ความคิดเห็นที่ 1   พวกเราได้ขับรถมาดูสถานที่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วทีนึง มีเหตุผลคะ.. ที่นี่ก่อน 10 am. สามารถเดินเข้าไปได้เลย แต่ถ้าหลังจากนั้นผู้เยี่ยมชมจะเยอะมาก ต้องติดต่อไกด์พาเดินเป็นกลุ่มคะ  และถ้ามาแต่เช้าจะมีที่จอดรถใกล้ๆ เสียค่าที่จอดรถ 7 สล็อตตี้/วันคะ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:13:55

ความคิดเห็นที่ 2   หลัง 10 am. เดินตรงมาติดต่อตรงนี้ (เรื่องอื่นเราไม่ทราบคะ ไม่ได้ใช้บริการ) จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:15:14

ความคิดเห็นที่ 3   คำแนะนำเส้นทางการเดินชมสถานที่ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:16:03

ความคิดเห็นที่ 4   ตามไปด้วยครับ  ค่ายนี้เห็นในหนังหลายเรื่องเลยใช่ไหมครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:19:00

ความคิดเห็นที่ 5   ก่อนไปเยี่ยมชมมารู้ประวัติจากวิกิพีเดียกันหน่อยคะ : ค่ายกักกันเอาชวิทซ์ หรือ ค่ายกักกันเอาชวิทซ์-เบียร์เคเนา (อังกฤษ: Auschwitz concentration camp หรือ Auschwitz-Birkenau) เป็นค่ายกักกันและค่ายมรณะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาค่ายกักกันของนาซีของนาซีเยอรมนีที่ทำการระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ชื่อของค่ายกักกันมาจากชื่อของเมือง "ออชเฟียนชิม" (Oświęcim) หลังจากการรุกรานโปแลนด์ (1939) ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 ออชเฟียนชิมของโปแลนด์ก็ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนาซีเยอรมนีและเปลี่ยนชื่อเป็นเอาชวิทซ์ (Auschwitz) ซึ่งเป็นชื่อในภาษาเยอรมัน ส่วนเบียร์เคเนา (Birkenau) เป็นชื่อในภาษาเยอรมันที่แผลงมาจาก "บเจชิงคา" (Brzezinka, ต้นเบิร์ช) ซึ่งเป็นชื่อหมู่บ้านเล็ก ๆ ไม่ไกลนักที่ต่อมาถูกเยอรมนีทำลายเกือบทั้งหมด ในปี ค.ศ. 1947 เพื่อเป็นการระลึกถึงผู้เสียชีวิต โปแลนด์ก็ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ ณ ที่ตั้งของค่ายกักกันของสองค่าย นอกนั้นหาอ่านได้ในอากู๋คะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 05:51:26 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:19:27

ความคิดเห็นที่ 6   เล็กทาโร่ : ใช่คะ ในแผ่นฟิล์มได้ถ่ายทอดเรื่องราวอันโหดร้ายบางส่วนของที่นี่ --------------------------------------------------------------------------------------------- ที่ผ่านประตูที่มีอักษรบนเหล็กดัดเหนือประตูว่า "Arbeit macht frei " (การทำงานนำมาซึ่งอิสรภาพ) จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:24:44

ความคิดเห็นที่ 7   ค่ายเอาชวิตซ์ 1 ถูกสร้าง เดือน มิถุนายน 1940 และถือเป็นค่ายหลัก เพื่อเป็นที่กักกัน ชาวโปแลนด์ ค่ายเอาชวิตซ์ 2 หรือ Birkenau ถูกสร้างใน เดือนตุลาคม 1940 เพื่อช่วยบรรเทาความแออัดของค่ายเอาชวิตซ์ 1 สร้างเพื่อเป็น โรงฆ่า โดยเฉพาะสำหรับชาวยิว ค่ายเอาชวิตซ์ 3 หรือ Birkenau ส่วนนี้จะเป็นค่ายย่อยประมาณ 36 ค่ายที่อยู่กระจากยตัวอยู่โดยรอบ ผู้ที่ถูกกักกันอยู่ที่นี้โดยมากจะเป็นพวกนักโทษ และชาวโปแลนด์อาจจะเป็นเชลยที่ค่อนข้างโชคดีกว่าพวกที่ถูกกักกันไว้ที่ ค่ายเอาชวิตซ์ 1และ 2   เนื่องจากจะถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงานเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยมีชาวยิว ชาวยิวจะถูกกักไว้ที่ค่าย 1 และ 2 เพื่อรอการทำลายทิ้ง ปล.ข้อมูลมาจากอากู๋ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:30:31

ความคิดเห็นที่ 8   อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สั่งกวาดต้อนชนเผ่ายิวในประเทศ และในที่ต่างๆทั่วยุโรป ความเป็นอยู่ในค่ายแออันมาก ดูจากสภาพค่ายเอาชวิตซ์และค่ายเบียร์เคเนา  ก็ต้องบอกว่าสิ่งปลูกสร้างที่ค่ายเอาชวิตซ์ดูมั่นคงแข็งแรงกว่ามากๆ แต่ความโหดร้ายไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย สามารถดูภาพเพิ่มเติมได้จากของพิพิธภัณฑ์ http://en.auschwitz.org.pl/m/index.php?option=com_ponygallery&Itemid=3&func=viewcategory&catid=22 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:39:43

ความคิดเห็นที่ 9   ในอาคารโรงนอน(Block) ปัจจุบันได้จัดทำเป็นที่จัดแสดงภาพถ่าย ประหวัติและของใช้ต่างๆ  ยิ่งดูยิ่งสะเทือนใจน้ำตามันพานจะไหล อะไรกันที่ทำให้มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ได้โหดร้ายขนาดนี้ แค่คำพูดไม่กี่ประโยชน์ แต่มันสะเทือนใจมาก : บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ (The Diary of a Young Girl) หรือ อันเนอ ฟรังค์  เด็กหญิงคนนึงที่ถูกจับไปค่ายกักกันและไม่มีโอกาสได้ออกมาอีกเลย เธอ พี่สาวและแม่จบชีวิตลงในค่ายกักกัน ครอบครัวเธอเหลือแต่พ่อเท่านั้นที่รอดชีวิตออกมา และบันทึกของเธอที่เธอเขียนไว้ก่อนถูกจับเป็นสิ่งที่มีค่ามากมาย แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 53 22:24:46 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:47:00

ความคิดเห็นที่ 10   ..ขอบคุณสำหรับกระทู้ครับ  ไปเองคงไม่ได้ไปแน่ เพราะไปแล้วก็คงหดหู่ครับ... จากคุณ : อายะ (prsty) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 02:54:41

