ความคิดเห็นที่ 1   ก่อนอื่นก็ขอกางแผนที่กันก่อน เอาแบบเฉพาะเจาะจงเลย เพราะในกระทู้ตอนที่หนึ่งได้แสดงแผนที่โดยรอบกันแล้ว แผนที่นี้ได้มีเส้นทาง 3 แบบคือ ถนนรถยนต์วิ่ง(สีแดง) ถนนรถมอเตอร์ไซด์วิ่ง(สีเหลืองส้ม) และสะพานไม้(สีเขียว)  แบ่งระยะทางเป็น 2 ช่วงคือ ใช้มอเตอร์ไซด์ได้(หรือมาทางเรือ ตามคลองศรีกุมาร) กับ ต้องเดินเท้า (หรืออาจใช้รถจักรยานได้) รวม 4 กิโลเมตร พอดี จากปากซอยริมถนนหน้าโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ การมาชมทะเลกรุงเทพฯ ที่นี้ จะเป็นการเติมเต็ม การชมทะเลตรงร้าน Bangkok Seaview ที่มองเห็นหลักเขตกรุงเทพฯที่ 28   แล้วมาได้เห็นหลักเขต 29 อีกอัน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 5 กิโลเมตร (แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์ครบถ้วนก็ต้องลงไปนั่งเรือเลียบชายฝั่ง ให้วิ่งจากหลักเขต 28 ไป 29 เลย) อ้อ...เกือบลืมไป  ในแผนที่นี้ผมได้แสดงสะพานป่าชายเลนจุดแรกของตอนหนึ่งที่ผมไปสำรวจมาแล้วด้วยนะครับ เรียกว่า สะพานป่าชายเลน 1 จะมีระยะทางสั้นกว่า สะพานไม้ป่าชายเลนที่ออกทะเลได้ ซึ่งผมกำลังจะพาเพื่อนๆ ไปชมครับ  ถ้ามีเวลาก็ลองแวะไปทั้งสองที่เลยก็ได้ครับ ได้บรรยากาศคนละอย่าง แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 14:23:58 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 14:19:41

ความคิดเห็นที่ 2   มาต่อกันจาก กระทู้ตอนหนึ่ง ในคห.33 กันเลยนะครับ (ทำลิ้งค์ให้ข้างล่าง) http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9548520/E9548520.html#33 คือทางเข้าเหมือนเดิม แต่จะแตกต่างตั้งแต่ คห.33 เป็นต้นไป เมื่อเดินเข้าไปพ้นโค้งหลบมุมซ้าย (รูปคห.33) ก็จะเห็นภาพดั่งข้างล่างนี้ (เหมือนกับ คห.40 นั่นแหละ) ให้ระวังสุนัขกันหน่อย ถ้าหากมาคนเดียว โดนไล่เห่ามาแล้ว แต่ตอนขี่มอเตอร์ไซด์ ไม่ยักกะเห่า (แต่ถ้าจอดรถตรงนั้นอาจไม่แน่.....) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 14:35:06

ความคิดเห็นที่ 3   น่าไปครับ  ขอบคุณ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 14:35:31

ความคิดเห็นที่ 4   ขอบคุณมากๆครับผม มารอติดตามชมต่อ หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 14:43:16

ความคิดเห็นที่ 5   ตอนนี้มาอยู่หน้าอาคารสีขาว ซึ่งคาดว่าจะเป็นศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน เพราะเห็นจากภาพในบอร์ดข้อมูลส่งเสริมการท่องเที่ยวหน้าโรงเรียนคลองพิทยลงกรณ์ ในคห.18 ของตอนหนึ่ง http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9548520/E9548520.html#18 ซึ่งทางเข้าจะอยู่ทางขวามือ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 14:49:27

ความคิดเห็นที่ 6   สวัสดีครับ คุณเล็กทาโร่ : มาทักทายคนแรกในกระทู้นี้นะครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ คุณdigimontamer : แฟนประจำของผมก็มาไวเช่นกัน ขอบคุณเช่นกัน ที่แวะมาให้กำลังใจตั้งแต่ต้นกระทู้เลย อย่างทีคาดไว้เลย  ผมมายืนถ่ายภาพแป๊บเดียว พวกเขาก็ออกมากันเป็นฝูงเลย  ผมต้องดูท่าทีกันก่อน   ปรากฏว่า กลุ่มนี้มีท่าทีเป็นมิตร เลยค่อยสบายใจหน่อย  สุนัขนี้ก็แปลกนะครับ ถ้าหากเราผูกมิตรกับตัวไหนเพียงตัวเดียว แล้วตัวอื่นๆ มักจะตามเข้ามาเล่นด้วย  ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากมีตัวไหนเห่าขึ้นมา ตัวอื่นๆ มักจะเริ่มเห่าตาม ส่วนใหญ่แล้วสุนัขแปลกหน้า เจอผมมักจะมีท่าทีเป็นมิตร อาจเป็นเพราะผมชอบเล่นสุนัข กลิ่นอารมณ์ยินดี อาจติดตัวผมมา ชนิดล้างไม่ออก  ในทางตรงกันข้าม คนที่ชอบรังแกสุนัข ไปไหนๆ มักจะโดนเห่า   แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ผมมาตรงนี้ ก็ยังโดนเห่าเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 14:56:53

ความคิดเห็นที่ 7   ภาพซ้าย : หันไปทางขวา ก็คือทางเข้าไปยังป่าชายเลนครับ ผมได้เห็นภาพนี้มาแล้ว ในสัปดาห์ที่แล้ว รู้สึกท้อครับ ถ้าหากเดินเท้าเข้าไป ส่วนจะอาศัยมอเตอร์ไซด์รับจ้างก็กลัวว่า จะบอกเป้าหมายเขาไม่ถูก และถึงจะถูก แล้วตอนขากลับออกมา จะให้เขารอนานแค่ไหน เกิดออกมาแล้วเขาไม่อยู่ล่ะ งานนี้ต้องเดินกันขาลากแน่ๆ  นี่ยังไม่เกี่ยวกับว่า ระหว่างทางจะมีสุนัขมาให้ตื่นเต้นกันอีกนะ... เอาล่ะ... วันนี้เตรียมพร้อมเอามอเตอร์ไซด์มา อย่างไงก็ลุยละครับ แม้จะหนีสุนัขไม่ได้ เพราะผมเคยทดสอบขับหนีดู อัตราความเร็ว 50 กม./ชม. พวกเขายังวิ่งไล่ขับทัน แต่ก็ยังดีกว่าเดินครับ (อ้อ...ถ้าเดินก็ต้องถือไม้ใหญ่ๆ ไว้ในมือ ถึงพวกเขาจะเห่าแต่ก็ไม่กล้าเข้ามากัดหรอก) จากรูป ก็จะเห็นป้ายเขียวๆ เล็กๆ แอบอยู่ในพงไม้ ต้องเข้าไปดูกันหน่อยว่ามีข้อมูลอะไร  เพราะอยู่ตรงนี้ ผมรู้สึกกระหายข้อมูลมากๆ เนื่องจากไม่มีข้อมูลใดๆ เลยแม้แต่ป้ายบอกเส้นทาง ภาพขวา : เมื่อเข้าไปใกล้ป้ายดังกล่าว อ๋อ!... เป็นประกาศของสนง.เขตบางขุนเทียน ในการห้ามตัดต้นไม้แถวนี้ครับ เพราะต้องการอนุรักษ์ไว้ (อุตส่าห์..มาปลูก และทำสะพานไม้ไว้) แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 15:09:21 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 15:06:42

