ความคิดเห็นที่ 1   เอ่อ ภาพเปิดกระทู้ใหญ่ไป เลยขอเเก้ไขนิดหน่อยครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:50:15

ความคิดเห็นที่ 2   โปรเเกรมครั้งนี้ ผมเริ่มออกเดินทางจากประเทศไทยตอนประมาณ 7โมงนิดๆ ซึ่งเเน่นอนว่าเราต้องไปเช็คอินตั้งเเต่ตี 5 สนามบินสุวรรณภูมิในวันนี้ดูคนน้อยๆชอบกล สงสัยคงเป็นเพราะคนส่วนใหญ่เริ่มไปเที่ยวตั้งเเต่วันเสา เลยทำให้วันที่ผมไปสนามบินดูเหงานิดๆ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:52:37

ความคิดเห็นที่ 3   อาจจะฟังดูชาตินิยมไปนิด เเต่สำหรับผมเเล้วผมชอบเเละภูมิใจกับสนามบินเเห่งนี้เเฮะ ทุกอย่างดูลงตัวดี การออกแบบไม่ไทยหรือฝรั่งจนเกินไป จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:54:53

ความคิดเห็นที่ 4   สงสัยนิดว่าทำไมเขาถึงย้ายยักษ์มาไว้ตรงนี้ ทั้งๆที่ไว้ตรงฝั่งขาเข้าก็ดูมีความหมายดีเเล้วนี่(หรือเค้ากลัวว่าเวลาคนต่างชาติมา เเล้วจะดูเหมือนไม่ต้อนรับเค้า) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:56:47

ความคิดเห็นที่ 5   ระหว่างนั่งรอขึ้นเครื่องก็ได้เเต่หาวไปเป็นระยะๆ จนถึงเวลา7โมงก็ขึ้นเครื่อง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:58:32

ความคิดเห็นที่ 6   เเละเเล้วก็ได้เวลาเหิรฟ้าสู่ประเทศพม่า จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:00:12

ความคิดเห็นที่ 7   เวลาในประเทศพม่าจะช้ากว่าไทยประมาณ 30นาที การเดินทางใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมง15 นาที พอไปถึงพม่าจึงเป็นเวลาประมาณ 8โมงเช้า เมื่อเทียบกับสุวรรณภูมิเเล้ว สนามบินมิงกาลาดงมีขนาดเล็กกว่ามาก เเต่ก็สามารถรองรับผู้โดยสารได้อย่างเพียงพอ เพราะจำนวนไฟล์ทที่ลงจอดมีไม่มากนัก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:03:04

ความคิดเห็นที่ 8   พอออกจากสนามบินก็ตรงไปยังเมืองหงสาวดีหรือเรียกอีกชื่อว่าเมืองพะโค ถนนจากสนามบินมีขนาดกว้างขวางเเละไม่เป็นหลุมเป็นบ่อเท่าไรนัก ปล.ที่นี่ขับรถชิดขวา เเละรถที่ใช้ก็พวงมาลัยขวาดังนั้นสำหรับรถขนาดใหญ่เช่นรถบัสจึงจำต้องมีเด็กรถ คอยบอกทางให้กับคนขับรถอีกที จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:06:50

ความคิดเห็นที่ 9   ช่วงที่ไป พม่าก็มีงานสงกรานต์เหมือนกับไทย ดังนั้นตลอด2ข้างทางจะเห็นชาวพม่าออกมาสาดน้ำ เเละเต้นกันริมถนนเยอะไปหมด ทำให้บรรยากาศของเมืองดูครึกครื้นเป็นพิเศษ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:08:32

ความคิดเห็นที่ 10   ถนนจากย่างกุ้งไปหงสาวดี เป็นทางด่วนซะด้วย ...ก่อนใช้จึงต้องมีด่านเก็บค่าผ่านทาง รูปร่างก็คล้ายๆกับของไทย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:11:10

ความคิดเห็นที่ 11   ก่อนที่จะได้มีโอกาสไปเที่ยวพม่า เคยเข้าใจว่าพม่าคงคล้ายๆกับไทย เเต่เอาเข้าจริงๆเเล้วพม่าดูจะเเล้งกว่าไทยเเฮะ มองไปทางไหนก็เจอเเต่ทุ่งหญ้าเเห้งๆตลอด2ฝากถนน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:13:36