ความคิดเห็นที่ 11   บันทึกที่ยังหลงเหลืออยู่... เลขที่ขบวนรถ วันที่ จำนวนคน ผู้ชาย ผู้หญิง (สังเกตุจำนวนคนต้นทาง และปลายทาง) ผู้ที่มีชีวิตรอดมาจะต้องผ่าน "การเลือกสรร"  ผู้ที่ถูกส่งไปอยู่ทางขวา หมายถึง ผู้ที่จะถูกนำไปใช้แรงงานทาส ส่วนผู้ที่ถูกส่งไปทางซ้าย คือ ผู้ที่จะถูกนำไปประหารในห้องรมแก๊ส  โดนแบ่งหญิงชายเพราะฉะนั้น นั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ภรรยาจะเจอหน้าสามี ลูกสาวจะเจอหน้าพ่อ ลูกชายจะเจอหน้าแม่ พี่สาวจะเจอน้องชาย หลานจะเห็นหน้าปู่และตา..... เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และคนแก่ เป็นกลุ่มคนที่กำจัดทิ้งก่อน เพราะถือว่าไม่สามารถใช้แรงงานได้ ปล. อันนี้คนข้างกายเล่าให้ฟัง ไม่คอนเฟิร์มในข้อมูล จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:01:01

ความคิดเห็นที่ 12   อายะ (prsty)  : ตอนแรกก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันคะ แต่เราได้อะไรกลับมาเยอะจากการไปเยี่ยมชมสถานที่ --------------------------------------------------------------------------------------------- จากหน้าต่างบานนึง แค่มองผ่านยังหดหู่ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:04:21

ความคิดเห็นที่ 13   รั้วไฟฟ้า ล้อมอยู่รอบๆค่ายถึงสองชั้น แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 05:55:43 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:07:56

ความคิดเห็นที่ 14   ผนังแห่งความตาย หรือ ผนังดำ ( Death Wall or Black Wall ) ตั้งอยู่บนลานระหว่างเรือนนอนสองหลังคือ บล็อก 10 กับ บล็อก 11 , มีคนถูกฆ่าที่นี่มากกว่า 20,000 ศพ ( ผนังค่ายสร้างจากอิฐ พวกนาซีกลัวว่าผนังอิฐสวยจะเป็นรอยจากกระสุนปืน เลยเอาไม้ที่ทาสีดำมากั้นด้านหน้า เป็นที่มาของชื่อผนังดำ ) จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:10:06

ความคิดเห็นที่ 15   ด้านขวามือ(ในรูป) คือ  บล็อก 11 ได้ชื่อว่าเป็น " Death Block " ในนี้จะมีห้องน้ำชายหญิง มีประตูเปิดไปที่ " ผนังดำ " พวกมันจะบอกผู้ถูกคุมขังให้ถอดเสื้อผ้า แล้วเดินตัวเปล่าไปยิงทิ้งที่ผนังดำ ขนาดจะตายยังต้องถอดเสื้อให้ไว้ให้นักโทษรุ่นต่อๆไปใช้ ต้อนฆ่าจะทำเป็นบล็อกๆ ต้องฆ่าที่เดียวทั้งบล็อคไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว เพื่อป้องกันการส่งสารและลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน เป็นที่แปลกใจคนหายไปทีทั้งบล็อค แล้วก็เอารุ่นใหม่มาเติ่ม จนถึงจุดหนึ่งพวกนาซีเริ่มเสียดายกระสุน การฆ่าหมู่รมควันพิษจึงเกิดขึ้น จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:16:28

ความคิดเห็นที่ 16   ตามเที่ยวด้วยคน อิจฉาคนอยู่ยุโรป เพราะแบบนี้แหละ ไปไหน  ก็ไม่ไกล จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:22:34

ความคิดเห็นที่ 17   บล็อก 11 : ถ้ามาที่นี่จะต้องมาดู  เดินเข้าไปบล็อกนี้ หดหู่มากมาย  มันเป็นอะไรที่พูดไม่ออกจริงๆ ขนาดผ่านไปตั้งหกสิบกว่าปีแล้ว เดินเข้าไปยังได้กลิ่นอยู่เลย ในบล็อกนี้ก็มีห้องทรมานมากมาย "Standing cell" นักโทษ 4 คน จะถูกขังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมขนาด 1.2 x 1.2 เมตร มันแคบมากจนขยับตัวไม่ได้  ทุกคนจะต้องยืนอยู่อย่างนั้นตลอดการคุมขัง   "Starvation cells"เป็นคุกอดอาหารและเป็นที่ๆ Maximillian Kolby มรณภาพ (ประหวัติของท่านน่าศึกษาคะ เป็นผู้เสียสละมากๆคนนึง) ปล.บล็อกนี้คนเข้าชมเยอะมาก มาหลัง 10 am. เข้าชมเป็นกลุ่มตรงทำใจนิดนึงเลยแหละ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 05:58:58 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:29:44

ความคิดเห็นที่ 18   รู้สึกอย่างไรถ้าต้องยืนรอความตาย..... เป็นคนต่อไป (ซึ่งก่อนหน้านี้คนที่คุณเห็นโดนยิงตายต่อหน้าคือคนที่คุณรัก พี่น้อง เพื่อนหรือคนรู้จัก) แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 05:59:42 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:32:44

ความคิดเห็นที่ 19   ถึงตรงนี้ ดูภาพบนเพดานเหล่านี้ ชั่งเศร้าสลดเหลือเกิน รูปภาพที่แขวนไว้คือรูปคนที่ถูกจับมา เราเงยหน้าเจอรูปคุณยายท่านหนึ่ง น่าตาน่ารัก ท่าทางใจดี ดวงตาหม่น ปากมีรอยยิ้มน้อยๆ ดูจากใส่เสื้อนักโทษที่คุณยายใส่ เดาได้ว่าเป็นรุ่นแรกๆ เสื้อยังดูใหม่และไม่มีร้อยเปื้อนหรือขาดเลย ใต้รูปมีเขียนวันที่ๆเข้ามาอยู่ในค่ายนี้ และวันจบชีวิต รวมเวลาทั้งหมดเพียง 7 วันเท่านั้น อนิจจัง...น้ำตาเราไหลโดยไม่รู้ตัว ภาพอื่นๆก็สะเทือนใจเช่นกัน บางคนนัยตาช่างบอกอะไรหลายอย่าง มีแววโกรธ ซึ่งดูจากรูปก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ในรูปใบหน้ามีร่องรอยโดยทำร้ายมาก่อนจะถ่ายรูปแล้ว.. เศร้าใจเหลือเกิน ถ้าคนในรูปคือปู่ย่าตายาย พี่น้องเพื่อนฝูงหรือคนที่คุณรัก จะรู้สึกอย่างไร จนเดี๋ยวนี้เราเข้าใจอะไรๆมากขึ้น บางอย่าง แค่คำว่า " ขอโทษ หรือ เสียใจ " มันไม่เพียงพอจริงๆกับความสูญเสีย ปล.เครดิตจากรูปนี้และรูปด้านบนมากจากเวปของ เอาชวิทซ์ คะ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:33:59

