ความคิดเห็นที่ 1   ที่แรกที่จะไปกันคือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ใครที่เคยดูกระทู้ของคุณมาเรีย ณ ไกลบ้าน แล้วอาจจะขัดใจเล็กน้อยที่ผมถ่ายมาได้ไม่ดีเท่า ผมไปแต่เข้าเพื่อจอดรถที่ข้างวัดโพธิ์แล้วเดินมาครับ ระหว่างทางก็เก็บภาพไปด้วย ขอบอกว่าเดินไกลมากๆจากวัดโพธิ์มาที่วัดพระแก้วเนี่ย เหงื่อท่วมเลย ถนนเส้นนี้ไม่ได้เดินนานมากแล้ว ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่ได้กลับมาที่นี่เลย ตอนเรียนต้องเดินไปมหาลัยด้วยเส้นนี้ทุกวัน จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:30:46

ความคิดเห็นที่ 2   ลืมจัดกลาง -*- ลืมเปลี่ยนสี -*- มาถึงแต่เช้าใช่ว่าจะไม่ร้อน แถมยังมาเร็วเกินไปอีกแน่ะ เพราะเขาเปิดให้เข้าได้ตอน 9 โมงเช้า คนมารอเข้าไปชมเยอะมากๆ ระหว่างที่รอก็ถ่ายภาพตรงทางเข้า วันนี้ฟ้าใส แดดดีมาก จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:31:46

ความคิดเห็นที่ 3   พอถึงเวลา คนก็กรูกันเข้าไป ถึงตอนนี้ใครที่แต่งกายไม่เหมาะสมก็จะโดนเชิญไปผลัดผ้า ใส่ใหม่ให้เรียบร้อย ฝรั่งเข้ามาชมเยอะมากๆ ถือเป็นไฮไลต์หนึ่งในการเที่ยวกรุงเทพเลย จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:32:17

ความคิดเห็นที่ 4   เข้ามาแล้วนึกถึงตอนสมัยเรียน ต้องมานั่งวาดภาพที่นี่กัน ภาพนี้เป็นภาพสไตล์ที่ชอบ เห็นแล้วก็อดถ่ายเก็บไม่ได้ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:33:05

ความคิดเห็นที่ 5   มาที่นี่ต้องระวังข้อห้ามต่างๆด้วยนะครับ นอกจากเรื่องการแต่งกายแล้ว จะมีเรื่องห้ามนำขาตั้งกล้องเข้า และห้ามถ่ายภาพในบางจุด ฝรั่งเดินลากกระเป๋าเข้าไปกันหลายคน สงสัยมาที่นี่เสร็จแล้วขึ้นเครื่องต่อเลยมั้ง จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:33:27

ความคิดเห็นที่ 6   ถ้ามาถึงตอนเพิ่งเริ่มเปิดให้เข้า จะมีโอกาสเห็นการผลัดเวรของทหารด้วยครับ พอดีผมยืนอยู่ใกล้ๆตอนที่เขากำลังมาผลัดเปลี่ยนเวรกันพอดีเลย~ ทหารกำลังเดินมารวมพลเพื่อผลัดเปลี่ยนเวรตอนเช้า จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:33:51

ความคิดเห็นที่ 7   ระหว่างที่เหล่าทหารกำลังทำการเปลี่ยนเวรกัน ก็มีชาวต่างชาติ มากมายที่สนใจมาถ่ายภาพและถ่ายวีดีโอกัน ใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเวรประมาณ 10 นาที จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:34:24

ความคิดเห็นที่ 8   หลังจากเสร็จสิ้นการเปลี่ยนเวรของทหารแล้ว เราก็เข้าไปชมด้านในกันครับ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:34:49

ความคิดเห็นที่ 9   แดดแรง แสงดี อย่างนี้ตากล้องชอบ~ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:35:43

ความคิดเห็นที่ 10   ชาวไทยเข้าฟรี แต่ถ้าเป็นต่างชาติต้องเสียเงินนะครับ ค่าเข้าแพงซะด้วย จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:36:51

ความคิดเห็นที่ 11   ผมชอบที่ มีอุปกรณ์บรรยายให้ยืมด้วย เป็นอุปกรณ์บรรยายข้อมูลสถานที่ แบบฟังคนเดียว แถมมีหลายภาษาด้วยนะ ไม่ได้มีแต่ภาษาอังกฤษ แต่ผมไม่ได้ยืมอ่ะ แค่จะมาเดินถ่ายภาพ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:38:45

