ความคิดเห็นที่ 1   และแล้ว การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ของเราก็เริ่มขึ้น... ออกเดินทางจากบอสตันกันตั้งแต่ตอนบ่ายวันพฤหัส งานนี้เราไปต่อเครื่อง ต้องค้างเติ่งราวหกชม บินออกจากบอสตันเกือบหกโมงเย็น เครื่องลงราวๆตีสอง แค่นี้ก็เริ่มเหนื่อย ลงมาจากเครื่องก็หิวโหย ซัดเส้นเล็กเนื้อที่แอร์พอร์ตไปชามแก้ขัด บวกน้ำอีกขวดแค่นั้น สนนราคาก็ปาเข้าไป ยี่สิบ...ยูโรเท่านั้นเองจ้า โอ้วส์ ซีดส์ ขูดกันเลือดซิบ แน่นอนว่าสองคนจานเดียวมันไม่อิ่ม เลยต้องไปต่อโทสท์กะครัวซองในเมนูอาหารเช้าของแมคโดนัลต่อ ตบด้วยแมคเฟลอรี่ ไอ้ชองชื้นละหนึ่งสองยูโรนี่ก็ เล็กจิ๋วได้ใจจริงๆ นั่งๆนอนๆรอคุณพี่ที่บินจากซานฟรานมาเจอกันราวเที่ยงๆ  และแล้วก็ได้ไปไคโรกันเสียที มาถึงไคโรหกโมงครึ่ง ฟ้ามืดแล้ว มาถึงก็ได้ตื่นเต้นกันเลยเพราะเด็กหายไปคน ไหงมาสามแล้วผ่านตม.ออกมาสอง แบบว่าเห็นกันหลัดๆ เข้าไปต่อคิวพร้อมๆกัน ครึ่งชม ผ่านไป ใจก็เริ่มหวั่นๆ แบบ หายหัวไปไหนฟระ ใครจะลักพาชายหนุ่ม(ไม่)น้อยไป ในที่สุดก็หลุดออกมาได้ สรุปว่า ตม.เอาไปกักตัวนั่งรอไว้เฉยๆแล้วก็ปล่อยมา เฮ้อ...ปล่อยให้สยองตั้งนาน ผ่านด่านสยองด่านแรกมาได้เราก็แยกย้ายไปจัดการแลกเงิน อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 5.47 EGP ต่อ 1 USD จากนั้นเราก็นั่งรถที่จองไว้ (เพราะไม่ไว้ใจแทกซี่) ไปที่โรงแรม คนขับรถเราเฟรนด์มากๆ ชี้ชวนชมสองข้างทางราวกับเป็นไกด์ก็ไม่ปาน บ้านเมืองที่นี่ก็คล้ายๆเมืองไทย อาจจะเป็นซักกรุงเทพเมื่อสิบปีที่แล้ว แถมรถติดไม่ขยับครือๆกันเลยทีเดียว ที่น่าทึงคือการขับรถของคนที่นี่ ถนนมีสามเลนก็เบียดกันไปซะเป็นห้าเลน บีบแตรกันสนั่นหวั่นไหว แซะไปแซงมาตลอดเวลาแบบใกล้มากๆแต่ไม่ยักกะขูดกัน แถมถนนก็แปลกๆ ไฟแดงหาแทบไม่มี ไม่รู้ขับกันยังไง กว่าจะตะกายไปถึงรรได้ก็ปาไปชม.กว่า ลุ้นซะแทบตาย ให้ทิปคุณคนขับใจดีแกก็ไม่เอาอีกต่างหาก น่ารักจริง เริ่มดึกก็เริ่มหิว เราก็ค้นๆ Lonely Planet หาร้านแรงๆที่เค้าแนะนำแล้วให้โรงแรมโทรไปจองให้ ร้านที่เลือกคือร้าน Abu el Sied นั่งแทกซี่ไปนึกว่าไกล ที่ไหนได้ใกล้นิดเดียว กระนั้นก็ถูกโขกไปยี่สิบปอนด์อิยิปต์ เรา เห็นร้านโทรศัพท์พอดีเลยได้ข้ามถนนไปซื้อซิม จะได้มีสองซิมไว้ติดต่อกันเวลานั่งแทกซี่สองคันกันหลง และได้โทรคอนเฟิร์มทัวร์ด้วย ราคาสามสิบก็ได้สามสิบนาที ไม่แย่เลย ร้านอาหารร้านนี้ให้บรรยากาศอิยิปต์พอควร ออกแนวฮิปหน่อยๆเพราะมีบาร์ มีคนนั่งสูบชิชากันควันโขมง ได้ยินมาว่าชิชานี่เป็นแรงกว่าบุหรี่เยอะ แต่ไม่ค่อยติด ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน เวลาสูบจะเอาใบใส่ไว้ (เห็นว่ามีหลายกลิ่น กลิ่นแอปเปิ้ลก็นิยม) เสร็จแล้วห่อด้วยฟอยล์ แล้วเอาถ่านวางข้างบน ควันจะลงไปตามท่อข้างล่างไปผ่านบนน้ำเป็นการช่วยกรอง แล้วคนดูดก็ดูดจากท่อยางยาวๆแบบนี้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:47:03