ความคิดเห็นที่ 20    scuba734  :  คนอยู่ยุโรปก็อิจฉาคนอยู่เอเชียหละคะ ^^* --------------------------------------------------------------------------------------------- ห้องรมแก๊สพิษ และเตาเผาศพ : พวก SS หาวิธีที่สามารถกำจัดชาวยิวได้ถูกและครั้งละมากๆ เนื่องจากพวกนาซีรู้สึกเสียดายลูกกระสุน ที่ต้องเสียไปในการยิงชาวยิวทิ้ง  ซึ่งพวกเขาคิดว่ามันไม่คุ้มกับกระสุน 1 นัด ต่อ 1 ชีวิตชาวยิว อีกหนึ่งที่ที่เราต่อมน้ำตาแตก เป็นห้องลมควันพิษและเผาศพ เราได้เดินเข้าไปด้านใน เป็นเพดานเตี๊ยๆ ที่เต็มไปด้วยเขม่าควันดำๆเกาะติดผนังทั้งหมด ยังมีกลิ่น(อะไรบางอย่าง)ติดอยู่ อีกด้านนึงเป็นเตาเผา หน้าเตาเผามีรางและรถเข็นศพ ซึ่งอยู่ในสภาพเดิม แน่นอนคนที่เผาศพต่างๆไม่ใช่ทหารนาซีอยู่แล้ว ต้องเป็นแรงงานชาวยิว แต่ถ้าศพที่ต้องเผาเป็นคนที่เรารัก เพื่อน หรือแม้แต่คนร่วมชะตาเดียวกัน ความรู้สึกนี้จะเป็นอย่างไร จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:47:33

ความคิดเห็นที่ 21   เดินออกมาด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้า หนักอึ้งและหดหู่..  พวกเราก็เดินตุปัดตุเป๋ออกมาด้านนอก หน้าตาแต่ละคนอยู่ในสภาพหดหู่ สถานที่ๆนักท่องเที่ยวต้องการเยี่ยมชมมากมาย แต่ไม่มีใครมีเสียงหัวเราะร่าเริ่งสักคนที่เดินออกมา   บริเวณทางออกจะมีร้านขายหนังสือและอื่นๆ โลกด้านนอกช่างสดใส เข้าใจคำว่า " อิสรภาพ " มากขึ้นอีกร้อยเท่า จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:50:16

ความคิดเห็นที่ 22   เก็บมาฝากจากร้านหนังสือคะ (ปล.เราเดินทางโดยรถส่วนตัว เพราะฉะนั้นไม่เคยใช้บริการคะ) จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:53:13

ความคิดเห็นที่ 23   ด้านข้างมีห้องอาหาร แต่เพ-ลานี้ กินอะไรไม่ลงจริงๆ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:54:00

ความคิดเห็นที่ 24   ออกจากค่ายกักกันเอาชวิตซ์ ไปต่อที่ค่ายกักกันเบียร์เคเนาซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก "เอาชวิตซ์" เป็นสัญลักษณ์ของความโหดร้ายแล้ว "เบียร์เคเนา"ก็ไม่ได้ต่างกันเลย จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:57:27

ความคิดเห็นที่ 25   เส้นทางสู่ความตาย จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 03:58:01

ความคิดเห็นที่ 26   พื้นที่ของเบียร์เคเนากว้างขวางกว่าเอาชวิตซ์มาก สร้างมาเพื่อรองรับคนที่มากขึ้นเรื่อยๆ  เด็กจำนวนมากถูกกำจัดทิ้งทันที ผู้ที่ถูกจับในรุ่นแรกๆมีน้อยมากที่จะรอดชีวิต Jan Komski เป็นคนนึงที่รอดจากเหตุการณ์นี้ หลายคนที่อายุไม่ถึง 15 จบชีวิตตั้งแต่มาถึง และหลายคนที่รอดมาเพราะโก่งอายุเพิ่มขึ้นเป็น 15 หรือมากกว่า 'เอลี วีเซล' (Elie Wiesel) เป็นเด็กคนนึงที่รอดชีวิตมาจากเหตุการนี้ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:03:35

ความคิดเห็นที่ 27   " Never shall I forget that night, the first night in camp, which has turned my life into one long night, seven times cursed and seven times sealed. Never shall I forget that smoke. Never shall I forget the little faces of the children, whose bodies I saw turned into wreaths of smoke beneath a silent blue sky.Never shall I forget those flames which consumed my faith forever. Never shall I forget that nocturnal silence which deprived me, for all eternity, of the desire to live. Never shall I forget those moments which murdered my God and my soul and turned my dreams to dust. Never shall I forget these things, even if I am condemned to live as long as God Himself. Never. " จาก  : Night by Elie Wiesel แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 04:10:46 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:10:06

ความคิดเห็นที่ 28   เดินเข้าไปพวกเราไปเดินดูทางด้านขวา ซึ่งมีโรงนอนเปิดให้เข้าไปดูด้านใน สภาพโรงนอนสร้างแบบง่ายๆหยาบๆ วันที่ไปคือฤดูร้อนแต่ฝนตกไม่มีแดด เรายังรู้สึกได้ถึงอากาศที่เย็นมาก เมื่อหกสิบกว่าปีก่อนเค้าอยู่กันอย่างไร จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:16:33

ความคิดเห็นที่ 29   เค้าจัดให้ดูดีแล้วถ้าเปรียบเที่ยบกับภาพสมัยก่อนที่ติดอยู่.. ดูและอ่านเพิ่มเติมคะ http://www.scrapbookpages.com/auschwitzscrapbook/Tour/Birkenau/Birkenau01A.html จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:19:36

ความคิดเห็นที่ 30   ตู้ที่ใช้ลมควันยังอยู่บนรางรถไฟ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:25:01

ความคิดเห็นที่ 31   บรรยากาศวังเวงมาก บริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนเดินมาก จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:27:59

ความคิดเห็นที่ 32   ที่นอนในเรือนนอน สภาพไม่ดี การก่อสร้างไม่ได้วางรากฐาน พื้นดินยุบ ผนังร้าว แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 06:05:14 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:29:17

ความคิดเห็นที่ 33   "เบียร์เคเนา" เป็นโรงฆ่าขนานแท้ มีห้องลมควันหลายแห่ง แต่ละแห่งก็ใหญ่กว่าที่ "เอาชวิตซ์ "  นั่นหมายถึงฆ่าแต่ละทีมีจำนวนมากขึ้นๆ  ตอนแรกเราเข้าใจว่า สถานที่ถูกทำลายเพราะความโกรธแค้นของญาติผู้ถูกสังหาร แต่คนข้างกายเราบอกว่า SS(นาซี)ทำลายหลักฐานแต่ทำลายได้ไม่หมด ทหารโซเวียตก็เข้ามาก่อน บางอย่างในสถานที่ๆเห็นหักพังไปก็เพราะสาเหตุนี้ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 06:06:37 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:33:33

ความคิดเห็นที่ 34   สิ้นสุดทางรถไฟคืออนุสาวรีย์ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:36:12

ความคิดเห็นที่ 35   FOR EVER LET THIS PLACE BE A CRY OF DESPAIR AND A WARNING TO HUMANITY, WHERE THE NAZIS MURDERED ABOUT ONE AND A HALF MILLION MEN, WOMEN AND CHILDREN MAINLY JEWS FROM VARIOUS COUNTRIES OF EUROPE. AUSCHWITZ-BIRKENAU 1940-1945 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:38:11

ความคิดเห็นที่ 36   ... จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:43:01

ความคิดเห็นที่ 37   แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 04:47:12 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:45:41

ความคิดเห็นที่ 38   ไม่อยากเปิดเข้ามาดูเลยค่ะ มันสะเทือนใจมากๆ เมื่อก่อนอยู่เบอร์ลินก็พยายามรวบรวมความอยากที่จะไปดู ทำยังไง ใจก็ไม่สู้ค่ะ ไม่กล้าไปจริงๆ รับไม่ได้กับความโหดร้าย จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:46:26

