ความคิดเห็นที่ 1   วันแรก ออกจากชลบุรีตั้งแต่เช้า ใช้ถนนมอเตอร์เวย์ ลงบางปะอิน ขึ้นถนนหมายเลข 32 ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสรรค์ มุ่งหน้าสู่กำแพงเพชร กําแพงเพชรเป็นเมืองสําคัญเมืองหนึ่งปรากฏหลักฐานอยู่ในประวัติศาสตร์ไทย  จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกถึงเมืองเก่าที่ได้สร้างขึ้นมาก่อนหน้าเมืองกําแพงเพชรแล้ว 2 เมืองคือ เมืองชากังราว ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำปิง และเมืองนครชุม ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำปิง จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:32:13

ความคิดเห็นที่ 2   เป้าหมายแรกคือแวะเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร อุทยานประวัติศาสตร์กําแพงเพชร ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง ตามทางหลวงหมายเลข 101 ถึงหลัก กม.ที่ 360 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าอุทยาน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:33:29

ความคิดเห็นที่ 3   เขตอุทยานแบ่งเป็น 2 เขตคือเขตภายในกําแพงเมืองและเขตนอกกําแพงเมือง จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:34:35

ความคิดเห็นที่ 4   เขตภายในกําแพงเมือง   รูปนี้คือวัดพระแก้วครับ   กําแพงวัดเป็นศิลาแลงกลมทั้งท่อน  แผนผังของวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนานไปกับกําแพงเมือง จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:35:38

ความคิดเห็นที่ 5   สิ่งก่อสร้างภายในวัดใช้ศิลาแลงเป็นพื้น กลางวัดมีเจดีย์กลมแบบลังกาเป็นประธาน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:36:30

ความคิดเห็นที่ 6   ถัดจากวัดพระแก้วคือวัดพระธาตุ  มีเจดีย์เป็นประธานก่อด้วยศิลาแลงปนอิฐ รอบเจดีย์และวิหารมีกําแพงศิลาแลง ลักษณะการก่อสร้างเป็นแบบศิลปะกําแพงเพชร จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:38:26

ความคิดเห็นที่ 7   จากนั้นขับรถไปอีกประมาณ 2 กม. จะเป็นเขตนอกกําแพงเมืองหรือที่เรียกกันว่าเขตอรัญญิก มีโบราณสถานที่เป็นวัดขนาดใหญ่น้อยรวม 40 แห่ง ถ้าซื้อบัตรเข้าชมมาจากเขตในกำแพงเมืองแล้ว สามารถนำมาใช้เข้าชมในเขตนอกกำแพงเมืองได้ จ่ายเพิ่มอีกแค่ 30 บาทสำหรับค่านำรถยนต์เข้า จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:40:12

ความคิดเห็นที่ 8   รูปวัดพระนอนครับ ผังวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เขตของวัดมีแนวกําแพงศิลาแลงล้อมรอบ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:41:15

ความคิดเห็นที่ 9   ที่น่าทึ่งของวัดนี้อยู่ที่เสาของวิหาร ที่มีทั้งหมด 12 ต้น ตัดจากศิลาแลงก้อนเดียวขนาดกว้าง 1 เมตรเศษ ยาวประมาณ 6 เมตร แต่ละต้นมีน้ำหนักประมาณ 30 ตัน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:42:02

ความคิดเห็นที่ 10   ถ้าหันหน้าเข้าวัดพระนอน ข้าง ๆ ด้านขวาคือวัดสี่อิริยาบท กําแพงเป็นศิลาแลงปักตั้งล้อม 4 ด้าน แต่ละด้านมีพระพุทธรูปสี่อิริยาบถ คือ พระพุทธรูปนอน พระพุทธรูปลีลา พระพุทธรูปยืนและพระพุทธรูปนั่ง แต่ที่ยังเหลือสภาพค่อนข้างสมบูรณ์มีเฉพาะด้านพระยืนเท่านั้น จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:43:53

ความคิดเห็นที่ 11   เข้ามาชมครับ มีแผนที่ละเอียดดีครับ ชอบๆๆ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:43:55

ความคิดเห็นที่ 12   ถัดจากวัดพระสี่อิริยาบถ เพียงเดินข้ามถนนมาก็เป็นวัดสิงห์ กําแพงศิลาแลงโดยรอบทั้ง 4 ด้าน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:44:48

