ความคิดเห็นที่ 1   หลังจากที่เราสามสาวตากตรำลำบาก หม่ำข้าวเย็นที่ร้าน SNOB กันจนพุงกางแล้ว วันรุ่งขึ้นเราก็ออกตะลุย Charleston แต่เช้า กะเดินชมเมืองละลายไขมันเต็มที่ โฉมหน้า Mills House Hotel โรงแรมของเราค่ะ สีชมพูแป๋น หวานแหววซะไม่มี จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:51:03

ความคิดเห็นที่ 2   แน่นอนว่าภารกิจแรกของเราในเช้านี้ก็คือ ออกตามหาข้าวเช้าอร่อยๆ ตอนแรกเรากะมาหาของหม่ำตรง Broad Street ที่อยู่ใกล้ๆโรงแรม แต่ก็วืดค่ะทั่น เพราะไม่เจอร้านกาแฟเลย มีแต่แกลอรี่เต็มไปโหม้ด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:52:05

ความคิดเห็นที่ 3   รูปอะไรเนี่ย น่ารักจัง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:52:41

ความคิดเห็นที่ 4   ขนาดกระเบื้องปูหลังคาก็ยังน่ารัก! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:52:58

ความคิดเห็นที่ 5   เดชะบุญว่าพอเดินมาถึง Bay Street แล้ว ร้านอาหารร้านกาแฟอย่างตรึมเลย เย้ แล้วหวยก็มาออกที่ร้านเบเกอรี่ชื่อ Baked ค่ะ เพราะมันเป็นร้านแรกที่พวกเราเดินผ่าน (พอความหิวมา ความเรื่องมากก็หายเข้ากลีบเมฆ กร๊ากกกกก) โฮ่ ข้างในร้านดูดีไม่เลวเลยแฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:53:48

ความคิดเห็นที่ 6   แถมร้านยังตกแต่งได้เก๋ไก๋มั่กๆ เอา wall molding มาก่อเป็นผนังเนี่ยนะ ทำไปได้อ่ะเพ่ นอกจากนี้ ในร้านยังมีขาย cookbook ของร้านเองเลยด้วยนะเคอะ! เพื่อนมอเห็นหนังสือเข้า ถึงกับตบอกดังผาง "ชั้นเห็นเล่มนี้ขายใน amazon.com ด้วยแก ได้รีวิวดีมากๆเลยน๊าาาา" ฤาเทพเจ้าแห่งการท่องเที่ยวจะเมตตาเราตั้งแต่หัววันเลยนะคะเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:55:04

ความคิดเห็นที่ 7   พวกเราไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือสั่งข้าวเช้าพร้อมกาแฟ (แก้วใหญ่มากกกกก) ทันที จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:55:29

ความคิดเห็นที่ 8   น้องปอสองเล่นของหนักทันควันด้วย Sweet & Salty cake อันขึ้นชื่อของร้านชิ้นนี้ฮ่ะ ตัวเค้กทำจากดาร์คช็อคโกแลต คั่นด้วยครีม salty caramel ซึ่งหวานๆเค็มๆหน่อย ก่อนจะโปะด้วยช็อคโกแลตคาราเมล พร้อมโรย Fleur de sel (sea salt รุ่นแพงพิเศษ) พอเป็นพิธี ออกมาอร่อยแบบประหลาดๆดีเหมือนกัน เพราะได้รสเค็มนิดๆที่ตัดกับความเข้มข้นของเค้กช็อกโกแลต จริงๆเดี๋ยวนี้ จขกท.เห็นช็อคโกแลตรสประหลาดๆขายกันเกลื่อน ใส่เกลือนี่ยังธรรมดาไป หลังๆนี่เห็นใส่พริกกันแล้ว >_< แม่เจ้า หรือต่อไปร้าน Baked เค้าจะมี Sweet & Spicy cake ออกมาด้วยไหมหนอ กร๊ากกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:56:45

ความคิดเห็นที่ 9   ส่วนเพื่อนมอก็ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอา brownie หรือ chocolate whoopie pie ดี สุดท้ายเจ๊เลยเหมามันทั้งสองรายการซะเลย งั่มๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:57:17

ความคิดเห็นที่ 10   หลังจากเห็นสองสาวกระหน่ำสั่งของหวานไปแล้ว จขกท.เลยขอจก Quiche แทน ไม่ใช่อะไรหรอก ขนมน่ะ เด๋วไปแย่งเพื่อนมอกับน้องปอสองกินได้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:57:40

ความคิดเห็นที่ 11   จบมื้อเช้าไปอย่างหน้าชื่นพุงบานแล้ว พวกเราก็ออกไปลั๊ลลัลลาชมบ้านสวยๆบน Bay Street กันต่อ สองหลังนี้ทาสีซะน่ารักเชียว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:58:06