ความคิดเห็นที่ 8   ภาพบน : เส้นทางในช่วงแรก นี้มีบรรยากาศที่ร่มรื่นมากๆ  แต่ก็ไม่เปลี่ยว เพราะมีรถมอเตอร์ไซด์ชาวบ้านวิ่งเข้าออกตลอดเวลา ภาพล่าง : เจอศาลาพัก จุดแรก เข้าแล้วครับ ยังอยู่ในสภาพดี เพียงแต่เลอะเทอะจากคนมือบอนไปขีดเขียนอะไรรอบๆ เสาทั้งสี่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 15:19:24

ความคิดเห็นที่ 9   ภาพบน : มาเจอศาลาพัก จุดสองแล้วครับ อยู่ตรงหัวมุม ถนนยอกแย๊ก (ผมตั้งชื่อเอง คือมีเลี้ยวขวาทีซ้ายที แบบไม่มีทางแยก) ภาพล่าง : อ้าว...เจอสะพานไม้รถข้ามแล้วละ แสดงว่าใกล้จะหมดทางรถวิ่งแล้ว ต่อไปจะต้องลงเดินเท้ากัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 15:35:12

ความคิดเห็นที่ 10   ไปบ่อยคับ พอดีต้องไปดูงานสำรวจ พท. ป่าชายเลน ตะกอนเลน ถ้าเอารถยนต์ไป ก็จอดตรงข้าม ร.ร. คลองฯ  นั่งวินไป-กลับ 40 บาท ขากลับขอเบอร์โทร วิน ไว้โทรบอกให้มารับ แล้วเดินต่อ เดินไม่ไกลกำลังดี แต่แนะนำว่า อย่าไปคนเดียว มืดๆ ยุ่งเยอะ จากคุณ : ACVTIS เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 15:38:27

ความคิดเห็นที่ 11   ภาพกลาง : ไปจอดรถบนสะพานไร้ราว (เหลือแต่เสา) แล้วถ่ายภาพทั้งสามด้านมาให้ดูกัน ภาพซ้าย : คือฝั่งทิศตะวันออก มีบ้านคนอยู่ใกล้ๆ ด้วยครับ ภาพขวา : คือ ฝั่งทิศตะวันตก มีแต่ต้นไม้ริมน้ำ เป็นคลองที่มาจาก คลองศรีกุมาร (มาดูจากแผนที่ GPS Map ทีหลัง) ที่นี่เหมาะกับชีวิตทางเรือ เพราะมีคลองเชื่อมต่อกันชนิดเป็นตารางหมากรุก เลยครับ  สำหรับชีวิตคนรถอย่างพวกเรา นั้นต้องยอมรับว่าไม่สะดวกอย่างมาก จะเห็นทะเลทั้งที ก็ต้องลำบากลำบนกันมากขนาดนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 15:48:38

ความคิดเห็นที่ 12   สวัสดีครับ คุณACVTIS : ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ จริงๆนะแหละครับ ที่นี่เหมาะกับมาหลายๆ คน  ผมไปคนเดียวก็รู้สึกเสียวๆ เหมือนกัน ตั้งแต่ สุนัข ไปจน คนแปลกหน้า ครับ  อยากจะชวนเด็กๆ ไปเหมือนกัน แต่ ต้องมีการต่อรถ แถมด้วยการเดินอีกยาวไกล เลยไม่กล้าชวน ภาพบน : ลงสะพานมาแล้ว ก็ยังมีระยะทางอีกพอสมควร ตรงนี้วิวสวยเหมือนกันนะครับ ภาพล่าง :ถึงทางเลี้ยวขวาแล้ว ครับ ตอนที่ผมไป ก็มั่วๆ ไป เพราะถนนใน GPS Map ก็หมดตรงนี้เช่นกัน  หากแต่ว่าทางที่ดูดีกว่าก็น่าจะพาผมไปได้ไกลกว่า (ไม่หลงเข้าไปในบ้านคน) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 16:01:16

ความคิดเห็นที่ 13   ภาพบน :หันไปทางขวา ก็พบสะพานปูน สูงๆ อีก ภาพล่าง : ขับรถขึ้นไปข้างบนแล้วหันกลับมาถ่ายภาพทางเลี้ยวข้างล่าง ตรงนี้จะมีบ้านคนอยู่แนบชิดทางเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 16:11:01

ความคิดเห็นที่ 14   เป็นวิวบนสะพานสูงแห่งนี้ เมื่อหันไปทางที่เพิ่งเข้ามา (ด้านซ้ายของภาพล่างคห.13)  อยู่ทางขวามือ เมื่อกำลังเดินทางเข้าไป  ภาพนี้เป็นมุมมองเดียวกับ ภาพของคุณ ปลอมตัวมาหารักแท้  ด้วยครับ (ทีแรกผมยังหลงคิดไปว่าเป็นสะพานช่วงแรกๆ ที่เข้ามาจากถนนใหญ่โน้น)  นับเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่มีเรือกำลังผ่านมา แต่ของผมเรือยังอยู่ไกลกว่า  ภาพของคุณปลอมตัวมาหารักแท้ แสดงในภาพบนของคห.ในลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9548520/E9548520.html#1 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 16:25:41

ความคิดเห็นที่ 15   หันไปทางซ้ายมือบ้าง (กำลังมุ่งหน้าไป ป่าชายเลนริมทะเลนะครับ) ผมได้นำภาพมาต่อกันเพื่อให้เข้าใจง่าย (แต่ตอนถ่ายไม่ได้กะไว้แต่แรก ภาพเลยออกมาแตกต่างกันพอสมควร) ลงสะพานข้างหน้าจะต้องเลี้ยวซ้ายไปตามสะพานไม้ ตอนนี้เริ่มเสียวแล้วครับ กับการขี่มอเตอร์ไซด์ โดยเฉพาะมีรถสวนมา หรือกำลังตามแล้วแซงผมไป....กลัวตกน้ำจังเลย มองเห็นลานกว้าง มีมอเตอร์ไซด์จอดเยอะ แต่ไม่มีป้ายบอกให้จอด และไม่รู้จักเขา ก็เลยไม่กล้าจอด  ขับต่อไปอย่างเสียวๆ เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่าอีกไกลหรือไม่ ที่จะถึงสะพานไม้ป่าชายเลนสักที มองไปทางซ้ายอีก ก็จะเจอ สามแยกคลอง ครับ  ซึ่งจากแผนที่ใน คห.1 จะเห็นว่าคลองประมง ที่ขวางอยู่นั้น จะขนานไปกับชายทะเล  มีช่องเล็กๆ มีป้ายบอกตรงนั้นว่าไปชมวิวได้ ซึ่งก็น่าจะหมายความว่าออกไปยังทะเลได้นั่นเอง (ผมอาจเข้าใจผิดก็ได้ อาจเป็นวิวป่าชายเลนก็ได้) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 16:50:08