ความคิดเห็นที่ 13   สิ่งก่อสร้างในวัดสิงห์ ด้านหน้าเป็นฐานอาคารขนาดใหญ่มีฐาน 2 ชั้น ชานด้านมีสิงห์ปูนปั้นทวารบาล บนฐานมีแท่นใบเสมาโดยรอบ 8 ตำแหน่ง ทําให้ทราบได้ว่าอาคารที่สร้างบนฐานเป็นอุโบสถ แต่เมื่อพิจารณาภายในอาคารพบแท่นอาสนสงฆ์ จึงทําให้ทราบว่าอาคารหลังนี้เดิมใช้เป็นวิหารมาก่อน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:47:46

ความคิดเห็นที่ 14   ขอบคุณครับคุณม่วงมหากาฬ รวดเร็วทันใจสมชื่อนักปาดแห่ง BP จริง =============================== วัดป่ามืดใน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:49:51

ความคิดเห็นที่ 15   วัดมะม่วงงาม จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:51:17

ความคิดเห็นที่ 16   วัดหมาผี จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:51:53

ความคิดเห็นที่ 17   วัดกำแพงงาม อยู่ด้านหน้าเยื้อง ๆ กับวัดพระสิงห์ มีวิหารและเจดีย์ประธานแบบทรงระฆัง พระพุทธรูปประธานภายในวิหารหักพังจนหมด จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:52:36

ความคิดเห็นที่ 18   วัดช้างรอบ  เป็นวัดใหญ่อยู่บนเนินสูง มีพระเจดีย์องค์ใหญ่ตั้งอยู่กลางฐาน ที่ฐานเจดีย์มีรูปช้างครึ่งตัวเห็นแต่สองขาหน้า หันหัวออกจากฐานรายรอบเจดีย์ จํานวน 68 เชือก จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:53:54

ความคิดเห็นที่ 19   วัดนี้มีกําแพงศิลาแลงอยู่ ศิลปะเป็นสมัยสุโขทัยตอนปลายหรืออยุธยาตอนต้น จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:55:10

ความคิดเห็นที่ 20   วัดสำคัญอีกวัดหนึ่งคือวัดอาวาสใหญ่ เป็นวัดที่มีการก่อสร้างใหญ่โต มีเจดีย์และวิหารมาก จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:56:22

ความคิดเห็นที่ 21   กําแพงวัดเป็นศิลาแลง กลางลานวัดมีฐานพระเจดีย์แปดเหลี่ยมใหญ่ ด้านหน้าวัดมีบ่อสี่เหลี่ยมใหญ่ขุดลงไปในพื้นศิลาแลง เรียกว่าบ่อสามแสน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 14:05:50

ความคิดเห็นที่ 22   ปาด ๆ ๆ ครับ ไปด้วย ๆ จากคุณ : onichikung เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 14:10:36

ความคิดเห็นที่ 23   โบราณสถานในเขตนอกกำแพงเมือง มีเนื้อที่บริเวณกว้างขวางมากครับ และก็เป็นเขตที่อยู่ในป่า หลายจุดมีเถาไม้ปกคลุมรกครึ้ม อีกทั้งนักท่องเที่ยวก็มีไม่มากนัก บรรยากาศก็เลยดูออกจะวังเวงชอบกล แนะนำว่าควรจะขอแผนผังแสดงเส้นทางในเขตอุทยานจากศูนย์บริการข้อมูลก่อน เพื่อเวลาขับรถชมจะไม่ไม่หลงวนไปวนมา จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:00:57

ความคิดเห็นที่ 24   แวะมาลงชื่อ เด๋วเย็นๆจะมาดูอีกรอบค่ะ ปล.ชอบเที่ยวแบบ จขกท เลยค่ะ(ไม่ชอบเที่ยวตามกระแส)^^ จากคุณ : mini_pao เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:10:18