ความคิดเห็นที่ 12   ประเดิมคนแรกครับ ... ภาพสวย ใส มากๆ ... ค้าบบบ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 23:39:29 จากคุณ : ต่ายน้อย (coopers2006) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:38:59

ความคิดเห็นที่ 13   .... คนเยอะ อากาศร้อน เป็นเรื่องปกติของที่นี่ไปแล้่ว วันธรรมดาคนยังเยอะเลยล่ะ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:40:44

ความคิดเห็นที่ 14   ตามมาชมภาพสวยๆ จากคุณ : แมงปอบินเดี่ยว เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:40:48

ความคิดเห็นที่ 15   มาลงชื่อไว้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้มาชมต่อค่ะ ^^ จากคุณ : คืนไร้ดาวพราวแสงจันทร์ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:41:14

ความคิดเห็นที่ 16   ยินดีต้อนรับคุณต่ายน้อย กับ คุณแมงปอบินเดี่ยวนะครับ นึกว่าไม่มีคนมาดู อิอิ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:42:05

ความคิดเห็นที่ 17   ขอบคุณครับ คุณ คืนไร้ดาวพราวแสงจันทร์ ที่วัดพระแก้วนี่ไม่รู้จะบรรยายภาพยังไง เอาเป็นว่าลงภาพให้ชมไปก่อน เดี๋ยวค่อยบรรยายหลังออกจากวัดแล้วละกัน แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 23:44:26 จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:43:18

ความคิดเห็นที่ 18   ตามมาชมภาพ แบบ Wide ๆ ครับ ปล.. อย่าลืมแวะไปโพสรูปที่ห้องนั่งเล่นด้วยนะครับ อิอิ จากคุณ : One Light One Shadow เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:44:33

ความคิดเห็นที่ 19   รูปสวยค่ะ จากคุณ : mamyammy เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:45:12

ความคิดเห็นที่ 20   ลืมตอบคุณ One Light One Shadow กลับมาแก้ไขเพิ่มข้อความ เมื่อกี๊แวะไปอ่านกระทู้ 2.3 มาแล้วครับ เฮฮาน่าดู ไว้ถ้าใจกล้าเมื่อไหร่ค่อยเปิดตัวเนอะ ตอนนี้หลบมุมมืดไปก่อน ตอบคุณ mamyammy ด้วย ลืมตอบเหมือนกัน ขอบคุณมากครับ สำหรับคำชม~ คิดว่าที่นี่ เพื่อนๆคงจะไปกันจนปรุแล้วมั้งเนอะ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 53 01:16:13 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 53 01:08:24 จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:45:18

ความคิดเห็นที่ 21   ชอบพระที่นั่งมากๆ ถ่ายมาหลายรูปเลย จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:45:54

ความคิดเห็นที่ 22   ออกจากที่นี่ไปที่อื่นต่อครับ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:46:35

ความคิดเห็นที่ 23   ขออีกซักสามสี่ภาพนะ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:47:14

ความคิดเห็นที่ 24   เน็ตเริ่มอืดละ ขอให้อย่าด๋อย... จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:47:56

ความคิดเห็นที่ 25   รูปสวยครับ   ไปไหว้พระด้วย คน ฮิ๊ว ๆ จากคุณ : นายฟ้าใส เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:48:11

ความคิดเห็นที่ 26   ไปไหนก็ต้องมีธงชาติไทย...ก็ที่นี่ประเทศไทยนี่ ^^ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:48:35

ความคิดเห็นที่ 27   สวัสดีครับ คุณฟ้าใส ยินดีต้อนรับนะครับ ^ ^ ภาพสุดท้ายก่อนกลับจากวัดพระแก้ว เพื่อเดินต่อไปท่าเรือเพื่อข้ามฟากไปยังวัดอรุณ ต้องเดินผ่านมหาวิทยาลัยศิลปากร เสียดายที่วันที่ไปนี้ หอศิลป์ไม่เปิด ใจจริงอยากจะเดินไปถ่ายภาพในมหาวิทยาลัยเสียหน่อย แต่เกรงใจคุณแฟน เลยไม่แวะ ได้แค่ถ่ายด้านหน้ามา แก้คิดถึงมหาวิทยาลัย เรียนจบไม่เคยแวะกลับไปเลยเรา~ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:49:40