ความคิดเห็นที่ 39   .... จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:48:50

ความคิดเห็นที่ 40   จาก International Monument เดินอ้อมไปด้านหลัง (ตามลูกศร) จะมีทางเล็กๆ เชื่อมไปอีกฝั่งนึง ไม่ค่อยมีคนเดินมา (พูดจริงๆก็มีเรากับคนข้างกายเท่านั้นแหละ) แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 16:10:14 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:51:41

ความคิดเห็นที่ 41   เปลี่ยววังเวงมาก ไม่มีคนเดินมาเลย จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 04:53:06

ความคิดเห็นที่ 42   เข้าใจว่าสร้างขึ้นเพื่อรมควันในจำนวนมากขึ้น แต่ยังสร้างไม่เสร็จ โชคดีที่ยังไม่ได้ใช้งาน จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 05:01:52

ความคิดเห็นที่ 43   The Central Sauna  อาคารนี้เดินเข้าไปขนลุกซู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ณ.วันนี้เป็นห้องโล่งๆ จัดแสดงภาพเก่าๆ และบางส่วนก็ปิดกันเพื่อซ่อมแซม แต่ก่อนคนจะถูกเกณฑ์มาตรงนี้ เพื่อตรวจค้นร่างกายและสลักเลขที่ไว้ที่ผิวหนัง ห้องเพดานเตี้ยแสงสลัว วังเวง น่ากลัว ดูภาพเพิ่มเติมตรงนี้คะ (สะเทือนใจมาก ถ้ายังไม่พร้อมข้ามไปก่อนคะ) http://www.chgs.umn.edu/museum/responses/komski/komski-paintings1-007.html http://www.zwoje-scrolls.com/shoah/camps.html แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 05:29:18 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 05:06:41

ความคิดเห็นที่ 44   ดีใจมากมายที่เดินมาเห็นประตูทางออกซะที่ อยู่ในที่โล่งแต่หายใจไม่ค่อยออก ดีแค่ไหนแล้วที่เราสามารถเดินออกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เมื่อหกสิบกว่าปีที่ผ่านมามันไม่ใช่... จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 05:08:30

ความคิดเห็นที่ 45   รักชีวิต รักวันเวลา รักคนที่เรารักมากขึ้นหลายพันเท่า  จะไม่ใส่ใจในความผิดเล็กน้อยของคนรอบตัว จะทำวันทุกๆวันให้มีความสุข ให้คุ้มค่าที่สุด จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 05:09:48

ความคิดเห็นที่ 46   ดูเหมือนทุกวันนี้ สงครามจะยุติ ชีวิตกลับมาปกติอีกครั้ง แต่ก็แปลกที่ทุกวันนี้คนเราชั่งอยากก่อสงครามกันซะจริง อะไรนิดหน่อยก็โกรธเคืองกัน ใส่ร้ายป้ายสี ด่าทอ สาปแช่กัน... จริงๆแล้วชีวิตเรายึดติดคน สิ่งของ สถานการณ์ บุคคล ฯลฯ มากเกินไปหรือเปล่า ณ.เวลานั้น สมาชิกนาซีเคยคิดไหมว่าเป็นคนหนึ่งที่ทำให้มีเหตุการณ์นี้ขึ้น จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 05:13:07

ความคิดเห็นที่ 47   เป็นวันนึงที่เสียน้ำตามากมาย ร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า.. มาถึงที่นี่มันบอกให้รู้ว่า ปัญหาหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรานั้น เมื่อมาเทียบกับคนที่นี่แล้ว ปัญหาของเราชั่งเล็กน้อยเท่าเศษผง ที่นี่ทำให้เราปล่อยวางมากขึ้น และทำให้ความรู้สึกเราชัดเจน.. ว่าจริงๆแล้วชีวิตไม่ต้องการอะไรเลย แค่การดำรงอยู่ RIP กับทุกชีวิตที่จากไป จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 05:14:35

ความคิดเห็นที่ 48   เวลาไม่สามารถย้อนกลับมาได้ แต่คนในวันนี้สามารถรักษาให้รู้สึก ให้ระลึก ให้ดำรงอยู่ต่อไป  (ค่ายกักกันทั้งสองไม่มีค่าเยี่มชมสถานที่ แต่สถานที่นี้ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลและบำรุงรักษา อยากเก็บเอาไว้เตือนใจชาวโลก ) อะไรที่เรียกว่า"ทุกข์" มันเท่าไหร่เชียว.... อย่างน้อยเรายังมีสิทธิได้คิด มีสิทธิได้อยาก มีสิทธิได้ทำ และยังมีวันพรุ่งนี้รออยู่... จริงไหม   ชอบแนวไหนเที่ยวแนวนั้น   ขอบคุณที่เยี่ยมชม และขออภัยถ้าข้อมูลผิดพลาดตกหล่นคะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 06:13:31 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 05:24:51 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 05:17:25

ความคิดเห็นที่ 49   กระทู้หน้า ไปเดินเที่ยวใต้ดินที่ " Wieliczka Salt Mine " เหมืองเกลือที่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9708905/E9708905.html แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 53 05:08:16 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 05:26:33

ความคิดเห็นที่ 50    Flaminio : เป็นความจริงที่เกิดขึ้น เราก็ต้องยอมรับและเรียนรู้จากมันคะ (ก่อนที่จะไปก็คิดเช่นเดียวกับคะ ผลัดมาหลายปีทีเดียว) จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 05:36:40

ความคิดเห็นที่ 51   เห็นแล้วนึกถึงบันทึกของ แอนน์ แฟร้งค์ เหมือนกันค่ะ ในยุคสงคราม ผู้คนเป็นทุกข์สาหัส น่าสงสารจริงๆ ขอบคุณมุมมองใหม่จาก marzo ค่ะ ((คิดถึงนะ ตัวเอง!!)) จากคุณ : cultureclub เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 05:52:20

ความคิดเห็นที่ 52   ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆเลยครับที่ช่วยพาไปเที่ยว ผมเองก็สนใจเรื่องเกี่ยวกับนาซีและHolocaust มานานแล้วมาเจอกระทู้นี้โดนใจมากๆ เมื่อเดือนที่แล้ว ตัวผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม Holocaust Memorial Museum ที่ Washington ไปเดินร้องไห้อยู่ใน Museumเหมือนกัน เข้าใจความรู้สึกที่เจ้าของกระทู้เป็นอย่างดี (อ่านที่เจ้าของกระทู้บรรยายแต่ละภาพยังรู้สึกน้ำตาเอ่อๆ) หวังไว้ว่าชีวิตนี้ คงได้ไปซึมซับบรรยากาศจริงๆที่ Auschwitz แบบเจ้าของกระทู้บ้าง จากคุณ : downsyndr เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 06:40:05

ความคิดเห็นที่ 53   ทุกชีวิตมีค่า.ทุกคนมีญาติพี่น้อง มีคนที่รัก มีคนที่ต้องดูแล ขอสาบแช่งคนที่สั่งฆ่ามนุษย์ จากคุณ : ส่วนหนึ่งของประเทศไทย เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 06:50:51