ความคิดเห็นที่ 25   ติดหมวกหรือร่มไปสักคันก็ดีครับ เพราะว่าอากาศค่อนข้างร้อน จุดจำหน่ายน้ำดื่มมีที่เดียวอยู่บริเวณวัดช้างรอบ ข้อระวังคือเกือบแทบทุกวัด จะมีสระน้ำโบราณอยู่รายรอบหลายจุด บางจุดก็มีป้ายเตือน บางจุดก็ไม่มี เวลาชมหรือถ้ามีเด็กควรระวังเป็นพิเศษสักหน่อยครับ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:12:52

ความคิดเห็นที่ 26   สำหรับคืนวันแรกพักที่วังยางริมปิง (http://www.wangyangresort.9nha.com/index.html) ริมแม่น้ำปิงฝั่งตรงข้ามกับตัวเมือง ราคาห้องพักมี 3 แบบคือ แพบนน้ำ 490 บาท ริมฝั่งห้องวิวแม่น้ำ 390 บาท ห้องไม่เห็นวิวแม่น้ำ 290 บาท / คืน ตอนเช้ามีข้าวต้มและกาแฟ - โอวัลติน บริการด้วยครับ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:16:27

ความคิดเห็นที่ 27   กิจกรรมคลายร้อนของชาวกำแพงเพชรครับ น้ำปิงใสแจ๋วน่าโดดคลายร้อนจัง จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:19:17

ความคิดเห็นที่ 28   ด้วยความยินดีครับคุณ onichikung & คุณ mini_pao ================================== วันรุ่งขึ้นออกจากกำแพงเพชรผ่าน จ.ตาก แวะเข้าไปเที่ยวเขื่อนภูมิพล ตามทางหลวงหมายเลข 1 ถึงกิโลเมตรที่ 463 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าเขื่อนภูมิพลประมาณ 17 กิโลเมตร จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:22:21

ความคิดเห็นที่ 29   เขื่อนภูมิพล เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกในประเทศไทยโดยมีวัตถุประสงค์ด้านผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก  ลักษณะเป็นเขื่อนคอนกรีตรูปโค้ง สร้างปิดกั้นลำน้ำปิง มีรัศมีความโค้ง 250 เมตร สูง 154 เมตร ยาว 486 เมตร สันเขื่อนกว้าง 6 เมตร รับน้ำได้สูงสุด 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร มีความจุสูงสุดในอาเซียน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:23:51

ความคิดเห็นที่ 30   ออกจากเขื่อนกลับมาที่ทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าขึ้นลำปาง ก่อนถึงเมืองลำปาง ที่ กม. 586 เลี้ยวซ้ายเข้า อ.เกาะคา (ทางหลวงหมายเลข 1034) เป็นเส้นทางลัดไปถึงแยกห้างฉัตร โดยไม่ต้องผ่านเมืองลำปาง เส้นทางนี้ผ่านวัดพระธาตุหลวงลำปาง ซึ่งอยู่ติดถนนฝั่งซ้ายมือ ห่างจาก อ.เกาะคาประมาณ 3 กม. จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:25:22

ความคิดเห็นที่ 31   ตัววัดตั้งอยู่บนเนินสูง มีกำแพงแก้วล้อมรอบทั้งสี่ด้าน เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 7โมงครึ่ง ถึง 5 โมงเย็น จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:26:20

ความคิดเห็นที่ 32   ภายในกำแพงมีองค์พระธาตุลำปางหลวงเป็นประธาน รอบ ๆ มีวิหารอีกหลายหลัง (จำได้ไม่หมดว่าวิหารอะไรบ้าง) สร้างด้วยไม้ แกะสลักลวดลายสวยงามมาก จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:27:55

ความคิดเห็นที่ 33   กำแพงแก้วด้านทิศใต้ มีประตูออกด้านหลังนอกกำแพง เป็นที่ตั้งอาคารพิพิธภัณฑ์เครื่องไม้ พิพิธภัณฑ์พระแก้ว และหอพระไตรปิฎก จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:28:22

ความคิดเห็นที่ 34   สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมานมัสการพระธาตุหลวงลำปางคือ ชมความอัศจรรย์ภาพเสมือนจริงพระธาตุกลับหัว ด้านหลังองค์พระธาตุ ภายในพระวิหารอันมืดมิด เมื่อปิดประตูวิหาร จะพบแสงลอดผ่านช่องรูบานประตูตกกระทบบนฉากผ้าสีขาวปรากฏภาพพระธาตุกลับหัวให้เห็น (ขออภัยที่ถ่ายภาพเบลอไปหน่อย เนื่องจากพื้นที่แคบและทิ้งขากล้องไว้ในรถ) หมายเหตุ  อนุญาตให้ขึ้นชมได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้นนะครับ และต้องถอดรองเท้าก่อนขึ้นไปบนวิหาร จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:29:56

ความคิดเห็นที่ 35   อากาศร้อนได้ที่ เดินทางต่อดีกว่า จากพระธาตุลำปางหลวงตรงไปจนถึงแยกห้างฉัตรจะบรรจบกับถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ (เชียงใหม่ - ลำปาง) เลี้ยวซ้ายมุ่งไปเชียงใหม่ ก่อนถึงเชียงใหม่ยังพอมีเวลาเหลือ แวะวัดพระธาตุหริภุญชัยวรหมาวิหาร จ.ลำพูน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:31:09

ความคิดเห็นที่ 36   วัดพระธาตุหริภุญชัยตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน องค์พระธาตุตั้งอยู่หลังวิหารหลวง ประดิษฐานพระเกศธาตุบรรจุในโกศทองคำ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:31:54

ความคิดเห็นที่ 37   หอพระไตรปิฏก จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:33:38

ความคิดเห็นที่ 38   ด้านขวาขององค์พระธาตุมีเจดีย์เก่าอยู่องค์หนึ่งสร้างขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 ชื่อว่า "พระสุวรรณเจดีย์" องค์เจดีย์สร้างด้วยศิลาแลงและอิฐ เป็นเจดีย์ทรงปราสาทมีฐานสี่เหลี่ยมซ้อนชึ้นไปห้าชั้น  ยอดพระเจดีย์มีทองเหลืองหุ้มอยู่ เป็นที่น่าเสียดายที่สภาพดูเหมือนจะถูกปล่อยให้ทรุดโทรม มีเศษวัสดุก่อสร้างและขยะตามพื้นโดยรอบ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:35:34

ความคิดเห็นที่ 39   ด้านหน้าวัดมีตลาดขายสินค้า OTOP เรียกว่า "กาดขัวมุง" หรือ "ขัวมุงท่าสิงห์" มีลักษณะเป็นสะพานมีหลังคามุง จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:36:04

ความคิดเห็นที่ 40   ค่ำคืนนี้เข้าพักที่เชียงใหม่ ตัดภาพมาที่เช้าวันรุ่งขึ้น ไปเที่ยวดอยอินทนนทท์ แวะน้ำตกวชิรธารซึ่งอยู่ระหว่างทางขึ้น แม้จะเป็นหน้าร้อนแต่น้ำก็ยังเยอะ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:37:38

ความคิดเห็นที่ 41   จุดหมายต่อไปคือพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นพระธาตุที่กองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศร่วมใจสร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:39:04

ความคิดเห็นที่ 42   รอบบริเวณพระมหาธาตุเจดีย์ทั้ง 2 องค์ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์ได้อย่างสวยงาม จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:39:49

ความคิดเห็นที่ 43   แม้จะเป็นหน้าร้อนเดือนเมษายน แต่อากาศบนยอดดอยอินทนนท์เย็นสบายมากครับ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:40:29

ความคิดเห็นที่ 44   บริเวณรอบองค์พระธาตุมีการจัดสวนดอกไม้ไว้อย่างสวยงาม จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:41:13

ความคิดเห็นที่ 45   แม้จะมีแดดแต่ลมเย็นสบายมาก เดินเล่นจนเกือบบ่ายสอง แล้วก็ขึ้นไปบนจุดสูงสุดแดนสยามอีกสักพัก ด้านบนมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง บรรยากาศต่างกันกับตอนช่วงปีใหม่จริง ๆ จากนั้นย้อนกลับเชียงใหม่ ไปเที่ยวกันต่อที่เวียงกุมกามครับ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:42:13