ความคิดเห็นที่ 12   จากย่างกุ้งนั่งรถมาประมาณ 1.30 ชั่วโมงก็มาถึงวัดไจ๊ปุ่น ซึ่งมีองค์พระนั่ง4ทิศ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:16:01

ความคิดเห็นที่ 13   ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ เป็นที่ๆอยากไปมากๆ จากคุณ : Chill up เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:18:47

ความคิดเห็นที่ 14   ตามประวัติดั้งเดิมนั้นกล่าวไว้ว่า องค์พระ4ทิศนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าหญิง4พระองค์ ซึ่งเมื่อตอนที่สร้างนั้นเจ้าหญิงทั้ง4ได้ให้คำมั่นไว้ว่าจะครองตนเป็นพรหมจรรย์ เเต่ต่อมาเจ้าหญิงองค์หนึ่งได้ผิดคำสัญญาจึงทำให้องค์พระพังไป1องค์ ซึ่งภายหลังองค์พระก็ได้รับการบูรณะจนสมบูรณ์ครบทั้ง4ด้านดังเดิม จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:20:03

ความคิดเห็นที่ 15   ถึงเเม้จะมีการบูรณะเเล้วก็ตาม เเต่องค์พระองค์ใหม่ก็มีลักษณะที่เเตกต่างจากองค์อื่นๆเล็กน้อยพอให้คนที่ไปพอจะทราบได้ว่าองค์ไหนคือองค์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ปล.ยินดีต้อนรับครับ คุณ chill up จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:22:42

ความคิดเห็นที่ 16   ขอ เกาะล้อไปด้วยนะครับ อยากไปมากๆๆๆ จากคุณ : hohiohnor_p เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:23:26

ความคิดเห็นที่ 17   วัดนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก คนค่อนข้างน้อย ขอสารภาพว่าตอนไปถึงเเอบคิดในในว่า เเค่เนี้ย! เพราะนอกจากองค์พระเเล้วก็ไม่มีอย่างอื่นเลย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:29:38

ความคิดเห็นที่ 18   เเถมบริเวณก็ร้อนโฮก ยังดีที่มีต้นไม้ให้พอได้คลายร้อนบ้าง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:32:35

ความคิดเห็นที่ 19   หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังวัดไจ้คะวาย  พอไปถึงก็ได้เวลาพระบิณฑบาตรพอดี จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:37:55

ความคิดเห็นที่ 20   พระสงฆ์จะเดินจากศาลาหลังหนึ่งไปยังศาลาที่ใช้ทานอาหาร ระหว่างทางก็จะเปิดโอกาสให้คนสามารถตักบาตร(ซึ่งทางวัดเตรียมไว้ให้) หลังจากนั้นใครศรัทธาก็สามารถบริจาคปัจจัยแก่ทางวัดได้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:40:12

ความคิดเห็นที่ 21   หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังตัวเมืองหงสาวดี เจอไปนมัสการพระธาตุมุเตาซึ่งเป็น1ใน5 มหาบูชาสถานของพม่า จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:41:50

ความคิดเห็นที่ 22   ความศรัทธาเเละความผูกพันระหว่างผู้คนกับศาสนาของชาวพม่าดูจะมีมากกว่าคนไทยมากนัก ระหว่างทางขึ้นพระธาตุเราจะเห็นชาวบ้านนั่งสวดมนต์อยู่ข้างทางขึ้นพระธาตุ เป็นระยะๆ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:43:34

ความคิดเห็นที่ 23   เมื่อเดินขึ้นไปจุดเเรกจะพบวิหาร(ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอย่างนี้รึป่าว) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:44:28

ความคิดเห็นที่ 24   รอบๆองค์พระธาตุจะล้อมรอบไปด้วยเจดีย์บริวารเป็นจำนวนมาก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:45:58

ความคิดเห็นที่ 25   บริเวณทั้ง4ทิศของพระธาตุจะมีวิหาร ซึ่งภายในจะมีพระพุทธรูปเพื่อให้ประชาชนสักการะบูชา จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:47:14

ความคิดเห็นที่ 26   เมื่อลองดูดีๆเเล้วเเอบรู้สึกว่า งานเเกะสลักของพม่ายังเหนือชั้นกว่าของไทยเเฮะ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:48:29