ความคิดเห็นที่ 2   ขนาดเราโทรมาจองก่อนยังต้องรอตั้งนาน ร้านแน่นมาก มีนักท่องเที่ยวอเมริกันกลุ่มใหญ่มาก่อนเราพอดี (สงสัยอ่านมาจากเล่มเดียวกัน) ตอนรอนี่แทบไม่มีที่ยืน อาหารร้านนี้อร่อยสมราคาคุย เราสั่ง แอพิไทเซอร์รวม มีขนมปังกับซอสจิ้มๆแนวฮัมมัสหลายแบบ มีมะเขือม่วงปรุงรสเข้มข้น และ ฟาลาเฟล จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:47:42

ความคิดเห็นที่ 3   ต่อด้วยเมนคอร์สสตูว์เนื้อลูกวัวรสกลมกล่อม นกพิราบยัดไส้ข้าวผัดที่ผอมจะไม่มีเนื้อ แต่ข้าวผัดอร่อยมาก และ ไก่แบบอิยิปต์เนื้อนุ่ม ที่ชอบที่สุดคือของหวานที่เมนูเขียนว่า Oriental custard  เป็นกึ่งๆพุดดิ้งกึ่งๆเต้าฮวยอัลมอนด์ กินแล้วแทบลอยได้ อิ่มพุงและอิ่มใจแล้วก็กลับโรงแรมไปพักเอาแรงเตรียมตะลุยวันรุ่งขึ้น จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:48:17

ความคิดเห็นที่ 4   คืนนั้นเพื่อนอีกหนึ่งตามมาสมทบหลังจากไปเฉิดฉายที่ตุรกีมา ต่อด้วยเช้าวันถัดมา ทีมก็ครบ ด้วยบินมาจากอังกฤษอีกสาม จากไทยอีกหนึง (Egypt Air มี Direct Flight จากเมืองไทย ราคาราวสี่หมื่นกว่าๆ  ตบกับสายการบินนี้ปวดหัวมากๆ ตอนแรกบัตรเครดิตกับชื่อคนบินไม่ตรงก็แคนเซิลไปเฉย น้องชายเราเค้าสิบแปดสิบเก้าเค้าก็ไม่มีบัตรเครดิตสิยะ ที่ ร้ายคือไม่มีแจ้งไม่มีถาม ไม่บอก ไม่กล่าว นี่ถ้าไม่เผอิญไปเช็คว่าอยู่ดีๆตั๋วที่คอนเฟิร์มแล้วหายไป ไปรู้ตอนใกล้ๆคงอกแตกตายเพราะขาอื่นก็จองไปหมดแล้ว แถมเวทลิสต์นานมากกว่าจะจองได้ใหม่ คนรับสายก็ดุยิ่งกว่า... นี่ชั้นเป็นผู้เสียหายนะ ยังมาตะคอกชั้นอีก ถ้าใครไม่ไมน์ว่าต้องบิน  Direct Flight แนะนำให้จองสายการบินอื่นค่ะ ราคาดีๆบริการดีๆยังมีอีกหลายทางเลือก งานนี้ดิฉันสาบส่ง) ครบองค์ประชุมแล้วพวกเราก็ออกเดินทาง (พวกเพิ่งมาก็ถึกกันไป ไม่ต้องนอน) งานนี้มีไกด์มารับที่โรงแรม คุณไกด์ท่าทางขาโจ๋มาก วัยสะรุ่นถูกใจพวกเราถึงจะรัวตัวอาร์โหดไปหน่อยแต่ก็ฟังไม่ยากมาก สต็อปแรก เรามุ่งหน้าไปที่ Dashur ระหว่างทางพี่ไกด์ก็เล่านู่นเล่านี่ไม่หยุดหย่อน เริ่มตั้งแต่ว่า ที่นี่ใครจะมาเป็นไกด์นี่ต้องเรียนจบหลักสูตรสี่ปีเชียวนะ (ย้ำบ่อยมาก) จากนั้นคุณไกด์ก็โชว์พาวโดยการพ่นตัวเลขออกมาเป็นชุดๆ ตั้งแต่ประชากรอิยิปต์มี 80 ล้านคน แปดล้านคนชื่อ Mohammed เหมือนเค้า ผู้หญิงที่มีอยู่ 22 ล้านคน ชื่อที่ฮิตสุดคือ Fatima กับ Leila (สะกดงี้ป่าวหว่า) รถในไคโรมีสองล้านคัน เจ็ดพันคันเป็นแทกซี่ 90% ของประชากรเป็นมุสลิม 10% เป็นคริสเตียน ในประเทศ มี Mosque หรือสุเหร่า อยู่ถึงหนึ่งแสน อยู่ในไคโรเสียหมื่นเจ็ด จากนั้นก็เริ่มปูพื้นเกี่ยวกับที่มาที่ไปของประเทศอิยิปต์และเมืองไคโรบ้าง ชื่ออิยิปต์นั้นจริงๆเป็นชื่อที่กรีกเรียก มาจากคำว่า Egyptus Cairo นั้นเป็นเมืองหลวงที่มาทีหลัง ตั้งเมื่อราวๆ 970 AD ชิ่อเดิมคือ Al-Qahirah ที่แปลว่าThe Victorious หรือผู้ชนะ ตอนนี้เมืองหลวงอย่างไคโรมีประชากรเกินสิบสองล้านไปแล้ว หนาแน่นมากๆ อย่างที่ทราบกันดีประเทศอิยิปต์มีแม่น้ำไนล์เป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยง ไนล์นั้นเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 6725 km ไหลผ่านเก้าประเทศด้วยกัน เนื่องด้วยแม่น้ำไนล์ไหลจากทางใต้ขึ่นเหนือไปลงทะเลเมดิเตอเรเนียน ทางใต้จึงถูกเรียกว่า Upper Egypt ในขณะที่ทางเหนือเรียกว่าLower Egypt รูปแม่น้ำไนล์และวิวเมืองไคโร จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:49:40