ความคิดเห็นที่ 46   เวียงกุมกาม เป็นเมืองโบราณ ที่พญามังราย (พ่อขุนเม็งราย) ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1829 ในบริเวณที่ราบลุ่มริมแม่น้ำปิง(สายเดิม) แต่ด้วยความที่เป็นที่ลุ่มน้ำท่วมถึง เมืองหลวงแห่งนี้จึงประสบอุทกภัยในทุกๆปี พญามังรายจึงเชิญพญางำเมืองและพ่อขุนรามคำแหง ผู้เป็นพระสหายมาร่วมหารือ แล้วโปรดให้สร้างเมืองเชียงใหม่ ที่มีชัยภูมิดีกว่าเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ *** แนวเส้นสีเหลืองคือลำน้ำปิงสายเดิม จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:48:53

ความคิดเห็นที่ 47   จากนั้นเวียงกุมกามก็ถูกลดความสำคัญลงเป็นเพียงเมืองบริวาร ก่อนจะล่มสลายจากเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ เมื่อครั้งที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า เวียงกุมกามจึงถูกฝังจมอยู่ใต้ตะกอนดิน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:50:11

ความคิดเห็นที่ 48   เมื่อแม่น้ำปิงได้เปลี่ยนร่องน้ำจากแม่น้ำปิงสายเดิม (ที่นักวิชาการสันนิษฐานกัน) มาเป็นแม่น้ำปิงสายที่ไหลในปัจจุบัน เวียงกุมกามจึงถูกทิ้งร้างใต้ตะกอนดินมานับร้อยๆปี นับแต่นั้นชื่อของเวียงกุมกามจึงได้เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ และเชื่อกันไปว่าเวียงกุมกามเป็นเพียงเมืองในตำนานที่ไม่มีอยู่จริง จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:51:23

ความคิดเห็นที่ 49   สภาพวัดต่างๆ และโบราณสถานที่สำคัญเหลือเพียงซากวิหารและเจดีย์ร้างที่จมอยู่ดินในระดับความลึกจากพื้นดินลงไปประมาณ 1.5 -2 เมตร ภาพนี้คือวัดเจดีย์เหลี่ยม ตั้งชื่อตามลักษณะขององค์เจดีย์ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:52:28

ความคิดเห็นที่ 50   จนกระทั่งความจริงเริ่มเปิดเผยเมื่อกรมศิลปากรได้ขุดแต่งวัดร้างและพื้นที่โดยรอบเวียงกุมกามในปี พ.ศ. 2527 เรื่องราวของ “นครโบราณใต้พิภพ” ในตำนานจึงถูกเปิดเผยออกมาให้ผู้คนได้รับรู้ ปัจจุบันเวียงกุมกามก็ได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:53:38

ความคิดเห็นที่ 51   พื้นที่อีกหลายจุดยังอยู่ระหว่างรองบประมาณในการขุดแต่ง ซึ่งปัจจุบันบ้านเรือนและไร่สวนได้สร้างและปลูกอยู่บนซากวัดร้างที่ฝังอยู่ใต้ดิน จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:54:29

ความคิดเห็นที่ 52   ภาพนี้จะเห็นว่าแนวกำแพงที่ต่อเนื่องยังคงถูกฝังอยู่ใต้ถนนและบ้านเรือนรอบ ๆ ข้าง ซึ่งอยู่ระหว่างรองบประมาณเพื่อเวรคืนพื้นที่และขุดแต่งต่อไป จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:55:22

ความคิดเห็นที่ 53   เนื่องจากเวียงกุมกามมีพื้นที่กว้างราว ๆ 650 ไร่ และตั้งรวมอยู่กับบ้านเรือนและสวนลำไยในเขตชุมชน เส้นทางการเข้าชมอาจจะไม่สะดวกนัก จึงมีบริการรถม้าสำหรับพานั่งชมพร้อมคนควบคุมม้าซึ่งเป็นคนในพื้นที่คอยอธิบายประวัติความเป็นมาของเมือง อัตราค่าบริการรอบละ 200 บาท นั่งได้สี่คน ใช้เวลาพาชมประมาณ 45 นาที จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:56:52

ความคิดเห็นที่ 54   เช้าวันต่อมาไปเที่ยวดอยปุยครับ ระหว่างทางแวะดอยสุเทพก่อน ผู้คนมากมายตั้งแต่เช้าเลยครับ พระธาตุดอยสุเทพ ขณะนี้ (เมษายน) ยังอยู่ระหว่างการบูรณะเสริมฐานให้แข็งแรงกว่าเดิมครับ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:57:59