ความคิดเห็นที่ 27   พระธาตุมุเตาเป็นเจดีย์ที่พระเจ้าตะเบงชเวตี้มีความศรัทธาเป็นอย่างมาก ณ สถานที่เเห่งนี้เป็นที่ประกอบพิธีเจาะพระกรรณ(อาราณ์ประมาณพิธีโกนจุกของไทย)ของพระองค์ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:50:45

ความคิดเห็นที่ 28   ครั้งหนึ่งสมัยที่พม่าเกิดเหตุเเผ่นดินไหว ยอดเจดีย์เเห่งนี้ได้หักเเละตกลงมาสู่พื้นเเต่ไม่เเตกกระจาย จึงเป็นเหตุให้ชาวพม่านับถือในความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งต่อมาในภายหลังเมื่อซ่อมองค์พระเจดีย์เเล้ว ทางพม่าก็ยังสร้างเจดีย์ขนาดเล็กเหนือยอดเดิมขององค์พระธาตุที่หักลงมา แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 53 23:54:28 จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:54:01

ความคิดเห็นที่ 29   ซึ่งบริเวณยอดเดิมของพระธาตุนั้น จะมีคนเอาก้านธูปไปปักนัยว่าถือเป็นการช่วยค้ำจุนพุทธศาสนา จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:56:03

ความคิดเห็นที่ 30   โดยรอบองค์พระธาตุจะมีอาคารบริวารอยู่หลายหลัง เเต่ว่าเเต่ละหลังนั้นมีไว้สำหรับทำอะไรนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกัน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:57:23

ความคิดเห็นที่ 31   อาคารเเต่ละหลังก็มีลักษณะเเตกต่างกันออกไป เเต่โดยรวมเเล้วก็นับว่าช่วยส่งให้องค์พระธาตุดูสวยขึ้น จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 23:58:31

ความคิดเห็นที่ 32   น่าเสียดายก็ตรงที่หลังคลของอาคารส่วนใหญ่ใช้สังกะสีมุง เลยทำให้ความงามหายไปบ้าง ถ้าเป็นกระเบื้องหรือปีกไม้คงสวยกว่านี้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 00:00:11

ความคิดเห็นที่ 33   เเต่ที่ชอบมากๆของที่นี่คือ เค้าตัดต้นไม้สวยดี ดูเผินๆเหมือนบอนไซต้นใหญ่ๆ อยากรู้จังว่าคือต้นอะไร ใบหนาเเน่น เหมาะสำหรับหลบเเดดดีเเท้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 00:02:10

ความคิดเห็นที่ 34   สิ่งหนึ่งที่น่านับถือของชาวพม่าก็คือ ถึงบ้านเมืองเขาอาจจะไม่สะอาดเท่าไรนัก เเต่ถ้าหากเข้ามาในเขตศาสนสถานเเล้วเราจะพบว่าสะอาดมาก ทุกอย่างดูได้รับการดูเเลเป็นอย่างดี จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 00:04:13

ความคิดเห็นที่ 35   น่าเสียดายที่ตอนไปถึงพระธาตุเป็นเวลา เที่ยง ความร้อนของอากาศ(ตอนไปมีรายงานว่าอุณหภูมิเท่ากับ42องศา)เลยทำให้ไม่ค่อยมีอารมณ์ที่จะดูรายละเอียดขององค์พระธาตุเท่าไรนัก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 00:06:37

ความคิดเห็นที่ 36   หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังเมืองไจ๊โถ่ เเห่งรัฐมอญเพื่อที่จะขึ้นไปนมัสการพระธาตุอินทร์เเขวน อีก1ใน5มหาบูชาสถาน 2ข้างทาง.....เเล้งงงงงงงงงงงงได้อีก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 00:08:17

ความคิดเห็นที่ 37   รูปสวยๆนะครับ จากคุณ : คนนอกเมือง เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 03:23:18 A:68.23.175.50 X: TicketID:249903

ความคิดเห็นที่ 38   ตามไปด้วยคนครับ จากคุณ : Beijing in love เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 03:26:13

ความคิดเห็นที่ 39   เอ๋า  จบซะงั้น จากคุณ : marissabuu เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 07:44:09