ความคิดเห็นที่ 5   เริ่มออกนอกเมือง สองข้างทางก็เริ่มเป็นทุ่งหญ้า มีลามีม้าเดินผ่านไปมา บรรทุกของบ้างบรรทุกคนบ้าง ไกด์เล่าว่า ชาวนาที่นี่ถือเป็นคนรวย เมืองแถบนี้อย่าง Saqquara มี Villa อยู่มากมาย ที่ชาวนารวยเห็นได้ชัดจากราคาค่าวัว วัวที่นี่ราคาตัวละ พันปอนด์เลยที่เดียว จากนั้นพอตัวอะไรเดินผ่าน ไกด์ก็นั่งบอกราคามาเรื่อยๆ ลาหรือแกะนี่ตัวละร้อยห้าสิบ แต่ถ้าเป็นอูฐจะราคาถึงเจ็ดร้อย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:50:27

ความคิดเห็นที่ 6   ต้นไม้สองข้างทางเป็นจำพวกปาล์ม อิยิปต์มีปาล์มอยู่ถึงสองล้านต้น ไกด์บอกว่าอินทผลัมที่นี่มีอยู่สามพันธุ์ด้วยกัน จะโตช่วงน้ำจากแม่น้ำไนล์ท่วมคือช่วงสิงหาถึงตุลา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:50:54