ความคิดเห็นที่ 55   ถัดจากพระธาตุดอยสุทพขึ้นไปอีก 4 กม. ก็ถึงพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เป็นพระตำหนักประทับแปรพระราชฐานมาประทับแรมที่จังหวัดเชียงใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:59:29

ความคิดเห็นที่ 56   พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มีลักษณะเป็นแผนผังแบบเรือนไทยภาคกลางที่เรียกว่า “เรือนหมู่” มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ ก่ออิฐถือปูนยกพื้นสูงหลังคาทรงไทย จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:03:13

ความคิดเห็นที่ 57   สำหรับใครที่ไม่อยากเดินชม ก็มีบริการรถไฟฟ้าพร้อมคนขับราคา 300 บาท ใช้เวลาชมประมาณ 45 นาที 1 เรือนปีกไม้ เป็นเรือนที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ 2 เรือนรับรอง เป็นที่พักของพระราชอาคันตุกะ และข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ 3 พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ 4 พลับพลาผาหมอน เป็นที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบท รอบ ๆ บริเวณเป็นสวนเฟิร์นหลายชนิด 5 อ่างเก็บน้ำ - น้ำพุ เป็นอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ในพระตำหนัก ด้านข้างมีพลับพลาที่ประทับสร้างด้วยไม้สักทอง 6 พระตำหนักสิริส่องภูพิงค์ 7 พระตำหนักพยัคฆ์สถิต สร้างจากไม้ยูคาลิปตัส เป็นที่ประทับของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ 8 พระตำหนักพฤกษาวิสุทธิคุณ สร้งแบบสถาปัตยกรรมไทยภาคกลางผสมภาคเหนือ เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ 9 สวนสุวรี เป็นสวนกุหลาบที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถให้จัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึง ท่านผู้หญิงสุวรี เทพาคำ นางสนองพระโอษฐ์ที่ถึงอนิจกรรมไปแล้ว 10 หอพระ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไว้สำหรับทรงสักการะ สร้างแบบไทยล้านนาประยุกต์ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:06:07

ความคิดเห็นที่ 58   พระตำหนักสิริส่องภูพิงค์ สร้างจากไม้ยูคาลิปตัส จึงเรียกโดยทั่วไปว่า "พระตำหนักยูคาลิปตัส" สร้างขึ้นตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงให้นำไม้ยูคาลิปตัสมาใช้ประโยชน์ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:07:18

ความคิดเห็นที่ 59   ถ้ามาช่วงเดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์ ดอกกุหลาบและมวลหมู่ดอกไม้อื่น ๆ จะพร้อมใจกันบานสะพรั่งใช้ชมความสวยงามอย่างจุใจ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:08:16

ความคิดเห็นที่ 60   จากพระตำหนักภูพิงค์ฯ ขึ้นไปอีก 3 กม. จะถึงหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย เป็นถนนลาดยางตลอดเส้น แต่ถนนแคบลัดเลาะไปตามไหล่เขา ระมัดระวังและขับช้า ๆ เวลาสวนกันด้วยนะครับ ภายในหมู่บ้านนอกจากจะชมวิถีชิวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ชาวเขาบ้านแม้ว ให้ศึกษาด้วย และยังมีร้านขายของที่ระลึกที่เป็นผลิตภายในหมู่บ้านวางขายให้แก่นักท่องเที่ยว หรือถ้าอยากลองแต่งกายชาวเขาสักครั้งก็มีชุดชาวเขาไว้บริการให้สวมใสถ่ายรูปจนกว่าจะพอใจ ราคาเช่าชุดละ 30 บาทเท่านั้น จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:09:22

ความคิดเห็นที่ 61   ช่วงบ่ายลงจากดอยปุยแล้ว ไปหาซื้อของตกแต่งบ้านที่หมู่บ้านทำร่มบ่อสร้าง แต่ไม่ได้เอากล้องลงไปเนื่องจากเขาเล่นน้ำสงกรานต์กัน กลัวกล้องป่วยอ่ะ ออกจากบ่อสร้างก็ต่อไปยังน้ำพุร้อนสันกำแพง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อน มีที่ให้ต้มใข่ด้วยชะลอมละ 20 บาท มีไข่ 6 ฟอง จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:10:49

