ความคิดเห็นที่ 1   7 เมษายน 2553...... วันนี้ผมได้เดินทางมากรุงเทพ เพื่อที่จะพาน้องสาวไปสอบสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านหัวหมาก มากับครอบครัวครับ ตัวผม พ่อ แม่ หลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จ เราก็จะไปเที่ยวบางแสนกันครับ เพราะเห็นว่าอยู่ใกล้ดี ไปพักผ่อนซักวันสองวัน พักที่โรงแรม SS (จำไม่ค่อยได้) อยู่ริมหาดบางแสนน่ะครับ พอตกเย็นเราก็ไปเดินเล่นชายหาดบางแสนกันครับ เดินเล่นกันซักพัก พ่อแม่ก็อยากนอนเปลริมหาด เราก็ไปนอนเล่นตรงริมหาด ล็อคที่ 7 ประมาณนั้นครับ จากนั้นก็มีพ่อค้า แม่ค้า เอาสินค้ามาเสนอขายครับ พวกผมก็สั่งกันนิดหน่อยครับ กะว่าจะกินรองท้องกันซักหน่อย ก่อนไปร้านอาหารที่ผมอ่านจากอินเตอร์เน็ทว่าร้านนี้อร่อย และบริการดี นั่นก็คือร้าน "ครัวกังวาน" ครับ ผมก็สั่งอาหารริมหาดบางแสนมาทานเล่น เพราะอาจเป็นเพราะรำคาญแม่ค้าแถวนั้น ปูม้าเขา ขายให้ 4 ตัว 100 แล้วก็สั่ง ยำไข่แมงดาใส่มะม่วง แล้วก็หอยแมลงภู่นึ่งครับ จากนั้นก็กินไปตามปกติ ดูพระอาทิตย์กำลังจะตกและน้ำทะเลสวยใสของบางแสนต่อไป(ประชด) จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 17:50:34

ความคิดเห็นที่ 2   พอตกหัวค่ำหน่อย ครอบครัวเราได้เดินทางไปร้านอาหารครัวกังวาน ตรงข้ามแหลมแท่นครับ ซึ่งผมศึกษาข้อมูลจาก pantip นี่แหละ ผมว่าผมเลือกดีพอสมควร เพราะครอบครัวผมชอบอาหารสด และสะอาด รวมไปถึงการบริการที่ดี ผมไปถึงร้านอาหารครัวกังวาน ร้านนี้บรรยากาศดีครับ คนเยอะดี น่าจะมีชื่อเสียง และจากหลายๆกระทู้ก็แนะนำที่นี่ บอกว่าอาหารทะเลสด และสะอาด ครอบครัวผมได้สั่ง ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ หอยนางรมแช่เย็น ปลาหมึกย่าง ปลากะพงนึ่งมะนาว และกุ้งเผา ก็รับประทานกันไปครับ เด็กเสิรฟ์โต๊ะผมเป็นกระเทย การบริการก็ไม่เท่าไหร่ครับ พูดจาห้วนๆ เหมือนอารมณ์เสียนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถือครับ แขกอาจจะเยอะ พอกินหมด แต่ข้าวเหลือ ผมก็จะสั่งอาหารอีกอย่าง ทีนี้รอนานมากครับ จนสุดท้ายก็แคนเซิลไป แต่ตอนเก็บบิลมา กับคำนวนอาหารที่ไม่ได้สั่งไปด้วยครับ ก็บ่นๆกันไป แต่ก็เคลียร์ได้ ไม่ได้จ่ายส่วนที่เขาคิดผิด จากนั้นก็ไปเดินเล่นแหลมแท่น ลมเย็นดีครับ อากาศดี และครอบครัวผมก็กำลังจะกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 17:59:25

ความคิดเห็นที่ 3   แอบงงเหมือนกัน จากคุณ : vextra7 เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 18:07:21

ความคิดเห็นที่ 4   ไป รพ. เพราะเรื่องอาหารเป็นพิษ หรอครับ ? จากคุณ : Greenapple1 เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 18:13:08

ความคิดเห็นที่ 5   ..........                  เป็นกระทันหันระหว่างเที่ยวป่าวคะ.....                 ยังไงหายเร็วๆนะคะ... .. จากคุณ : เจ๊ เชพบ๊ะ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 18:19:18

ความคิดเห็นที่ 6   มารอฟังด้วย.....คน จากคุณ : คมครับ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 18:22:29

ความคิดเห็นที่ 7   กลับถึงโรงแรม ผมก็นอนปกติ พอ 6 ทุ่มกว่า น้องผมมาปลุก บอกว่าแม่ท้องเสีย อุจจาระไหลอย่างรุนแรง ผมก็ตกใจ ไม่เคยเป็นแบบนี้ต่างที่ต่างถิ่นซักที ถามพนักงานโรงแรมว่ามีโรงพยาบาลเอกชนไหนใกล้สุด เพราะคุณแม่ทำประกันของบริษัทแห่งหนึ่งไว้ครับ โรงพยาบาลห่างจากโรงแรมที่ผมอยู่ประมาณ 10 กว่ากิโล หรือเกินไม่แน่ใจ ชื่อโรงพยาบาลเอกชล2 อยู่อ่างศิลา ก็ส่งแม่เข้าไปตรวจและนอนโรงบาลครับ และก็ระหว่างตรวจก็ท้องเสียไม่หยุดเลย ก็เลยต้องนอนให้น้ำเกลือในโรงพยาบาลครับ ส่วนผมตอนนั้นก็เริ่มจะปวดท้องแล้วครับ หลังจากส่งแม่เข้า รพ พ่อก็บอกว่าจะเฝ้าแม่เอง ให้ลูกไปนอนที่โรงแรม เพื่อพรุ่งนี้จะได้รอเชคเอาท์ครับ ผมอาการเริ่มมาแล้วครับ ผมปวดท้องมาก แต่ก้ออดไว้ คิดว่าปวดอึเฉยๆ แต่มันบิดๆในท้องครับ น้องผมก็ถามว่าไหวไหม ผมก็บอกไหว แต่ความจริงปวดท้องมาก พอไปถึงโรงแรม แบบว่าจองไว้สองห้องครับ ผมเลยให้น้องนอนอีกห้อง ผมนอนอีกห้อง เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผมเริ่มแล้วครับ ทั้งอาเจียน ทั้งถ่าย ปวดท้องแทบตาย จะโทรบอกน้องสาวผมที่อยู่ในห้องข้างๆไม่ได้ คลานออกไปไม่ได้ จะโทรก็ไม่ได้ ไม่มีแรง มีแต่แรงคลานไปอ้วก และก็ถ่าย อ้วก และก็ถ่าย วนๆอยู่อย่างนั้น อ้วกออกมามีแต่กลิ่นปลากระพงเน่าๆ จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 18:44:41