ความคิดเห็นที่ 7   ผ่านโรงเรียนข้างทางก็ได้ความรู้ใหม่มาว่าเด็กที่นี่หยุดเรียนศุกร์เสาร์ จริงๆคนทำงานก็ด้วย สรุปว่าสุดสัปดาห์คือ ศุกร์เสาร์ ส่วนวันอาทิตย์คนที่นี่ทำงานกัน คุณไกด์ฮามากๆ คือเค้าจะดุเวลาคนไม่ฟังเค้าตอนอธิบาย หันไปคุยกันนี่ไม่ได้เลย เราเด็กแถวหน้า(รถ)นี่ ก็จะจดยิกๆฟังตาแป๋ว พวกข้างหลังนึกว่ารอดก็คุย เวลาแอบกระซิบกระซาบเมาท์กันไกด์จะมีโกรธ ต้องตบมือปุปุเด็กๆฟังช้านนน เป็นคอร์สอินเทนซีฟอะไรจะปานนั้น ขนาดตอนเค้าโม้เรื่อยเปื่อยยังคุยกันไม่ได้เลย แบบ เราถามเค้าเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานของคนที่นี่ เค้าเล่าว่าเดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยมีภรรยาสี่คนแล้วเพราะให้อะไรต้องให้เท่ากัน บ้านก็ต้องให้คนละหลัง สร้อยซื้อให้คนก็ต้องให้ที่เหลือเท่าเทียมกัน ขนาดจะไปค้างบ้านใครยังต้องค้างสลับวันเวียนไปเรื่อยๆ ถึงกับหมดแรง ส่วน เรื่องแต่งข้ามศาสนา ชายมุสลิมแต่งหญิงคริสไม่มีปัญหา แต่หญิงมุสลิมไม่แต่งกับชายคริส เพราะชายเป็นหัวหน้าครอบครัวมีสิทธิ์ห้ามหญิงมุสลิมไม่ให้ทำนู่นทำนี่ได้ เช่นอาจไม่ยอมให้อดอาหารเดือนรอมาฏอน หรือ ไม่ให้ละหมาดวันละห้าครั้ง ถาม ไกด์ไปว่าจีบสาวกันยังไง เค้าบอกว่าถ้าเห็นแล้วถูกใจก็ชวนกินกาแฟ ถ้ายังเวิร์คก็ชวนกินข้าวกลางวันเข้าเย็นตามลำดับ ถ้าพอถูกคอวันที่สี่ก็ขอหมั้นได้เล้ย (เร็วมากกก) คนที่นี่จะหมั้นกันหนึ่งปี (ใส่แหวนนิ้วนางขวา) ครบปีแล้วถูกใจก็แต่ง (เปลี่ยนมาใส่แหวนมือซ้าย) ไม่ถูกใจก็ลากันไป มีเวลาให้ดูใจกันหนึ่งปีเพื่อความชัวร์ จากนั้นคุณไกด์ก็เริ่มเพ้อถึงหญิงในสเป็ก แล้วก็เล่าว่าไปกับแฟนสาวดัชท์ไม่รอดเพราะระยะทางไกล (ไกด์บอกว่าตัวเองพูดได้สี่ภาษารวมทั้งเยอรมันและดัชท์) แต่ตอนนี้กำลังรอสาวอิยิปต์ที่จะส่ามารถกุมหัวใจเค้าไว้ได้ โอ้ว หวานซะ พอเค้าเริ่มเพ้อ เราจะเริ่มเมาท์กันเองบ้างก็โดนดุให้ฟังเค้าอีกแน่ะ ขำมากๆ หลังจากโม้ไปไกลจนรถใกล้ถึงเมืองไกด์จึงสับเกียร์กลับมาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์อีกครั้ง อิยิปต์ถูกปกครองด้วยสามสิบราชวงศ์ด้วยกันกินเวลาต่อเนื่องยาวนานหลายพันปี แบ่งได้เป็นยุคต่างๆคือ Old Kigdom ราชวงศ์1-6   ช่วงนี้มี ที่ดุังๆคือ Zoser  คนที่สร้าง Step pyramid Khufu (Cheops) คนที่สร้าง first Great pyramid Khafre คนที่สร้าง second Great pyramid Menkaure คนที่สร้าง smallest of the Great pyramid ซึ่งทั้งหมดเราจะได้ไปชมในวันนี้ First Intermediate period ราชวงศ์ 7-10 Middle Kingdom ราชวงศ์11-14 ช่วงนี้อาณาจักรย้ายเมืองหลวงมาเป็นธีปส์ (Thebes) หรือ Luxor ในปัจจุบัน Second intermediate period ราชวงศ์15-17 New Kingdom ราชวงศ์18-20 ฮัตเชปชัท (Hatshepsut) ฟาโรห์หญิงที่เราจะได้ไปชมวิหารในวันรุ่งขึ้นก็อยู่ในช่วงนี้ Third intermediate period ราชวงศ์21-24 ช่วงนี้อิยิปต์ถูกรุกรานและราชวงศ์ต่างๆเป็นต่างชาติเช่น ชาวลิเบีย ต่อด้วยถูกปกครองโดยชาว เอธิโอเปีย เปอร์เชีย และอื่นๆ ในช่วง Late Period ราชวงศ์ 25-30 ก่อนที่ Alexander the Great จะขับไล่ชาวเปอร์เชียออกจากอิยิปต์สำเร็จและย้ายเมืองหลวงไปที่ Alexandria นำไปสู่ จุดเริ่มต้นของยุคสุดท้ายคือ Ptolemic period เรื่องราวของคลีโอพัตราเกิดขึ้นในช่วงนี้ ก่อนที่จะนำไปสู่การถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน การก่อตั้งอิยิปต์เริ่มจากราชวงศ์ที่ 1 กษัตริย์  Menes สามารถรวบรวมอิยิปต์บนและล่างให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ มงกุฏขาวของอิยิปต์บน(ทางใต้) และ มงกุฏแดงของอิยิปต์ล่าง (ทางเหนือ) ได้ถูกรวมกันเป็น Double crown of Egypt อันนี้จะเห็นบ่อยตามรูปสลักในวิหาร จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:51:29