ความคิดเห็นที่ 54   ที่นี่..ป้าก็เดินดูไปร้องไห้ไปตลอดทริปค่ะ    เห็นรูปเห็นของใช้เห็นความโหดร้าย...ใจจะขาด   เพราะไ อ้ คนบ้า  โรคจิตคนเดียว จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 07:19:59

ความคิดเห็นที่ 55   แหม....เก็บรายละเอียดได้เก่งจริงๆนะฮ้า  นับถือ นับถือ ใครมาดูค่ายนี้แล้ว คงเกลียดสงครามไปเลยฮ้า ส่วนเหมืองเกลือนั้น มันสวยจริงๆ แบบไม่น่าเชื่อว่า มันทำมาจากเกลือได้ จะตามรอดูภาพสวยๆอีกนะฮ้า จากคุณ : นางฟ้านะยะ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 07:24:32

ความคิดเห็นที่ 56   เคยไปเศร้าซึมกับสถานที่นี้มาเหมือนกันค่ะ ทุกคนที่ไปไม่มีใครมีรอยยิ้มกันเลย ปลาเจ่าเป็นคนไทยคนเดียวที่ไปในทริปนั้น ไม่รู้จะคุยอะไรกับใคร ยิ่งรู้สึกหดหู่เข้าไปใหญ่ จากคุณ : prajoa เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 07:28:28

ความคิดเห็นที่ 57   เศร้าครับ ชีวิตหน๋อ.. จากคุณ : @นำหน้า เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 07:43:12

ความคิดเห็นที่ 58   เห็นแล้วน่าเศร้าจริง ๆ จะสู้รบกันไปทำไมเนี้ย จากคุณ : หนูกิตหอ 4 ชาย เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 07:46:02

ความคิดเห็นที่ 59   เมืองเค้าสวยจริงๆเลยค่า ปล. ลายน้ำสวย ชอบๆๆ จากคุณ : แมวน้อยใส่ทูพีช เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 07:47:28

ความคิดเห็นที่ 60   เป็นอีกที่หนึ่งที่ไอซ์อยากไปดูของจริงให้เห็นกับตานะคะ ก็เพราะอ่านหนังสือนี่แหละ ไม่รู้ว่าทำไมไอซ์อ่านหนังสือเกี่ยวกับชาวยิวช่วงสงครามเยอะเหมือนกัน รวมทั้งบันทึกของแอน แฟรงค์ และ Night ของ Elie Wiesel ด้วยค่ะ อ่านไปหดหู่ไป โดยเฉพาะเรื่อง Night เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ที่ powerful จริงๆ ใครอยากรู้ว่าชีวิตในค่ายกักกันเป็นอย่างไร แนะนำเรื่อง Night นี่ล่ะค่ะ ((เคยรีวิวไว้ที่  http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=clear-ice&month=24-04-2010&group=3&gblog=226 ประโยคในคคห.ที่ 27 เป็นประโยคที่ไอซ์อ่านแล้วจุกเหมือนกัน เอามาแปะไว้ในรีวิวด้วย)) หนังสือหลายๆ เล่มมีภาพอยู่บ้าง หลายครั้งไอซ์ก็ไปหาข้อมูลเพิ่ม แต่พอมาได้เห็นจากหลายๆ มุมในกระทู้นี้ ก็ยิ่งเห็นภาพชัดเจนขึ้นค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับรีวิวนี้นะคะ ปล. รูปคคห.ที่ 29 ทำให้ไอซ์นึกได้ ว่าคุ้นมากมาย เคยเห็นจากภาพข้างล่างค่ะ ซึ่งเป็นภาพของวีเซลที่ Buchenwald ถ่ายวันที่ 16 เม.ย. 1945 เขาคือคนที่เจ็ดจากทางซ้าย แถวที่สอง จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 08:00:17

ความคิดเห็นที่ 61   ขออนุญาตเอาคำแปลคคห.ที่ 27 มาแปะด้วยนะคะ "ผมจะไม่มีวันลืมคืนนั้น คืนแรกในค่ายกักกัน ซึ่งได้เปลี่ยนชีวิตของผมให้กลายเป็นค่ำคืนอันแสนยาวนาน ถูกสาปเจ็ดครั้งและถูกปิดปากเจ็ดครั้ง* ไม่มีวันที่ผมจะลืมควันนั้น ไม่มีวันที่ผมจะลืมใบหน้าน้อยๆ ของเด็กๆ ซึ่งร่างกายที่ผมได้เห็น ถูกเปลี่ยนเป็นเกลียวควัว ภายใต้ท้องฟ้าสีฟ้าอันเงียบงัน ไม่มีวันที่ผมจะลืมเปลวเพลิงที่เผาไหม้ความศรัทธาไปตลอดกาล ไม่มีวันที่ผมจะลืมยามราตรีอันเงียบงันซึ่งช่วงชิงความตั้งใจที่จะมีชีวิตไปตลอดกาล ไม่มีวันที่ผมจะลืมช่วงเวลาที่สังหารพระผู้เป็นเจ้าและวิญญาณของผม และเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นฝุ่นผง ไม่มีวันที่ผมจะลืมสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้ว่าผมจะถูกสาปให้มีชีวิตยืนยาวเท่ากับพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีวัน" * ประโยคนี้เป็นประโยคที่มีการ discuss กันเยอะมากค่ะ หมายเลข 7 เป็นหมายเลขที่มีความเกี่ยวพันกับพระเจ้าและชาวยิว ... แปลโดยรวมๆ ก็คือ หลังจากวันนั้น ชีวิตของเขาก็มีแต่ความมืดมิด มีแต่ความโหดร้ายที่หลอกหลอนไปตลอดกาล แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 08:17:36 จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 08:05:48

ความคิดเห็นที่ 62   ขอบคุณสำหรับ การเที่ยวอย่างมีคุณค่าค่ะ จากคุณ : minisealion เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 08:40:14

ความคิดเห็นที่ 63   เป็นรีวิวที่อ่านไป หดหู่ไปด้วย ขอบคุณ คุณ Marzo ที่พาชมค่ะ เพราะคงไม่สามารถไปได้แน่ ๆ จากคุณ : Invisible Angel เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 08:46:49

ความคิดเห็นที่ 64   ขอบคุณเรื่องราวที่นำมาฝาก  เป็นหน้าต่างอีกบานที่เปิดออกให้รู้จักความโหดร้ายของมนุษย์  แม้ว่าจะเป็นเรื่องเศร้าเช้านี้  แต่ก็มีคุณค่ามากมาย ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะคะ จากคุณ : ผ้าฝ้ายสีสวย เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 09:09:21