ความคิดเห็นที่ 12   ส่วนนี่ก็พร้อมใจทำตัวคิขุกาโม่กันยกบล็อค มันเลยมีชื่อเล่นว่า Rainbow Row ค่ะ ไกด์บุคบอกว่า เพราะเจ้าของเดิมเป็นชาวอังกฤษที่อพยพมาจากหมู่เกาะในทะเลแคริบเบี้ยน เลยทาสีบ้านให้สดสันสดใสตามแบบบ้านในแถบโน้น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:58:40

ความคิดเห็นที่ 13   โอกส์ บ้านสวยๆเยอะจริงๆ ถึงขนาดบางบ้านต้องปักป้ายให้ระลึกว่า บ้านตรูไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวนะเฟ้ย (แต่ จขกท.ก็ถ่ายหน้าบ้านเขามาอยู่ดี ไว้เจ้าของบ้านออกมาเมื่อไหร่อิฉันค่อยเผ่น กร๊ากกกก) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:59:08

ความคิดเห็นที่ 14   ระหว่างที่ดูๆบ้านอยู่ ก็มีคณะ walking tour เดินผ่านมา แล้วไกด์ก็ชี้ๆไปที่ตรานกอินทรีที่แปะอยู่เหนือประตู คุณป้าในทัวร์ก็ใจดี หันมาเล่าให้พวกเราฟังอีกทอดว่า นี่เป็นสัญลักษณ์ของบริษัทประกันสมัยพระเจ้าเหาฮ่ะ เวลาบ้านไฟไหม้ บริษัทก็จะมาช่วยดับไฟให้ แต่ถ้ามาแล้วเจอแต่ผนังโล่งๆ บริษัทก็จะเปิดตรูดกลับบ้านไปว่ะค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 05:59:44

ความคิดเห็นที่ 15   และถ้าเดินฉีกจาก Bay Street ไปอีกหน่อยก็จะเจอ Cooper River บรรยากาศดีจัง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:00:25

ความคิดเห็นที่ 16   เห็นเรือรบอยู่ลิบๆด้วย Charleston เองก็เป็นบ้านของ The Citadel โรงเรียนทหารเก่าแก่ของอเมริกาด้วยนะเอ้อ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:00:48

ความคิดเห็นที่ 17   กลับมาที่ Bay Street ต่อฮ่ะ ยิ่งเดินลงใต้ บ้านก็จะยิ่งใหญ่บึ้มอลังการดาวล้านดวงขึ้นเรื่อยๆ ตะกี้เจอ Rainbow row ไปแล้ว แล้วตรงนี้จะเรียกอะไรดีล่ะ Millionaire row เหรอ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 53 06:01:43 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:01:22

ความคิดเห็นที่ 18   ~*~ นี่คือสถาน แห่งบ้านทรายทอง ~*~ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:02:13

ความคิดเห็นที่ 19   อุ๊ย มีทัวร์รถม้าล่วย เด๋วตอนบ่ายๆ พวกเราก็จะได้ไปนั่งแป้นแล้นอยู่บนทัวร์รถม้าด้วยนะขอรับ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:03:03

ความคิดเห็นที่ 20   ฉะนั้นเรื่องโม้ขอเก็บไว้ทีหลังนะฮะ ตอนนี้ก็ชมบ้านงามๆไปก่อนละกัน หลังนี้สะใจเดี๊ยนมาก ระเบียงเหล็กดัด 3 ชั้น 3 ลาย เท่จริงๆพับเผื่อย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:04:11

ความคิดเห็นที่ 21   ส่วนนี่ก็...bed & breakfast เจ้าค่ะ!! แค่เห็นทำเลก็สยองกระเป๋าตังค์แร๊ว ค่าห้องจะเท่าไหร่วะเนี่ย T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:05:33

ความคิดเห็นที่ 22   นอกจาก Bay Street แล้ว บน Meeting Street ก็มีแมนชั่นเบิ้มๆอยู่อีกเพียบเช่นกัน อย่าง Calhoun Mansion ที่เห็นนี่เป็นต้น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:05:55

ความคิดเห็นที่ 23   Calhoun Mansion เป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดใน Charleston ค่ะ (35 ห้อง 24,000 ตารางฟุต! >_<) ที่ Charleston เขาจะเรียกระเบียงยาวๆที่ยื่นออกมานี่ว่า Piazza ค่ะ (ภาษาวิบัติมากอ่ะ Piazza มันแปลว่า Plaza ในภาษาเลี่ยนไม่ใช่เหรอ -_-) แล้วเจ้า Piazza นี่จะหันหน้าไปทางทิศใต้เสมอ เพื่อรอรับลมทะเลที่พัดเข้ามาดับร้อน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:07:25

ความคิดเห็นที่ 24   เนื่องจากเวลาเราน้อย เลยมีเวลาเข้าแมนชั่นได้แค่หลังเดียว ซึ่งเราก็เลือก Nathaniel Russell House หลังนี้แหล่ะฮ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:08:01