ความคิดเห็นที่ 8   ผมรู้สึกเพลียมาก จะทำยังไงก็ไม่ไหว จนได้เอาถังขยะมารองอ้วก เพราะไปห้องน้ำไม่ไหว ถ่ายไหลอีกต่างหาก - -" จนเผลอหลับไป เพราะเหนื่อยมาก แต่มารู้สึกตัวอีกที ตอนพ่อโทรมา บอกว่าปวดท้องไหม เพราะพ่อก็ท้องเสียเหมือนกัน ผมก็เสียงแบบว่าไม่ไหวแล้ว จะขับรถไปหาพ่อแม่ที่ รพ ก็ไม่ได้ พ่อเลยให้รถพยาบาลมารับที่โรงแรม พ่อบอกให้แต่งตัวไว้ ผมก็แต่งตัวธรรมดาๆไป เพราะไม่ไหวแล้ว  แต่ก็ยังมีแรงเหลือเดินไปเคาะห้องเพื่อถามน้องสาวว่าปวดท้องไหม น้องสาวก็บอกว่า เพิ่งปวดตะกี๊ อ้วกด้วย ผมเลยบอกให้น้องจัดของที่จำเป็นไปโรงพยาบาล ผมก็รออยู่ที่ล๊อบบี้ อยู่ล๊อบบี้ผมจำได้ว่าผมนอนตักน้องเลย ผมไม่ไหวจริงๆ แต่ก็ไม่เป็นลม (ผมอายุ 27) แต่ร้องทั้งคืนเลย ร้องแบบโอ๊ยๆ ไม่ไหวแล้ว ครางไปครางมา จนกระทั่ง รถพยาบาลมารับ ระหว่างทาง กว่าจะถึง รพ ไกลมากๆ น้องผมอ้วกไป 1 ดอก พอผมถึง รพ เขาก็เอาไปตรวจ นั่งรอพยาบาลมาเจาะสายน้ำเกลือ น้องสาวก็ด้วย และระหว่างนั้นก็ปวดอึไปด้วย (อะไรนักหนาเนี่ย) แต่ไม่อาเจียนแล้ว และผมกับน้องสาวผมก็ได้ไปนอนห้องติดกับแม่ผม (พ่อผมฉีดยาก็หาย เนื่องจากมารู้ทีหลังว่ามีภูมิคุ้มกันเยอะกว่าทุกคน) จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 18:53:41

ความคิดเห็นที่ 9   รออ่าน...ต่อไป...เริ่มตื่นเต้นแล้ว.... อาการอาหารเป็นพิษเลย หายไวๆนะคะ จากคุณ : ฮุยเฉง เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 18:53:44

ความคิดเห็นที่ 10   8 เมษายน 2553...... สรุปครับ ท้องเสียกันหมดบ้าน ยกเว้นพ่อที่ไม่ได้แอดมิท(เขาเรียกงี้รึเปล่า) ระหว่างนอน ผมก็อึไหลไม่รู้ตัวมั่ง ลุกไปอึมั่ง ผมโคตะระทรมานเลย เกิดมาไม่เคยเข้า รพ ให้น้ำเกลือแบบนี้ ทำอะไรก็เหนื่อยไปหมด พอตอนเที่ยงๆ สาธารณสุขจังหวัด เขามาสอบถามว่า ครอบครัวคุณไปกินอะไรมา มาสัมภาษณ์ผม หลังจากที่สอบถามแม่ผมแล้ว เค้าก็สอบถามผม ผมก็บอกไปว่าไปกินอะไรมั่ง ที่ไหน อะไร ยังไง ผมบอกว่าผมไปกินยำไข่แมงดาทะเล เท่านั้นแหละ เขาบอกว่า เป็นอาหารต้องห้ามของบางแสน และก็หอยนางรมแช่เย็นจากร้าน"ครัวกังวาน" ที่สาธารณสุขจังหวัดเค้าบอกว่า อาหารไม่สดและไม่สะอาด รวมไปถึงอากาศร้อน ทำให้ท้องร่วงท้องเสียง่าย ผลจากการตรวจอุจจาระเขาบอกว่ามีเชื้ออหิวา และ อีโคไลน์(เขียนถูกรึเปล่า) มาจากอาหารที่ทำไม่สุก ผมก็คิดว่าคงเป็นเพราะผมไปสั่งหอยนางรมแช่เย็นแน่ๆเลย จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 19:01:13

ความคิดเห็นที่ 11   แต่ตามที่ผมคิดว่า ที่ครอบครัวต้องเข้า รพ ทั้งครอบครัว มันไม่น่าจะเกิดจากยำไข่แมงดาครับ เพราะยำไข่แมงดาริมหาด น้องสาวผมไม่ได้กินเลยแม้แต่นิดเดียว แต่น้องผมก็มีอาการอาเจียนและถ่ายไหล แต่น้องผม และพ่อแม่ผมกินอาหารร้านครัวกังวานครับ ที่น่าสงสัยคือเมนู หอยนางรมสดแช่เย็น นั่นแหละครับ เพราะน้องผมกินไปตัวเดียวเอง ไม่น่าเลยนะครับ แล้วบอกอาหารทะเลสด หมอก็บอกว่าเป็นเพราะหอย ทีหลังถ้าอยากกิน ต้องกินสดแบบว่าแกะเปลือกมาเลย แต่ร้านนี้มันไม่สดสมชื่อครับ ครอบครัวผมเลยเป็นกันแบบนี้ ผมขอฝากใครรู้จักเจ้าของร้านครัวกังวาน ที่บางแสน เอาคำโฆษณาที่ว่าสด ออกไปเหอะครับ จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 19:06:33

ความคิดเห็นที่ 12   ผมก็ไปดูอาการแม่ด้วย ที่ห้องข้างๆ ผมสงสารแม่ที่มาท้องร่วง ท้องเสีย ตอนอายุ 52 แม่ผมอาการหนักกว่าเพื่อน เพราะท่านอายุเยอะแล้ว บวกกับแม่เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อยู่แล้ว แม่ก็กายภาพอยู่เรื่อยๆ ก็ดีขึ้นมาบ้าง พอพาไปเที่ยวได้บ้าง จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 19:09:24

ความคิดเห็นที่ 13   มารอฟังด้วยครับ หายเร็วๆด้วยครับ จากคุณ : แมงปอบินเดี่ยว เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 19:13:26