ความคิดเห็นที่ 65   ....:D...ขอบคุณคุณ marzo ครับ....ผมเองเคยได้ยินและได้ฟังมามากเกี่ยวกับที่นี่แต่ยังคงไม่มีโอกาสได้ไปสักครั้ง....:D....ผมเคยไป Holocaust Memorial ที่ Berlin เหมือนที่คุณ downsyndr ได้ไปมา....:D....ความรู้สึกที่ไปตอนนั้นมันน่าอเนจอนาถใจมาก....ถึงสิ่งที่คนเราด้วยกันกระทำกันคนเราด้วยกันได้ถึงขนาดนี้.....ภาพทุกภาพที่ได้เห็น ข้อความทุกข้อความที่ได้อ่านในนั้นแทบจะทำให้ร้องไห้ออกมาได้เลย....ผมเดินได้หมดทุกห้องตอนที่ไปแต่ไม่สามารถดูหรืออ่านทุกอย่างได้เพราะไม่ไหวแล้ว....ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกอยากจะหนีออกไป ไม่อยากจะรับรู้หรือรับทราบเรื่องแบบนี้อีก.....ตอนที่หลุดออกมาแล้วโผล่ขึ้นมาบนพื้นดินได้..รู้สึกเหมือนหลุดพ้นขุมนรกขึ้นมา..และรู้สึกเหมือนชีวิตเป็นของมีค่าและต้องรักษาเอาไว้ให้ดี...:D ....:D..เคยได้ยินคนรู้จักท่านนึงที่มีโอกาสไปมาทั้ง Holocaust Memorial ที่ Berlin และ Auschwitz ที่ Poland......เขาบอกผมว่าที่ Auschwith หดหู่และน่าเศร้ากว่าที่ Berlin มากๆๆๆๆ......ฟังแล้วผมไม่อยากไป Poland เลยหละครับ..รู้สึกว่า...แค่นี้ก็เกินจะทนไหวแล้ว....:D....ขอบคุณอีกครั้งสำหรับรีวิวดีๆนะครับ....จะรอติดตามตอนหน้าครับ....เหมืองเกลือดูน่าสนใจมากๆครับ.....:D....ไม่อยากบอกเลยว่า อ่านกระทู้มาตลอด...จนมาถึงภาพเหมืองเกลือรู้สึกดีเหมือนหลุดจากขุมนรกเหมือนกันกับตอนที่ออกจาก Holocaust Memorial ที่ Berlin เลยหละครับ....ฮืออออออออออออ...:D จากคุณ : Death เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 09:21:11

ความคิดเห็นที่ 66   ไปเที่ยวสถานที่แบบนี้ใจคอไม่ค่อยดีเลยอ้ะ ว่าป่ะ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 09:52:24

ความคิดเห็นที่ 67   อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราสร้างอนาคตได้ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งๆที่เห็นตัวอย่างอันน่าเศร้าตั้งมากมาย คนก็ยังคงทำสงครามกันอยู่ โลกที่มีแต่ความเข้าใจ ยอมรับในความแตกต่าง และเคารพในสิ่งที่ทุกคนเป็น มันจะมีมั้ย??? จากคุณ : ohhioh เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 10:11:02

ความคิดเห็นที่ 68   ขอบคุณสำหรับรีวิว และข้อมูลดีดีที่แบ่งปันค่ะ ดูรูปและฟังเรื่องราวแบบนี้ มันรู้สึกสะเทือนใจทุกครั้ง ทั้งๆที่มันเป็นความจริง แต่หลายครั้งก็ไม่อยากจะเชื่อ ว่านี่คือสิ่งที่ "มนุษย์" คนหนึ่ง  ทำกับ "มนุษย์" อีกนับแสน นับล้านคน เพียงเพราะ"คิดเองว่า" เขาต่างและต่ำต้อยกว่าตัวเอง จากคุณ : กัฟฟ์ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 10:55:12

ความคิดเห็นที่ 69   เห็นกระทู้นี้แล้วต้องรีบเปิดเข้ามาดู เราเองเป็นคนชอบดูหนังและอ่านเกี่ยวกับเรื่องยิวอยู่แล้ว ...อ่านกระทู้แล้ว รู้สึกหดหู่ และสะเทือนใจ ทำให้เรานึกย้อนไปถึงช่วงเวลานั้น...ในช่วงนั้น ...ปัจจุบันถ้าได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง ... เคยอ่านหนังสือบันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ เมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เวลาที่ดูหนังแนวๆสงครามจบ เราก็มักจะหยิบหนังสือของแอน มาอ่านอยู่เสมอ จำได้เลยว่าตอนที่อ่านครั้งแรก ต้องแอบอ่าน เพราะว่ากลัวร้องให้แล้วน้องเห็น ปล. เห็นรูปในคห.27 แล้วนึกถึงหนังเรื่อง THE BOY IN THE STRIPED PYJAMAS เลย เป็นหนังเกี่ยวกับค่ายกักกันนี่แหละค่ะ สนุกมากๆ ขอบคุณ คุณ marzo มากๆเลยค่ะ สำหรับกระทู้นี้ ทำให้เราอยากกลับไปอ่านหนังสือและดูหนังอีกรอบนึงเลย :) ปล.อีกรอบ โหวตให้กระทู้นี้เลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 11:31:14 จากคุณ : fox-uk เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 11:30:18

ความคิดเห็นที่ 70   ค่ายกักกันเอาชวิทซ์-เบียร์เคเนา...แม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่ได้ยินชื่อนี้ทีไร ความโหดร้ายยังคงตามหลอกหลอนผู้ที่ทราบเรื่องราวเสมอ น้อง marzo เก่งจังที่กล้าไปเยือนและได้เก็บภาพมาให้พวกเราได้ชม ขนาดแค่ชมภาพในทู้นี้ ป้ายังเศร้าใจและสลดหดหู่ในความโชคร้ายของเขาและเธอเหล่านั้นจนน้ำตารื้น ซาบซึ้งและอิสรภาพอีกมากโข จากคุณ : เตี้ยอ้วนชวนไถล เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 13:16:07

ความคิดเห็นที่ 71   ขอบคุณครับ สำหรับรีวิวจากสถานที่ๆ น้อยคนนักจะได้ไป จากคุณ : mie-mien เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 13:20:05

ความคิดเห็นที่ 72   สวัสดิค่ะคุณmarzo เป็นอีกสถานที่นึงที่อยากไปชม แต่นึกอีกทีหรือไม่ไปดี เพราะรู้สึกหดหู่ค่ะ ยิ่งไปตอนครึ้มๆฝนตกนี่ยิ่งเพิ่มดีกรีความหดหู่ใหญ่เลย  ขอบคุณที่นำภาพมาให้ชมค่ะ หนังสือเรื่อง Night มีแปลเป็นไทยด้วยนะคะ ชื่อว่า "คืนดับ" ค่ะ ส่วนตัวเองเคยไป concentration camp ที่ Dachau, Germany  ขนาดไปวันที่ฟ้าใสแดดแรง  ยังรู้สึกเย็นยะเยือกและหดหู่เหมือนกันเลยค่ะ ขออนุญาตโพสรูปด้วยนะคะ จากคุณ : Kiki Delivery (kiki_delivery) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:21:39

ความคิดเห็นที่ 73   อีกภาพนึงค่ะ จากคุณ : Kiki Delivery (kiki_delivery) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:23:11