ความคิดเห็นที่ 16   ป้าตามมาชมต่อค่ะ นอกจากติดใจรายละเอียดแล้ว ที่ชอบมากก็รูปพร้อมเส้นทางและตำปหน่งแห่งที่ที่ชัดเจนเนี่ยแหละค่ะ อืม....เส้นทางโหดเอาการเหมือนกันนะคะ จากคุณ : เตี้ยอ้วนชวนไถล เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 17:00:01

ความคิดเห็นที่ 17   ภาพซ้าย : ตอนนี้มาลุยบนสะพานไม้แล้ว ผมเคยมีประสบการณ์ขี่รถมอเตอร์ไซด์บนสะพานไม้แบบนี้มาตั้งแต่ ที่ บ้านลาดชะโด อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วครับ สมัยก่อนที่นั่นมีสะพานไม้เยอะ ต่อกันยังกับใยแมงมุม  ลำบากเวลาจะกลับรถนี่แหละ ต้องใช้ทางสามแยกช่วยกันเป็นประจำ ปัญหาอีกอย่างก็คือเวลามีรถสวนมา ก็ต้องจอดให้ชิดขอบทางที่สุด แถมบางทีมีคนเดิน หรือของวางไว้ริมทางอีก...(ไหนจะกลัวสะพานไม้ผุอีก...) ตรงนี้ดูสวยดีเหมือนกัน เป็นโค้งตัวเอสเล็กๆ  มองไปที่สว่างๆ นั้นเจอสะพานสูงเข้าให้อีกแล้ว... ภาพขวา : ขึ้นไปบนสะพานแล้วหันกลับมามองทางข้างล่าง เป็นทางโค้งเสียวกลัวตกน้ำไม่น้อยครับ ขี่มอเตอร์ไซด์บนสะพานไม้เล็กๆ อย่างนี้ว่ายาก ผมว่าถีบจักรยานจะยากกว่า เพราะต้องขยับขาไปมาตลอด แถมเบรคก็สู้รถมอเตอร์ไซด์ไม่ได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 17:06:19

ความคิดเห็นที่ 18   มาติดตามคะ เคยไปแถวๆวิทยาเขตของบางมดอยู่บางขุนเทียนเหมือนกัน ลึกลับได้อีก แล้วก็ที่สมุทรปราการก็มีสะพายไม้กะป่าชายเลนเหมือนกัน ว่าจะรีวิวอยู่แต่รอ air asia จางก่อน ^^ จากคุณ : Princess Moo เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 17:29:15

ความคิดเห็นที่ 19   ขอบคุณครับ ชอบครับ บอกเล่ารายละเอียดซะละเอียด จากคุณ : หนุ่ม ณ วันวาน เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 17:30:32

ความคิดเห็นที่ 20   ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากๆครับผม ละเอียดมากครับ จากคุณ : แชงคูส เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 17:42:47

ความคิดเห็นที่ 21   สวัสดีครับ คุณเตี้ยอ้วนชวนไถล : ยินดีที่ชอบครับ และขอบคุณดาวน่ารักๆ 3 ดวงที่มอบให้ครับ  ยังครับ นี่ยังแค่ครึ่งทาง  ต้องเดินกันอีกเป็นกิโลๆ ครับ แต่โชคดีที่ไม่ร้อน ยกเว้นว่า ถ้าฝนตกก็ตัวใครตัวมันอีกล่ะ... ภาพกลาง : บนสะพานข้ามคลองประมง นี้มองลงไปข้างล่างก็คือ สุดทางรถมอเตอร์ไซด์ครับ มีประตูทางเข้าอยู่ข้างหน้า  มีแค่นี้จริงๆ ไม่มีลานกว้างใดๆ จึงบอกได้ว่าไม่สามารถกลับรถได้อย่างปกติ (ต้องยกรถหมุนบนขาตั้งกลางอย่างเดียว) ภาพซ้าย : หันไปทางซ้าย เป็นคลองประมวงที่ไปสิ้นสุดที่คลองขุนราชพินิจใจ(กง) ที่ถูกใช้เป็นเขตรอยต่อระหว่าง กรุงเทพฯ กับ จ.สมุทรปราการ มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรกว่าๆ จากภาพนี้สังเกตุดีๆ จะเห็นเรือกำลังออกมาจากทางด้านซ้าย ซึ่งเป็นคลองศรีกุมาร ที่ผมเพิ่งข้ามสะพานมานั่นเอง และตรงนั้นก็คือ สามแยกคลองครับ ภาพขวา : หันไปทางขวา เป็นคลองประมงไปตัดกับคลองที่มุ่งหน้าลงทะเล ในระยะห่างประมาณ 4 กิโลเมตร นอกจากนี้ คลองยังตรงไปจนเกือบถึง มหาชัยโน้นเลย ซึ่งบังเอิญเลียบผ่านถนนทางไปยังจุดชมโลมาอีกด้วย(บอกแล้ว มีเรือสักลำ อยู่ที่นี่จะไปที่ไหนก็ได้สะดวกมากๆ) แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 17:52:14 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 17:45:44

ความคิดเห็นที่ 23   น่าสนใจมากค่ะ ถ้ามีโอกาสจะต้องไปดูบ้าง ขอบคุณมากที่นำภาพอย่างละเอียดมาให้ชม จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 18:28:32

ความคิดเห็นที่ 25   คงมีคำสงวนอยู่ในความเห็น เลยทำให้หายไปทุกครั้งหลังจาก Refresh ต้องส่งใหม่ครับ แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 19:18:57 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 19:15:49

ความคิดเห็นที่ 27   ภาพซ้าย : เมื่อผ่านทะลุประตูแรก เข้าไป ก็พบสะพานไม้ยาว ทอดไปไกล สุดทางนั้นคือ ประตูที่สองครับ ซึ่งจะกั้นรถมอเตอร์ไซด์ไม่ให้เข้าตั้งแต่ตรงนั้น ภาพขวา : มองไปทางขวามือ จะเป็นเวิ้งน้ำกว้าง ยังมองไม่เห็นทะเล เพราะโดนแนวต้นไม้บังตาไว้ไกลๆโน้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 19:22:01

ความคิดเห็นที่ 28   ภาพขวา : ตอนนี้เดินมาถึงประตูที่ 2 แล้ว (แปลกใจทำไมต้องมีถึง 2 ประตูนะ มีประตูนี้อันเดียวก็น่าจะพอแล้ว) เป็นพื้นต่างระดับ ที่ทำให้ไม่สามารถขี่มอเตอร์ไซด์ต่อไปได้  ในขณะที่รถจักรยาน จะสามารถยกข้ามไปได้ ภาพซ้าย : มองไปด้านหลังประตูนี้ ก็จะเป็นทางเดินยาวเลี้ยวไปหายไปทางขวาครับ การเดินทาง เอ๊ย..การเดินเท้า ของผมกำลังเริ่มต้นละครับ อีก 1.7 กิโลเมตร ก็นับว่าไกลไม่ใช่น้อยนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 19:37:01