ความคิดเห็นที่ 14   9 เมษายน 2553...... ประเด็นต่อมาเป็นเรื่องใหญ่ครับ ผมทั้งโกรธตัวเอง ที่ผมไปสั่งเมนูหอยนางรมแช่เย็นให้ครอบครัวทาน และโกรธทางร้านที่มันไม่ใช่อาหารสดแท้ๆ วันนี้ผมเริ่มดีขึ้นหลังจากได้กินยา ได้ให้น้ำเหลือ พอสายๆก็เอาสายน้ำเกลือออก ผมก็เดินไปหาแม่ได้แล้ว แต่แม่ผม ดูท่าจะหนัก เพราะยังไม่หาย และมีอีกอาการคือปากเบี้ยว พูดจาไม่รู้เรื่อง หมอเลยให้ไป CT สแกน เพื่อเช็คอาการขั้นต่อไป ผมก็รอผล CT สแกน ผลจากการตรวจปรากฏว่า แม่ผม เป็นเส้นเลือดสมองซีกขวาอุดตัน 1 ใน 3 หมอบอกว่าอาการนี้ถ้าให้ยาละลายลิ่มเลือดภายใน 3 ชม จะหาย แต่ผมไม่รู้ว่าแม่เป็นตอนไหนกันแน่ เลยไม่สามารถให้ยาได้ หมอบอกว่าสาเหตุที่เป็นแบบนี้เนื่องจากเป็นภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน อย่างไม่คาดฝัน หมอบอกอีกว่า โอกาส 1 ใน 1000.... ทำไมต้องมาเป็นที่แม่ผมด้วยไม่เข้าใจ T T จากนั้นหมอบอกว่าต้องนอน รพ ยาว เลยต้องให้กลับบ้าน ที่ ขอนแก่น มีรถพยาบาลหวอๆ ไปส่งด้วย ก็ติดต่อทางโรงพยาบาลศรีนคริทร์ ที่ขอนแก่นแต่ก็ไม่มีห้อง เพราะห้องเต็มหมด แต่สุดท้ายก็ได้ที่ รพ ศรีนครินทร์ แต่เป็นห้องรวม ก็เลยตัดสินใจมาเลย ห้องเดี๋ยวก็ค่อยเปลี่ยนค่อยได้ และเพราะมีหมอที่เก่งทางด้านนี้ด้วย จากนั้นก็ให้พ่อไปกับแม่ กับพยาบาลอีกคน ส่วนผมไปส่งน้องสาวที่ลาดกระบัง เพื่อไปทำงาน ก่อนที่จะตามไปที่ขอนแก่น จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 19:21:20

ความคิดเห็นที่ 15   ครอบครัวผมกะจะกลับบ้านที่ขอนแก่น ก่อนสงกรานต์ เนื่องจากหลีกเลี่ยงรถติด แต่ผมได้กลับบ้านวันที่ 10 หลังจากมาส่งน้องแล้ว รถติดมาก กว่าผมจะได้ไปหาแม่ก็เย็นๆ ระหว่างทาง แม่ผมสามารถโทรศัพท์ได้ แต่พูดไม่รู้เรื่องเลย คือพูดอย่างเดียว ไม่ฟังคน จะเป็นอาการแบบนี้ ผมนี่อยากจะเหาะไปได้จริงๆเลย ทำไมรถติดจังเนี่ย แต่ในที่สุดผมก็ถึงโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ตอนเย็นๆ อาการแม่ผมคือ ปากเบี้ยว แต่พูดได้ แต่จะพูดแต่เรื่องเดิมๆ เหมือนประมาณว่า พูดไปแล้ว แต่ลืมว่าพูดไปแล้ว เลยพูดอีก และก้อ แขนซ้ายใช้การไม่ได้ ไม่มีแรงเลย ส่วนขาก็ไม่มีแรง ข้อเท้าอ่อนไปหมด เลยต้องได้ใส่ผ้าอ้อมไว้ เพราะไปห้องน้ำเองไม่ได้ พยาบาลห้องรวมก็สีหน้า และอารมณ์หงุดหงิดในการบริการคนป่วย ทำยังกะคนป่วยเป็นหมูเป็นหมา เตียงข้างๆผม ผมเห็นพยาบาลตะคอกใส่ประจำเลย แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 53 19:33:57 จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 19:32:16

ความคิดเห็นที่ 16   เดี๋ยวมาต่อครับ จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 19:35:11

ความคิดเห็นที่ 17   ......ขอให้แม่ จขกท....หายไวไว นะครับ ... จากคุณ : คมครับ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 19:41:16

ความคิดเห็นที่ 18   โอว์ววว          เป็นกำลังใจให้นะคะ   ขอให้เรื่อง คลี่คลาย และส่งกำลังใจให้ทุกท่านที่ป่วย  หายในเร็ววันนะคะ จากคุณ : Talay&Me เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 19:44:22

ความคิดเห็นที่ 19   ยังรออ่านอยู่นะคะ อ่านแล้วอยากจะร้องไห้เลย... เป็นกำลังใจให้จขกท.ค่ะ ขอให้คุณแม่หายในเร็ววันนะคะ จากคุณ : ฮุยเฉง เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 20:02:00

ความคิดเห็นที่ 20   โหวตให้แล้ว ต้นเหตุบอกยาก ปูต้มที่บางแสนก็อาจเป็นต้นเหตุได้ เราก็เคยเป็นบิดเพราะปูต้มมาแล้ว ... ปูไม่มีกลิ่นเลย หวานอร่อย เลยซัดไปเยอะ ถึงกับต้องนอนถ่ายคาส้วมยอง จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 20:08:32

ความคิดเห็นที่ 21   เห็นใจค่ะ ลุ้นให้แม่คุณหายดีนะคะ จากคุณ : JedjarZ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 20:24:20

ความคิดเห็นที่ 22   ขอให้คุณแม่หายไวๆนะค่ะ จากคุณ : popular_cowgirl เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 20:27:56

ความคิดเห็นที่ 23   คิดว่าเรื่องท้องร่วงอาหารเป็นพิษกับเรื่องเส้นเลือดในสมองตีบคงคนละเรื่องกัน แต่คุณพ่อผมก็เป็นครับ เส้นเลือดในสมองตีบ เป็นไปสองครั้งในระยะเวลาห่างกันไม่ถึง 3 เดือน ตอนเป็นก็อาการคล้ายๆ คุณแม่ของคุณ จขกท. อ่ะครับ คือปากเบี้ยว หน้าชา ลิ้นคับปากพูดไม่ค่อยถนัด แต่ยังพูดจาฟังรู้เรื่อง ก็ไปนอน รพ. รักษาโดยการให้ยาครับ อยู่ประมาณ 3-4 วันก็ดีขึ้น หมอบอกว่า เส้นเลือดในสมองที่ตีบ มันจะตีบไปเลย แต่อาการที่เป็นตอนตีบครั้งแรกจะค่อยๆ ทุเลาลง หลังจากนั้นก็ต้องทำกายภาพ และกินยาตลอดชีวิต แต่ดูอาการของคุณแม่คุณ จขกท. น่าจะหนักกว่าอ่ะครับ แต่ก้ยังมีโอกาสรักษาได้ครับ ขอเอาใจช่วยให้หายเร็วๆ ครับ จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 20:43:53

ความคิดเห็นที่ 24   เสียใจด้วยค่ะ   ขอให้หายกันโดยเร็วนะคะ...   เวลาป้าไปชายทะเลไม่เคยกล้าทานอาหารที่แม่ค้าแถวนั้นหาบมาขายเลยค่ะ   ไม่อยากท้องเสีย.... หอยนางรม...ถ้าคุณเห็นสถานที่ที่เขาใช้เลี้ยงก็คงทานไม่ลงแน่ๆ ...  ป้าก็จะเลิกทานแล้วค่ะ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 20:46:23