ความคิดเห็นที่ 25   สวนสวยๆด้านในบ้านเจ้าค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:08:17

ความคิดเห็นที่ 26   ไปถึงทัวร์บ้านกำลังจะเริ่มพอดี เราเลยได้ร่วมคณะทัวร์ที่นำทัพโดยคุณยายไกด์ชาวฝรั่งเศส (!) คุณยายถามว่า รู้รึเปล่าว่าบ้านนี้ดังเพราะอะไร จขกท.ตอบได้ทันทีเพราะไกด์บุคทุกเล่มเขียนเหมือนกันหมด ว่าบ้านนี้ มีดีที่กระไดค่าาาา ว่าแล้วคุณยายก็เปิดประตูให้พวกเราได้ชมความเปรี้ยวปาดของเจ้า flying staircase นี่กันเต็มๆ เห็นแล้วเป็นได้อึ้งค่ะ เพราะบันไดนี้มี support น้อยมาก ทำให้เหมือนมันควงสว่านลงมาจากเพดานเลย น่าเสียดายที่เค้าห้ามถ่ายรูปในบ้าน จขทก.เลยต้องจิ๊กรูปจากในเน็ตมานะขอรับ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:09:28

ความคิดเห็นที่ 27   ด้านในบ้านก็ตกแต่งได้กุ๊กกิ๊กกิ๊บเก๋เหลือกำลัง อย่าง Music room ในรูปนี้เป็นต้น คุณยายไกด์ชี้ใด้ดูด้วยค่ะ ว่าลายตามผนัง ขอบประตูหน้าต่าง บางทีดูเผินๆเหมือนเป็นลายนูน แต่ดูใกล้ๆจะเห็นว่าวาดหลอกตาเอาทั้งนั้น เอ่อ...แบบนี้ทำลายนูนไปเลยมันไม่ง่ายกว่าเหรอเพ่ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:10:02

ความคิดเห็นที่ 28   ปิดท้ายทัวร์แมนชั่นขำๆด้วยการบริหารก้นกบกับคุณยายไกด์และเจ้า Joggling board ในภาพค่ะท่านผู้ชม Joggling board ที่ว่านี่ ทำมาจากต้นไพน์ท้องถิ่นที่มีความยืดหยุ่นสูง เวลานั่งมันก็เลยเด้งดึ๋งไปมา ที่ฮาคือ นอกจากจะใช้นั่งเล่นแล้ว Joggling board ยังเป็นอุปกรณ์ในการจีบกันของหนุ่มสาวสมัยโน้นด้วยนะฮะ ประมาณว่าสตาร์ทที่ปลายเก้าอี้ จากนั้นก็ให้ขย่มจนทั้งสองฝ่ายไหลมากองอยู่ตรงกลาง แอ๊บแบ๊วซะขนาดนี้ เลยว่ากันว่า บ้านไหนมี Joggling board แล้ว รับรองลูกสาวขายออกทุกคน!! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:11:25

ความคิดเห็นที่ 29   จบทัวร์บ้านแล้วก็พักสายตากันสักนิด ด้วยภาพสวยๆจากฝีมือน้องปอสองเน้อ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:11:58

ความคิดเห็นที่ 30   จากนั้นก็มาบริหารกระเพาะกันต่อ ด้วยมื้อเที่ยงกันที่ร้าน 82 Queen ซึ่งอยู่แถวๆโรงแรมของเรานี่เอง ตอนแรกเราว่าจะไปหม่ำกันที่ร้าน Poogan Porch แต่คิวนานเกิน เลยต้องถอยทัพมาที่ร้าน 82 Queen แทน โอย หิวแล้ว สั่ง she crab soup (ซุปครีมปูข้นคลั่ก เป็นเมนูท้องถิ่นขึ้นชื่อค่ะ) มากินเรียกน้ำย่อยก่อนดีกว่า ออกมาซุปอย่างเค็ม เง้ออออ เสียใจ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:12:44

ความคิดเห็นที่ 31   เดชะบุญที่ร้านมาแก้มือได้ด้วย crab cake จานนี้ ซึ่ง sear ด้านนอกได้กรอบกรุบนิดๆกำลังดี พอกัดเข้าไปเจอปูเป็นก้อนๆยวบๆอยู่ข้างใน โอว์ สวรรค์แต๊ๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:13:11

ความคิดเห็นที่ 32   ส่วนจานของน้องปอสองกับเพื่อนมอก็รสชาติเฉยๆ ไม่มีอะไรประทับใจ ฉะนั้น จขกท.ขออู้ เอ้ย ข้ามโลด แต่ Lobster-Sweet Corn Fritters จานนี้ขอทีเหอะ อ่านเมนูแล้วดูน่ากินมาก ออกมาเป็นแป้งข้าวโพดทอดวิญญาณล็อบสเตอร์ซะงั้น โกรธธธธธธธธ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:13:40

