.....(((นิยายรักภูกระดึง))).....เธอหมุนรอบฉัน.....ฉันหมุนรอบเธอ.....ตอนที่.....1.....
|
|
ตอนที่ 1 .....ดวงตะวันที่เคยได้ส่องแสงสวยงาม.....! แสงพระอาทิตย์ค่อยๆส่องผ่านตึกรามบ้านช่องทาบทามเป็นสีทองอ่อนๆ ตึกระฟ้า ถนนและทางด่วน เริ่มมีความเคลื่อนไหวของรถยนต์และคนทำงานเป็นปกติทุกวัน จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อไหร่ ตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยก็มีแต่เรียนเก้าโมงสิบเอ็ดโมง วันไหนไม่มีเรียนก็ตื่นเกือบเที่ยง ชีวิตมหาวิทยาลัยก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ต้องเคารพธชาติ ไม่ต้องตัดผมรองทรง ไม่ต้องมีพิธีรีตรอง ชีวิตนี้เหมือนอยู่ในความฝันซะจริงๆ กริ๊งงงงงงงงงงง................. หนึ่งหนุ่มนอนคุดคู้ในผ้านวมอันแสนหนานุ่ม เครื่องปรับอากาศกำลังทำงานเย็นฉ่ำได้ที่ เสียงนาฬิกาปลุกบ้าๆชวนตบปุ่มให้มันหยุดร้อง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะปลุกไปทำไม แสงแดดบางๆทะลุผ่านกระจกเข้ามาในห้องคอนโดสุดหรูกำลังทวีความร้อนแรงมากขึ้น พรวด.... ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงตื่นขึ้นมองนาฬิกา พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก แดดจ้าขนาดนี้สายแน่ๆ ชายหนุ่มกระโดดลอยตัวอัตโนมัติ เขารีบกระแทกประตูห้องน้ำ จัดแจงล้างหน้าบ้วนปากลวกๆ รีบเปิดตู้เสื้อผ้าควานหาชุดนักศึกษาที่ซักรีดมาอย่างดี “ฮัลโหล เฮ้ยถ้ากรูเข้าสอบไม่ทันบอกอาจารย์ให้ด้วยนะว่ากรูรถชน” ชายหนุ่มกระชากเน็กไทต์มาผูกอย่างคล่องแคล่ว โทรศัพท์แนบอยู่ระหว่างหูกับไหล่ “เออหนะ บอกไปเถอะ แค่นี้นะ กรูรีบ” “นายเซียน” หนุ่มคณะบัญชีปี 3 เดินออกมาจากห้องนอนในชุดนักศึกษาที่แต่งองค์ทรงเครื่องแล้วเสร็จในเวลาไม่ถึง 5 นาที นับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของชีวิตเขาเลยทีเดียว ให้ตายสิ ไอ้ “ปลื้ม” roommate ที่ช่วยแชร์ค่าห้องคอนโด มันกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอะไรก็ไม่รู้ที่นอกระเบียง นายเซียนกระชากเลื่อนบานกระจก พรืดดด... “เฮ้ยทำอะไรวะ เร็วเดี๋ยวกรูสอบไม่ทัน กรูสอบเก้าโมงนะเว้ย” “กรูสอบบ่ายโมงหวะ โชคดีว่ะเพื่อน กรูไม่รีบ” ปลื้มหันมายิ้มแหงะๆและหันไปกดชัตเตอร์ถ่ายรูปต่อ นายเซียนตรงดิ่งออกไปนอกระเบียงและพับขาตั้งกล้องยกออกไปจากปลื้มต่อหน้าต่อตา “เฮ้ย มรึงจะทำไรเนี่ย เอาขาตั้งกล้องกรูคืนมานะ” ปลื้มวิ่งตามนายเซียนที่ตรงดิ่งไปที่หน้าประตูห้อง “มรึงไปเก็บกระเป๋าตามมา วันนี้กรูรีบ และก็ไม่อยากนั่งแท๊กซี่ไปคนเดียว มันเปลืองตังค์ มรึงเข้าใจมั้ย” “แต่วันนี้พระอาทิตย์มันสวยนะ กรูอยากได้รูปแบบนี้มานานแล้ว ดูสิพระอาทิตย์กำลังค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นมาเหนือตึก มันสวยจริงๆนะ ฟ้าก็เปิดโล่ง อากาศเดือนธันวามันหนาวจริงๆ” ปลื้มเป็นลูกคนจีน อยู่คณะนิเทศน์ศาสตร์ปี 3 มันหน้าตี๋ตาเล็กจริงๆ ไม่รู้มันมองเห็นอะไรได้ไง มันกำลังทำหน้าทำตาเคลิบเคลิ้มกับบรรยากาศที่มันเล่าถึง จะบ้ารึ แดดก็จ้าซะ ข้างนอกก็มีแต่วิว ตึก ตึก ตึก และก็ตึก “มรึงแหกตาซะ สวยบ้าอะไร ดวงกลมบ๊องจะอยู่ครึ่งฟ้าอยู่แล้ว สายโด่ง เดี๋ยวกรูไม่ทัน” นายเซียนเดินตรงดิ่งมาที่หน้าลิพท์ มือถือขากล้องออกมาด้วย “เฮ้ย เอาขาตั้งกล้องกรูคืนมา” ปลื้มรีบเก็บกระเป๋าวิ่งตามออกมา “แต่นี่กล้องกรู มรึงดูซิ บนยอดขาตั้งกล้องที่แกกด แหมะ แหมะ อยู่นี่มันกล้องกรู” กับเพื่อนกับฝูงคนอื่นๆ นายเซียนเป็นคนไม่ค่อยพูดจา เหมือนคนเก็บตัว โอกาสที่จะเจอใบหน้าของเขายิ้มแย้มนะเหรอ ฝันไปเถอะ ถ้าเขาหน้าตาไม่ดี ไม่เป็นนักบาสคณะ รูปร่างไม่เป็นที่เตะตาสาวๆหลายๆคนเหมือนในทุกวันนี้ คนในคณะคงไม่รู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่ ยกเว้นนายปลื้มนี่แหละ เพื่อนซี้ที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ตอนนี้มันคงเป็นนักเรียนนิเทศน์ผู้ตาเล็กที่สุดในคณะ “เออๆกรูยอมแล้ว อะไรว้า...” ปลื้มวิ่งตามมาแบกขาตั้งกล้องเอง “อ้าว เอามันมาด้วยแล้ว จะเก็บไว้ที่ไหน เอามันขึ้นไปเก็บบนห้องมั้ย” “ไม่ต้องหน่ะ เสียเวลา” นายเซียนหันไปโบกแท็กซี่ “ไปมหา’ลัย.....” เขาชายตามองไปที่ปลื้มซึ่งกำลังหาวิธีเอาขาตั้งกล้องยาวๆขึ้นรถแท๊กซี่ไปให้ได้ “เร็วๆสิวะ” ปี๊บ ปี๊บ!..... เสียงบีบแตรไล่มาจากรถคันหลัง คนขับแท็กซี่เปลี่ยนเกียร์ขยับรถจะเดินหน้า ประตูรถยังเปิดอ้าไว้ นายปลื้มรีบกระโดดขึ้นรถทันที ปึก!.. ตุบบ!.. เพล้งงง!... ความทุลักทุเลของขาตั้งกล้องยาวๆ ทำให้วัตถุโลหะที่ติดอยู่บนยอดขาตั้งกระแทกขอบประตูรถก่อนที่จะเด้งตกพื้นแตกกระจาย” “ม่ายย กล้องผมมมมมม” หมดกัน...หมื่นบาทถ้วน “เพราะมรึงคนเดียวไอ้ปลื้ม มรึงเอาขาตั้งกล้องลงมาทำไม” นายเซียนหน้าบึ้งตึง ปลื้มเก็บกล้องขึ้นมาและรีบปิดประตูรถ คนขับออกรถไปทันที “เฮ้ย เฮ้ย อะไรวะ มรึงแบกลงมาเองนะเว้ย กรูไม่เกี่ยว” นายปลื้มผู้ตาตี๋ทำหน้าหน้ามึนงง “แต่มรึงไม่ระวัง ฮือ ฮือ กล้องโผมมมมม” นายเซียนค่อยๆยกกล้อง หยิบฝาหน้ากระจุยหลุดออกมาทั้งแบะ ปุ่มบุบไปสองปุ่ม สีถลอกเห็นเนื้อขาว ลองกดปุ่ม open มันก็ไม่ติดแล้ว ฮือ ฮือ
............................................................................................................................................................