ความคิดเห็นที่ 25   เป็นกำลังใจ ให้คุณแม่ ของคุณด้วยนะครับ จากคุณ : ก้อนหินสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 21:15:26

ความคิดเห็นที่ 26   เข้ามารอฟังครับ เป็นกำลังใจให้คุณแม่ จขกท.หายไวๆนะครับ จากคุณ : tenface เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 21:22:09

ความคิดเห็นที่ 27   ขอให้คุณแม่คุณ แมลงวันสเปน หายไว ๆ ครับ จากคุณ : HighwayRider เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 21:36:39

ความคิดเห็นที่ 28   ขอให้คุณแม่แข็งแรงเร็ว ๆ นะคะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 21:46:08

ความคิดเห็นที่ 29   พักบางแสนถ้าฉุกเฉินจริงๆไปโรงพยาบาลม.บูรพาก็ได้นะคะ จากssไม่เกิน10นาทีก็ถึง เอกชลอยู่ในตัวเมืองอย่างต่ำต้องมี20นาทีขึ้นไป แล้วฉุกเฉินบาดเจ็บเข้าเอกชล ถ้าไม่มีเงินรึบัตรเครดิตเค้าไม่รักษาให้นะคะ ให้นอนรอส่งไปที่อื่น ถ้าหนักจริงๆอาจเดี้ยงก่อน สมัยเรียนพี่คนนึงรถคว่ำที่มอเตอร์เวย์ รถฉุกเฉินส่งเอกชล รพ.ไม่ทำอะไรให้เลย เพราะค้นตัวแล้วไม่เจอบัตรเครดิต บอกว่ามีประกันอุบัติเหตุก็ไม่เชื่อ ปล่อยให้นอนรอ3-4ชม.ได้ ต้องรอจนมีเอาบัตรมารูดให้ถึงเข็นไปรักษา จำได้ว่าไปถึงรพ. คนที่ไปดูอาการโมโหกันมาก เลยให้ส่งตัวไปพญาไทศรีราชาแทน จากคุณ : Squareback เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 21:49:38

ความคิดเห็นที่ 30   กลับมาต่อครับ รพ เอกชล2 ที่ครอบครัวผมเจอบริการดีและไวมากครับ อาจเป็นเพราะบัตรครบก็ได้ครับ ตอนที่อยู่เอกชล2 รู้สึกดีมาก ไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่นิดเดียว พยาบาลก็สวย ^^ ค่ารักษาพยาบาลก่อนมาขอนแก่นก็แพงมหาศาลครับ รวม 3 คนเกือบแสน แต่ประกันจัดการให้หมด เพิ่งมาเห็นว่ามันดีตอนป่วยนี่แหละครับ พอดีคุณแม่ซื้อค่าห้องไว้เยอะ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ที่รู้ทางเลย เลยถามพนักงาน รร ว่ามี รพ อยู่แถวไหนบ้าง เขาก็บอกว่า เอกชล ผมก็ไปตามทางที่เค้าบอกเลย ส่วนค่ารถหวอๆจากบางแสนมาขอนแก่น 25900 บาท ส่วนนี้ประกันไม่ออกให้ครับ ได้ออกเอง รถขี่วิบากมากคอแม่แทบหัก แต่ก็ถึงโดยปลอดภัย มานอนที่ห้องรวม รพ ศรีนครินทร์ วันแรกวันที่ 9 ตอนเย็นครับ จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:19:08

ความคิดเห็นที่ 31   มาเอาใจช่วยให้หายไวไวนะคะ จากคุณ : ^Usami_Hiro^ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:29:40

ความคิดเห็นที่ 32   9 10 11 เมษายน 2553 3 วันนี้้ เขาให้คุณ:-)ดน้ำ งดอาหาร เพื่อวินิจฉัยโรค ประมาณนี้นี่แหละครับ สงสารคุณแม่มาก หิวน้ำก็ได้แค่เอาน้ำมาจิบๆที่ปาก อากาศร้อนมาก ประมาณ 40 องศา พัดลมก็ไม่เย็น คือทำเรื่องจะไปห้องพิเศษอยู่ครับ แต่เขาให้ดูอาการที่ห้องรวมก่อน เพราะห้องรวม นักศึกษาแพทย์เยอะ มีหมอผ่านบ่อย พยาบาลเยอะ ตัวผมก็ไปเฝ้าแม่ได้ถึงแค่ 3 ทุ่ม เพราะหมดเวลาเยี่ยม ผมก็พะวงว่าใครจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้แม่ เพราะพยาบาล รุนแรงเหลือเกิน นี่คือคำพูดที่ผมได้ยินมาบางส่วนนะครับ ตอนที่เขาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้แม่ พยาบาล1 : แกๆ ได้กี่นาที พยาบาล2 : 4 นาทีอะ เฮ้อ ทีหลังต้องให้ไวกว่านี้ พยาบาล1 : แกทำช้าสุดเท่าไหร่อะ พยาบาล2 : 5 นาทีอะ แย่จัง ช้าไปนิด ผมก็เพิ่งรู้ว่าเค้าทำจับเวลากันด้วย ถึงว่า จับคนไข้ยังกะตุ๊กตา ห้องรวมที่แม่ผมอยู่ มี 6 เตียงครับ คนแก่หมด แม่ผมสาวสุด เตียงข้างๆแม่ผม เป็นคนแก่ ชอบร้องบอกว่าเปลี่ยนผ้าให้หน่อยเปียก พยาบาลใจร้ายคนนั้นก็เข้ามา "จะร้องหาอะไรนักหนายาย รู้แล้ว" แล้วก็ทำท่ากระฟัดกระเฟียด ปิดม่านแรงๆ - -" ผมละกลัวเค้าทำกับแม่ผมแบบนั้นจริงๆ ก็เลยบอกแม่ว่า อย่าไปหงุดหงิดใส่เค้านะแม่ ซึ่งแม่ผมก็โดนจนได้ ตอนผมไม่อยู่ ตอนหมดเวลาเยี่ยม แม่ผมฉี่ใส่แพมเพิสเต็มแล้ว บอกพยาบาลมาเปลี่ยนให้ พยาบาลกลับบอกว่า "รอเปลี่ยนตอนเช้าทีเดียวนะป้า" สุดท้ายแม่ผมก้นแดงหมดเลยครับ ผมละไม่รู้จะทำยังไง คิดแต่ว่าให้พ้น 3 วันนี้ไปได้ต้องทำเรื่องย้ายห้องให้แม่ให้ได้ จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:29:40