ความคิดเห็นที่ 33   เฮ้อ ไปเที่ยวแก้เซ็งดีกว่า กินข้าวเสร็จเราก็เดินมาที่ Old City Market ด้านหลังตึกจะเป็นตลาดนัด ขายของกันสากกระเบือยันเรือรบมากค่ะ ขนมเอย ของที่ระลึกเอย งานหัตถกรรมท้องถิ่นเอย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:14:09

ความคิดเห็นที่ 34   รวมถึงสารพัดบริษัททัวร์รถม้าที่มากระจุกกันอยู่แถวๆนั้นด้วย ส่วนนี่ก็โฉมหน้าน้องม้าที่จะมาให้บริการเราในวันนี้ เป็นพันธุ์ Belgian ตัวใหญ่แรงเยอะ กะอีแค่ลากรถพร้อมลูกทัวร์อีกโหลนึงเนี่ย สำหรับน้องม้าแล้ว แค่นี้กระจอกส์ม๊ากค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:15:02

ความคิดเห็นที่ 35   บางเจ้าเขาก็ไม่ใช้ม้าลากรถ แต่ใช้ระบบขับเคลื่อน 2 ล่อ(ลูกครึ่งม้ากับลา)แทน แบบนี้ก็ดีไปอีกอย่างนะคะ น้องล่อจะได้ไม่เหงา มีเพื่อนนินทาผู้โดยสาร จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:15:27

ความคิดเห็นที่ 36   เห็นพี่ไกด์ของเราถือแส้แล้วไม่ต้องตกใจนะฮะ เพราะเค้าเอาไว้ชี้ตึกมากกว่า เพราะน้องม้านี่เขาฝึกมาดี แค่ดึงบังเหียนกับพูดกับเขาดังๆก็รู้เรื่องแล้ว พี่ไกด์แนะนำตัวว่า "กระผมมาจากนิวแฮมไชร์ครับทุกท่าน (อ้าวเฮ้ย -_-) แต่ไม่ต้องตกใจ Charleston เป็น 1 ใน 3 เมืองในเมกาที่ไกด์ทุกคนต้องสอบใบประกาศ กว่าไอจะมาโม้ให้พวกยูฟังได้เนี่ย ต้องท่องตำราหนาเท่าสมุดโทรศัพท์เลยนะครับ ฉะนั้นความรู้ปึ้กไม่มีแป้กแน่นอน ส่วนน้องม้า ท่านก็ไม่ต้องห่วงเช่นกัน ทราบไหมครับว่าน้องม้าทำงานอาทิตย์ละแค่ 4 วัน และทุกๆ 2 เดือน น้องม้าก็จะได้ไปพักร้อนวิ่งเล่นที่ฟาร์ม แถมมีประกันสุขภาพและทันตกรรมให้เบ็ดเสร็จ ไอว่าชีวิตมันสบายกว่าไออีกนะยู " จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:16:56

ความคิดเห็นที่ 37   ก่อนจะออกทัวร์ รถม้าทุกคันต้องมาต่อคิวที่ป้อมยามนี่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะหยิบลูกบอลในถังเข้าเครื่อง เพื่อเสี่ยงเซียมซีว่ารถม้าจะได้ไปทัวร์โซนไหนในกระบวน 4 โซนรอบเมือง เหตุที่ต้องทำอย่างนี้ ก็เพื่อควบคุมปริมาณรถม้าที่วิ่งไปมาในเมืองค่ะ ไม่งั้นทุกคันคงแห่ไปโซนยอดฮิต ซึ่งน่าจะเป็นแถวๆคฤหาสน์ริมน้ำที่พวกเราไปเดินเล่นเมื่อเช้านั่นแล พวกเราก็ลุ้นว่าจะได้ไปโซนไหนกันน้อ ผลออกมาว่าเราได้โซนยอดนิยมเจ้าค่ะ เยสสสสส จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:18:32

ความคิดเห็นที่ 38   ระหว่างทางพี่ไกด์ก็เล่าโน่นเล่านี่ไปเรื่อยๆ อย่างป้าย Dead End (ทางตัน) ที่เห็นกันเนี่ย รู้ป่าวทำไมเขาถึงเรียกมันว่า Dead End ก็เพราะสมัยก่อนเวลาท่านสุภาพบุรุษเค้าหมั่นไส้กัน เค้าก็จะไปดวลปืนกันให้ตายไปข้างตามพวกตรอกแบบนี้น่ะสิ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:19:47

ความคิดเห็นที่ 39   ส่วนนี่ก็ French Quarter ค่ะ บ้านน่าร๊ากกกกกกซะ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:20:04