ในกรุงเทพคงมีโอกาสยากที่จะได้ผัสอากาศดีๆ ถ้าอยากหนาวทั้งปีก็บินไปอยู่เกาหลีซะ แต่ถ้าอยากมีสามฤดูในวันเดียวก็อยู่เมืองไทยนี่แหละ สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเดินหลบฝูงมวลชนที่เฮพรวดกันออกจากงานเมื่อเวลาห้าโมงเย็นตรง ผมปลิวสยายไปตามแรงลมจากรถบนถนน ทางลงรถไฟฟ้าใต้ดินมักจะมีกลิ่นอับๆแปลกๆอยู่เสมอ วันนี้คนยังคงเยอะเหมือนปกติ ประตูกระจกซึ่งกั้นระหว่างรางรถไฟกับลานที่คอยผู้โดยสารยังคงปิดสนิท ผู้คนยืนคอยกันเป็นแถวไม่เป็นระเบียบ เมื่อรถไฟเคลื่อนตัวมาจอดเทียบจนนิ่งสนิท ประตูกระจกเปิดออก ผู้คนต้องช่วยกันเบียดเสียดเข้าไปข้างใน สิ่งแรกที่สาวน้อยต้องทำคือหาที่ยึด แต่เสียใจด้วย ไม่ว่ามันจะสูงแค่ไหน ความสูงร้อยหกสิบปลายๆไม่เป็นอุปสรรคในการหาที่จับเลย แม้ประตูรถไฟจะปิดสนิท ผู้คนในตู้โดยสารยังคงช่วยกันขยับเขยื้อนจัดที่จัดทางเพื่อให้ทุกคนมีราวยึด ใบหน้าผู้ชายซึ่งอยู่ห่างกันราวหนึ่งเมตรเศษ หน้าตาคุ้นมาก เธอรีบหันหน้าหนีเมื่อบังเอิญสบสายตากับชายหนุ่มร่างสูงนั่น นายเซียนตกใจไปชั่ววูบ เมื่อบังเอิญสบตากับสาวน้อยคนนี้เช่นกัน เขาต้องรีบหันหน้าหนีเช่นกัน เพราะเขาเป็นคนขี้อาย ถ้าเทียบกับผู้หญิงหลายๆคน เธอค่อนข้าสูง หน้าตากึ่งๆหมวย เพราะเธอขาวแต่ตาไม่เล็ก ผมสีทองเข้มๆผสมดำที่ย้อมมานาน หน้าตาคุ้นมาก ยิ่งดูยิ่งคุ้น ลองหันกลับไปมองอีกดีกว่า ป๊ะ! ทั้งคู่หันมาสบตากันแบบไม่ได้นัดหมาย ต่างฝ่ายคงต่างหลงใหลในความสวยความหล่อของแต่ละคน หรือไม่ เราคงเคยรู้จักกัน! สถานีสุทธิสาร นายเซียนคงต้องลงแล้วล่ะ ไม่มีเวลามากพอที่จะทบทวนความทรงจำในเวลาอันสั้นท่ามกลางสถานการณ์ที่วุ่นวาย ประตูถูกเปิดออก นายเซียนหลบคนลงไปจากตู้ขบวน “เซียน” เสียงเล็กๆแทรกออกมาจากในตู้ขบวน นายเซียนรีบหันหลังกลับมา เขาตาโตด้วยความตกใจ เสียงเล็กๆนั่นดังมาจากปากเรียวเล็กสีแดงๆ ใบหน้าจิ้มลิ้มผู้หญิงคนนั้นคือ... ประตูรถไฟถูกปิดลง สายตาของเขาทั้งคู่ยังคงสบตากันไม่คลาย ขบวนรถไฟค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปจากสถานีและหายไปในความมืด ทิ้งไว้แต่ความเงียบเหงา “ต้นน้ำ” นายเซียนจำได้แล้ว กว่าสองปีที่เขาไม่ได้เจอกัน แม้ในครั้งนั้นที่ทั้งคู่เจอกัน ก็เจอกันไม่ถึงสองวัน
กระจกใสเห็นวิวท้องถนนที่พลุกพล่านไปด้วยรถและแสงไฟยามค่ำคืน message ในอีเมลล์ที่เขายังไม่ได้อ่านตั้ง 300 กว่าฉบับ เพราะบางอันเป็นโฆษณาลดความอ้วน หางานทางเน็ต junk mail มันดูไร้สาระที่ผู้ชายอย่างเขาที่จะเปิดอ่าน “พี่มาร์ธาส่งอะไรมาให้นะ” ใช่แล้ว หล่อนชื่อมาร์ธา เธอตัวดำ เธอไม่ค่อยสวย แต่เธอแรง แรงตัวแม่เลย ทั้งการแต่งตัว ความกล้าแสดงออก แต่เธอนิสัยดีมากเลยนะ เธอซิ่วมาแล้วสองครั้ง ตอนนี้เธออยู่คณะนิเทศน์ศาสตร์ชั้นปี 4 โดยรวมก็อยู่มหาวิทยาลัยมา 6 ปี เรียนแพทย์ดีกว่าเจ๊ เธอเรียนอีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง เราบังเอิญไปรู้จักกันบนยอดภู เพราะเพื่อนของเธอเป็นตะคริวระหว่างเดินกลับจากผาหล่มสัก ระยะทางกว่า 9 กิโลเมตร กับเวลาสองทุ่ม นายเซียนนี่แหละเป็นคนแบกเธอกลับมาเกือบจะถึงที่พัก