ความคิดเห็นที่ 33   ช่วงสงกรานต์ เป็นช่วงที่ทรมานที่สุดสำหรับแม่ผม เพราะไม่มีหมอเฉพาะทาง อาจารย์หมอมาแลดูเลย มีแต่ extern กับ นักศึกษาแพทย์มาดูอาการ คอยถามอาการ หมอประจำไม่รู้ไปไหน เชื่อไหมครับว่าตั้งแต่มาที่ รพ ศรีนครินทร์ หมอประจำแม่ผมที่เขียนไว้ที่ป้ายมาแค่วันเดียวคือวันแรก จนถึงวันนี้ เวลานี้ ตอนนี้ 27 เมษายน ผมยังไม่เห็นหัวคุณหมอเลยครับ จะเห็นก็มีแต่หมอประจำตึกอายุรกรรม แค่นั้น แต่เค้าก็ว่าหมอประจำเค้าคอยสั่งยาให้ ถ้าคนไข้อาการไม่หนัก อาจารย์หมอจะไม่ลงมาดู ผมละเริ่มไม่ชอบหมอซะแล้ว อารมณ์มันก็หงุดหงิดนิดหน่อย แต่ก็พยายามเข้าใจว่า เราคงไม่หนักในสายตาเขาจริงๆ แต่ผมนี่เห็นแม่แล้ว ไม่รู้จะทำยังไง จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:34:21

ความคิดเห็นที่ 34   สรุปว่าเค้าบอกว่าแม่ผมเป็นเส้นเลือดสมองอุดตัน BRAIN INFARCTION หรือ Stroke สาเหตุมันไม่รู้มาจากไหน เป็นภาวะแทรกซ้อนจากท้องร่วง โอกาสเกิด 1 ใน 1000 ลักษณะแม่คือจะยิ้มไม่ได้ พูดปากเบี้ยว และหมอเค้าบอกว่า อุดตันสมองซีกขวา 1 ใน 3 อาการจะไม่หนักเพราะมันอุดตันไม่เยอะ เลยเป็นอย่างที่เห็น และไม่เป็นอัมพาต แขนซ้ายแม่จะไม่มีแรงเลย แขนขาก็ไม่มีแรง อ่อนปวกเปียกไปหมด ตัวคุณแม่ไม่มีโรคประจำตัวที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เลย เบาหวาน ไขมันสูง ก็ไม่มี มีแต่ความดันนี่แหละ ที่วัดวันท้องเสียวันแรกได้ 200 วิธีรักษาคือ กินยาละลายลิ่มเลือด ให้ยาแอสไพริน และทำกายภาพบำบัด แต่ก็ต้องสลดอีกครั้ง เพราะนักกายภาพบำบัด เขาปิดยาวช่วงสงกรานต์ !! จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:39:25

ความคิดเห็นที่ 35   12 เมษายน 2553...... วันนี้เป็นวันที่ย้ายแม่ไปห้องพิเศษ แต่พอดีว่า ห้อง vip ว่าง ก็เลยได้ห้อง vip เลย ก็ดีขึ้นมาหน่อยเพราะห้องกว้างมาก สภาพแวดล้อมดี แต่สภาพจิตใจแม่แย่ลงทุกวัน เพราะแขนซ้ายแม่กระดิกไม่ได้เลย อึ ฉี่ ต้องใส่แพมเพิสหมด ดีที่พยาบาลไม่บ่น ดีขึ้นกว่าตอนอยู่ห้องรวมมาก ผมเลยมาคิดว่าพยาบาล การบริการในเมืองไทยนี่ มันมีสองมาตรฐานเหมือนกันแฮะ(ฮา) แม่นับวันรอวันที่จะเจอนักกายภาพ ผมก็ไม่กล้านวดให้แรง กลัวทำผิด แม่บ่นหานักกายภาพทุกวัน แม่บอกแม่อยากหาย แม่อยากเดินได้ ร้องไห้ทุกวัน แม่ผมเป็นอาจารย์ครับ ปกติชอบออกกำลังกาย ชอบวิ่ง ชอบชอบปิ้ง ชอบเดินห้าง ชอบปลูกต้นไม้ ชอบทำอะไรๆ ด้วยตัวเอง พอแม่ผมเดินไม่ได้ แขนซ้ายไม่รู้สึก ทำให้ท่านรู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดี แต่ก็มีกำลังใจดีครับ ตัวผม และครอบครัว ญาติๆ อีกหลายๆคน เพื่อนๆผมด้วย ทำให้แม่มีกำลังใจขึ้น หมอบอกโรคนี้จะทำให้คนหงุดหงิด(อุดตันซีกขวา) พูด บ่น มาก และตามอารมณืไม่ทัน ผิดจากอุดตันซีกซ้าย จะซึม ทำอะไรไม่ได้ แต่แม่ก็ทำอะไรได้บ้างเล็กน้อย เช่น โทรศัพท์ กะบ่นนั่นบ่นนี่กะลูก^^ แม่เพ้อหานักกายภาพทุกวัน แม่อยากเดินได้ อยากหายไวๆ อยากไปชอบปิ้งกับลูกๆ แต่เมืองไทยวันหยุดยาวจริงๆ ครอบครัวผมก็เลยต้องรอคอยต่อไปอย่างทรมาน จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:47:18

ความคิดเห็นที่ 36   ถ้าเป็นอย่างที่คุณ  Squareback  บอกมันโหดร้ายมากเลยนะค่ะ เห็นชีวิตคนเป็นอะไรหรอค่ะ พยาบาลเบื้องต้นให้หน่อยไมได้หรอค่ะ ใจร้ายมากเลยค่ะ ของให้แม่คุณ จขกท หายไวไวนะค่ะ เสียใจกลับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ เป็นเรารู้สึกเศร้าไปเลยค่ะ จากคุณ : ข้าวปั้น&น้ำปั่น เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:47:42

ความคิดเห็นที่ 37   วันที่ 16 เมษายน 2553 ผมรอนักกายภาพ รพ ไม่ไหว ผมจึงให้เพื่อนหาคนที่เรียนเทคนิคการแพทย์มาช่วย ซึ่งหาได้ด้วย เป็นแฟนเพื่อนผมเอง เขารับปากว่าวันนี้จะมาดูให้ และเค้ามา พอเค้ามาเท่านั้นแหละ ผมบอกแม่ว่าคนนี้เป็นนักกายภาพ จบเทคนิคการแพทย์ เกียรตินิยมอันดับ 2 เท่านั้นแหละ แม่ร้องไห้โฮออกมา บอกว่าทรมานมากในการรอคอยช่วงวันหยุด ซึ่งแฟนเพื่อนผมก็หัดท่า หัดทางในการทำกายภาพบำบัดก่อนนักกายภาพประจำ รพ มา ซึ่งทำให้แม่ผมมีกำลังใจดีขึ้นมาก สภาพจิตใจเริ่มดีขึ้น และมองโลกในแง่ดีขึ้น ผมต้อขอบคุณเพื่อนคนนั้นจริงๆเลย และเค้าก็มาทุกวัน ตอนเย็นๆ และเค้าก็หัดให้แม่เดิน ซึ่งก็เดินได้ แต่ต้องคอยพยุงไว้ เดินเหมือนเด็กหัดตั้งไข่ แต่ก็ดีกว่าเดิมเพราะแม่ได้อารมณืดีทุกวัน และหัวเราะได้ แต่ปากยังเบี้ยวอยู่ และแขนซ้ายใช้งานไม่ได้เลย จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:53:14