ความคิดเห็นที่ 40   จากนั้นน้องม้าก็พาเรามาถึง Broad Street ที่เราเดินหาร้านกาแฟกันไส้กิ่วเมื่อเช้า พี่ไกด์โม้ต่อว่า บ้านที่อยู่ใต้ Broad Street ลงไป เป็นของพวกคนรวยๆ ลูกท่านหลานเธอทั้งน้าน คนที่นี่เลยเรียกไฮโซเหล่านั้นว่า S.O.B (ย่อมาจาก South of Broad หรือ Son of a B.... ) ทีนี้พวกที่ไม่มีกำลังทรัพย์ซื้อบ้านตรง South of Broad แต่อยากเกาะกระแสไฮโซไฮซ้อกับเขาด้วย ก็เลยมาซื้อทีเหนือ Broad Street ไปนิ้ดนึง เวลาโดนถามว่าบ้านอยู่ไหน อีก็จะชูคอตอบอย่างมาดมั่นว่า บ้านเดี๊ยนอยู่ Slightly North of Broad ย่ะ ชาวบ้านเลยเรียกคนจำพวกหลังนี่ว่า S.N.O.B ซึ่งตรงกับภาษาปะกิตที่แปลว่า "ไอ้กระแดะ" พอดีเรย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:21:14

ความคิดเห็นที่ 41   ผ่านบ้านสีรุ้งอีกแล้ว ไกด์ว่า ถ้าใครคิดที่จะทาสีบ้านในย่าน Historic Downtown ที่นี่ ต้องไปขออนุญาต Preservation Society ก่อนเน้อ แล้วสมาคมจะให้ตัวเลือกมา 5-6 สี กะไม่ให้หลุดโทนเพื่อนบ้านเลย ว่างั้น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:22:39

ความคิดเห็นที่ 42   ส่วนตึกสีชมพูแป๋นนี่ ไกด์เล่าว่ามันเป็นโรงพิมพ์หรือที่เก็บเอกสารนี่แหล่ะ จำบ่ได้แล้ว ตอนที่นายพล Sherman แม่ทัพฝ่าย Union สุดโหดกำลังจะบุกขึ้น Charleston ชาวเมืองก็จัดการย้ายเอกสารสำคัญไปเก็บไว้ที่เมือง Columbia แทน แต่พอนายพล Sherman มาถึง แล้วพบว่าเมือง Charleston โดนฝ่าย Union ยิงปืนใหญ่ใส่จนเละเทะไปเรียบร้อยแล้ว แกเลยเปลี่ยนใจไปเผาเมือง Columbia แทน >_< เอกสารสำคัญๆเลยมลายหายไปในเถ้าถ่านซะมาก เวรกรรมจริงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:23:40

ความคิดเห็นที่ 43   อ้อ แล้วถ้าเพื่อนๆสังเกตนะฮะ จะเห็นว่าบ้านเก่าแก่ของที่นี่ จะมีแผ่นกลมๆสีดำๆแปะอยู่ตามผนัง ซึ่งเค้าไม่ได้แปะเพื่อความเท่เน้อ เนื่องจาก Charleston เจอแผ่นดินไหวระดับ 7 ริกเตอร์ในปี 1886 จนบ้านพังเป็นแถบๆ บ้านที่เหลือโครงสร้างก็ทรุดซะจนต้องเอาเหล็กเส้นมาเสริมกันบ้านถล่ม แล้วไอ้กลมๆดำๆนั่นก็คือ Bolt ที่เอาไว้ไขแท่งเหล็กเส้นดังกล่าวนี่เอง บ้านไหนครีเอทหน่อย ก็จะทำ Bolt ออกมาซะน่าเอ็นดู เป็นรูปดาวบ้างล่ะ หัวสิงโตบ้างล่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:25:12

ความคิดเห็นที่ 44   มาถึงริมน้ำแล้วจ้า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:25:31

ความคิดเห็นที่ 45   พี่ไกด์ก็เล่าประวัติบ้านโน้นบ้านนี้ไปเรื่อย แต่ จขกท.ลืมไปหมดแล้ว แป่ว -_- จำได้หลังเดียวคือแมนชั่นที่เห็นนี่ค่ะ เพราะหน้าตาแปลกเหลือทน นั่นก็เพราะตอนสร้าง คุณสามีอยากได้บ้านสไตล์ Greek Revival แต่คุณเมียจะเอาสไตล์อิตาเลี่ยน สุดท้ายตกลงกันไม่ได้ เลยเหมามันทั้งสองแบบ บ้านนี้เลยมีนิคเนมว่า Compromise House เจ้าค่ะ กร๊ากกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:26:55

ความคิดเห็นที่ 46   ตะกี้ได้เห็นฤทธิ์แผ่นดินไหวไปแล้ว ทีนี้มาดูฤทธิ์เฮอริเคนกันบ้าง Charleston โดนเฮอริเคน Hugo ซัดเข้าไปเต็มๆในปี 1989 เล่นเอาเสาของบ้านนี้ถลอกปอกเปิกไปเลยเชียว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:27:36