ความคิดเห็นที่ 29   ภาพซ้าย : อ้าวๆ  อยู่ๆ ก็มีสุนัขเจ้าถิ่นวิ่งมายืนขวางประตูข้างหน้า แต่ท่าทีดูเป็นมิตร คงจะเป็นไกด์ เป็นเพื่อนพาเข้าไปเที่ยวข้างในกระมัง...ฮา  ดูซี เท้าทั้งสี่เลอะโคลนหมดเลย คงจะลงไปลุยข้างล่างแก้ร้อนกันมา ภาพขวา : หันกลับไปมองประตูที่ 1 ที่ผ่านมา ตรงมุมนี้จะเห็นบ้านหลังใหญ่อยู่ริมน้ำด้วย  ไม่รู้ว่าเป็นบ้านใคร ทางเข้าเล็กๆ แบบนี้ ถึงจะมีรถยนต์ก็ต้องฝากเขาตั้งแต่ ถนนใหญ่โน้นเลย ไม่สามารถนำเข้ามาในนี้ได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 19:56:02

ความคิดเห็นที่ 30   ตามมาเที่ยวด้วยครับน่าสนุกมาก จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:07:39

ความคิดเห็นที่ 31   สวัสดีครับ คุณ RedFox : ยินดีที่ชอบ ครับ เชิญติดตามได้ครับกำลังเข้าไปในป่าชายเลนพอดี ภาพซ้าย : ผมเดินผ่านประตูที่ 2 เข้าไปแล้ว ใกล้พ้นโค้งขวาแรกตรงเสาไฟฟ้า ก็มองเห็นศาลาพัก จุดที่ 3 เข้าแล้ว  และตรงข้ามกับศาลานี้ก็คือ ศาลเจ้าที่ ครับ ภาพขวา : เดินเข้าไปอีกนิด จะเห็น บริเวณศาลเจ้าที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งมีพื้นที่กว้างพอสมควร   ทางเดินข้างหน้าจะโค้งไปทางขวาอีกครั้งครับ คนสร้างนี้เข้าใจทำ ดูสวยเหมือนทางเดินลอยฟ้าในเทพนิยายเลยครับ ส่วนเจ้าถิ่นข้างหน้านี้ ทีแรกก็ทำตัวเป็นผู้นำที่ดี (แต่ผมไม่อยากให้นำเหมือนในเพลง ชีวิตฉันมีแต่ หมานำ.....ฮา)  แต่พอเลยช่วงนี้ไป เขาก็หายไปครับ แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 20:25:20 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:22:01

ความคิดเห็นที่ 32   ทางเดินช่วงแรกนี้จะตรงระดับเดียว พอสักพักก็เริ่มมีต่างระดับ ต้องระวังสะดุดหกล้ม ตกน้ำนะครับ....น่ากลัว   แล้วก็มีการหักเลี้ยวเป็นระยะๆ  ผมเดินเข้าไปคนเดียวก็รู้สึกเสียวๆ เหมือนกัน  แต่ก็ได้พบกับนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเดินสวนออกไป ได้สอบถามว่าเข้ามาอย่างไร เขาตอบว่า นั่งเรือมาจากข้างนอก ซึ่งก็น่าจะมาทางคลองศรีกุมาร ตามแผนที่ในคห. 1 นั่นแหละครับ ใกล้ถนนใหญ่ที่สุด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:32:44

ความคิดเห็นที่ 33   ไหนๆ เดินเข้ามาในป่าชายเลนแล้วจะไม่แวะดูต้นไม้บ้างก็ กระไร อยู่ ที่นี่จะมีต้นแสม กับ ต้นโกงกาง อยู่ นอกนั้นผมไม่ค่อยรู้จัก และไม่เห็นความแตกต่างนักครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:53:54

ความคิดเห็นที่ 34   คุณมิราชช จ๋า ทำไมมันดูลำบากจังเลย  แถมยังต้องฝ่าด่านหมาอีกต่างหาก แล้วเราจะกล้าไปไหมเนี่ย   ยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:57:36

ความคิดเห็นที่ 35   ตอนนี้มาถึง ศาลพักจุดที่ 4  แล้วครับ ไม่มีเวลาพัก เพราะเวลาที่ผมเข้ามาก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว  ไม่รีบเดินเมื่อไรจะได้ออกไป กลัวมืด เพราะมาคนเดียวด้วย แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 21:04:30 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:00:33

ความคิดเห็นที่ 36   สวัสดีครับคุณอ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ : สุนัขที่นี่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด (แต่ประมาทไม่ได้) อย่างไรก็ชวนๆ กันมาหลายๆคนไว้ก่อน สุนัขเองก็กลัวคนเยอะๆ เหมือนกันครับ ต้องขอโทษ โพสรูปผิดครับ เป็นรูปคห.ข้างบนนะครับ แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 21:05:35 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:03:33

ความคิดเห็นที่ 37   ภาพซ้าย : โอ้ว...ทางยังอีกไกลครับ อย่าลืมว่า 1.75 กิโลเมตร นี่ก็ไม่หมูนะครับ โดยเฉพาะกับการจดจ่อว่า เมื่อใดจะถึง  ต่างกับตอนขากลับจะรู้สึกเร็วกว่านี้เยอะครับ ภาพขวา : ข้างหน้ามีอุโมงค์ต้นไม้ด้วย คาดว่า แต่ก่อนคงเป็นพุ่มไม้ยื่นมาปิดทางเดิน แล้วมีคนมาตัดแต่งให้เดินได้สะดวก ดูสวยดีเหมือนกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:14:01

ความคิดเห็นที่ 38   ภาพขวา : ตอนนี้มาถึงศาลาพัก จุดที่ 5 แล้วครับ ต่อไปก็ศาลาคู่ริมทะเลเลย ภาพซ้าย : ลองมองเข้าไปดูสภาพภายในศาลาพักกันหน่อย  ที่นี่ดูสะอาดกว่าที่อื่น มีพระพุทธรูปด้วย สงสัยจะมีคนมานอนที่นี่  แต่คงไม่ใช่กลางคืน เพราะยุงแสมนี้ กัดเจ็บ และชุมมาก แปลกที่ตอนกลางวันไม่มีมากัดสักตัวเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:23:24

ความคิดเห็นที่ 39   เส้นทางยังอีกยาวไกล ครับ (ที่จริงก็ใกล้จะถึงแล้วละครับ) มาเดินที่นี่ ต้องมีเพื่อนคุย สำหรับผมก็มีเจ้า GPS Map Pocket PC นี่แหละคอยบอกทาง ให้กำลังใจตลอดว่า อีกนิดๆๆๆ ใกล้จะถึงแล้วนะ และด้วยความที่ไม่กลัวหลง เลยมาคนเดียวได้ แต่ก็รู้สึกกลัวสัตว์ร้าย เช่นงู เหมือนกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:33:45