ความคิดเห็นที่ 28   มาสถานที่ที่สองกันครับ วัดอรุณ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ผมไปข้ามเรือข้ามฟากตรงข้ามวัดโพธิ์ ท่าเรือตรงฝั่งวัดอรุณจะอยู่ตรงวัดพอดี ข้ามไปแล้วเดินเข้าวัดได้เลย ไม่มีหลง รอเรือค่อนข้างนานกว่าจะออก คงเพราะคนน้อยด้วย...ระหว่างข้ามฟากก็ถ่ายมุมบังคับของวัดได้ ถึงแม้จะไม่ค่อยสวยก็เหอะ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:51:02

ความคิดเห็นที่ 29   จุดเด่นของวัดอรุณ ก็คือพระปรางค์นี้...ส่วนใหญ่จะเห็นถ่ายกันแต่วิวริมน้ำกัน จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:52:05

ความคิดเห็นที่ 30   ช่วงที่ไปวัดอรุณนี้ มีการซ่อมแซม บูรณะอยู่หลายจุด เลยห้ามเดินขึ้นไปตรงส่วนพระปรางค์ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:53:10

ความคิดเห็นที่ 31   ฟ้าใสมากๆในวันที่ไป ถ่ายมาแล้วฟ้าสวยจริงๆ ชอบมาก จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:53:52

ความคิดเห็นที่ 32   ออกมาเดินชมวัดรอบๆ.... ตรงส่วนที่เป็นพระปรางค์สามารถเดินขึ้นไปได้ ซึ่งค่อนข้างสูงมากๆเลย วันที่ไปมีการซ่อมแซมอยู่ มีป้ายห้ามเข้า แต่เราแอบขึ้นไปล่ะ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:54:42

ความคิดเห็นที่ 33   ประวัติของวัดอรุณ จากเวปไซต์ของวัดโดยตรงครับ วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเรียกว่า "วัดมะกอก" ตามชื่อตำบลบางมะกอกซึ่งเป็นตำบลที่ตั้งวัด ภายหลังเปลี่ยนเป็น "วัดมะกอกนอก" เพราะมีวัดสร้างขึ้นใหม่ในตำบลเดียวกัน แต่อยู่ลึกเข้าไปในคลองบางกอกใหญ่ชื่อ "วัดมะกอกใน" ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๐ เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระราชประสงค์จะย้ายราชธานีมาตั้ง ณ กรุงธนบุรี จึงเสด็จกรีฑาทัพล่องลงมาทางชลมารคถึงหน้าวัดมะกอกนอกนี้เมื่อเวลารุ่งอรุณพอดี จึงทรงเปลี่ยนชื่อวัดมะกอกนอกเป็น "วัดแจ้ง" เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งนิมิตที่ได้เสด็จมาถึงวัด นี้เมื่อเวลาอรุณรุ่ง จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:55:22

ความคิดเห็นที่ 34   เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้ย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้ง ณ กรุงธนบุรีและ ได้ทรงสร้างพระราชวังใหม่  มีการขยายเขตพระราชฐาน  เป็นเหตุให้วัดแจ้งตั้งอยู่กลาง พระราชวังจึงไม่โปรดให้มีพระสงฆ์จำพรรษา จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:56:00

ความคิดเห็นที่ 35   นอกจากนั้นในช่วงเวลาที่กรุงธนบุรีเป็นราชธานี ถือกันว่าวัดแจ้งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง เนื่องจากเป็นวัดที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตและพระบาง ซึ่งสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) ได้ อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ ๒ องค์นี้มาจากลาวในคราวที่เสด็จตีเมืองเวียงจันทร์ ได้ในปี พ.ศ. ๒๓๒๒ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:56:43

ความคิดเห็นที่ 36   เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ ได้โปรดให้สร้างพระนครใหม่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และรื้อกำแพงพระราชวังกรุงธนบุรีออก วัดแจ้งจึงไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวังอีกต่อไป พระองค์จึงโปรดให้วัดแจ้งเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นพระองค์ทรงมอบหมายให้สมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร(ร. ๒) เป็นผู้ดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง แต่สำเร็จเพียงแค่กุฎีสงฆ์ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:57:19

ความคิดเห็นที่ 37   ท้องฟ้าเป็นใจนะครับ ภาพเลยดูแจ่มสวย ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ ชอบๆ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:57:32

ความคิดเห็นที่ 38   แหม น้าม่วงวันนี้มาช้านะครับ นึกว่ีาจะไม่มาซะแล้วเนี่ย... ต่อมาในรัชกาลพระบาท สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ พระองค์ทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อจนเสร็จ ทั้งได้ทรงปั้นหุ่นพระพุทธรูปด้วยฝีพระหัตถ์ และโปรดให้หล่อขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธาน ในพระอุโบสถ และโปรดให้มีมหรสพสมโภชฉลองวัดในปี พ.ศ. ๒๓๖๓ แล้วโปรดพระราชทาน พระนามวัดว่า "วัดอรุณราชธาราม" จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:58:51