ความคิดเห็นที่ 47   ส่วนหลังนี้ก็คือ Bed & Breakfast ที่เราได้ชมกันไปใน คห.ที่ 21 ไกด์ว่าบ้านนี้เป็นของขวัญวันแต่งงาน ที่คุณพ่อมหาเศรษฐีสร้างให้ลูกสาวกับลูกเขย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:28:18

ความคิดเห็นที่ 48   ต่อมาคุณลูกสาวกับเจ้าบ่าวก็ได้ไปฮันนีมูนที่ปารีส ซึ่งคงจะถูกจริตคู่ผัวตัวเมียนี้มาก ทั้งสองเลยตัดสินใจสร้างประตูชัยจำลองไว้บนหลังคาบ้าน เพื่อเป็นการระลึกทริปฮันนีมูนสุดสวีทนี้ >_< เพื่อนมอเห็นแล้วถึงกับส่ายหัว "เงินนี่ซื้อรสนิยมไม่ได้จริงๆว่ะแก" จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:29:06

ความคิดเห็นที่ 49   ส่วนบ้าน 3 หลังนี่ก็เป็นของขวัญที่มหาเศรษฐีอีกคนสร้างให้ลูกสาวสามคน มีเรื่องเล่าว่า ลูกสาวคนนึงโสดสนิท เธอเลยออกมายืนตรงระเบียงทุกวัน เป็นการส่งซิกให้หนุ่มๆที่ผ่านไปมาว่า แต่งกับชั้น ได้บ้านด้วยน๊าาา อนิจจา ลดแลกแจกแถมขนาดนี้ คุณเธอก็ยังได้ปีนคานทองฝังเพชรอยู่ดี -_- นี่ถ้าเปลี่ยนจากยืนบนระเบียงเฉยๆมานั่งอ่อยหนุ่มบน Joggling board หนูว่าเจ๊อาจไม่ต้องขึ้นคานก็ได้นะฮะ กร๊ากกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:30:05

ความคิดเห็นที่ 50   ไกด์ชี้ให้ดูด้วยฮ่ะ ว่าเราจะเห็นสับปะรดประดับอยู่ทั่วไปในเมือง Charleston เพราะสับปะรดเป็นสัญลักษณ์ของ Hospitality นั่นเอง สมัยโน้น คุณพ่อบ้านอาจต้องล่องเรือไปทำมาค้าขายที่หมู่เกาะในทะเล Carribean พอกลับมาทีก็จะหอบผักผลไม้แปลกๆกลับมาด้วยโดยเฉพาะสับปะรด เลยเป็นธรรมเนียมค่ะว่า ถ้าบ้านไหนมีสับปะรดวางไว้บนกำแพง แปลว่าคุณพ่อบ้านกลับมาแล้วจ้า เชิญญาติสนิทมิตรสหายเข้ามาทักทาย กินดื่ม catch up กันได้ (หรืออาจแปลได้อีกอย่างว่า ชู้จ๋า ผัวชั้นกลับมาแล้ว อย่าทะลึ่งเข้ามานะแก ) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:33:27

ความคิดเห็นที่ 51   Charleston นี่ประวัติศาสตร์ยิบย่อยเยอะจริงๆค่ะ ขนาดเจ้าตุ๊กตาข้างฝาที่เราเจอเมื่อเช้าก็ยังมีที่มาเลย เพราะแต่ก่อนตึกนี้เป็นร้านขายหมวกค่ะ (ลึกซึ้งมากอ่ะ จขกท.ดูผ่านๆไม่สังเกตนะเนี่ย -_-) เนื่องจากเฮียหมวกในรูปเป็นภาพฝาผนังเก่าแก่ ฉะนั้นมันเลยได้รับการคุ้มครอง ห้ามลบ ห้ามแต่งเติมด้วยเน้อ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:34:09

ความคิดเห็นที่ 52   ใกล้จบทัวร์แล้วค่ะ ระหว่างทางกลับตลาด เราก็ผ่าน St.Philip's Episcopal Church จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:34:47

ความคิดเห็นที่ 53   โบสถ์นี้มีสุสานอยู่สองฝั่งถนนค่ะ สุสานฝั่งเดียวกับโบสถ์สำหรับชาว Charleston โดยกำเนิด ฝั่งตรงข้ามสำหรับผู้ที่มาจากเมืองอื่น ขนาดผัวเมียบางทียังไม่ได้ฝังด้วยกันเลย ถ้าผัวหรือเมียเป็นคนต่างถิ่นอ่ะนะ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:35:05