ความคิดเห็นที่ 40   ภาพซ้าย : ผมเริ่มมองเห็นทะเลแล้ว  นับเป็นความสำเร็จเล็กๆ ของการเดินทางครั้งนี้ครับ ภาพขวา : ใกล้จะถึงศาลาคู่ริมทะเลแล้ว  ตอนนี้เห็นศาลาด้านซ้ายเท่านั้น ส่วนด้านขวาถูกต้นไม้บังอยู่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:42:42

ความคิดเห็นที่ 41   นี่แหละครับ ศาลาคู่ริมทะเล ที่หลังคาอยู่ในสภาพชำรุด  ปลายสะพานข้างหน้าก็คือจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ ครับ  วันนี้ดึกแล้วขอพักกลับบ้านก่อน ไว้พรุ่งนี้จะพาไปชมวิวตรงโน้นกันครับ คอยติดตามนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:49:25

ความคิดเห็นที่ 42   ขอบคุณรีวิวนี้มากๆเลย เป็นประโยชน์มากนะค่ะ และอยากให้ผู้เกี่ยวเห็นความสำคัญ ของป่าชายเลนให้มากๆด้วย ช่วยทำให้เป็นรูปเป็นร่างสะทีก่อนที่พื้นที่กรุงเทพฯจะถูกน้ำทะเลกลืนหายไปทีละน้อยๆ ขอบคุณ คุณ mirage ค่ะ ^_^ จากคุณ : ใสบัว เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:52:46

ความคิดเห็นที่ 43   มาชมตอนจบนะคะ คุณมิราชช ขออาศัยรีวิวนี้เป็นจีพีเอสนำทางให้เลยนะคะ อธิบายเส้นทางให้ละเอียดมากๆ เลยค่ะ ตามไปคงไม่หลงแน่นอน ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ จากคุณ : Yai Klong_Tour Rai เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:06:15

ความคิดเห็นที่ 44   กระทู้นี้ แผนที่และรีวิวที่ละเอียดมากๆ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : บะหมี่เกี๊ยวและข้าวมันไก่ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 12:33:57

ความคิดเห็นที่ 45   สวัสดีครับ คุณใสบัว : ตามความเข้าใจของผมคือ ต้นไม้ที่ขึ้นในป่าชายเลนนี้จะช่วยป้องกันการพังทลายของพื้นดินชายทะเล และการรุกคืบของน้ำทะเลเข้ามาเรื่อยๆ ตลอดจนป้องกันกรณีคลื่นแรงๆ เช่น สึนามิ หรือ สตอร์มเซิร์จ ได้ดีกว่าเครื่องกีดขวางใดๆ แต่ทำไม แนวการปลูกต้นโกงกาง ป่าชายเลนนี้ ทำไมเป็นแนวตรงออกไปในทะเล น่าจะเป็นแนวขวางมากกว่า คือทอดยาวตลอดแนวอ่าวไทยไปเลย แล้วมีสะพานที่กว้างหน่อย อันจะสามารถเข้าไปดูแลได้ตลอดแนว  (เคยไปที่ แหลมผักเบี้ย ก็มีลักษณะ ทางเดินสะพานไม้เป็นแนวสามเหลี่ยมขวางทะเลไว้)  พอดีไปค้นมาเรื่องสตอร์มเซิร์จ ว่าเป็นอย่างไร ป่าชายเลนช่วยได้มากครับ http://www.cityvariety.com/index.php?cmd=citycontent&option=scoop&id=5772 สวัสดีครับ คุณYai Klong_Tour Rai และคุณบะหมี่เกี๊ยวและข้าวมันไก่ : การร่างแผนที่ละเอียดๆ ของผมนี้ ทำให้ผมเองก็ได้เข้าใจพื้นที่แถวนั้นมากขึ้นเช่นกันครับ วันหลังจะไปโดยเรือก็ไม่งงครับ จะว่าไปแล้ว ชายทะเลบางขุนเทียนนี้ก็เหมือนเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งของคนกรุงเทพฯ ที่ไปคุยกับเขาได้ว่า เป็นเมืองที่มีทางออกทะเลกับเขาด้วย ทั้งๆที่ ถูก จ.สมุทรปราการขวางไว้เต็มๆ ตรงปากแม่น้ำเจ้าพระยา  ดูแผนที่แล้วไม่น่าเชื่อว่า ทำไม พื้นที่ จ.สมุทรปราการ จึงไม่มาเชื่อมต่อกับเข้ากับ จ.สมุทรสาคร นะครับ กับแค่พื้นที่สีเหลือง ระยะกว้าง 3 - 5 กม. ยาว 7 กม. เอง ครับ  ถ้าหากเป็นถนน เขาเรียกว่า ยังไม่ถึงกับเป็นที่ตาบอด เพียงแต่ ชายทะเลส่วนนั้น ไม่มีท่าเรืออยู่ เท่านั้นครับ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 53 14:27:05 แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 53 14:15:39 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 14:08:56

ความคิดเห็นที่ 46   วันนี้มาต่อกันครับ ผมมายืนตรงระหว่างทางแยกลงไปยังศาลาพัก(เหนื่อย) ริมทะเลทั้งสองหลังแล้ว ก้มมองลงไปยังศาลาด้านซ้ายมือ (ฝั่งตะวันออก) ซึ่งพบว่า ระดับน้ำทะเลได้เพิ่มสูงขึ้นมาเท่ากับพื้นศาลาแล้ว  ให้ความรู้สึกเหมือนชายหาดเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 14:24:22

ความคิดเห็นที่ 47   ผมเลยนึกสนุก ลงไปเล่นน้ำทะเลข้างล่างดีกว่าครับ รูปข้างล่างก็คือบรรยากาศ อารมณ์เดียวกับหาดทรายชายทะเลเลย...มีคลื่นสาดมาเป็นระยะๆ ผมต้องคอยหาจังหวะถ่ายภาพสวยๆมาให้ดู และต้องขอโทษที่ต้องมี เท้าผมโผล่มาให้ดูด้วย เพราะเป็นการพิสูจน์ว่า ได้เล่นน้ำเปียกจริงๆครับ  พื้นศาลาฝั่งนี้น้ำจะท่วมเป็นระยะๆ ต่างกับศาลาฝั่งโน้นน้ำ(ขณะนั้น) ยังท่วมไม่ถึงพื้นครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 14:35:23

ความคิดเห็นที่ 48   จากตำแหน่งศาลาพักริมทะเลด้านซ้าย นี้มองออกไปในทะเลดู เป็นวิวใกล้ผิวน้ำ (พอดีน้ำขึ้น) ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังลอยคออยู่ในทะเลเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 14:45:04