ความคิดเห็นที่ 8   ปูพื้นเสร็จก็มาถึงเมือง Dashur พอดี เมือง Dashur มีประชากรราวเจ็ดพันคน เมือง Dashur นั้นมีความสำคัญตรงที่เป็นที่ตั้งของ พิรามิดยุคแรก ๆ เริ่มจาก Bent Pyramid ที่สร้างขึ้นในสมัยฟาโรห์ Snofru พระบิดาของ Khufu ในช่วงราวสองพันห้าร้อยปีก่อนคริสตศักราช เนื่องจากเป็นอันแรกที่สร้าง ก็เลยอาจมีการออกแบบผิดบ้าง จึงเห็นการเปลี่ยนแปลงคือ เมื่อสร้างไปได้ครึ่งหนึ่ง คงเห็นว่าถ้าสร้างต่อด้วยมุม 50 องศาคงสูงลิบ จึงแก้กลางคันเป็น 25 องศา ทำให้พิรามิดที่ออกมาดูโค้งเป็นที่มาของชื่อ Bent pyramid ซึ่งที่สุดแล้วสูง 79m Bent pyramid นี้ยังมีความพิเศษอีกหนึ่งอย่างคือมีทางเข้าสองทางคือเหนือและตะวันตก ในขณะที่พิรามิดอื่นๆมีทางเข้าทางเดียว ซึ่งยังหาเหตุผลไม่ได้มาจนถึงตอนนี้ เห็นในรูปอยู่ไกลลิบๆ จะเห็นว่ามันเอียงจริงๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:52:30

ความคิดเห็นที่ 9   เนื่องจาก Bent pyramid นั้นผิดพลาด ไม่สมบูรณ์  ฟาโรห์ Snofru จึงให้สร้าง พิรามิด ใหม่อีกอัันคือ Red pyramid ซึ่งได้ชื่อนี้เพราะนำหินสีแดง (Red granite) จากอัสวาน มาสร้าง pics พิรามิดนี้มีทางเข้าทางเดียวคือทิศเหนือ และเป็นที่ๆใช้ฝังศพ ฟาโรห์ Snofru ต้องปีนบันไดหลายขั้นกว่าจะถึงทางเข้า ดังรูป จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:53:04

ความคิดเห็นที่ 10   ในพิรามิดนี้ มี burial chamber สูงขึ้นไปถึง100ม อันนี้เรามีโอกาสได้เข้าไปดูข้างในด้วย บันไดปีนลงชันและยาวมาก กว่าจะไปถึงนี่ขาสั่นเลยทีเดียว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:54:40

ความคิดเห็นที่ 11   ห้องต่างๆมีเพดานเป็นแบบ vaulted ceiling มี spiral staircase ขึ้นไป (ตอนนี้มีทำนั่งร้าน ทำบันไดให้เดิน) burial chamber เป็นห้องแคบๆ เพดานเป็น vaulted ceiling เช่นกัน เข้าไปแล้วบรรยากาศอับๆเย็นๆหลอนๆใช้ได้เมื่อนึกถึงว่าเคยมีมัมมี่และสมบัติล้ำค่ามากมายถูกฝังปิดตายอยู่ในนี้นับพันปี บรึ๋ย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:56:26