ความคิดเห็นที่ 39   ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดอรุณฯ ใหม่หมดทั้งวัด พร้อมทั้งโปรดให้ลงมือก่อสร้างพระปรางค์ตามแบบที่ทรงคิดขึ้น จนสำเร็จเป็นพระเจดีย์สูง ๑ เส้น ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คืบ กับ ๑ นิ้ว ฐานกลมวัดโดยรอบได้  ๕ เส้น ๓๗ วา ซึ่งการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆ ภายในวัดอรุณฯ นี้สำเร็จลงแล้ว แต่ยังไม่ทันมีงานฉลองก็สิ้นรัชกาลที่ ๓ ในปี พ.ศ. ๒๓๙๔ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:00:06

ความคิดเห็นที่ 40   เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ พระองค์ได้โปรดให้สร้างและปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆ ในวัดอรุณฯ เพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ทั้งยังได้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของ พระประธานในพระอุโบสถที่พระองค์ทรงพระราชทานนามว่า "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" และเมื่อได้ทรงปฏิสังขรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:00:53

ความคิดเห็นที่ 41   ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เกิดเพลิงไหม้พระอุโบสถ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถใหม่เกือบทั้งหมด โดยได้โปรดให้กรมหมื่นปราบปรปักษ์เป็นแม่กองในการบูรณะ และโปรดเกล้าฯให้นำเงินที่เหลือจากการบริจาคของพระบรมวงศานุวงศ์ไปสร้างโรงเรียนตรงบริเวณกุฎีเก่าด้านเหนือ ซึ่งชำรุดไม่มีพระสงฆ์อยู่เป็นตึกใหญ่แล้วพระราชทานนามว่า "โรงเรียนทวีธาภิเศก" จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:01:56

ความคิดเห็นที่ 42   นอกจากนั้นยังได้โปรดให้พระยาราชสงครามเป็นนายงานอำนวยการปฏิสังขรณ์พระปรางค์องค์ใหญ่ และเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงโปรดให้มีการฉลองใหญ่รวม ๓ งานพร้อมกันเป็นเวลา ๙ วัน คือ งานฉลองพระไชยนวรัฐ งานบำเพ็ญพระราชกุศลพระชนมายุสมมงคล คือ มีพระชนมายุเสมอพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และ งานฉลองพระปรางค์ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ มีการบูรณะปฏิสังขรณ์หลายอย่าง โดยเฉพาะพระปรางค์วัดอรุณฯ ได้รับการปฏิสังขรณ์เป็นการใหญ่มีการประกอบพิธีบวงสรวงก่อนเริ่มการบูรณะพระปรางค์ใน วันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๐ และการบูรณะก็สำเร็จด้วยดีดังเห็นเป็นสง่างามอยู่จนทุกวันนี้ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:03:00

ความคิดเห็นที่ 43   ออกจากวัดอรุณ ข้ามฟากกลับมาฝั่งพระนครเพื่อ ไปวัดโพธิ์กันต่อครับ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:03:36

ความคิดเห็นที่ 44   มาถึงวัดโพธิ์แล้วก็เดินชมรอบๆก่อนนะครับ ในภาพนี้เป็นพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:04:30

ความคิดเห็นที่ 45   ที่วัดโพธิ์จะมีป้ายบอกทางไปชมสิ่งมหัศจรรย์ 10 อย่างที่อยู่ที่วัดด้วย บางจุดต้องไปดูตอนกลางคืนก็มี แต่ผมไม่ได้เดินตามป้ายบอกทางหรอก อยากไปตรงไหนก็ไป จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:05:01

ความคิดเห็นที่ 46   ภาพสวยฟ้าแจ่มมากเลยครับ วัดพระแก้วผมไม่ได้ไปนานหลายปีแล้ว ไปครั้งสุดท้ายตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เห็นภาพสวยๆ แบบนี้แล้วอยากไปเที่ยวอีกจังครับ จากคุณ : NET-MANIA เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:05:30

ความคิดเห็นที่ 47   อันนี้เห็นแมวน่ารักดี ชอบแมวอ่ะ เห็นแมวไม่ได้ต้องถ่ายทุกทีเลย จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:05:39

