ความคิดเห็นที่ 1   จากตอนที่แล้ว ผมเดินทางมาที่ อัมสเตอร์ดัม เพื่อจะติดตามบรรยากาศการเชียร์ฟุตบอลของแฟนบอล อัศวินสีส้ม แต่ก็สรุปว่า แป้ก ครับ เพราะบรรยากาศไม่คึกคักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่า ฮอลแลนด์ ค่อนข้างใกล้กับ เยอรมัน แฟนๆ เลยยกพลไปเชียร์ที่ เยอรมัน กันหมด ผมจึงนอนค้างที่ อัมสเตอร์ดัม 1 คืน และเดินทางกลับ แฟร้งเฟิร์ต ในช่วงเช้าวันที่ 12 มิ.ย. แต่ก่อนกลับก็มีเรื่องสนุกๆ ครับ คือ ผมแวะไปทานข้าวร้าน Wok to Walk เป็นร้านอาหารจีนแบบฟาสฟู้ด มีบะหมี่ผัด ข้าวผัด ประมาณนี้ ขณะที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนว่าจะิกินอะไรดี คนขาย (คนที่มัดผมตึงๆ กลางรูปนั่นแหละครับ) หันขวัยมาถามด้วยภาษาไทย "ทานอะไรดีคะพี่" เล่นเอาผมกับเพื่อนอึ้งไปนิด สอบถามได้ความว่า มาอยู่ที่ อัมสเตอร์ดัม หลายปีแล้ว นับเป็นคนไทยคนแรกที่ผมได้เจอในทริปนี้เลยครับ จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 22:42:43

ความคิดเห็นที่ 2   อีกความประทับใจหนึ่งของร้าน Wok to Walk นี้คือ นี่ครับ น้ำปลาพริกตัวเป็นๆ กลางกรุง อัมสเตอร์ดัม เล่นเอามื้อนี้เจริญอาหารกันทีเดียว ใครมีโอกาสไป อัมสเตอร์ดัม แวะเวียนไปทานกันได้นะครับ จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 22:45:49

ความคิดเห็นที่ 3   จากนั้นระหว่างทางที่จะไปขึ้นรถไฟครับ พอดีผ่าน บ้าน แอนน์ แฟรงก์ ซึ่งถ้าใครเคยอ่านเรื่องของเธอจะทราบว่า เธอเป็นเด็กสาวสัญชาติ เยอรมัน โดยกำเนิดแต่มีเชื้อสายยิว ทำให้เธอถูกไล่ล่าโดย นาซีเยอรมัน และต้องหลบซ่อนอยู่ในห้องใต้หลังคาของบ้านหลังนี้ ในช่วงที่หลบซ่อน แอนน์ เขียนไดอารี่ เกี่ยวกับเรื่องราวของเธอเอาไว้ ก่อนที่เธอจะถูก นาซีเยอรมัน จับตัวได้ในปี 1944 ก่อนที่จะถูกส่งไปยังค่ายกักกัน และเสียชีวิตลง หลังสงครามจบลง อ็อตโต้ แฟรงก์ คุณพ่อของ แอนน์ รอดชีวิตมาได้ และักลับมายังบ้านหลังนี้ และก็พบไดอารี่ของ แอนน์ ที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเธอในช่วงสงครามเอาไว้ อ็อตโต้ จึงนำไดอารี่เล่มนี้ออกตีพิมพ์ในปี 1947 ซึ่งก็มีการแปลออกไปเป็นหลายภาษาด้วยกัน และนี่คือ บ้านของเธอที่ตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้วครับ จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 23:00:30

ความคิดเห็นที่ 4   แต่เมื่อมองไปที่แถวแล้วก็ถอดใจครับ เพราะยาวพอสมควร ขณะที่ผมเองมีเวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ ก่อนรถไฟจะออก ก็เลยทำได้แต่มองตาปริบๆ จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 23:02:55