ความคิดเห็นที่ 40   มาเเล้ว หลังจากเมื่อวานรีวิวอยู่ดีๆ พันทิปก็เออเร่อ เลยนอน วันนี้มาต่อดีกว่า การเดินทางไปพระธาตุอินทร์เเขวนค่อนข้างสมบุกสมบันทีเดียว หลังจากที่เรานั่งรถมาลงที่คิมปุ่นเเคมป์เเล้ว ก็ต้องเปลี่ยนรถเป็นรถบรรทุก6ล้อ เเบบที่นั่งเป็นไม้กระดานพาด (เป็นรถชนิดเดียวที่ขึ้นพระธาตุอ่ะ ต้องทำใจ) ถ้ามากับทัวร์ก็ดีหน่อยตรงที่นั่งไม่เบียดนัก เเต่ถ้าไปเองก็คงต้องเจอกับสภาพดังรูป จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 08:49:22

ความคิดเห็นที่ 41   หลังจากขึ้นรถ6ล้อมาได้สัก30นาทีก็ต้องเปลี่ยนการเดินทาง(ระหว่างทางไม่ต้องพูดถึง ทางเเย่ รถเเย่ ที่นั่งเเย่ จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปก็ไม่ไหว เเค่เอาตัวเองให้รอดยังเเทบตาย) นักท่องเที่ยวจะไม่สามารถนั่งรถไปถึงบนพระธาตุได้ ต้องลงก่อนถึงประมาณ3กิโล ซึ่งตรงนี้ก็เลือกเอาว่าจะนั่งเสลี่ยง(เตียงผ้าใบบางเเสนเเล้วเอาไม้ไผ่สอดไว้ให้คนหาม)หรือเดินเอง! จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 08:52:15

ความคิดเห็นที่ 42   ผมเลือกนั่งเสลี่ยงเพราะ...... ไม่ไหวครับ เเค่นั่งรถ6ล้อก็จะตายเเล้ว ขืนเดินขึ้นคงตายตั้งเเต่500เมตรเเรก นั่งเสลี่ยงใช้ระยะเวลาประมาณ40นาที จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 08:54:26

ความคิดเห็นที่ 43   ด้านบนมีโรงเเรมให้พักอยู่หลายเเห่งเหมือนกัน ผมพักที่ไจ้โถ่โฮเตลซึ่งจะใกล้กับพระธาตุมากที่สุด สามารถมองเห็นพระธาตุได้จากห้องเลยด้วยซ้ำ สภาพห้องก็โอเค ตามสภาพของที่พักบนดอย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 08:57:01

ความคิดเห็นที่ 44   ถึงจะไม่หรู เเต่ก็มีน้ำร้อนน้ำเย็น ชักโครกมีสายชำระ(อันนี้เวิร์คมาก) มีน้ำดื่ม ชา บริการ เเละเนื่องจากอากาศด้านบนค่อนข้างเย็นจึงไม่มีเเอร์ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 08:58:25

ความคิดเห็นที่ 45   ผมไปถึงโรงเเรมประมาณ 4โมงเย็น เมื่อเปิดประตูระเบียงออกไปจึงห็นบรรยากาศยามเย็นของยอดดอยเเห่งนี้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 08:59:32

ความคิดเห็นที่ 46   วิวสวยมาก บรรยากาศดี อุณหภูมิประมาณ20กว่าองศา (จากข้างล่าง42องศา) เหมือนตายเเล้วเกิดใหม่ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:00:26

ความคิดเห็นที่ 47   ทั่วทั้งหุบเขาเราจะได้ยินเสียงสวดมนต์อยู่ตลอดเวลา ทำให้สถานที่เเห่งนี้ดูมีความพิเศษเฉพาะตัวขึ้นมาอีก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:01:32

ความคิดเห็นที่ 48   พอเริ่มค่ำๆ ผมก็เดินไปนมัสการพระธาตุ ซึ่งห่างจากที่พักไปประมาณ400 เมตร จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:02:21

ความคิดเห็นที่ 49   องค์พระธาตุตั้งเด่นสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:02:59

ความคิดเห็นที่ 50   ระหว่างเดินไปพระธาตุก็จะผ่านลานนั่งเล่นของโรงเเรม ซึ่งน่านั่งทีเดียว จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:03:53

ความคิดเห็นที่ 51   เราสามารถนั่งชมวิวพระธาตุได้จากระเบียงนั่งเล่นได้เลยทีเดียว จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:04:41