ความคิดเห็นที่ 74    cultureclub :  คิดถึงเหมือนกันคะ    downsyndr :  คนข้างกายเราสนใจมากเรื่องของ SS. มาก ตอนแรกเรายังแอบคิดว่าเป็นพวก fascista เลย คนข้างกายเล่าว่าที่เยอรมันคนที่นามสกุลเดียวกันกับพวกSS.จะไม่สามารถเข้าทำงานในหน่วยงานรัฐได้ แต่ที่อิตาลีญาติสายตรงของ Mussolini เป็นสส.ในรัฐบาลซะงั้น    ส่วนหนึ่งของประเทศไทย :  หลายคนใช้คำว่า "นักโทษ"  เราก็ไม่รู้ว่าทำไม คนส่วนใหญ่ในนี้ ไม่ได้ผิดอะไรด้วยซ้ำแค่พวกเค้าเกิดมามีเชื่อสายยิวเท่านั้น  ป้าฟู :  คนบ้าคนเดียวทำไม่ได้หรอกคะ มีคนบ้าหลายคนมารวมกัน พวกบ้าพวกนั้นก็มีอำนาจอยู่ในมือ  คนที่มอบอำนาจให้คนบ้าพวกนี้ ควรต้องถูกประนามด้วย จริงๆแล้วจขกท.คิดว่าฮิตเลอร์มีความเป็นผู้นำสูงมาก เค้าทำตัวเรียบง่ายและใช้ชีวิตกับพลทหาร ใครสามารถนำข้อดีของฮิตเลอร์ตรงนี้ไปบริหารคิดว่าคงไม่เลวเลย    นางฟ้านะยะ :  ฮ้า... ก่อนไปก็เกลียดสงครามอยู่แล้วคะ สงครามมีแต่สูญเสีย แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 16:22:09 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 14:44:00 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:41:30

ความคิดเห็นที่ 75    prajoa  :  วันที่ไป เห็นคนที่มาเป็นกลุ่มแล้วลมจับ เบียดกันมาก จะออก จะเดินก็ไม่ได้    @นำหน้า  :  เช่นกันคะ TT^TT  หนูกิตหอ 4 ชาย :  "อำนาจ" เมื่ออยู่ในมือแล้วควบคุมไม่ได้ก็บ้ากันทั้งนั้น  แมวน้อยใส่ทูพีช  :    Clear Ice  :  เคยเข้าไปอ่านเหมือนกัน ขอบคุณที่มาแจมคะ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:53:44

ความคิดเห็นที่ 76    minisealion  :  ยินดีคะ  Invisible Angel  :  ก่อนไป Marzo ก็คิดอย่างนั้นคะคุณนางฟ้า  จนคนข้างกายบอกว่าเป็นที่ๆชีวิตนี้ต้องไปสักครั้ง(ถ้ามีโอกาส) ไปซึมซับ ไปเรียนรู้ ไปไว้อาลัย , เห็นบางคนออกมาก่อน นั่งหน้าซีด ไม่รู้ว่าไปเจอไปเห็นอะไรมาเหมือนกัน  ผ้าฝ้ายสีสวย  :  ยินดีคะ  Death  :  เศร้าใจจริงๆคะ ชาวยิวไม่ใช่ทุกคนจะฐานะยากจน บางคนมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย อยู่สุขสบาย ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งทุกอย่างที่เหมือนสวรรค์จะสลายไปในพริบตา ทุกๆครั้งที่ดูภาพต่างๆก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นครอบครัวของเราหละ แค่นั้นน้ำตาก็เอ่อแล้ว รู้สึกได้อย่างเดียวคือ "โชคดีมากมายที่เกิดมาในยุคนี้ ไม่ต้องมีชีวิตในช่วงสงคราม"  ทนายอ้วน :  ใช่.. ใจคอไม่ดีตั้งแต่รู้ว่าต้องไปแน่ๆ ทำใจหลายเดือนเลยแหละ แต่พอออกมาก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีอะไรอย่างนี้ ทะนุถนอมชีวิตตัวเองมากขึ้น จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:06:47

ความคิดเห็นที่ 77    ohhioh  :  ฮิตเลอร์ทำไปเพราะมีแรงขับคะ (แต่ทั้งนี้ไม่ขอพูดตรงนี้ ต้องศึกษาเพิ่มเติม)  ไม่เข้าใจว่าผู้คุมเค้ามีจิตวิปริตขนาดไหน เคยมีข่าวทหารหญิงอเมริกาก็มีการพฤติกรรมเหยียดหยามนักโทษเช่นกัน จะบอกว่าเยอรมันฯร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะคนเยอรมันฯส่วนหนึ่งค่อยลักลอบช่วยเหลือชาวยิวอยู่เนื่องๆ  กัฟฟ์  :  เป็นการสกัดดาวรุ่ง เหยียดหยามดูถูกเพื่อให้ตัวเองดูสูงขึ้น คอยหาวิธีกำจัดเพื่อให้ตัวเองเป็นหนึ่ง เรายังเจอทุกวันในสังคมปัจจุบัน มันไม่ได้ไกลจากชีวิตเลย เพียงแต่วิธีและรูปแบบที่เปลี่ยนไป (คิดว่านะ)  fox-uk  :  คนข้างกายบอกว่าในหนังที่ถ่ายทอดมาแต่ละเรื่องเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของเรื่องจริงเท่านั้น Marzoก็คิดอย่างนั้นคะ  คนที่เสียชีวิตไปแล้วไม่สามารถมาเล่าต่อให้คนรุ่นหลังฟังได้ หลักฐานหลายๆอย่าง SS.ก็ทำลายทิ้งไปบางส่วน แค่หลักฐานส่วนที่เหลือกับผู้รอดชีวิตจำนวนนึงมาบอกเล่า ก็สุดจะหดหู่แล้วคะ  เตี้ยอ้วนชวนไถล  :  อยากทำให้ดีกว่านี้ แต่เสียดายที่ตัว Marzo ไม่เคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อน สิ่งที่ได้รับรู้มาจากการเล่าของคนข้างกายอยากนำมาเล่าต่อ บางทีมันฟังดูเหลือเชื่อและยากมากที่จะค้นหาหลักฐานมายืนยัน แต่คิดว่าจะเริ่มศึกษาเรื่องราวจริงๆจังๆ ซะที  mie-mien  :  เห็นบางคนได้ไปแต่ไม่เข้าฮะคะ  Kiki Delivery   :  ถ้ามีโอกาสก็ไปเถอะคะ อย่างน้อยไปไว้อาลัย  ค่ายกักกันที่ Dachau เรายังไม่เคยไปเลยคะ ขอศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนไป ไม่ทำรีวิวหน่อยเหรอคะ ^^ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 15:35:19 จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:26:40

ความคิดเห็นที่ 78   เป็นตอนที่อ่านแล้วหดหู่สุดๆครับ สงครามไม่ให้ประโยชน์กับใครจริงๆ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:44:37

ความคิดเห็นที่ 79   เป็นอีกสถานที่ที่อยากไปมากกกค่ะ ตอนนี้อยู่ปารีสยังไม่มีโอกาสข้ามไปโปแลนด์เลย กังวลเรื่องความปลอดภัยน่ะค่ะ เพราะฉายเดี่ยว ไม่รู้จะมีโอกาสได้ไปไหม จากคุณ : อาราเล่ตัวกลม&แก้มป่อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:48:44

ความคิดเห็นที่ 80   เป็นอีกแห่งที่ไม่กล้าไปค่ะ เพราะรู้ตัวว่าจะต้องจิตตกไปอีกนาน แค่อ่านนหนังสือของ Ann Frank ก็เศร้าไปนาน สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งที่คนทำกับคนนี่แหละค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 16:36:56