ความคิดเห็นที่ 38   คุณแมลงวันสเปน: จริงๆแล้วเอกชลเป็นรพ.เอกชนที่ดีมากในจังหวัดนะคะ หมอเก่งๆทั้งนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการดูแล ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋า และวงเงินประกันภัยด้วยค่ะ คุณข้าวปั้น&น้ำปั่น:  มันเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ เพราะเราก็ตามไปดูอาการด้วย พี่เค้ารถคว่ำระหว่างขับมาจะเข้าเรียนตอนเช้า รถเละต้องขายซากเลย เราตามไปดูอาการตอนพักเที่ยง เพราะเค้าโทรมาบอกว่ารพ.ให้หาคนมารูดการันตี ไปถึงรพ.บ่ายโมง นอนอยู่ท่าไหนท่านั้นเลย ตั้งแต่เข็นเข้ามา ไม่ได้นอนเตียงรพ.ด้วยนะคะ นอนในรถเข็น เอาแอบๆข้างทางเดินไว้ จำได้จนบัดนนี้เลยค่ะว่าจะไปไหนต้องพกบัตรประกันอุบัติเหตุติดตัวไว้ตลอด กลัวต้องไปนอนพิงกำแพงแบบนั้นบ้าง จากคุณ : Squareback เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:59:02

ความคิดเห็นที่ 39   สู้ๆ จากคุณ : Guramano เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 22:59:13

ความคิดเห็นที่ 40   ขอให้คุณแม่หายเร็วๆนะครับ กำลังใจนะครับจะพาสิ่งต่างๆผ่านไปได้ด้วยดี สู้ๆครับ จากคุณ : poprc100 เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 23:01:24

ความคิดเห็นที่ 41   วันที่ 19 เมษายน 2553 ถึงปัจจุบัน...... วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวผมรอคอยมานานแสนนาน เพราะเป็นวันทำงานหลังจากหยุดมาหลายวัน ผมดีใจมากที่ได้พบนักกายภาพของ รพ เขามาหัดให้แม่เดิน และจนถึงทุกวันนี้ ก็ต้องไปทำกายภาพบำบัดทุก จ-ศ 09.00-11.00 ^^ หยุดเสาร์อาทิตย์ ทำให้แม่เริ่มมีความหวังขึ้น หมอบอกว่า การทำกายภาพ ไม่ได้ช่วยให้หาย แต่ช่วยให้กล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ไม่ลีบ ไม่หด การที่จะให้หายต้องกินยาและรักษา (แล้วหมอประจำทำไมไม่มาดูซักทีฟระ - -") ส่วนแขนซ้าย จะมาทีหลังขา เพราะทั้งตัว ที่ใช้ไม่ได้คือแขนซ้าย กว่าจะมาครบ ก็ใช้เวลานานถึง 5-6 เดือน - -" และถึงหาย ก็ไม่มีทางกลับมาใช้ได้ 100% เหมือนเดิม เป็นความซวยของครอบครัวผมจริงๆ สงกรานต์นี้ มันไม่สวยเลยครับ และจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังดูแลแม่อยู่ และรอวันที่หมอประจำโรคมาตรวจครับ ฝากเรื่องการทานอาหารด้วยนะครับ ระวังๆกันเวลาไปเที่ยว สั่งอาหารสุกๆมากินกันนะครับ จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 23:02:50

ความคิดเห็นที่ 42   ช่วงนี้น่าร้อน ต้องระวังอาหารการกินให้ดีค่ะ ร้านอาหารส่วนมากมักง่าย ขนาดร้านของคนรู้จักยังเอาของเน่าๆมาให้กินเลยค่ะ ^^ โหวตให้เลยค่ะ เป็นอุทาหรณ์จริงๆ ขอให้คุณแม่หายเร็วๆนะคะ จากคุณ : aingy เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 23:13:16

ความคิดเห็นที่ 43   ขอขอบคุณ และ ให้กำลังใจ จขกท อีกครั้งนะครับ ขอให้คุณแม่หายไวๆ นะครับ จากคุณ : ก้อนหินสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 23:21:52

ความคิดเห็นที่ 44   ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ ตอนนี้ผมเปลี่ยนผ้าอ้อมเป็นแล้วแหละ บางอารมณ์รอพยาบาล มันนานเกินไปอะครับ จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 23:55:01

ความคิดเห็นที่ 45   อ่านมาตั่งแต่ต้นจนจบ รู้สึกเศร้ามาก สงสารคุณแม่และทุกๆคนในครอบครัวของคุณแมลงวันสเปน มากๆคะ วันหยุดทั้งทีแทนที่จะมีความทรงจำดีๆกลับยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เป็นกำลังใจให้คุณแม่หายเร็วๆนะคะ ^^ จากคุณ : Pinkwinter เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 00:46:13

ความคิดเห็นที่ 46   สู้ๆนะค่ะ  คุณแม่คุณต้องหายดีแน่ๆค่ะ ชอบจริงคนรักครอบครัว ปลื้มใจแทน จากคุณ : นู๋เบ็ต (Imaginewing) เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 03:32:25

ความคิดเห็นที่ 47   เป็นกำลังใจให้คุณแม่หายเร็วๆนะครับ จากคุณ : A-TOO เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 08:11:31

ความคิดเห็นที่ 48   เป็นกำลังใจให้คุณแม่ จขกท.และทุกๆ คนหายนะคะ ไม่ลองโพสต์ไปที่สวนลุมฯ กับก้นครัวด้วยล่ะคะ ปล.ทำงาน ม.แถวๆ หัวหมากพอดี จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 08:19:28

ความคิดเห็นที่ 49   อ่านแล้ว...เศร้าไปด้วยครับ จากคุณ : McDonut เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 08:24:14

ความคิดเห็นที่ 50   เสียใจด้วยครับ แต่อย่าไปยึดติดกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วครับ ให้มองไปข้างหน้าว่า จะต้องทำอย่างไรบ้างในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และ ป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำกับคุณแม่ และ ไม่ให้เกิดกับคนในครอบครัวอีก เริ่มต้นผมว่าคุณแม่คงมีแนวโน้มที่จะเกิดเส้นเลือดอุดตันอยู่แล้วครับ แต่ เนื่องจากว่าดูแลสุขภาพได้ดี จึงยังไม่เป็นครับ --> คิดแล้วจะสบายใจครับ พอดีมีการกระตุ้น เลยเกิดขึ้นครับ ตอนนี้ต้องมาหาสาเหตุครับว่าทำไมเกิดเส้นเลือดอุดตันครับ และ ป้องกัน การเกิดซ้ำ เช่น มาจากหัวใจ มาจากเส้นเลือดคอ หรือ จากไขมันสะสม การรักษา ณ เวลานี้คงต้องทำกายภาพบำบัดเท่านั้น และป้องกันเกิดซ้ำ ท้ายสุด ผมว่าในความโชคร้ายมีโชคดีซ่อนอยู่ครับ คือ ดีที่ไม่ใช่เส้นเลือด สมองแตกครับ ซึ่งร้ายแรงกว่ามากๆ ครับ อีกเรื่องครับ การใช้ผ้าอ้อมตลอดเวลา ไม่ดีครับ จากคุณ : อรุณรุ่งที่ต่างแดน เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 10:11:32