ความคิดเห็นที่ 5   ปิดท้ายภาพสุดท้ายจาก อัมสเตอร์ดัม ด้วย Amsterdam Royal Palace ที่อยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟเท่าไหร่ จากนั้นผมขึ้นรถไฟ ICE กลับมายัง แฟร้งค์เฟิร์ต เพื่อจะเดินทางไปยัง เบอร์ลิน หรือที่ชาวเยอรมัน เรียกว่า "แบร์ลีน" ต่อไปในวันรุ่งขึ้นครับ จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 23:07:36

ความคิดเห็นที่ 6   13 มิ.ย. 2006 หลังจากนั่ง ICE ประมาณ 5 ชั่วโมง ผมก็เดินทางจาก แฟร้งค์เฟิร์ต มาอยู่ที่ เบอร์ลิน ซึ่งวันนี้จะไปชมบรรยากาศในเกมระหว่าง บราซิล กับ โครเอเชีย และที่แรกที่ผมไปคือ ประตูแบรนเดนเบิร์ก ซึ่งเป็น landmark สำคัญของ เบอร์ลิน ประตูนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1688 ก่อนที่จะถูกกำแพงเบอร์ลิน กั้นเอาไว้ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ชาวเยอรมันตะวันตก ไม่สามารถจะเข้าไปยังบริเวณประตูได้ และเมื่อกำแพงเบอร์ลิน ถูกพังลงในปี 1989 ประตูแบรนเดนเบิร์ก เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ของ เสรีภาพ และการรวมประเทศอีกครั้งครับ จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 23:26:48

ความคิดเห็นที่ 7   ใกล้ๆ กันนั้นเป็นตึกรัฐสภาของเยอรมัน นั่นคือ Reichstag ซึ่งเปิดใช้งานเป็นครั้งแรกในปี 1894 และถูกใช้งานจนกระทั่งปี 1933 ก่อนที่ นาซีเยอรมัน จะย้ายไปประชุมกันที่ Kroll Opera House ทำให้ตึกแห่งนี้โดนทิ้งไว้เฉยๆ ในปี 1999 Reichstag ก็ได้กลับมาเป็นที่ประชุมของรัฐสภาเยอรมัน อีกครั้ง จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 23:39:42

ความคิดเห็นที่ 8   และที่ขาดไม่ได้เลย (ในความคิดของผมเอง) เมื่อมาเยือน เบอร์ลิน ก็ต้องไปเยือนซากกำแพงเบอร์ลิน ที่ทางการเยอรมัน สงวนเอาไว้พร้อมกับสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกำแพงแห่งนี้ โดยพิพิธภัณฑ์ถูกสร้างขึ้นในฝั่งของ เยอรมันตะวันออก ในอดีต และเมื่อมองลงไปก็จะเห็นกำแพงอยู่ด้านล่าง จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 23:43:35

ความคิดเห็นที่ 9   เมื่อมองใกล้ๆ ก็จะเห็นว่ามีสัญลักษณ์ไม้กางเขนอยู่ระหว่างกำแพงทั้ง 2 ซึ่งนั่นเป็นการแสดงถึงจุดที่ผู้ที่พยายามหลบหนีข้ามกำแพงไปยัง เยอรมันตะวันตก ถูกยิงเสียชีวิต โดยในช่วงที่กำแำพงอยู่นั้น มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตขณะพยายามข้ามกำแพงประมาณ 100-200 คนเลยทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตได้คือ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าใดนัก อาจจะเป็นเพราะว่า ชาวเยอรมัน อยากจะลืมช่วงเวลาแห่งการถูกแบ่งแยกด้วยความแตกต่างทางการเมือง ก็เป็นได้ครับ จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 23:48:13

ความคิดเห็นที่ 10   ปิดท้ายจุดท่องเที่ยวก่อนเดินทางไปยังสนามบอลที่ Checkpoint Charlie ซึ่งในอดีตเป็นจุดผ่านแดนของ เยอรมันตะวันออก และตะวันตก ก่อนจะมีกำแพงเบอร์ลิน ตอนนี้กำแพงเบอร์ลิน ถูกพังลงไปแล้ว Checkpoint Charlie จึงกลายมาเป็นจุดท่องเที่ยว และเป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็นในอดีต จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 00:08:08