เธอคนนี้เป็นสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มชื่อต้นน้ำที่เจอกันในรถไฟฟ้าใต้ดินนั่น แต่นายเซียนกับน้องต้นน้ำยังไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยกันเลย มีแต่พี่มาร์ธาเพื่อนน้องต้นน้ำนี่แหละที่ให้เมลล์ติดต่อไว้ เธอบอกว่าอยากเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยแบกน้องต้นน้ำกลับมาถึงที่พัก แตก็นับจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่เลี้ยงซักมื้อแฮะ ป้ามาร์ธา เอ้ย พี่มาร์ธาส่งเมลล์มาชวนไปเที่ยวตอนปีใหม่ 5 วัน ซึ่งความจริงหยุดแค่ 4 วันคงต้องโดดเรียน แต่ก็น่าสนใจดีนะ ออนเอ็มคุยกับพี่มาร์ธาดีกว่า “หวัดดีค๊าบ” “กรี๊ดดดดดดดด นายเซียนนนนนน นานๆเจอเธอออนเอ็มซะที ปีใหม่นี้ไปเที่ยวกันมั้ยยย” “ไม่แน่ใจครับ คงต้องดูก่อน เพราะมหาลัยผมให้หยุดสี่วัน” ไอ้ปลื้มกำลังนั่งสาละวนกับกล้องใหม่เอี่ยมที่นายเซียนพึ่งซื้อมา เบาะข้างๆยังมีซากกล้องเมื่อเช้านี้อยู่เลย นายเซียนไม่ทิ้งมันหรอก เขารักทุกสิ่งที่เขาเคยใช้งานหรืออยู่ร่วมกันมา “ปีใหม่นี้ไปไหนดีว๊า.....” หนุ่มตาตี๋รำพึงรำพันขณะที่กำลังเห่อกล้องใหม่ราคาเกือบสามหมื่น “มีคนชวนกรูไปเที่ยวหวะ” นายปลื้มตาโต วิ่งปรู้ดดดด มาเกาะเข่านายเซียน “กรูไปด้วย นะนะนะ” ตาเล็กๆของมันไม่ทำให้คนอย่างนายเซียนสงสรง่ายๆหรอก นายเซียนเป็นคนใจแข็ง แววตาแข็งๆแบบนี้แหละสาวๆก็ชอบนัก แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเลย ที่สามารถพังทลายกำแพงหัวใจเขาเข้าไปได้เลย เอ๊ะ! หรือว่าเขาเป็นเกย์ นายเซียนกับนายปลื้มนี่แหละที่เขาชอบล้อกัน แต่ยังดีนะ นายปลื้มเป็นคนกะล่อน จีบหญิงเป็นว่าเล่น มันใช้ตาตี๋ๆของมันทำหน้าตาสงสาร ล่อให้สาวใจอ่อนมานักต่อนักแล้ว
มาร์ธา : พี่ต้องการคำตอบด่วน พี่จะได้เลี้ยงหมูกระทะเซียนไง
“ถ้ากรูขอไปด้วย จะไปได้มั้ย” นายปลื้มอ้อนวอนนายเซียนอีก “ได้สิ แต่กรูไม่ไปนะ” “อ้าว... เฮ้ย ไอ้เซียน คีย์บอร์ดเสีย 5 ปุ่มว่ะ ต.เต่า ก.ไก่ ล.ลิง ง.งู และ ปุ่ม Enter” นายปลื้มกดนิ้วไปบนคีย์บอร์ดทั้งห้าปุ่ม และตัวอักษรดังกล่าวก็ปรากฎอยู่หน้าเอ็ม นายเซียนโกรธมากกับความเจ้าเล่ห์ของปลื้มที่มีมาแต่กำเนิด (รึเปล่า)
มาร์ธา : ดีมากเลย ต้นน้ำเขาก็อยากซื้ออะไรให้แกนะ มันอยากขอบคุณแกมาก”
นายเซียนตาโตกับคำว่าต้นน้ำ ผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่นายเซียนยอมแบกเธอเดินตั้ง 8-9 กิโลเมตร
มาร์ธา : พี่จองที่กางเต๊นท์ให้เลยนะ เต็นท์สำเร็จรูปอุทยานฯมันเต็มแล้ว ช่วงปีใหม่คนขึ้นภูมันเยอะ แล้วจะพาเพื่อนมาด้วยรึเปล่า”
นายปลื้มที่กำลังนั่งมองหน้าจอคอมหันกลับมาทำหน้าตาอ้อนวอนนายเซียนเต็มที่ “ขอกรูไปด้วยน๊า....” นายเซียนอมยิ้มอย่างเวทนา “อยากไปใช่มั้ย เอาใจกรูหน่อย กรูเมื่อย” นายปลื้มรีบนวดขาให้นายเซียนทันที
นายเซียน : มีเอาไปด้วย 1 ตัว พันธ์ตาเล็ก กินจุด้วย”
.............................................................................................................................................................
จากคุณ |
:
ซาตานผูกเน็กไทต์
|
เขียนเมื่อ |
:
2 พ.ค. 53 21:30:30
|
|
|
|