ความคิดเห็นที่ 51   เป็นกำลังใจให้ครับ ขอให้คุณแม่หายไวไวนะครับ ขอบคุณที่นำเรื่องรามมาแบ่งปันเป็นอุทาหรณ์ครับ จากคุณ : Zurg เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 10:15:12

ความคิดเห็นที่ 52   สู้ๆครับ ขอให้คุณแม่ของคุณหายไวๆครับ จากคุณ : sodium111 เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 10:41:33

ความคิดเห็นที่ 53   เปลี่ยนบ่อยครับผ้าอ้อม เพราะคุณแม่อั้นไม่ค่อยอยู่ จึงจำเป็นต้องใช้ อาศัยเปลี่ยนล้างทำความสะอาดบ่อยๆเอา ไม่งั้นให้เดินเอาคงไม่ไหว เพราะพยุงไปลำบากมาก พยุงเวลาไปอึนี่พอได้ แต่ก็ทุลักทุเลพอสมควร เพราะขายังทรงตัวเองไม่ได้ จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 11:36:19

ความคิดเห็นที่ 54   ให้กำลังใจนะคะ จากคุณ : ชมจันทร์ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 11:40:26

ความคิดเห็นที่ 55   ขอให้คุณแม่ ของ คุณ แมลงวันสเปน หายไวๆนะคะ แล้วก้อขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านในครอบครัวค่ะ คุณเป็นคนที่รักครอบครัวมากๆเลยค่ะ จากคุณ : rainykub เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 12:09:53

ความคิดเห็นที่ 56   ขอให้คุณแม่หายไวๆครับ จากคุณ : to-n เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 12:36:48

ความคิดเห็นที่ 57   ร้านนั้น ขึ้นชื่อเรื่องช้าอยู่แล้ว ส่วน รพ. นั้น ชาร์จแหลก ถ้ามีประกันจะถือว่าโอเคอยู่ครับ ส่วนตัว ผมแพ้พวกลูกชิ้นปลาที่ไม่สะอาดครับ ทั้งผื่นขึ้น ตัวบวม คันคะเยอ และเคยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ส่วนอาหารเป็นพิษก็เป็นบ่อยคือทั้งอาเจียนและถ่ายเหลว เอาใจช่วยครับ จากคุณ : Christian Chang เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 12:37:51

ความคิดเห็นที่ 58   ความเห็นที่ #30  ผมเห็นด้วยครับ  "พยาบาลสวย" เพราะสมัยอยู่เมืองชลเคยมาจีบ.... จากคุณ : คมครับ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 13:58:17

ความคิดเห็นที่ 59   ขอให้หายไว ๆ นเะครับ จากคุณ : โทรจัน เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 14:25:27

ความคิดเห็นที่ 60   เป็นกำลังใจให้ครับ กำลังใจดีจากคนรอบข้างน่าจะช่วยคุณแม่ได้เยอะครับ จากคุณ : ต้น กะ เหม่ง เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 14:52:27

ความคิดเห็นที่ 61   เอาใจช่วยให้แม่เจ้าของกระทู้หายไวๆนะครับ ขอแนะนำอะไรเพิ่มนิดหน่อยเกี่ยวกับคุณแม่เจ้าของกระทู้หน่อยนะครับ (เผอิญทำงานเกี่ยวกับด้านสาธารณสุขอยู่น่ะครับ) สุรปว่า คุณแม่ จขกท.เป็น ischemic stroke ตอนนี้ภาวะฉุกเฉินของแม่จขกท. น่าจะเป็นที่พอรับได้แล้วนะครับ เพียงแต่ระยะหลังจากนี้อาจจะต้องดูแลกันใกล้ชิดหน่อย ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่า แม่ของ จขกท. ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยไหว สิ่งที่ต้องระวังในช่วงนี้ 1. เรื่องการกินอาหาร ระวังเรื่องของการกลืน หรือ สำลัก เวลาป้อนข้าวผู้ป่วย ให้นั่งในท่าตรงจะทให้โอกาสสำลักน้อยสุดเพราะถ้ามีการสำลัก อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้ปอดติดเชื้อได้ครับ 2. เรื่องแผลกดทับในผู้ป่วย stroke ควรพลิกตัวให้ผู้ป่วยบ่อยๆประมาณทุก 2 ชั่วโมงเพื่อหลีกเลี่ยงแผลกดทับที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคต ทางที่ดี อาจเตรียมที่นอนลม ไว้ที่บ้าน ก็จะช่วยเรื่องแผลกดทับได้มาก 3. การใช้ระยะเวลาในการกายภาพบำบัดผู้ป่วย โดยปกติแล้ว หลังจากที่เป็น stroke การกายภาพบำบัดสำคัญมากๆ ผู้ป่วยบางคนกลับมามีชีวิตได้อย่างปกติ เดินได้ ทำงานได้ปกติ ก็จากการกายภาพนี่แหละครับ(+ การกินยาอย่างสม่ำเสมอ ตามที่แพทย์จัดให้นะครับ^^) 4. จากนี้ไป ต้องป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนี้ซ้ำอีกได้นะครับ สำคัญก็คือ ต้องมี life style modification กล่าวคือ เรื่องอาหารการกิน กับการออกกำลังกำย เรื่องอาหารพวกที่เป็นของทอด น้ำมัน อาหารที่มี cholesterol สูงๆ ไม่ควรทาน เหล้า บุหรี๋ ไม่ควรกินหรือสูบ (เน้นเรื่องบุหรี่นะครับ เพราะความเสี่ยงที่จะเกิดซ้ำสูงมาก) รวมถึงช่วงนี้การออกกำลังกายเบาๆก็ช่วยพอได้นะครับ แนะนำการออกกำลังกายในน้ำครับ ร่างกายไม่ต้องรับภาระมากและได้ออกกำลังกายเต็มที่ครับ ^^ ปล. แอบบเสนอความคิดเห็นเรื่องพยาบาลนิดนึง ^^ ส่วนตัวอย่างที่บอกผมก็ทำงานเกี่ยวกับด้านสาธารณสุข ก็อยู่ในรพ.รัฐ นี่แหละครับ เป็นเรื่องปกติแหละครับระหว่างรพ.รัฐกับเอกชนที่ การtake care ผู้ป่วย ต่างกัน (อย่างเห็นได้ชัด--") รพ.รัฐ คนไข้มาก พยาบาลน้อย งานหนักกว่าในรพ.เอกชน มากๆๆๆๆๆ ค่าตอบแทนก็ไม่เท่าเอกชน บางส่วนเค้าทำงานด้วยใจจริงๆครับ ที่ไม่ดีก็มีมาก บางครั้งงานมันก็ไม่ไหว ผลที่ได้ออกมามันเลยเป็นแบบที่ จขกท.เห็นล่ะครับ ผมก็ขอโทษแทนเจ้าหน้าที่ตรงนี้ด้วยละกัน ยังไงก็อยากให้ จขกท. อย่างเพิ่งมองโลกในแง่ร้ายเลยนะครับ ^^ (ยังอยากให้มีกำลังใจเล็กๆน้อยที่มาถึงคนที่ทำงานตรงนี้อยู่ด้วยใจจริงๆ แค่นี้เค้าก็มีกำลังใจทำงานมากมายแล้วครับ) สุดท้ายเอาใจช่วยให้คุณแม่หายไวๆนะครับ ^^ จากคุณ : MeeHAloHa เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 18:32:41