ความคิดเห็นที่ 48   สวัสดีคุณ NET-MANIA ครับ เมื่อกี๊เพิ่งไปเที่ยวพร้อมเด็กดื้อมาเอง แต่ยังอ่านไม่จบ ไว้รีวิวเสร็จแล้วจะกลับไปอ่านต่อนะครับ ที่นี่มีฝรั่งมาเที่ยวค่อนข้างเยอะ พอๆกับวัดพระแก้วได้ จุดสนใจหลักๆเลยคือพระนอนองค์ใหญ่ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:07:14

ความคิดเห็นที่ 49   ประติมากรรมที่นี่จะออกเป็นแนวศิลปะจีน จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:07:45

ความคิดเห็นที่ 50   เสริมรายละเอียดเล็กน้อยจากวิกิพีเดียนะครับ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือเชดตุพนวิมนมังคฺลาราม หรือ วัดโพธิ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1 ทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศด้วย เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง และทางยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกเมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551 จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:08:07

ความคิดเห็นที่ 51   วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีสิ่งก่อสร้างค่อนข้างแน่น เนื่องจากการบูรณะแบบใส่คะแนน (แข่งกันบูรณะ) ส่งผลให้มีอาคารและสิ่งก่อสร้าง รวมถึงพระพุทธรูปมากมายภายในวัดแห่งนี้ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:08:30

ความคิดเห็นที่ 52   พระมาหาเจดีย์สี่รัชการ ได้แก่ "พระมหาเจดีย์พระศรีสรรเพชญดาญาณ"   เป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 องค์พระเจดีย์ประด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว ตั้งอยู่ตรงกลางของหมู่พระมหาเจดีย์ ล้อมรอบด้วยพระมหาเจดีย์อีก 3 องค์ "พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรรกนิทาน"  เป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 2 ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระมหาเจดีย์พระศรีสรรเพชญดาญาณ ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาว "พระมหาเจดีย์มุนีบัติบริขาน" เป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชการที่3 ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระมหาเจดีย์พระศรีสรรเพชญดาญาณ ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง "พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย" เป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4 มีลักษณะที่แตกต่างจากพระมหาเจดีย์ทั้ง 3 องค์ คือ มีซุ้มคูหาเข้าไปภายในองค์พระมหาเจดีย์ได้ ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาบหรือสีน้ำเงินเข้ม จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:09:00

ความคิดเห็นที่ 53   ในภาพที่ถ่ายมาอาจจะเห็นสีของกระเบื้องไม่ค่อยชัด ผมไปถ่ายเองยังเห็นไม่ชัดเลย สงสัยตาไม่ดี จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:09:30

ความคิดเห็นที่ 54   วิหารพระพุทธไสยาส เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเข้าไปชมเยอะมาก เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ 9 โมงเช้า คนไทยเข้าฟรี แต่คนต่างประเทศเสียเงินอีกเช่นเคย จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:10:00

ความคิดเห็นที่ 55   ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ก่ออิฐ ถือปูน ปิดทองทั่วทั้งองค์ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยมีลักษณะพิเศษ ได้แก่ พระบาทซ้ายและขวาซ้อนเสมอกัน ที่พระบาทประดับมุกภาพมงคล 108 ประการ ตรงกลางเป็นรูปจักรตามตำรามหาปุริสลักขณะ โดยลวดลายของมงคล 108 ประการนั้น เป็นการผสมผสานกันระหว่างคติความเชื่อที่รับมาจากชมพูทวีปและจีน จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:10:28

ความคิดเห็นที่ 56   วิหารพระพุทธไสยาส สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวที่ทรงโปรดฯ ให้ขยายพระอารามออกมาทางทิศเหนือ พระองค์ทรงโปรดให้พระองค์เจ้าลดาวัลย์เป็นแม่กองในการก่อสร้าง โดยได้สร้างพระพุทธไสยาสขึ้นก่อน แล้วจึงสร้างพระวิหารภายหลัง โดยมีขนาดเท่ากับพระอุโบสถ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:11:01

ความคิดเห็นที่ 57   รูป สวย สี สด มากค่ะ ไม่ทราบว่าจะบอกได้ไหม ว่ามีเทคนิคยังไง ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Piano เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:11:16

ความคิดเห็นที่ 58   นักท่องเที่ยวมากมาย ไปยืนถ่ายภาพกัน โดยเฉพาะตรงส่วนเท้าของพระพุทธไสยาส จะเป็นจุดที่ถ่ายแล้วเห็นทั้งองค์ คนแน่นจนไม่มีที่ให้คนไทยอย่างเราเข้าไปได้เลย ผมเลยต้องถอดใจ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:11:23

