั่งมากิน ราคาแพงมากเพราะไม่ใช่อาหารพื้นเมือง เป็นวัฒนธรรมที่เข้ามาใหม่ รสชาติก็ไม่แตกต่างจากของบ้านเรา ไม่น่าสนใจ สนนราคาอาหารอินเดียน ปู้รี่ แผ่นละ 1 รูปี แกง,นมเปรียง จานละไม่เกิน 10 รูปี กะหรี่ปั๊ป ลูกละ 2 รูปี ขนมก้อนละ 2 รูปี ไอศครีมถ้วยนิดเดียวถ้วยละ 10 รูปีขึ้นไป ถึง 15 รูปี คนอินเดียนทั่วไป กินอาหารเช้า 10 รูปีก็อิ่มแล้ว กลางวันกับเย็นค่อยกินข้าว จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:58:08

ความคิดเห็นที่ 13   อ่านต่อได้ทีนี่ครับ แหะ กระทู้ ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา 1 เป็นการตามรอยสารคดีตามรอยพระพุทธเจ้าอีกที รวบรวมเรื่องราวสถานที่ตามที่สารคดีพาไปชม และกิจกรรมที่ไปทำตามสถานที่ต่าง ๆ ครบถ้วนในส่วนของสังเวชนียสถานและสถานที่สำคัญรอง ๆ ลงมา กระทู้ยาวมากครับแทรกพุทธประวัติและพระสูตรที่สำคัญ ๆ ในสถานที่นั้น ๆ ไว้ด้วย ค่อย ๆ อ่านนะครับ http://larndham.org/index.php?/topic/30502-ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา/page__p__480633__fromsearch__1&#entry480633 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:59:22

ความคิดเห็นที่ 14   กระทู้ ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา 2 เพิ่มเติมข้อมูลที่ตกหล่นในการเดินทางครั้งต่อมา กิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มเติม และช่วงหลังได้เขียนรายละเอียดพร้อมแผนที่ สถานที่สำคัญ ๆ ไว้ด้วย http://larndham.org/index.php?/topic/33532-ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา-2/page__p__566610__fromsearch__1&#entry566610 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 06:59:57

ความคิดเห็นที่ 15   กระทู้ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา 3 ตามไปเก็บข้อมูลอะไร ๆ ที่น่าสนใจในประเทศอินเดียมาอีก จนเกือบจะหมดแล้วตามเมืองที่ไปเยือนมา ประกอบกับมีคลิปนำชมสถานที่สำคัญ ๆ แทรกไว้ด้วย มีภาพสังเวชนียสถานสวย ๆ ให้ชมจุใจ ไม่น่าพลาด http://larndham.org/index.php?/topic/38228-ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา-3/page__p__689166__fromsearch__1&#entry689166 ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าไปเยี่ยมชมครับ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 07:00:47

ความคิดเห็นที่ 16   มารอชมแต่เช้าเลยจ๊า จากคุณ : snas89Pink เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 07:36:30

ความคิดเห็นที่ 17   ขอบคุณค่ะ   น่าอยากลองทานดีจัง... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 07:43:27

ความคิดเห็นที่ 18   อาหารแต่ละอย่าง ไม่เคยเห็นทั้งนั้นเลย ดีจังวันนี้ได้รู้จัก ขอบคุณนะคะ ^___^ จากคุณ : แมวน้อยใส่ทูพีช เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 07:58:54

ความคิดเห็นที่ 19   อาหารแปลกๆไม่เคยทานเลยครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 09:10:36

ความคิดเห็นที่ 20   เห็นแล้วคิดถึงอินเดียจังเลย......เล่าเรื่องสนุก...ภาพสวยครับ จากคุณ : สายประจำ (สายประจำ) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 10:12:16

ความคิดเห็นที่ 21   อนุโมทนาบุญกับคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ ภาพงามมากๆ เลย จากคุณ : ข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 10:54:48 A:220.237.175.182 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 22   ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 11:10:35

ความคิดเห็นที่ 23   ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 21:12:45

ความคิดเห็นที่ 24   ขอบคุณมากๆคะ ถ้ามีโอกาสไปจะได้เตรียมตัวถูกคะ จากคุณ : vj01 เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 53 12:41:03

ความคิดเห็นที่ 25   ปีนี้เราจะเจอกันอีกไหมหนอ อิอิอิ แม่หอยฯ พาเดอะเนชั่นไปถ่ายทีวี วันที่ 18 นี่ละจ้า จากคุณ : น้อยหน่า (แม่หอยหลอด) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 53 13:32:21