ความคิดเห็นที่ 52   ระหว่างทางเดินขึ้นก็จะมีคนมาขายของกินเล็กๆน้อยๆ เเอบบอยากลองกินเเต่ไม่กล้าเพราะกลัวท้องเสีย เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:05:49

ความคิดเห็นที่ 53   ตรงบริเวณทางเข้าจะมีสิงห์คู่คอยอารักษ์วัดอยู่ สิงห์จะอยู่ตรงทางเข้าวัดทุกๆเเห่งของพม่าครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:07:11

ความคิดเห็นที่ 54   เดินมาได้สักพักก็เริ่มเห็นพระธาตุ ด้วยช่วงที่ผมไปเป็นสงกรานต์ พระธาตุเลยคราคร่ำไปด้วยผู้คน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:08:16

ความคิดเห็นที่ 55   ระหว่างทางจะมีจุดชมพระธาตุตั้งอยู่เป็นระยะๆ เราจะเห็นชาวพม่าจำนวนมากนั่งชมองค์พระธาตุได้เป็นนานสองนาน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:09:21

ความคิดเห็นที่ 56   ประวัติของพระธาตุอินทร์เเขวนนั้นมีเล่าไว้ว่า กษัตริย์องค์หนึ่งของพม่ามีลูกชาย2คน ซึ่งทั้ง2คนนี้ศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก จึงขอบวชพระ เเต่กษัตริย์ไม่ยอม เเต่อนุญาตให้บวชเป็นฤษีได้เพราะคิดว่าต่อไปถ้าต้องให้มาปกครองบ้านเมืองจะสะดวกกว่าการบวชพระ ซึ่งฤษีทั้ง2คนก็ไปบำเพ็ญเพียรในป่า จนวันนึงพระพุทธเจ้าเสด็จ เเละได้มอบเกศาให้ ฤษี2คนได้เเบ่งกันเก็บคนละครึ่ง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:12:52

ความคิดเห็นที่ 57   เเล้วฤษีทั้ง2ก็เเยกย้ายกันไปบำเพ็ญเพียรบนยอดเขาคนละลูก โดยตกลงกันว่าทุกวันให้ต่างฝ่ายต่างสังเกตุควันจากการทำอาหาร เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ จนวันหนึ่งฤษีองค์พี่ไม่เห็นควันจากยอดเขาลูกที่น้องอยู่จึงเดินทางไปหา จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:14:59

ความคิดเห็นที่ 58   ซึ่งฤษีพบว่าน้องตนนั้นได้เสียชีวิตเเล้ว จึงได้นำเกศาธาตุของพระพุทธเจ้ามาเก็บไว้รวมกับของตน ซึ่งฤษีองค์พี่นั้นเก็บเกศาธาตุไว้บนหัวของตนเอง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:16:20

ความคิดเห็นที่ 59   เเต่เมื่อฤษีองค์พี่ตรึกตรองดูดีๆเเล้วก็คิดได้ว่าวันนึงตนเองจะต้องตายเหมือนกัน เเล้วจะทำอย่างไรกับเกศาธาตุ พระอินทร์พอรับรู้ปัญหาจึงได้เข้ามาช่วยด้วยการบอกว่าตนเองจะหากินที่รูปร่างเหมือนหัวของฤษีมาให้เพื่อใช้เป็นที่เก็บเกศาธาตุ ซึ่งพระอินทร์ได้ลงไปเอาจากใต้สมุทรมา1ก่อนเเต่ฤษีไม่ชอบ บอกว่าไม่เหมือนหัวตน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:19:01

ความคิดเห็นที่ 60   พระอินทร์จึงลงไปเอามาใหม่ ก็ยังไม่ถูกใจฤษี(เรื่องเยอะนะเนี่ย) จนก้อนที่3ถึงจะถูกใจเเละทำการสร้างเจดีย์เพื่อเก็บเกศาธาตุ ดังนั้นเวลาเราไปอินทร์เเขวนจึงเห็นพระธาตุจำลองอีก2อันตั้งอยู่ด้วย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:20:58

ความคิดเห็นที่ 61   ตอนกลางคืนพระธาตุมีคนเยอะมาก เพราะชาวพม่าที่ขึ้นพระธาตุมักจะนอนกันตรงลานหน้าพระธาตุเลย(เพราะที่พักเเพง) เราจึงเห็นทั้งคนสวดมนต์ นอน จุดธูปเทียนบูชาในที่ที่เดียวกัน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:22:48