ความคิดเห็นที่ 12   ต่อจากพิรามิดของเมือง Dashur เราก็แวะไปเมือง Memphis เมือง Memphis มีประชากรราวสี่พันคน จุดท่องเที่ยวที่นิยมก็คือการมาชมพิพิธภัณฑ์ของฟาโรห์รามซิสที่สอง (ใครเป็นนักเรียนแล้วจะมาเที่ยวอิยิปต์อย่าลืมพกบัตรนักเรียนมา ค่าเข้าชมสถานที่่ทุกสิ่งอย่างจะได้ลดราคาครึ่งหนึ่งหมดเลย) ฟาโรห์รามซิสที่สองนี่คงคุ้นชื่อกันอยู่บ้างเพราะเป็นฟาโรห์ที่เก่งกาจที่สุดของอิยิปต์เลยก็ว่าได้ ชื่อรามซิสนั้นแปลว่าบุตรของรา ซึ่งราเป็นเทพเจ้าสูงสุดของอิยิปต์ ฟาโรห์รามซิสที่สองครองราชย์นานถึงแปดสิบปี โดยระหว่างนั้น สร้างวิหารไว้ถึงเจ็ดวิหาร รูปปั้นราวร้อยรูป ทรงมีมเหสีสี่สิบสี่คน (คนสุดท้ายตอนอายุแปดสิบ) มีลูกชายร่วมร้อยและลูกสาวอีกสักครึ่งร้อย นอกจากนี้ยังเป็นคนลงนามในสัญญาสันติภาพเป็นฉบับแรกอีกด้วยหลังจากรบพุ่งกับชาวฮิตไทต์ (เลยได้มเหสีรายที่สี่สิบสี่มาครอง) ที่ พิพิธภัณฑ์ที่เมือง Memphis มีรูปปั้นฟาโรห์รามซิสที่สองใหญ่โตมโหฬารมาก สูงสิบสี่เมตร หนักแปดสิบสองตัน คุณไกด์ชี้ให้ดูถึงขาของรูปปั้นที่ขาซ้ายนำขาขวาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสมดุล ความมั่นคง และ ยังเป็นท่าเดินมาร์ชแบบทหารคือบ่งบอกถึงความเข้มแข็งอีกด้วย นอกจากนี้ยังเล่าด้วยว่า ที่เห็นเป็นอักษร เฮียโรกลิฟฟิค (hieroglyphs ) ในวงรีที่อยู่ตรงกลางเข็มขัดเรียกว่า คาร์ทุช (cartouche) เป็นพระนามของฟาโรห์ (คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ใช้วงรีล้อมรอบชื่อ) ที่เป็นวงรีเพราะเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นนิรันดร์ (eternity) จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:57:07

ความคิดเห็นที่ 13   เวลาสร้างวิหารหรือรูปสลักจะเห็นคาร์ทุชเต็มไปหมดเพราะเป็นการประกาศพระนามฟาโรห์ เพื่อป้องกันบางส่วนบุบสลายไปตามเวลา หรือมีคนมาลบชื่อแอบอ้างความดีความชอบ ก็เลยต้องสลักเยอะๆ กร่อนแล้วจะได้ยังเหลือบ้าง แถมลบกันไม่หมดไม่สิ้น อย่างรูปปั้นอันนี้ นอกจากจะมี ตรงกลางเข็มขัดแล้วก็ยังมีอันเล็กๆข้างๆของเข็มขัดอีกด้านละสอง หัวไหล่ข้างละอันและข้อมืออีกด้วย เรียกว่าประทับตรากันเต็มตัวทีเดียว ให้มันรู้ซะบ้างว่ารูปปั้นใครเป็นใคร จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:57:28

ความคิดเห็นที่ 14   นอกจากรูปปัั้นยักษ์ที่ดังแล้ว ที่นี่ก็ยังมีสฟิงซ์ของฮัตเชปชัท (Hatshepsut) ฟาโรห์หญิง เจ้าสฟิงก์นี้ทำมาจากอัลบาสเตอร์ หน้าตาที่เป็นมนุษย์นั้นสื่อถึงความเฉลียวฉลาด (intelligence)  ส่วนกายที่เป็นสิงโตนั้นบ่งบอกถึงพลัง (power) จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:57:55

ความคิดเห็นที่ 15   ถัดมาเราก็ขับรถไปเมือง Saqqara เพื่อชม step pyramid พิรามิดขั้นบันไดนี้มีอยู่หกขั้นด้วยกัน สร้างขึ้นเพื่อฟาโรห์ Zoser โดย Imhotep ผู้ซึ่งดำรงตำเเหน่งวิเซียรในตอนนั้นเป็นผู้ออกแบบ พิรามิดนี้สร้างเมื่อ ศตวรรษที่ยี่สิบเจ็ดก่อนคริสตศักราช ถือเป็นพิรามิดต้นแบบที่เก่าแก่ที่สุดเลยทีเดียว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:58:19

ความคิดเห็นที่ 16   บริเวณใกล้เคึยงนั้นยังมีซากวิหารหลงเหลืออยู่ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 10:58:48