ความคิดเห็นที่ 49   ภาพซ้าย : มองศาลาฝั่งตรงข้ามจะเห็นว่าพื้นสูงกว่าศาลาฝั่งนี้เล็กน้อย น้ำเลยไม่ท่วม  แต่ขอติหน่อยว่า บันไดลงมายังศาลาฝั่งนี้ มันหายไป 1 ขั้น เลยทำให้ บันไดที่เหลือนั้นสูงมาก ต้องค่อยๆ คลานลงมากันเลยครับ กลัวจะลื่นล้มตรงพื้นศาลาที่เปียกน้ำจนมีตะไคร่น้ำจับอยู่ ภาพขวา : หันกลับไป ทางที่เดินเข้ามา ทำให้ทราบว่า พื้นศาลานี้ สูงพอๆ กับพื้นดินตรงชายฝั่งเลย น่าแปลกที่ ทำไม ไม่สร้างศาลาให้สูงพอๆ กับทางเดิน เหมือนกับศาลา จุดอื่นๆ ที่ผ่านมา หรือนัยว่า ต้องการให้ได้สัมผัสน้ำทะเลบ้าง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 15:01:28

ความคิดเห็นที่ 50   ลองย้ายมานั่งศาลาฝั่งตรงข้ามบ้าง (ทิศตะวันตก) มีซากต้นไม้โผล่มาบังให้อารมณ์อีกแบบครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 15:07:57

ความคิดเห็นที่ 51   ตอนนี้ขึ้นมาบนสะพาน ข้างหน้าผมก็คือทะเล....ใช่ครับ แต่ผมหมายถึงสะพานไม้ที่มีราวกันตกด้านข้าง  น้ำคงจะลึกไม่น้อย ถ้าไม่มีราวกันตก คงไม่ค่อยมีคนกล้าออกไปชมวิวที่ปลายสุดแน่ๆ ดูจากรูปแล้วเหมือน พื้นสะพานไม้กำลังลอยตัวเหนือผืนน้ำเลย  ยิ่งมีคลื่นลมพัดมาละก็ รู้สึกเสียวๆ เหมือนกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 15:31:29

ความคิดเห็นที่ 52   หันกลับไปดูศาลาคู่ริมทะเลอีกครั้งครับ เป็นมุมมองตรงกันข้ามกับ ภาพในคห.41 นะครับ  และมุมนี้ถือว่าสวย และเห็นรายละเอียดภายในศาลาชัดดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 15:38:20

ความคิดเห็นที่ 53   เป้าหมาย จุดชมวิวข้างหน้า ยังไม่ไกล  มองไปด้านซ้าย และขวา เหมือนกำลังเดินออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่นของผืนแผ่นดิน เลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 15:52:10

ความคิดเห็นที่ 54   ภาพขวา : ตอนนี้ผมเดินใกล้จะถึงปลายสะพาน อันเป็นจุดชมวิวแล้วละครับ ภาพกลาง-ซ้าย : มองไปทางซ้าย ในเวิ้งน้ำใกล้ๆ นี้จะสังเกตุเห็นเสาไม้เล็กๆ ปักอยู่หลายอัน เรียงจาก ฝั่งออกไป และมีเลขกำกับอยู่ น่าจะเป็นหมายเลขอ้างอิงประจำหลัก ถัดลงไปข้างล่างก็เป็นแถบวัด ซึ่งจากภาพคือ 125 เซนติเมตร น่าจะคือระดับน้ำตรงนั้น  เสาเหล่านี้คงมีไว้เพื่อการตรวจสอบระดับน้ำและการรุกที่ดินของน้ำทะเล นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 16:15:09

ความคิดเห็นที่ 55   จุดชมวิวนี้ มีระดับเดียวกับ สะพานไม้ที่ทอดยาวมาถึง แบ่งออกเป็น 2 ปีก ซ้ายขวา ดังแสดงในรูปข้างล่าง ภาพซ้าย : มีป้ายบอกที่มาของเขื่อนไม้ไผ่ชะลอคลื่นข้างหน้าเรา ภาพขวา : ดูโล่งๆ ให้มองออกไปไกลๆ สังเกตุให้ดีจุดดำๆ อยู่ไกลๆ ใกล้ฝั่งนั่นคือ หลักเขตที่ 29 กั้นระหว่าง กรุงเทพฯ กับ จ.สมุทรสาคร เนื่องจาก การปกครองระหว่างจังหวัด เราเป็นรัฐเดียวกัน เลยไม่มีปัญหาเรื่องดินแดน ครับ ถ้าจะมีปัญหา ก็น่าจะเป็นเรื่อง งบลงพัฒาท้องที่ เท่านั้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 16:30:14

ความคิดเห็นที่ 56   มองตรงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไร นอกจากเวิ้งทะเลกว้างๆ เลยถ่ายแบบพานอรามา มาให้ดูกันครับ  สังเกตุว่าเขื่อนไม้ไผ่นี้จะมีการเว้นระยะไว้เหมือนให้เรือเข้ามาได้ โดยมีเขื่อนซ้อน ไว้ป้องกันคลื่นที่ลอดช่องว่างนี้เข้ามาอีกที  เข้าใจคิดดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 16:41:01

ความคิดเห็นที่ 57   ภาพซ้าย : ป้ายข้อมูลเขื่อนไม้ไผ่ชะลอคลื่น รายละเอียดเป็นดังในภาพครับ สนับสนุนโดย "สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์กรมหาชน)" ภาพขวา : เป็นภาพซูมใกล้ๆ ของเขื่อนไม้ไผ่ชะลอคลื่น ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 17:33:48

ความคิดเห็นที่ 58   ลองใช้กล้องซูมภาพ ที่ปลายเขื่อนทั้งสองด้านดูครับ จะเห็นช่องว่างให้เรือเข้าทั้งสองด้าน และ ที่ไม่พลาดก็คือ หลักเขตที่ 29 ระหว่าง กรุงเทพฯ กับ จ.สมุทรสาคร ครับ เห็นชัดขึ้นมาก แต่ระยะทาง นี้คำนวณจาก GPS Map ตกประมาณ 1 กิโลเมตรครึ่ง ครับ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า หลักเขตที่ 28 อีกด้าน จะมองไม่เห็นแน่นอน เพราะอยู่ไกลเกินไปและมีพื้นดินด้านซ้ายยื่นออกไปบัง ครับ  ถ้าหากออกไปลอยเรือกลางทะเล (ควรเป็นเรือใหญ่สูงๆหน่อย) แล้วใช้กล้องส่องทางไกล อาจเห็นหลักเขตทั้งสองพร้อมๆ กันได้เลย เพราะระยะห่างระหว่างสองหลักเขต ประมาณ 5 กิโลเมตรเอง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 18:05:51

ความคิดเห็นที่ 59   ลองใช้กล้องซูมเข้าไปในทะเลดูอะไรไกลๆ กันหน่อยครับ ภาพซ้าย : เป็นเรือประมง 2 ลำ ลอยอยู่กลางทะเล ภาพขวา : เป็นหลักเขตที่ 29 ระหว่าง กรุงเทพฯ กับ จ.สมุทรสาคร ครับ คงนึกแปลกใจว่าทำไมต้องลงไปปักในน้ำ ห่างจากฝั่งเป็นกิโลเมตร  เหตุผลคือ ตอนที่ปัก ตรงนั้นยังมีพื้นดินอยู่ครับ ปักกันมานานหลายสิบปี คลื่นทะเลก็ค่อยๆ กัดเซาะเข้ามา จนหลักเขต อยู่ห่างจากฝั่ง ไกลอย่างที่เห็นครับ ถ้าหากไม่ป้องกันพื้นดินตรงนี้ต่อไป อาจร่นหายไปอีกเป็นกิโลเมตรได้ครับ จึงต้องปลูกป่าชายเลนเป็นแนวปะทะไว้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 18:24:47