ความคิดเห็นที่ 54   ส่วนเจ้าต้นปาลม์ที่เห็นอยู่นี่ เค้าเรียกว่า Palmetto ค่ะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรัฐ South Carolina เสียด้วย ตอนที่อเมริกาประกาศเอกราชในปี 1776 ชาวเมือง Charleston ก็ตั้งป้อมสู้กับกองทัพเรืออังกฤษ ด้วยการเอาเจ้า Palmetto นี่แหล่ะ มาสร้างเป็นป้อมปราการ เนื่องจาก Palmetto มีความยืดหยุ่นมาก ทำให้กระสุนปืนใหญ่ที่อังกฤษยิงมาติดแหง่กอยู่ที่กำแพง ป้อมไม่แตกไม่พอ ทหาร Charleston ยังรีไซเคิล โหลดลูกปืนใหญ่นั่นแล้วยิงกลับไปที่เรือของอังกฤษอีกตะหาก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:36:30

ความคิดเห็นที่ 55   กลับมาที่ตลาดซะทีเน้อ ตรงนี้แต่ก่อนมีชื่อว่า Slave market ค่ะ แต่ไม่ได้มีไว้ขายทาสนะเคอะ เพราะมันเป็นตลาดนัดที่ทาสจะมาขายของในวันอาทิตย์ตะหาก แล้วทัวร์ก็จบลงด้วยความปลื้มปิติของ จขกท. เพราะเห็นในรูปแดดอย่างเปรี้ยงเนี่ย จริงๆอากาศหนาวโพดๆ แถมอิฉันดันหยิ่ง เค้าแจกผ้าห่มให้ก็ไม่เอา เลยได้นั่งสั่นหงั่กๆอยู่บนรถม้า สร้างความอนาถใจแก่เพื่อนมอและน้องปอสอง ที่นั่งห่มผ้าห่มเป็นมัมมี่อยู่บนรถมั่กๆ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:39:15

ความคิดเห็นที่ 56   ทัวร์จบแล้วทำอะไรต่อดีเอ่ย ก็ต้องหาของกินสิคะ ไม่น่าถามเลย เพื่อนมอติดใจหอยนางรมสดจากทริปนิวออร์ลีนส์ เลยอยากหม่ำหอยอีกรอบที่ Charleston เราเลยไปจุ๊มปุ๊กกันที่ร้าน Hyman's Seafood ร้านอาหารทะเลชื่อดังของเมือง เห็นว่าปกติคนเยอะมาก คิวยาวระเบิดระเบ้อ ถ้าขี้เกียจรอต้องมาซักบ่ายสองบ่ายสามนี่แหล่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:39:56

ความคิดเห็นที่ 57   เพื่อนมอประเดิมด้วย Bloody Mary ค็อกเทลโปรดของคุณเธอ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:40:13

ความคิดเห็นที่ 58   ร้านนี้มีเครื่องทุ่นแรงในการเปิดฝาหอยด้วยแฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:40:46

ความคิดเห็นที่ 59   มาแล้วจ้า หอยนางรมสดๆ จขกท.ชอบของที่นิวออร์ลีนส์มากกว่าง่ะ เพราะหอยร้านนี้จะมีรสเค็มหน่อยๆ ในขณะที่ของนิวออร์ลีนส์จืดสนิท กินแล้วสดชื่นลื่นคอดีแท้ (อันนี้ลางเนื้อชอบลางยานะขอรับ เพราะน้องปอสองเค้ากลับชอบแบบนี้มากกว่า) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:41:44

ความคิดเห็นที่ 60   ออกจากร้าน Hyman's Seafood จขกท.ก็งอแง หนูอยากกินเจลาโต้ๆๆๆๆ แต่ไปถึงปรากฎร้านติมปิดค่ะ เพราะเจ้าของร้านบินกลับไปฉลองปีใหม่ที่อิตาลี เง้ออออออออ เสียใจ เลยถึงคิวน้องปอสองงอแงถามหาน้ำชาร้อนๆบ้าง (นี่มันอนุบาลทัวร์หรืออะไรเนี่ย -_-) พวกเราเลยไปหาร้านน้ำชาบนถนนช็อปปิ้ง King Street กันแทน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:42:44

ความคิดเห็นที่ 61   เอ่อ...นี่ร้านเสื้อผ้าวัยรุ่นนะเคอะ! ตึกยังอลังได้อีก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:43:07

ความคิดเห็นที่ 62   หลังจากน้องปอสองสอยน้ำชาจาก Teavana ร้านโปรดของคุณน้องได้แล้ว เราก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม จขกท.ล่ะปลื้มที่เขาใช้ตะเกียงมาเป็นไฟถนนมากๆ คลาสสิคคคคคคค >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:45:12

ความคิดเห็นที่ 63   แน่นอนค่ะว่าเราต้องจบโปรแกรมประจำวัน ด้วยมื้อเย็นอาหย่อยๆ โดยเราเลือกร้าน Peninsula Grill ซึ่งอยู่ตรง Old City Market นี่เอง ยังไม่ทันไร พวกเราก็ได้เขมือบขนมปัง sourdough สุดอร่อยของร้านอย่างเมามันแล้ว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:46:43