ความคิดเห็นที่ 11   จากนั้นผมเดินทางไปยัง โอลิมปิก สเตเดี้ยม ของ เบอร์ลิน ด้วยความหวังว่าจะเข้าชมเกมได้เสียที แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง และทำได้เพียงถ่ายภาพบรรยากาศหน้าสนามที่เต็มไปด้วยกองเชียร์สไตล์แซมบ้า ของ บราซิล ก่อนจะเดินทางกลับ แฟร้งเฟิร์ต ครับ จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 00:13:11

ความคิดเห็นที่ 12   วันที่ 14 มิ.ย. ผมไม่ได้เดินทางไปไหน ฝังตัวดูบอลทางโทรทัศน์อยู่ที่ แฟร้งเฟิร์ต ก่อนที่วันที่ 15 มิ.ย. จะเดินทางไปเพื่อหวังชมเกมระหว่าง อังกฤษ กับ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก้ ที่ นูเรมเบิร์ก แต่ก็ผิดหวังเช่นเคย จนมาถึงวันที่ 16 มิ.ย. ผมตัดสินใจเดินทางไปยัง ไกเซอร์สเลาเทิร์น เพื่อทำรายงานเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้ เพราะเป็นเมืองที่เล็กที่สุดที่ได้เป็นเมืองเจ้าภาพของฟุตบอลโลกครั้งนี้ โดยมีประชากรไม่ถึงแสนคน และครึ่งหนึ่งเป็นทหารอเมริกัน ที่ประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศ Ramstein ใกล้ๆ ในวันที่ 16 มิ.ย. ไม่มีเกมที่เมืองแห่งนี้ แต่ก็จะมีการลงซ้อมสนามจริงของทีม อิตาลี และ สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะลงแข่งในวันรุ่งขึ้น ผมจึงตัดสินใจเดินทางไปที่สนาม Fritz Walter Stadion เผื่อว่าจะได้เข้าไปชมบรรยากาศการซ้อม และในที่สุดก็เข้าไปได้สำเร็จ นับเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าไปนั่งบนอัฒจันทร์ของสนามแข่งขัน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นวันที่มีการแข่งขันก็ตาม จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 00:28:11

ความคิดเห็นที่ 13   ซึ่งผมก็ได้มีโอกาสชมบรรดาซูเปอร์สตาร์นักเตะทีมชาิติอิตาลี อย่าง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, อเลสซานโดร เนสต้า, ฟิลิปโป้ อินซากี้ และ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ลงซ้อมแบบจะๆ ^^ จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 00:34:17

ความคิดเห็นที่ 14   บรรยากาศในสนามมันดีจริงๆ ครับ จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 00:37:56

ความคิดเห็นที่ 15   ซ้อมเสร็จแล้ว หลังซ้อมผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์นักเตะเหล่านี้แบบใกล้ๆ แต่ไม่ได้ถ่ายภาพนิ่งเอาไว้ครับ มีแต่ภาพเคลื่อนไหว หมดไปอีกวันครับ เดินทางกลับ แฟร้งเฟิร์ต หาที่ซุกหัวนอนเช่นเคย จากคุณ : OuFlash 80 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 00:41:01

ความคิดเห็นที่ 16   ขอบคุณค่ะ เห็นแล้วชวนให้นึกถึงมากๆค่ะ ป้าเตี้ยโชคดีเล็กๆที่มีโอกาสได้ไปสัมผัสบรรยากาศบอลโลกครั้งนั้นที่มึนเช่น แต่เป็นช่วงก่อนเปิดการแข่งขันอ่ะค่ะ อยู่แค่ 2 วันครึ่งเอง คุณ OuFlash 80 โชคดีจังได้อยู่ตั้ง 39 วันแน่ะ แล้วจะตามมาชมอีกนะคะ จากคุณ : เตี้ยอ้วนชวนไถล เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 12:27:33