ความคิดเห็นที่ 62   มีบริการสถานที่กางเต๊นท์และบ้านพัก แล้วก็มีบริการอาบน้ำแร่ด้วย มีทั้งแบบตักอาบ แช่อาบ แช่รวม เรือนแช่เป็นหลัง หรือแบบสระว่ายน้ำแร่ก็มี ว่าแล้วก็ลองแช่ซักชั่วโมง แต่ทำไมน้ำมันมีกลิ่นไข่ต้มง่ะ --" จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:12:22

ความคิดเห็นที่ 63   เช้าวันต่อมาได้เวลากลับแล้ว เลือกกลับทางอุตรดิตถ์ - พิษณุโลก - นครสวรรค์ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:13:45

ความคิดเห็นที่ 64   ไม่นานก็ถึงอุตรดิตถ์ จากตัวเมืองอุตรดิตถ์ไปตามทางหลวงหมายเลข 1045 อีก 58 กม. ถึงเขื่อนสิริกิติ์ แต่น้ำในเขื่อนแทบจะแห้งขอด อากาศร้อนได้ใจ เดินทางต่อดีกว่า แวะวนอุทยานสักใหญ่ และอุทยานแห่งชาติคลองตรอน ไปดูต้นสักโบราณอายุกว่าพันปีต้นใหญ่ที่สุดในโลก ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2470 จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:15:42

ความคิดเห็นที่ 65   ขับรถเรื่อยจนมาถึงพิษณุโลกเกือบ 4 โมงเย็น จุดหมายคือหยุดพักที่นครสวรรค์ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:17:02

ความคิดเห็นที่ 66   แวะนมัสการพระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:18:15

ความคิดเห็นที่ 67   เย็นแล้วแต่ผู้คนมากราบไหว้ขอพรเยอะแยะมากมายไม่ขาดสาย รอบ ๆ วัดเล่นน้ำสงกรานต์กันจนรถติดเป็นแถวยาว จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:19:50

ความคิดเห็นที่ 68   นอกจากพระพุทธชินราชที่สวยงามแล้ว ใกล้กันนั้นยังมีวิหารพระพุทธชินสีห์ที่งดงามไม่แพ้กันอยู่ด้วย จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:20:32

ความคิดเห็นที่ 69   ในวิหารพระพุทธชินสีห์ มีเครื่องถ้วยจัดแสดงไว้ให้ชมด้วย กว่าจะออกจากวัดแสงอาทิตย์เกือบลับฟ้าแล้ว เดินทางต่ออีกราว 2 ก็ถึงนครสรรค์ พักที่ไม้หอมรีสอร์ท จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:21:43

ความคิดเห็นที่ 70   เช้าวันถัดมาวันสุดท้ายของการเดินทางในทริปนี้ ออกจากเมืองนครสวรรค์แต่เช้าไปเยี่ยมเพื่อนที่ท่าตะโก จากนั้นก็เดินทางต่อ จุดหมายสุดท้ายของทริปคือวัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:22:48

ความคิดเห็นที่ 71   วัดม่วงสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย หลังเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าวัดม่วงก็กลายเป็นวัดร้าง ต่อมาปี 2525 หลวงพ่อเกษมได้มาปักกลดธุงดงค์บริเวณนี้ ขณะปฏิบัติธรรมได้ปรากฏนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาวและหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:23:41

ความคิดเห็นที่ 72   ต่อมาปี 2534 ท่านพระวิบูลอาจารคุณร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ ได้สมทบทุนสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อน้อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และราชวงศ์จักรี มีพระนามว่า "พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ" จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:24:38

ความคิดเห็นที่ 73   พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ มีหน้าตักกว้าง 63.5 ม. สูง 95 ม. ใช้เวลาก่อสร้าง 16 ปี (2534-2550) จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:25:15

ความคิดเห็นที่ 74   วิหารแก้ว จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:25:55

ความคิดเห็นที่ 75   โบสถ์กลีบดอกบัว จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:28:32

ความคิดเห็นที่ 76   ในกำแพงโบสถ์มีต้นสาระปลูกไว้ทั้งด้านซ้ายและขวา ครั้งแรกเดินผ่านเพราะไม่รู้ว่าต้นอะไร แต่ต้องหันกลับมามอง เพราะว่าดอกมีกลิ่นหอมมาก บางต้นมีผลด้วย จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:29:47