ความคิดเห็นที่ 60   ผมหันกลับไปมองทางฝั่งผืนแผ่นดินบ้าง จะเห็นศาลาคู่ริมทะเลอยู่ไกลๆ ระยะทางที่เห็นนี่ 150 เมตรเชียวนะครับ เรียกว่าถ้าหากตกน้ำก็ต้องว่ายไปขึ้นที่ฝั่งอย่างเดียว ไม่มีบันไดขึ้นลงกับสะพานนี้เลย  (ยกเว้นจะปีนป่ายขึ้นมา หรือไม่ก็เกาะเสาสะพานไปเรื่อย จนถึงฝั่ง) อันตรายอาจแฝงมากับความสวยงามได้ ต้องระวังนะครับระหว่างชมธรรมชาติแบบนี้ เด็กตัวเล็กๆ ห้ามปล่อยเดินอิสระเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 18:33:12

ความคิดเห็นที่ 61   ลองถ่ายภาพแบบพานอรามาดูอีกที เพราะจะได้เห็นเวิ้งน้ำทะเลด้านข้างสะพานด้วย ว่ากว้างใหญ่ขนาดไหน ครับ ต้องขอโทษที่ต้องมีจุดสีชมพู เพราะเกิดปัญหาต่อภาพไม่สนิท เหลื่อมกันจากถ่ายภาพ ครับ เนื่องจาก ระหว่างถ่ายภาพแสงแยงตา (ทางซ้าย) มากจริงๆ จึงมองไม่ค่อยเห็นภาพครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 18:40:21

ความคิดเห็นที่ 62   ลองถ่ายแบบเฉียงๆ บ้างครับ  ภาพข้างล่างอย่า งง นะครับ ภาพซ้าย : ผมไปยืนด้านซ้าย (ฝั่งตะวันตก) แล้วหันมาถ่าย ฝั่งตรงข้าม ภาพขวา : ผมไปยืนด้านขวา (ฝั่งตะวันออก) แล้วหันมาถ่าย ฝั่งตรงข้าม แล้วเอามาต่อกัน เลยดูเหมือนเป็น สองสะพานมาชนกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 18:56:54

ความคิดเห็นที่ 63   ลองถ่ายด้านข้างสะพานชัดๆ หน่อย แบบไม่มีราวสะพานมาบังตา เริ่มจากด้านซ้าย จะมองเห็นว่าราวสะพานตรงนี้มีขาดอยู่ช่องหนึ่ง มองลงไปข้างล่าง เห็นคานยื่นออกมา เหมือนกับเคยเป็นทางลงไปที่ผิวน้ำเก่า ที่ชำรุด และรื้อทิ้งไป  อาจกลัวคนมาโดดน้ำเล่น จนเกิดอันตรายได้ หรือไม่ก็ชำรุดจริงๆ จนอาจเกิดอันตรายถ้าหากมีคนลงไปใช้ ครับ  แต่ก็ไม่น่าปล่อยให้ราวข้างบนโล่งจนดูหวาดเสียวครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:11:09

ความคิดเห็นที่ 64   อ้าว.. ไหนๆ ก็แล้ว ลองมามองด้านข้างสะพานฝั่งนี้บ้าง เผื่อใครอยากจะเห็นมุมที่แตกต่างกันออกไป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:15:28

ความคิดเห็นที่ 65   ตามมาชมต่อครับ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:17:42

ความคิดเห็นที่ 66   ลองเป็นภาพมุมต่ำ ชนิดใกล้ติดพื้นสะพานดูบ้าง จะเห็นโครงสร้างไม้ยึดราวสะพานชัดๆ ดี คนสร้างสะพานไม่รู้สึกกลัวตกน้ำ หรือเครื่องมือตกน้ำกันบ้างหรือครับ แค่ไปยืนถ่ายภาพตรงริมๆ ผมก็รู้สึกเสียวแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:19:28

ความคิดเห็นที่ 67   สวัสดีครับ คุณtiger's nest : แวะเข้ามาทักทาย ใกล้จะจบแล้วครับ มาคนเดียว ไม่มีใครถ่ายให้ เลยยืดแขนถ่ายภาพเอง เล็งมั่วๆ ได้มาดีที่สุดเท่านี้ครับ  ขอบอกว่าลมแรงมาก ทำให้ลำบากในการถ่ายภาพ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:26:17

ความคิดเห็นที่ 68   ได้รับลมทะเลเต็มอิ่มชุ่มปอดแล้วก็กลับครับ เพราะล่วงเลยเวลา 6 โมงเย็นครึ่งไปแล้ว กลัวจะมืด เพราะต้องเดินผ่านป่าชายเลนทึบๆ ด้วย  อาจจะมีสัตว์ท้องถิ่นที่ไม่พึงประสงค์ คืบคลานขึ้นมาบนสะพานได้ ยิ่งมาคนเดียวด้วย... โชคดีที่วันนั้นฝนไม่ตก มิฉะนั้นคงจะลำบากน่าดู แค่ขี่มอเตอร์ไซด์บนสะพานไม้แคบๆ ก็เสียวแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:33:35

ความคิดเห็นที่ 69   มาชม จากคุณ : สุดทะเลปลายทาง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:40:41

ความคิดเห็นที่ 70   สวัสดีครับ คุณสุดทะเลปลายทาง : เชิญชมได้ครับ ใกล้จะจบแล้ว.. ระหว่างเดินกลับ มองไปข้างสะพานไม้ เห็นมีการนำไม่ไผ่มาขัดกัน แล้ววางยาวลงไปจากสะพาน  ชาวบ้าน คงใช้สำหรับเดินออกไปจากสะพาน เพราะข้างนอกเป็นที่โล่งกว้าง มีเพิงพักอยู่ด้วย แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 53 20:02:12 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:59:34

ความคิดเห็นที่ 71   ตอนนี้ใกล้จะถึงทางออกแล้ว มีโค้งสวยๆของสะพานมาให้ชมกันด้วย ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 20:04:45

ความคิดเห็นที่ 72   มาถึงโค้งสุดท้าย ที่มี ศาลเจ้าที่และศาลาพักจุดที่ 3 ตรงข้ามกันแล้ว ตรงนี้มีชาวบ้านมานั่งเล่นด้วย แสงก็น้อย เลยเขินๆ ไม่ได้ถ่ายใกล้ๆมาให้ดูกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 20:09:38