ความคิดเห็นที่ 17   อย่างวิหารนี้มีเสาอยู่สี่สิบต้นเสมือนเป็นตัวแทนของยี่สิบสี่ province ของ อิยิปต์ในเวลานั้น จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 11:00:04

ความคิดเห็นที่ 18   อิ่มความรู้กันแล้วก็แวะทานข้าวกลางวันให้อิ่มพุงกันบ้าง อาหารกลางวันวันนี้ออกแนวปิ้งย่าง มีไก่ เนื่อ แกะ ปลา ให้เลือก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 11:01:45

ความคิดเห็นที่ 19   เครื่องเคียงก็มีต่างๆนานา ตั้งแต่มะเขือม่วงรสเปรี้ยวๆ กะหล่ำห่อเนื้อ และฟาลาเฟล จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 11:02:22

ความคิดเห็นที่ 20   อิ่มตื้อกันแล้วก็ได้เวลาไปชมหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก นั่นก็คือ The Great Pyramids of Giza อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า มีของฟาโรห์ Khufu (Cheops) ของฟาโรห์  Khafre และอันเล็กของฟาโรห์ Menkaure สามองค์นี้เค้าเป็นปู่ พ่อ แล้วก็ลูกชาย สามรุ่นสร้างที่ฝังศพไว้ใกล้ๆกันเลย พิรามิดยิ่งใหญ่มาก ยืนใกล้ๆแล้วรู้สึกว่าเรานั้นช่างเล็กนิดเดียว ชวนให้อัศจรรย์ใจว่าคนสมัยโบราณสรรสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่โตขนาดนี้ด้วยเทคโนโลยีขณะนั้นได้อย่างไร ทั้งความชาญฉลาดในการออกแบบ และแรงกายแรงใจที่ทุ่มเทไป สมเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างแท้จริง แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 53 19:04:26 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 11:03:16

ความคิดเห็นที่ 21   งานนี้พวกเราได้ไปขี่อูฐชมพิรามิดกันด้วย ตอนแรกเห็นน้องอูฐนั่งพับเพียบเรียบร้อยดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ พอขึ้นหลังได้แล้วมันลุกยืนเท่านั้นล่ะมีอันกรี๊ด แบบว่าเสียวสยองมากๆ มันยืนขาหลังก่อนแล้วตามมาด้วยขาหน้า ตัวเราก็เลยเทไปข้างหน้าแบบจะตกมิตกแหล่ เจ้าอูฐตัวสูงกว่าที่คิดมาก ยืนขึ้นมาแล้วนี่อย่างเสียว เราเกาะจนมือแดงเลยกลัวตก แต่ได้นั่งอูฐชมพิรามิดนี่เป็นอะไรที่ได้บรรยากาศมากๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 11:03:41

ความคิดเห็นที่ 22   จากนั้นค่อยเดินไปชมสฟิงซ์ยักษ์ ไกด์ว่าที่จมูกหักเพราะนโปเลียนเอาปืนใหญ่มายิงตอนบุกอิยิปต์ ปานนั้นเลย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 11:06:17

ความคิดเห็นที่ 23   ถ่ายรูปกันหนำใจ ไกด์ก็พาไปดูสาธิตวิธีทำกระดาษปาปิรุส เริ่มจากปอกเปลือก ฉีกเป็นเส้น ทุบให้แบน ชุบนำ้ ซ้อนสับหว่างเป็นแผ่น หมุนไม้ทับอัดไว้นานจนแห้งกลายเป็นกระดาษ เขียนแล้วถ้าชุบน้ำก็ล้างออกทั้งปากกาทั้งดินสอด้วยนะเออ ร้านนี้คงมีเอี่ยวกับไกด์เพราะเชียร์จัง เราก็เพลินถูกกล่อม ซื้อไปหลาย ต่อก็ไม่ค่อยเก่ง ท่าทางจะถูกฟันราคากันหัวแบะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 11:08:49