ความคิดเห็นที่ 62   องค์พระธาตุไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปปิดทองด้วยตนเอง ถ้าจะปิดต้องอาศัยฝากผู้ชายเข้าไปทำเเทน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:23:55

ความคิดเห็นที่ 63   เเน่นอน ว่าผู้ชายไม่ได้มีคนเดียว ดังนั้นบริเวณที่ปิดทองจึงเต็มไปด้วยผู้ชาย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:24:39

ความคิดเห็นที่ 64   ด้านตรงข้ามกับที่ปิดทองก็มีกระดิ่งเเขวนไว้เต็มไปหมด ไม่รู้เอาไว้ทำอะไร จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:25:32

ความคิดเห็นที่ 65   องค์พระธาตุพอต้องกับเเสงไฟก็เด่นระยิบระยับมาก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:26:37

ความคิดเห็นที่ 66   ด้านล่างจะมีพื้นที่ที่ผู้หญิงมักใช้เป็นที่นั่งนมัสการพระธาตุ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:27:51

ความคิดเห็นที่ 67   ผมอยู่เเถวๆพระธาตุจนซัก3ทุ่มก็เดินกลับโรงเเรม จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:28:56

ความคิดเห็นที่ 68   ระหว่างทางก็จะเห็นคนนั่งสวดมนต์อยู่เต็มไปหมด บ่งบอกถึงความผูกพันระหว่างศาสนากับชาวพม่าเป็นอย่างดี จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:29:53

ความคิดเห็นที่ 69   ถึงที่พัก อาบน้ำ เเล้วก็หลับไปอย่างรวดเร็วเพราะวันนี้ตื่นเช้ามาก(ตี4)เเละเหนื่อยจากการเดินทางมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขอจบวันเเรกไว้ที่นี้นะครับ เดี๋ยวกระทู้หน้าจะพากลับไปเที่ยวในย่างกุ้งครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 09:31:34

ความคิดเห็นที่ 70   ดีจังเลยค่ะ  ได้มีโอกาสไปตอนสงกรานต์ เห็นว่าสงกรานต์พม่าสนุกยิ่งกว่าสงกรานต์เมืองไทยนี่คะ จากคุณ : NU POPO เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 11:13:31

ความคิดเห็นที่ 71   รอดูต่อนะครับ จากคุณ : hohiohnor_p เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 11:22:15

ความคิดเห็นที่ 72   รอชมต่อนะคะ ภาพพระธาตุสวยจังคะ จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 12:44:59

ความคิดเห็นที่ 73   เข้ามาชมด้วยครับ เยี่ยมทั้งภาพและเรื่อง เห็นแล้วคิดถึงพม่าจัง จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 12:56:31

ความคิดเห็นที่ 74   สงกรานต์พม่าสนุกครับ ทุกคนดูเล่นน้ำกันเเบบไม่กลัวเเดด เล่นกันทุกที่  เต้นกันกลางถนน สนุกกันสุดชีวิต เเต่ก็มีข้อเสียคือ เค้าเล่นกันเเบบไม่สนว่าคนอื่น(นักท่องเที่ยว)อยากเปียกหรือไม่ ซึ่งก็เข้าใจนะว่าเค้าคงอยากเล่นสนุกกับเราด้วย คนที่ไม่ชอบโดนสาดน้ำหรือไม่ชอบให้ตัวเปียก คงเซ็งอยู่เหมือนกันถ้าไปช่วงสงกรานต์ ตอนผมไป ผมถือกล้องอยู่ เค้าเดินเข้ามาจะสาด ผมก็No Noเค้าก็ยังปรี่เข้ามา สรุปเปียกไปครึ่งตัว (ดีนะที่เอาตัวบังกล้องทัน) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 13:01:41

ความคิดเห็นที่ 1   ช่วงเวลาที่ชาวพม่าจะสนุกสนานกันเต็มที่นั้น เห็นจะเป็นเทศกาลสงกรานต์นี่แหละครับ ลืมนึกถึงเรื่องเสื้อผ้าแห้งได้เลย ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ และบรรยากาศจากเพื่อนบ้านด้านทิศตะวันตกของเราครับ จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : วันคุ้มครองโลก 53 11:55:16