ความคิดเห็นที่ 73   ตอนนี้มาถึงประตูที่ 2 (ด้านใน) แล้วครับ เจอเจ้าถิ่น สุนัขแถวนั้นอีก คราวนี้มีตัวหนึ่งเกิดเห่าขึ้นมา ตัวอื่นก็เริ่มจะเห่าตาม ขนาดตัวแรก ตอนที่เขามาใหม่ๆ ยังลุกขึ้นมางงๆ ทำนองว่าจะเห่าด้วยอีก แต่ผมเฉยๆ เดินผ่านไปอย่างสบายไม่มีปัญหาอะไร  จนมาเจอเจ้าตัวนี้ขวางทางอยู่ ก็ต้องค่อยๆ เลี่ยงไป อย่างเสียวด้วยกันทั้งสองฝ่าย....ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 20:15:57

ความคิดเห็นที่ 74   ขอส่งท้าย ป่าชายเลนแห่งนี้ด้วยประตูนี้นะครับ เพราะดูสวยดี เหมือนกับว่า ทะลุหายไป สู่ความว่างเปล่า ได้คติธรรมดีครับ ผมขออนุญาต ลากเส้นประไว้เป็นแนวสะพานที่น่าจะมีต่อออกไป ในจินตนาการของผมครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 20:23:12

ความคิดเห็นที่ 75   ภาพบน : ผมออกมาจากตรอกป่าชายเลนแล้ว ก็จะกลับบ้าน ไปทาง เขตบางขุนเทียน ซึ่งใกล้ กันแค่ 300 เมตร ก็คือ ร้านอาหาร"จุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ" ที่ผมเคยไปมาแล้ว ตอนนั้นยังทันสังเกตุว่ามีชื่อภาษาอังกฤษว่า " Bangkok sea View" เลย ทำให้ผมงง เมื่อได้ยินชื่อนี้ครั้งแรก ครับ แท้จริงก็คือสถานที่แห่งเดียวกันนั่นเอง ภาพล่าง : เลยไปอีกแค่ 60 เมตร ก็ถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายไป เขตบางขุนเทียน แต่ตอนนี้ยังไม่มืด ขอแวะไปชมทางตัน เอ๊ย...ทางที่มีโครงการจะสร้างตรงไปยัง ป้อมพระจุล แต่สร้างยังไม่เสร็จ (และก็ไม่รู้ว่าจะสร้างต่ออีกเมื่อใด) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 20:39:11

ความคิดเห็นที่ 76   เส้นทางตันนี้ (ดูจากแผนที่ 1) มีระยะทางรวม 4 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางจากสามแยกจากภาพล่างของ คห.75 ไป 3 กิโลเมตร ก็เจอสะพานข้ามคลองขุนราชพินิจใจ(กง)  ลงจากสะพานก็เป็นทางลูกรังไปอีก 1 กิโลเมตรแล้วก็ตัน  ซึ่งเมื่อวัดระยะทางจากถนนอีกด้านที่มาจาก ป้อมพระจุลนั้น ห่างเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น โครงการตอนนี้ก็ดูเหมือนหยุดอย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่ทราบว่าอีกนานแค่ไหนจึงจะเริ่มสร้างกันต่อ ตรงเชิงสะพานข้ามคลองขุนราชพินิจใจ(กง) นั้นมีวัดชื่อ "ธรรมคุณาราม" เป็นที่สังเกตุได้ชัด  อันคลองนี้ก็ถูกใช้เป็นแนวเขตระหว่างกรุงเทพฯ กับ จ.สมุทรปราการด้วย จึงอาจเป็นเหตุผลว่า งบประมาณหมด หรือ คนละจังหวัด เลยทำให้ ถนนหยุดสร้างแค่ตรงนี้ ก่อนกลับ ผมได้สังเกตุเห็นวิวสวยๆ บนสะพานแห่งนี้ เลยขึ้นไปถ่ายภาพมาให้ดู เป็นการปิดกระทู้นี้  ว่าได้เห็น สะพานกาญจนาภิเษก (วงแหวนด้านใต้) กับ สะพานพระราม 9 ด้วย ซึ่งลองวัดระยะทางแนวตรงจาก GPS Map ไกลถึง 14 กับ 17 กิโลเมตร ตามลำดับ  ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นได้จากที่นี่ครับ  นอกจากนี้ บนสะพานยังมีนักปั่นจักรยานมารวมตัว กันด้วย นับเป็นบรรยากาศสบายๆ  เพราะถนนตรงนี้ แทบไม่มีรถวิ่ง เลยถีบรถกันได้อย่างสบายใจ   สวัสดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 21:09:03

ความคิดเห็นที่ 77   สุดยอดเลยครับ  พี่เป็นคนริวิวอุ้มผาง ทีลอซูด้วยใช่เปล่าครับ ตั้งใจทำมากๆครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : 18rain เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 22:27:24

ความคิดเห็นที่ 78   สวัสดีครับ คุณ18rain : ใช่ครับ รีวิวอุ้มผาง ที่ไปเมื่อตอนสงกรานต์ที่ผ่านมา เล่นเอาตั้ง 7 ตอน แถมด้วย อช.แม่วงก์ อีกหนึ่งตอน กว่าจะครบทุกตอนก็เดือนครึ่ง กว่าจะเสร็จ เต็มอิ่มกันไปเลยครับ  ขอบคุณครับ  ยังมีอีก 3 - 4 เรื่องจะทยอยลงในแต่ละสัปดาห์ ต่อไปครับ คอยติดตามชมกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 15:51:42

ความคิดเห็นที่ 79   เป็นคนที่ให้ข้อมูลได้ละเอียดดีจริงๆ ครับ ขอบคุณครับ ..(แต่ถ้าเจอเจ้าโอโก้ของผมอาจจะโดนงับได้นะครับ) 555 จากคุณ : มาช้า เพราะรถติด (chun_cx) เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 18:28:26

ความคิดเห็นที่ 80   สวัสดีครับ คุณมาช้า เพราะรถติด (chun_cx) : ผมถือว่าเป็นบันทึกการเดินทาง ที่เหมือน ปูม การเดินทางจริงๆ ที่พยายามสื่อให้เห็นทั้งบรรยากาศ และ วิธีการเดินทาง ตลอดจนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ในเชิงสารคดี แบบว่าฝึกไว้ครับ ( โอ...น่ากลัวจริง เจ้าโอโก้ของคุณนี่  แต่ปกติ สุนัขตัวใหญ่ๆ มักจะไม่ดุ และจะไม่กัดนอกบริเวณบ้านของเขานะครับ   แต่ถ้าโดนวิ่งไล่ ก็ตัวใครตัวมันเหมือนกัน...ฮา) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 18:50:18

ความคิดเห็นที่ 81   ผมนับถือ เจ้าของกระทู้นี้มากเลยครับ ในความเสียสละเวลา ทั้งหมด ในการจัดทำ ถ้าไม่รักธรรมชาติจริงๆ นี่ ไม่พยายามขนาดนี้จริงๆ คับ ขอปรบมือให้ ซัก ร้อยครั้ง จากคุณ : บอย (Bobby47/2) เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 53 15:49:35

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากๆ จากคุณ : Floatation เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 11:42:41