ความคิดเห็นที่ 59   สวัสดีครับ คุณ Piano เทคนิคอันดับแรกเลย ต้อง หาวันที่อากาศดี แสงดีครับ ซักตอนเช้าถึงเที่ยงยังพอไหว แต่ถ้าไปถ่ายหลังเที่ยงมักจะเจอแสงที่ไม่เหมาะกับการถ่ายภาพ 90% จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ทริปนี้ผมไปหกโมงเช้า กลับตอนเที่ยงพอดี เทคนิคที่สอง ปรับ picture style หรือ picture control ในกล้องครับ หากชอบสีจัดๆ ก็ ปรับเป็น vivid หรือจะถ่ายให้อันเดอร์นิดๆก็ได้ครับ ของผมทำทั้งสองอย่าง ................................................... ถ่ายตรงเมื่อกี๊ไม่ได้ผมเลยมาถ่ายมุมนี้แทน พอใช้ได้เหมือนกัน ออกจากที่นี่แล้วเดินต่อไปอีกนิดครับ ย้อนไปทางปากคลองตลาด เพื่อไป มิวเซียมสยาม จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:15:03

ความคิดเห็นที่ 60   มิวเซียมสยาม หรือ พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ เปิดให้บริการเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2551 จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:16:20

ความคิดเห็นที่ 61   รูปสวยมากครับ จากคุณ : MuzamGal2 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:16:35

ความคิดเห็นที่ 62   ตัวอาคารของมิวเซียมสยามนี้ ก็คืออาคารกระทรวงพาณิชย์เดิม ภายในมิวเซียมสยามเป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวรทั้งหมด 17 ห้อง ภายใต้หัวข้อ "เรียงความประเทศไทย" วันที่ไปนี้ มีนิทรรศการหมุนเวียนมาจัดแสดงด้วย ชื่อว่า " จับไมค์ใส่ขนนก " เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวงการเพลงลูกทุ่งไทย (ไม่สามารถถ่ายภาพมาได้เพราะติดเรื่องลิขสิทธิ์) จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:16:56

ความคิดเห็นที่ 63   สวัสดี และขอบคุณมากครับ คุณ MuzamGal2 ................................................. ผมชอบภาพชุดมิวเซียมสยามนี้เป็นการส่วนตัวครับ ชอบมากกว่าภาพวัดเสียอีก ในการเข้าชมมิวเซียมสยามนั้น ทางพิพิธภัณฑ์จะให้เริ่มชมจากชั้น 1 ต่อไปยังชั้น 3 และลงมาสิ้นสุดที่ชั้น 2 ก่อนเข้าชมห้องจัดแสดงต้องไปนั่งดูภาพยนตร์สั้นเพื่อทำความเข้าใจกับตัวละครแต่ละคนที่จะเป็นตัวเล่าเรื่องในพิพิธภัณฑ์ห้องต่างๆ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:18:34

ความคิดเห็นที่ 64   ในมิวเซียมสยามนี้สามารถถ่ายภาพได้ทุกห้อง สามารถหยิบจับของที่จัดแสดงได้ทุกชิ้นครับ แต่เบามือกันนิดนึงนะ เพราะบางชิ้นพังไปแล้วอ่ะ ต้องรอซ่อมแซม จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:19:11

ความคิดเห็นที่ 65   รายละเอียดของแต่ละห้อง ซึ่งจัดเป็นธีมในการเล่าเรื่องของประเทศไทย ได้แก่ -ตึกเก่าเล่าเรื่อง = ห้องจัดแสดงความเป็นมาของอาคารกระทรวงพาณิชย์เดิม การบูรณะซ่อมแซม รวมถึงการกลายเป็นมิวเซียมสยามในปัจจุบัน -เบิกโรง = ห้องฉายภาพยนตร์สั้นเพื่อนำเข้าสู่การชมมิวเซียมสยาม ผ่านตัวละครต่าง ๆ -ไทยแท้ = ห้องแสดงวัฒนธรรม เอกลักษณ์ของไทย พร้อมการไขว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นของไทยแท้หรือไม่ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:19:42

