 |
ความคิดเห็นที่ 3 |
|
วันแห่งความทรงจำในพม่า.. (บทที่ ๒)
อาหารเที่ยงที่ภัตตาคารหรูในเมือง กุ้งแม่น้ำตัวโต น้ำพริกกุ้งแห้งตำเป็นผงผสมพริกสีแดงหวานปะแล่ม ผักสดผัดหั่นโตเต็มปาก หลายอย่างมากมายเต็มโต๊ะ ถามคนเสิร์ฟว่าทำไมพูดไทยได้ เขาว่าต้องรู้ภาษาไทย เพราะนักท่องเที่ยวส่วนมากจะเป็นไทย ผมรีบทานให้เสร็จก่อน เพื่อจะไปชมด้านนอก เห็นหนุ่มผิวคล้ำกำลังนั่งพิงตึกขายอะไรบางอย่างอยู่ จึงเดินเข้าไปดู หนุ่มน้อยเคี้ยวหมากปากแดงอยู่หยับๆ รอบๆตัวมีหมากพลูเป็นแผง ทำสำเร็จเป็นคำเป็นถุงๆก็มี ผมขอซื้อบ้าง คนขายเอาใบพลูมาวางที่มือหนึ่งใบ ใส่หมากแห้งหนึ่งแผ่น ยาสูบเป็นฝอย ราดด้วยน้ำปูนขาว เตรียมจะยัดเข้าปากผม ผมรีบถอยฉากออกมาก ขอที่ยังไม่เคี้ยวดีกว่า เพื่อจะเอาไปอวดพวกบนรถ คนพม่าก็ยังกินหมากไม่ต่างกับคนอินเดีย ยกเว้นพวกหัวสมัยใหม่ ผิดกับไทยลืมกินหมากไปแล้ว ยังคงเหลือพวกชอบแจกหมากปากมีเลือดกันต่อไป
รถวิ่งไปตามถนน ผ่านหมู่บ้าน ท้องนาป่าเขา มุ่งสู่พระธาตุอินทร์แขวน มีพวกหัวมัน ผัก ผลไม้ขายอยู่ริมทางเป็นระยะๆ ออกนอกเมืองเจอหมู่บ้านเมื่อใดก็เจอด่านไม้กั้นเก็บเงินทุกครั้ง ไกด์บอกว่าชาวบ้านตั้งด่านเก็บเงินเพื่อเป็นรายได้บำรุงหมู่บ้าน เราก็คิดในใจว่า ถ้าไปเมืองไทย หมู่บ้านถี่ยิบอย่างนั้น คงจะได้จอดและจ่ายค่าผ่านด่านกันให้ยุ่งไปเลย แต่ไกด์ไทใหญ่บอกว่า รัฐบาลทหารพม่าฉลาดที่สุดในโลก โดยยกภาระให้ผู้ใช้รถรับผิดชอบดูแลเลี้ยงดูชาวบ้านแทนรัฐบาล
คณะของเราแวะวัดไจ๋ป๋อ หรือวัดพระไฝเลื่อน ที่มีอายุมากกว่า ๒,๐๐๐ ปี ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า แต่ละครั้งที่เข้าชม ตำแหน่งไผที่บริเวณหน้าผากจะเลื่อนไปไม่อยู่กับที่ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก จากนั้นก็เข้าชมพระเอกเขนกที่อยู่ไม่ไกลกันนัก พระเอกเขนกเป็นพระที่อยู่ในท่าเอกเขนกสมชื่อ องค์สง่างามยิ่งนัก เมื่อรถบัสจอด มองเห็นขุนเขาทมึนซับซ้อนอยู่เบื้องหน้า ไกด์บอกว่านั่นคือพระธาตุอินทร์แขวน เราจะขึ้นไปให้ถึงยอดโน้น ส่วนพระธาตุจะแขวนอย่างไร พระอินทร์หรือใครมาแขวนคงจะได้รู้กัน มีรถกะบะหน้าตัดไม่มีหลังคา เหมือนรถขนหมูเป็นสิบๆคันมาจอด คราวนีผมทำลายสถิติขึ้นรถก่อนเพื่อนเช่นเคย ขึ้นไปแล้วต้องเป็นงง เพราะบนรถที่ไม่มีหลังคานี้ มีแต่ไม้กระดานหนาพาดขอบรถขวางเป็นทางยาว ให้นั่งเป็นแถวกระดาน(เพิ่งเข้าใจศัพย์คำว่า แถวกระดานก็คราวนี้) หันหน้าไปข้างหน้า ถามว่าจะให้จับอะไร มีเสียงตอบว่าจับสิ่งที่อยู่ใกล้คือไม้กระดานหรือจับคนใกล้ตัว ฟังแล้วสับสน แต่ผมยังมีความฉลาดเหลืออยู่บ้าง จึงเลือกไปนั่งกระดานแผ่นแรกติดกับประทุนหลังคาคนขับ จะได้มีที่ยึด ไกด์บอกว่าให้ระวังตัว จับให้มั่น ระยะทางขึ้นเขายาวไกล ต้องแวะครึ่งทางเพื่อสับเปลี่ยนหลีกรถ ตอนรถไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆก็พอทำเนาอยู่ เพราะถนนกว้างพอจะหลีกกับรถที่สวนมาได้ แถวรถยาวเหยียดเป็นสิบๆคันวิ่งไปจอดบนเขาหนึ่งเพื่อรอรถที่ลงจากยอดเขา คือต่อไปนี้รถเราจะวิ่งได้ทางเดียว ถนนแคบคดเคี้ยวรถสวนทางกันไม่ได้ มีรถขึ้นต้องไม่มีรถลง รถวิ่งได้ทางเดียววางล้อได้พอดีกับขอบถนนก็แล้วกัน ถ้าพลาดก็คือลงไปนอนก้นหุบเหว เหมือนทางขึ้นเขาคิชกูฏ จันทบุรีแต่ยาวไกลกว่า ไม่ได้จำว่าใช้เวลาเท่าใดระยะทางยาวแค่ไหน
รถขึ้นไปจอดบนลานกว้างสุดทางที่รถจะวิ่งไปได้ ผู้คนมากมายเต็มพรืดเซ็งแซร่ไปหมด มีร้านค้าขายของกินของอยู่มากมาย ข้าพเจ้ารีบหาห้องน้ำ เพราะขี้เยี่ยวมันจะแตกตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว เป็นห่วงแต่ตูดที่ชาด้านเป็นตูดลิง กับแขนที่ดูเหมือนจะงอไม่เข้า ไกด์บอกว่า ยัง ยังไม่ถึง ให้มองไปที่ยอดเขาไกลอีก ๒ กิโลเมตร คราวนี้เราจะเป็นพญาเสลี่ยง ขึ้นคานไม้ไผ่ให้คนหาม แต่ละคนได้รับแจกเบอร์ เบอร์ตามเบอร์เสลี่ยงซึ่งเป็นคนของรัฐบาลจะมาหาม เดินหาเบอร์เสลี่ยงจนเหนื่อย คนหามเสลี่ยงก็ถือเบอร์เดินหาเรา พูดภาษาคนกันไม่รู้เรื่อง ก็ต้องถือเบอร์เลขเขียนใส่แผ่นกระดาษเล็กเท่านิ้วโป้งยื่นถามคนโน้นคนนี้ร่ำไป
...คนขายหมาก
จากคุณ |
:
นักแต้ม
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ค. 53 18:30:31
|
|
|
|
 |