ความคิดเห็นที่ 24   จบแล้วก็ได้เวลาไปทานข้าวเย็น งานนี้อนาถหน่อยต้องมาลงเอยที่ KFC ตอนกินมีเด็กข้างทางมาเกาะกระจกแบมือขอกินด้วย น่าสงสารอยู่แต่เราไม่กล้าเอาให้กลัวเด็กคนอื่นมารุม ที่กิซ่านี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวมากๆ คนขายของค่อนข้างหน้ากลัว จะมีการเดินตามตื้อ เดินเข้าหา หรือแม้กระทั่งเดินขอเงินกันเฉยๆ ต้องระวังตัวกันหน่อย ที่แปลกๆคือเค้าจะตะโกนเรียกชื่อประเทศ แบบเดินผ่านก็ Hey Japan ! Hey China ! ถ้ายังไม่หันก็จะเริ่ม Hey Korea ! แบบว่าจะเรียกทำไม ใครเค้าเรียกกันแบบนี้ แล้วก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆทุกร้านที่เดินผ่านเสียด้วยสิ ติดแค่ยังไม่มีใครทายประเทศเราถูก หุหุ กินเสร็จก็ถึงเวลาดู แสดงแสงสีเสียง ตอนแรกนึกว่าจะตระการตาแต่เอาเข้าจริงแล้วไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ เรื่องที่เล่าไม่ค่อยต่อเนื่อง ยิงเลเซอร์ขึ้นพิรามิดทำเท่ห์ไปเรื่อยๆ อากาศก็หนาว ลมแรงแทบแข็งตาย ไม่ใจอย่างแรง ใครอยากรู้ว่าน่าไปไหมบอกได้ตรงนี้เลยว่าไม่ต้องหรอกค่ะ เปลืองสตางค์ แต่ก็ยังได้รูปสวยๆอย่างนี้มาเป็นรางวัลปลอบใจ ก่อนจะกลับไปนอนเอาแรง และแล้ววันแรกก็จบลงอย่างอิ่มอกอิ่มใจ ได้ไปเยี่ยมชม สิ่งมหัศจรรย์ของโลกกกกก คราวหน้ามาต่อกันที่ Luxor นะคะ รูปพระอาทิตย์ตกดิน ณ กิซ่า จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 11:09:33

ความคิดเห็นที่ 25   ขอตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ภาพสวยจังเลย แอบหวังว่าสักวันเราคงได้ไปกับเขาบ้าง จากคุณ : cascar เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 11:37:24

ความคิดเห็นที่ 26   ขอบคุณค่ะ    เพิ่งจะนึกถึงวิธีการทำกระดาษปาปิรุสอยู่เมื่อวานนี้เอง   นึกยังไงก็ไม่ได้   ดีใจที่ได้เห็นจากรีวิวอียิปต์ค่ะ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 11:53:15

ความคิดเห็นที่ 27   ตามมาเที่ยวด้วยครับ  เป็นจุดหมายที่อยากไปมาก จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 12:37:00

ความคิดเห็นที่ 28   ขอบคุณค่ะสำหรับรีวิวดีๆ+ความรู้แน่นเอี๊ยด  ด ด !!~ Egypt นี่เคยเกือบจะได้ไปดูปีรามิดอยู่แล้วเชียว แต่มันเป็นแค่ทางผ่านเปลี่ยนเครื่องเลยอดแวะเพราะเครื่องดีเลย์เวลาเปลี่ยนเครื่องก็เหลือน้อย T_________________T อดไปเลย :(( แต่ว่าสักวันยังไงก็ต้องไปให้ได้ !! จากคุณ : Ziiaki เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 13:35:17

ความคิดเห็นที่ 29   ขอเที่ยวอียิปต์ด้วยคนค่ะ เมื่อเช้ายังนึกอยู่เลยว่าอยากเที่ยวอียิปต์ ^^ จากคุณ : oub_ib เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 14:06:39

ความคิดเห็นที่ 30   อยากไปมาก หยอดกระปุกอยู่คะ ขอบคุณภาพและเรื่องราวคะ ^^ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 16:36:23

ความคิดเห็นที่ 31   ขอบคุณมากค่ะ ขออนุญาตเซฟข้อมูลไว้ค่ะ คิดว่า จะตามรอยค่ะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 23:22:27

ความคิดเห็นที่ 32   อยากไปมากกกกกกกกกกกกกกกกก จากคุณ : ปลาทองมองแมว เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 01:33:34

ความคิดเห็นที่ 33   ไปมาแล้วเหมือนกัน ชอบมาก อยากไปที่พิพิธภัณฑ์ที่ไคโร อีกรอบ เพราะยังเดินดูได้ไม่ครบเลย ใหญ่มาก ๆๆ จากคุณ : sitafighting เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 14:36:59

ความคิดเห็นที่ 34   ขอบคุณทั้งภาพและความรู้ที่ให้นะคะ ชอบมากๆค่ะ จากคุณ : wachu เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 15:16:23

ความคิดเห็นที่ 35   ตอนที่สองมาแล้วค่า http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9072314/E9072314.html จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 20:52:34

ความคิดเห็นที่ 36   สุดยอดเลยครับ จากคุณ : Kazai เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 15:17:20