ความคิดเห็นที่ 66   -เปิดตำนานสุวรรณภูมิ = ห้องจัดแสดงที่ตั้งของดินแดนที่เรียกว่าสุวรรณภูมิ ชาติพันธุ์ในดินแดนนี้ และวิธีการขุดค้นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ -สุวรรณภูมิ = ห้องจัดแสดงความเป็นอยู่ของผู้คนในสุวรรณภูมิ การติดต่อกับต่างประเทศ และหลักฐานประวัติศาสตร์สุวรรณภูมิ -พุทธิปัญญา = ห้องแสดงหัวใจพระพุทธศาสนาและเรื่องราวที่แสดงถึงสัจจธรรม จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:20:16

ความคิดเห็นที่ 67   -กำเนิดสยามประเทศ = ห้องแสดงเรื่องราวความเป็นมาอาณาจักรต่าง ๆ ในดินแดนสยาม และตำนานต้นกำเนิดกรุงศรีอยุธยา -สยามประเทศ = ห้องแสดงเรื่องราวความเป็นอยู่ในสมัยอยุธยา และรูปจำลองเรือแบบต่าง ๆ ตั้งแต่เรือพื้นบ้านถึงเรือพระราชพิธี -สยามยุทธ์ = ห้องแสดงรูปแบบการรบ กำลังพล และการทำสงครามในสมัยอยุธยา จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:20:40

ความคิดเห็นที่ 68   -แผนที่ = ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษ ห้องแสดงแผนที่ประเทศไทยในสมัยต่าง ๆ -กรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา = ห้องแสดงเรื่องราวเมื่อสิ้นกรุงศรีอยุธยา เริ่มตั้งกรุงธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ การอพยพของคนชาติต่าง ๆ ในสยาม และการเปรียบเทียบว่ากรุงรัตนโกสินทร์เหมือนกับกรุงศรีอยุธยาอย่างไร -ชีวิตนอกกรุงเทพฯ = ห้องแสดงวิถีชีวิตของคนในชนบทนอกกรุงเทพฯ โดยมีเรื่องข้าวเป็นหลัก จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:21:16

ความคิดเห็นที่ 69   เง้อ~ ข้างบนลืมเปลี่ยนสีอ่ะ ดึกแล้วงงเลยเรา ต่อครับ.... -แปลงโฉมสยามประเทศ = ห้องแสดงการเปลี่ยนแปลงสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 และเรื่องราวของถนนเจริญกรุง -กำเนิดประเทศไทย = ห้องแสดงเรื่องราวในสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย -สีสันตะวันตก = ห้องแสดงวัฒนธรรมตะวันตกที่เริ่มเข้ามาในประเทศไทย -เมืองไทยวันนี้ = ห้องอุโมงค์กระจกขนาดใหญ่ มีโทรทัศน์ขนาดเล็กรายล้อมทั่วห้อง -มองไปข้างหน้า = ห้องสำหรับแสดงความคิดเห็นของผู้เข้าชม ด้วยระบบคอมพิวเตอร์แสดงข้อความบนผนัง จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:22:17

ความคิดเห็นที่ 70   ที่นี่จะแตกต่างจากพิพิธภัณฑ์ที่เคยเห็นกัน เพราะนอกจากมีการเล่าเรื่องของแต่ละห้องผ่านทางตัวละครต่างๆแล้ว แต่ละห้องยังมีกิจกรรมที่แสดงเนื้อหาและความรู้ให้กับผู้เข้าชมด้วย จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:22:55

ความคิดเห็นที่ 71   มีการใช้สื่อที่ชวนให้ตื่นตาตื่นใจหลายๆอย่าง ดึงดูดผู้ชมได้ดี โดยเฉพาะเด็กๆ เช่น บางห้องมีการฉายแผนที่ผ่านทางโปรเจคเตอร์จากเพดานลงมาบนพื้น เพื่อแสดงภูมิประเทศเป็นแบบสามมิติ และสามารถกดเรียกดูข้อมูลของผู้คนอาชีพต่างๆในแผนที่นั้นได้ผ่านทางปุ่มที่ติดอยู่ที่รั้ว รอบแผนที่สามมิตินั้น จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:23:40

ความคิดเห็นที่ 72   การฉายวีดีโอเพื่อบอกเล่าเรื่องก็จะแบ่งเป็นตอนๆ โดยจะดูแต่ละตอนได้ต้องไปจับหรือขยับสิ่งของที่วางเป็นสิ่งจัดแสดงอยู่แถวๆนั้นเพื่อเปิดชม จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:24:14