ความคิดเห็นที่ 81   .. หดหู่เลยครับ ... ผมศึกษา อ่านข้อมูลเกี่ยวกับค่ายกักกันในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ยิ่งพอได้ดูหนัง ก็เห็นภาพชัดขึ้น แต่มันก็คงไม่หดหู่เท่ากับภาพจริง สถานที่จริง ขอบคุณที่ถ่ายทอดสถานที่ประวัติศาสตร์ของโลกมาให้ชมกันครับ .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 17:22:38

ความคิดเห็นที่ 82   เป็นรีวิวที่เศร้าและสะเทือนใจมากๆ ขอบคุณคุณ marzo ที่มารีวิวให้ชม เพราะผมเองไม่กล้าที่จะไปสถานที่แบบนี้เท่าไหร่ รู้สึกชีวิตหดหู่จริงๆครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 20:42:00

ความคิดเห็นที่ 83   ...ตามพี่ marzo  มาชมค่ายกักกันด้วยคนนะคะ ถ้าให้ไปเองคงไม่กล้าไปแน่ๆ เลยค่ะ ไม่ชอบสงครามเลยค่ะมีแต่ความสูญเสีย ได้อ่านรีิวิวนี้แล้วก็ดีใจกับอิสรภาพที่มีอยู่จริงๆ เลยค่ะ ^-^ จากคุณ : จูลายกะปลายฟ้า^-^ (ปลายฟ้าที่ภูตะวัน) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 22:28:12

ความคิดเห็นที่ 84   ขอบคุณครับสำหรับรีวิว...ที่ทำให้รำลึกถึงความเลวร้ายที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันจากน้ำมืออันเหี้ยมโหดของคนบ้าอำนาจเพียงคนเดียว... จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 23:31:34

ความคิดเห็นที่ 85    Coffee Blended  :  ใช่คะ สงครามมีแต่สูญเสีย  อาราเล่ตัวกลม&แก้มป่อง  : ไปลงคราคูฟแล้วซื้อทัวร์คะ คราคูฟนักท่องเที่ยวเยอะ ทัวร์หาซื้อง่ายด้วยคะ  scuba734  :  กลับมาตั้งนาน ยังติดตาอยู่เลยคะพี่ ไม่แปลกเลย ตอนได้รับอิสระแล้วหลายคนถึงกับต้องฆ่าตัวตาย  POGGHI  :  รู้สึกเสียใจเล็กๆ ที่ทำได้ไม่ดี เพราะความงี่เง่าของตัวMarzo เองคะที่ไม่เคยคิดจะศึกษาเรืองนี้ คิดแต่ว่ามันเศร้า มันหดหู่ไม่อยากรับรู้ พยายามกระโดนข้ามไป ตอนไปดูสถานที่ คิดว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกให้คนได้รับรู้มากขึ้นคะ  tataweb  :  หดหู่จริงคะ แต่ไม่เกินที่เราๆจะรับได้หรอกคะ    จูลายกะปลายฟ้า  :  ใช้คะ รักอิสรภาพของตัวเองมากๆเลย  Red Fox  :  ไม่ใช่แค่คนเดียวหรอกคะ จะโยนความผิดให้ฮิตเลอร์คนเดียวก็เห็นจะไม่ยุติธรรมสักเท่าไหร่ (แต่นั่นแหละจะมาพูดถึงความยุติธรรมอะไรกับคนๆนี้ ) จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 02:32:29

ความคิดเห็นที่ 86   แค่อ่านเฉยๆยังจะร้องไห้ ถ้าไปเที่ยวค่ายกักกันจริง เดี๊ยนจะนอนหลับลงมั๊ยเนี่ย ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ + ข้อมูลนะฮะ ถ้าชาตินี้มีบุญได้ไปโปแลนด์ จะได้เตรียมทิชชู่ไปซัก 10 ห่อ T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 09:55:23

ความคิดเห็นที่ 87   อ่านจบ สะเทือนใจอยู่นานครับ อยากขอบคุณด้านดีๆที่มีอยู่ในใจมนุษย์ทุกๆคนทุกเผ่าพันธุ์ ที่พยายามนำพาโลกเราให้สุขสงบยั่งยืน ขอบคุณคุณ marzo มากๆด้วยครับที่พาเที่ยวสถานที่สำคัญๆ จากคุณ : LIFE AFTER DEATH เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 10:17:37

ความคิดเห็นที่ 88   อ่านแล้วจะน้ำตาไหลค่ะ ขนาดเห็นไม่กี่รูป อ่านไม่กี่ประโยคยังรู้สึกสลดหดหู่ ถ้าเห็นของจริงคงจะสะเทือนใจไม่น้อย ขอบคุณ จขกท. ที่นำมาแบ่งปันค่ะ จากคุณ : caramelfrappe เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 21:46:23

ความคิดเห็นที่ 89   ดูแล้วขอบคุณที่ชีวิตนี้เกิดในประเทศไทย และเป็นเบี้องพระบาทในหลวง (ใช้คำถูกเปล่า?) จากคุณ : นักก้าง เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 22:44:59

ความคิดเห็นที่ 90   ha-meow  :  เราเตรียมผ้าเช็ดหน้าไปตั้งสองผืน เอาเข้าจริงๆไม่ได้ใช้หรอก... เช็ดมันกับแขนเสื้อนี่แหละ  55   LIFE AFTER DEATH  :  ยินดีคะ ส่วนมากคนจะรู้จักความสำคัญก็ต่อเมื่อสูญเสียไปแล้ว ^^ caramelfrappe  :  ยินดีคะ นักก้าง  :  และโชคดีที่เยอรมันแพ้สงครามด้วยคะ ไม่งั้น ใครจะไปรู้ว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวเสร็จ จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อะไรต่อไป ฝั่งเอเชียก็ใช่ย่อย ภาพทหารญี่ปุ่นแข่งขันตัดหัวชาวจีนยังติดตาอยู่เลย ดูแล้วก็เศร้าสลดเช่นกัน จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 02:03:26

ความคิดเห็นที่ 91   เป็นกระทู้ที่อ่านแล้วเศร้า หดหู่ หนักในอกมากเลยค่ะ แต่ก็ขอบคุณที่นำภาพมาให้ชมกันนะคะ จากคุณ : nowan เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 13:34:40

ความคิดเห็นที่ 92   ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ Auschwitz - Birkenau เป็นอีกสถานที่ที่อยากจะไปสักครั้งในชิวิต จำได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนดูหนัง Schindler's List แล้วอยากไปดูAuschwitzมากๆแต่ไปไม่ถึงสักที อ่านกระทู้แล้วไปค้นเอาหนังSchindler's List ที่เก็บไว้มาดูต่ออีกหลายรอบ เพิ่มแรงบันดาลใจต่อไป :) แนะนำเรื่อง the pianist ด้วยครับ ดีมากพอๆกัน จากคุณ : Wintesla เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 53 22:08:01

ความคิดเห็นที่ 93    nowan  :  ยินดีมากๆเลยคะ    Wintesla  :  ขอบคุณที่เข้ามาทักทายคะ เราขอทิ้งระยะห่างสักพัก ผ่านไปสองเดือนแล้วยังจำความรู้สึกที่เข้าไปชมไม่หายเลยคะ มันสะเทือนใจเกิ๊นนน จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 19:37:21