ความคิดเห็นที่ 62   ขอให้คุณเเม่หายเร็ววัน เร็วคืนนะครับ สู้ๆ เพื่อเเม่เราครับ. จากคุณ : water_front เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 21:26:11

ความคิดเห็นที่ 63   ไม่ทราบว่าคุณแม่ของเจ้าของกระทู้ ตอนอยู่ห้องรวมเป็นชั้น 4 หรือเปล่าคะ จะได้แจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบและปรับปรุง จากคุณ : ACE-inhibitor เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 22:53:05

ความคิดเห็นที่ 64   เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ค่ะ ขอให้คุณแม่หายเร็วๆนะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่มาเตือนกันนะคะ จากคุณ : Duen_naja เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 23:04:54

ความคิดเห็นที่ 65   ขอให้คุณแม่หายไวๆนะคะ :)))) จากคุณ : Ziiaki เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 53 01:50:06

ความคิดเห็นที่ 66   เป็นกำลังใจให้คุณแม่หายไวๆนะครับ กำลังใจของคนในครอบครัวเท่านั้นที่ทำให้คุณแม่ดีขึ้น สู้ๆๆครับ และแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคุณที่ประสบกับอาการเจ็บป่วยเนื่องจากอาหาร ขอบคุณครับสำหรับเรื่องราวที่นำมาเล่าเป็นอุทาหรณ์ จากคุณ : put2006th (put2006th) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 53 08:10:26

ความคิดเห็นที่ 67   ตอบคุณ คหที่ 63 อายุรกรรม 4ค ครับ ขอบคุณมากครับที่ติดตามให้ เพราะตอนนั้น ถามหมอ หมอก็บอกว่า เค้าก็ไม่รู้จะบอกพยาบาลยังไงเหมือนกันครับ จากคุณ : แมลงวันสเปน เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 53 11:40:46

ความคิดเห็นที่ 68   เป็นกำลังใจให้ จขกท.ค่ะ  พ่อของดิฉันก็เป็นเส้นเลือดในสมองตีบเหมือนกัน  ตอนนี้ก็ 3 ปีแล้วค่ะตอนนี้ก็ยังไม่แข็งแรงเท่าไร  อยู่ที่กำลังใจของคนป่วยด้วย     เข้มแข็งเข้าไว้นะคะให้คุณแม่ทำกายภาพบ่อย ๆ เดี๋ยวก็หายค่ะ สำคัญที่สุดคือกำลังใจจากคนในครอบครัว  ขอให้คุณแม่หายไว ๆ นะคะ จากคุณ : kitty_prince เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 53 17:10:31

ความคิดเห็นที่ 69   ตามมาอ่านค่ะ ขอให้เข้มแข็งกันทั้งครอบครัวนะคะ คิดว่ากำลังใจของคุณแม่น่าจะดีค่ะ เพราะเจ้าของกระทู้ และทุกๆ คนในครอบครัวเอาใจใส่ดีมากๆ หายไวๆ ค่ะ จากคุณ : ดญ.อ้วน เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 53 07:32:46

ความคิดเห็นที่ 70   สู้ สู้นะคะ ขอให้คุณแม่คุณหายไวไว จากคุณ : สายป่านหัวใจ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:22:59

ความคิดเห็นที่ 71   ผมว่าเป็นที่กินยำไข่แมงดาครับ ผมกับเพืื่อน รวม 3 คน มื้อเย็น ไปกินยำไข่แมงดา แถวอ่างศิลา สั่งกันแบบเป็นตัวมาเลย ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่หน้ามัน มื้อเที่ยงไปสั่งแถวจันทบุรีมาแล้ว ทางร้าน เขาก็บอกว่ายังไม่มี ไม่ใช้หน้ามัน แต่เนื่องจากความยาก ขับมาถึงอ่างศิลา เลยลองสั่งอีกที คราวนี้ร้านที่อ่างศิลาบอกว่ามี   สรุปมื้อนั้น มีแต่ ยำไข่แมงดาสั่งแบบเป็นตัวมาเลย ปลาหมึกย่าง ต้มย้ำทะเล หอยเผา แล้วก็ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล พอเข้ามา กทม วันรุ่งขึ้น ท้องเสียกันหมด 3 คนเลยครับ มันปวด เหมือนไส้บิดๆ ทรมานมาก เป็นอยู่ 2 วันครับ อาการถึงดีขึ้น เข็ดแล้วครับกินยำไข่แมงดาที่ไม่ใช้หน้ามัน จากคุณ : LaTeX เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 17:12:38

ความคิดเห็นที่ 72   อวยพรให้คุณแม่หายไวๆ นะคะ จะพยายามหลีกเลี่ยงของพวกนี้แล้ว เดือนมิ.ย.เราก็อาหารเป็นพิษ ลำไส้อักเสบค่ะ (เข้าร.พ.เพราะโรคนี้บ่อยมาก) เข้าใจเลยว่า ออกทั้งปากทั้งก้นมันเป็ฯยังไง จากคุณ : สาวไกด์ใจซื่อ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 14:39:00

ความคิดเห็นที่ 73 เราเคยมีประสบการณ์คล้ายนี้ แต่เบากว่านี้มาก แพ้อาหารจนต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นร้านอาหารที่ใกล้ๆ กับโรงแรมที่เจ้าของกระทู้พัก ตั้งอยู่ติดกับหาด คาดว่าน่าจะรับประทานที่เดียวกัน และในวันนั้น มื้อเย็นก็ทานเพียงร้านเดียว น้องที่ไปทานด้วยกันอาการหนักพอควร พักรักษาตัวเกือบสัปดาห์ เนื่องจากเธอทานส้มตำด้วย ส่วนร้านครัวกังวานนั้นก็เคยไปรับประทาน แต่ไม่ได้ติดใจอาหารอะไรเลย และไม่ได้แพ้อาหารอะไรด้วย จากคุณ : olivine (olivine) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 18:23:12