ความคิดเห็นที่ 73   บางห้องมีการ์ตูนให้ชมเป็นตอนสั้นๆ ภาพสวยงามมาก บางห้องมีการแสดงภาพจำลองแบบโฮโลแกรม 3 มิติ พร้อมเสียงเอฟเฟคประกอบ บางห้องมีเกมส์ให้เล่น ซึ่งจะเป็นที่นิยมของเด็กๆมาก โดยเฉพาะเกมส์ปืนใหญ่ ที่เราต้องไปยืนหลังปืนใหญ่ขนาดเท่าของจริง แล้วหมุนปืนใหญ่พร้อมกับยิงเพื่อป้องกันข้าศึกที่จะบุกเข้ามา จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:24:52

ความคิดเห็นที่ 74   ลองดูภาพไปนะครับ ผมจำชื่อแต่ละห้องไม่ได้ ห้องนี้จะให้ผู้เข้าชมมิวเซียม ไปนั่งอ่านข่าว เพื่อบันทึกเทปแล้วออกอากาศตรงทีวีที่ผนังในห้องนี้ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:26:20

ความคิดเห็นที่ 75   แต่ละภาพไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องเลย ไม่ได้แบกไปด้วย และแสงก็น้อยมากๆ ภาพจึงเบลอเป็นปกติ และเนื่องจากแสงน้อย + เป็นคนไม่ชอบใช้แฟลช เลยเล่นกับสปีดชัตเตอร์ให้ภาพมันเป็นแบบโมชั่น แปลกตาดี ภาพนี้ถ่ายเกือบยี่สิบวินาทีแน่ะ เป็นห้องชื่อเมืองไทยวันนี้ มีทีวีเล็กๆ ติดอยู่เต็มห้องเลย จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:28:31

ความคิดเห็นที่ 76   ออกจากส่วนจัดแสดงของมิวเซียมแล้ว ก็มาเดินชมตัวตึกกันบ้างครับ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:29:46

ความคิดเห็นที่ 77   ถึงแม้ที่นี่จะเป็นกระทรวงพาณิชย์เก่า แต่สภาพตึกก็ดูดีมาก ไม่ทรุดโทรม ติดแต่เล็กไปนิดนึง จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:30:59

ความคิดเห็นที่ 78   ใครขับรถมาก็สามารถจอดที่มิวเซียมนี้ได้นะครับ แต่จำกัดเวลาจอด โดยจอดฟรีเมื่อเข้าชมมิวเซียม ผมไม่รู้เลยเดินมาจากวัดโพธิ์ ขาลากเลย จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:32:33

ความคิดเห็นที่ 79   นอกจากจะได้ชมนิทรรศการ และส่วนของพิพิธภัณฑ์แล้ว เรายังได้ชมสถาปัตยกรรมสวยๆด้วยนะ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:33:37

ความคิดเห็นที่ 80   ตรงนี้เป็นส่วนด้านทางเข้าตึก ตรงชั้นบนครับ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:34:24

ความคิดเห็นที่ 81   อันนี้ระเบียงทางเดิน ชั้น2 จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:34:54

ความคิดเห็นที่ 82   มีสมุดเยี่ยมชมวางเอาไว้ให้เขียนกันด้วย แต่ผมไม่ได้เขียนครับ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:35:39

ความคิดเห็นที่ 83   ......... จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:36:18

ความคิดเห็นที่ 84   ด้านหน้าตึก มีประติมากรรมเล็กๆ ดูสวยแบบ minimal จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:37:13

ความคิดเห็นที่ 85   เที่ยงแล้ว เราก็เดินทางกลับครับ อากาศร้อนมาก ช่วงบ่ายๆไม่น่าถ่ายภาพอย่างยิ่งเพราะจะเป็นลมไปซะก่อน จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:38:13

ความคิดเห็นที่ 86   ปิดท้ายทริปด้วย โลโก้ของที่นี่ครับ น่ารักดี ภายในมิวเซียมมีร้านขายของที่ระลึก เป็นรูปตัวกบแดงนี้ด้วยนะ(ดูยังไงเป็นกบหว่า) ใครชอบ ลองไปหาเป็นเจ้าของได้จ้า~ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:39:53

ความคิดเห็นที่ 87   ขอบคุณที่แวะมาอ่านมาชมครับ ชอบใจก็ให้กิ๊ฟได้เลย ไม่ต้องเกรงใจครับ แหะ แหะ คราวหน้าจะไปพักที่ scenery สวนผึ้งกัน ใครอยากอ่านก็รอนิดนึง กำลังปั่นต้นฉบับอยู่ครับ เอารูปมาแปะให้ดูคร่าวๆไปก่อน สวัสดีครับ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:40:34