ความคิดเห็นที่ 77   จบทริปการเดินทางท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์แล้วครับ ลาด้วยดอกสาระอีกหนึ่งดอก ขอบคุณที่เข้ามาชมนะครับ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:31:58

ความคิดเห็นที่ 78   มาอยู่เป็นเพื่อนครับ... ขอบคุณรีวิวรูปสวยๆ กับข้อมูลนะครับ จากคุณ : tr_lastsuper เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:33:06

ความคิดเห็นที่ 79   ขอบคุณค่ะ  ได้ทราบรายละัเอียดของหลายๆสถานที่ โดยเฉพาะเวียงกุมกาม  กับวิหารแก้ว คงต้องหาโอกาสตามไปชมค่ะ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 17:01:31

ความคิดเห็นที่ 80   ภาพสวยจัง :) จากคุณ : คุณนายสำรวย เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 17:19:38

ความคิดเห็นที่ 81    ถ่ายรูปได้สวยจังค่ะ จากคุณ : ไรท์โปรเจ็ค เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 17:28:24

ความคิดเห็นที่ 82   ขอบคุณสำหรับภาพทุกภาพ และคำบรรยายทุกประโยค เที่ยวแบบสะใจเลยนะคะ คงมีความสุขมากมายยยยยย จากคุณ : เพราะรัก (blovech) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 19:27:39

ความคิดเห็นที่ 83   ทริปเดียวเที่ยวคุ้มเลย ขอบคุณสำหรับรีวิวดี ๆ มีแผนที่ประกอบด้วย   แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 19:57:27 จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 19:56:58

ความคิดเห็นที่ 84   ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ ได้เที่ยวหลายที่มากเลยครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 23:16:46

ความคิดเห็นที่ 85   อย่างนี้ต้องตามรอยค่ะ... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 03:26:09

ความคิดเห็นที่ 86   ถูกใจจังครับ  พาไปเที่ยวหลายที่เลย   ยอด... จากคุณ : ชายเอ ทุ่งรังสิต เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 08:51:42

ความคิดเห็นที่ 87   ขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนครับคุณ tr_lastsuper ขอบคุณครับคุณจุดตานิด ถ้าไปเชียงใหม่ ลองหาโอกาสนั่งรถม้าชมสักรอบนะครับ คุณนายสำรวย ขอบคุณครับที่เข้ามาเยี่ยมชม คุณไรท์โปรเจ็ค ขอบคุณครับ ขอบคุณครับคุณเพราะรัก (blovech) ใช่ครับ ปีหนึ่งจะไปตะลอนเที่ยวแบบสะใจอย่างนี้ก็ช่วงสงกรานต์กับปีใหม่เท่านั้นล่ะครับ   ขอบคุณครับ คุณtiger's nest  อาจจะพาไปเที่ยวแหวกแปลกแนวหน่อยนะครับ คุณtataweb ขอบคุณที่เข้ามาชมครับ ว่าแต่ทริปเวียดนามของคุณป้าฟู ก็น่าตามรอยนะครับ คุณชายเอ ทุ่งรังสิต ขอบคุณนะครับ สักวันต้องได้ตามรอยคุณชายเอ ไปเที่ยวน่านบ้างครับ จากคุณ : nama_biiru เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 10:27:39

ความคิดเห็นที่ 88   สุดยอดครับ อย่างงี้ ต้องเก็บเข้าคลัง จากคุณ : หง่าวแมน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 14:38:55

ความคิดเห็นที่ 89 ถ่ายภาพได้สวยโคดๆๆ โดยเฉพาะ  มุมภาพ วิหารแก้ว จากคุณ : SC25_KU50 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 11:19:52

ความคิดเห็นที่ 90 สุดยอดเลยครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่กำแพงเพชร ได้ไปเที่ยวสถานที่ ที่ จขกท.ลงไว้ และ จขกท.ได้ลงรายละเอียดไว้มากมายกว่าที่ผมรู้อีกอ่ะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ ที่ให้ความรู้ จากคุณ : 9 (9taworn) เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 53 22:43:45

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณครับ สวยมาก จากคุณ : หัวใจนก เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:33:30