ความคิดเห็นที่ 64   ส่วนนี่เป็น Apertivo ที่เสิร์ฟเรียกน้ำย่อยเจ้าค่ะ มันคืออะไร จขกท.จำบ่ได้แล้ว รอเพื่อนมอมาสมทบละกันเน้อ (โบ้ยกันเห็นๆ) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:47:06

ความคิดเห็นที่ 65   แต่ Lobster '3 Way' จานนี้อิฉันจำได้แม่นไม่รู้ลืมเลยค่ะ เพราะอร่อยมากๆๆๆๆ ด้านบนเป็น Lobster Tempura ส่วนด้านล่างก็เป็น Sauteed Lobster ทั้งสองอันเนื้อกุ้งเด้งดึ๋งสดหวานสะใจมาก ไม่พอค่ะ ยังมี Lobster Ravioli ที่ว่ายอยู่ในซอส Tomato-Basil Vinaigrette ซึ่งมีรสเปรี้ยวนิดๆแก้เลี่ยนอีก โอ้ สวรรค์มีจริงที่ Charleston ค่ะท่านผู้ชม! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:48:01

ความคิดเห็นที่ 66   มาชิมจานหลักกันบ้าง จขกท.สั่ง Sauteed North Carolina Mountain Trout ค่ะ ออกมาอร่อยกรี๊ดสลบอีกแล้ว ปลาเทราต์ชิ้นเบิ้มราดด้วยซอส Sweet Onions & Garlic-Herb Butter เห็ดผัดถั่วลันเตาที่มาด้วยกันก็อร่อยมากๆอีก แต่ที่เด็ดขาดชนะเลิศคือเจ้า Grits ทอดนี่แหล่ะค่ะ (ประมาณโจ๊กชุบแป้งทอด) กรุบกรอบ รสออกเผ็ดนิดๆ อร่อยโฮกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:50:01

ความคิดเห็นที่ 67   ของเพื่อนมอเป็น Benne Crusted Rack of New Zealand Lamb เห็นเพื่อนมอว่าเนื้อแกะ cooked ออกมาได้กำลังดี เข้ากั๊นเข้ากันกับ coconut mint pesto ก็ราดมายิ่งนัก แต่คุณเธอหงุดหงิดว่าทำไมต้องเอาแกะไปคลุกงาด้วยอ่ะ เสียของหมด -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:50:33

ความคิดเห็นที่ 68   ส่วนน้องปอสองสั่งเมนูพิเศษประจำวัน เป็นปลาอะไรก็ไม่ทราบ จำบ่ได้แย๊ว -_- น้องปอสองว่าเนื้อปลามันจืดไปนิ้ดนะพี่ แต่ จขกท.ชิมแล้วกลับชอบแฮะ ที่คำแรกมันออกจืดๆ แต่กินๆไปมันจะค่อยๆหวานกลมกล่อมขึ้นมาเอง (ลิ้นจระเข้จริงตู) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:52:38

ความคิดเห็นที่ 69   ขนมปังผ่าน! Appetizer เยี่ยม! Main Course ยอด! เอาของหวานออกมาโลด อย่าให้ขาดช่วง เห็นว่า Coconut Cake ของ Peninsula Grill นี่โด่งดังมาก ได้รับการอวยอย่างล้นหลาม จากบรรดานิตยสาร/นสพ. ขนาดป้า Martha Stewart ยังยกนิ้วให้ แบบนี้พวกเราจะพลาดได้ไงชิมิ สุดท้ายออกมากร่อยค่ะพี่น้อง ไม่ใช่ว่ามันไม่อร่อยนะ แต่มันอร่อยแบบฝรั่งเมกันชอบอ่ะ เพราะคนไทยอย่างพวกเรา เวลาพูดถึงเค้กมะพร้าวอร่อยๆจะนึกถึงมะพร้าวน้ำหอม รสชาติบางเบา ไมใช่มะพร้าวแห้ง รสชาติหนักหน่วงกลิ่นโคตรมะพร้าวรุนแรงเหมือนเจ้าเค้ก ก้อนนี้ เสียใจอ่าาาา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:54:10

ความคิดเห็นที่ 70   พวกเราทิ้งความผิดหวังจากน้อง Coconut Cake ไว้เบื้องหลัง และต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยความชื่นมื่น ว่าจะได้หม่ำ Sunday Brunch อร่อยทิ้งทวน Charleston แล้วเจ้าข้าเอ๊ย แต่ก่อนอื่นขอแวะเข้าไปดมๆในโบสถ์ St.Michale's Episcopal Church ที่อยู่แถวโรงแรมเสียหน่อย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:54:58

ความคิดเห็นที่ 71   St.Michale's Episcopal Church นี่เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของ Charleston เลยนะ สิบอกไห่ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:55:21

ความคิดเห็นที่ 72   ท่าทางโบสถ์จะเก่าจริงฮ่ะ ด้านในตกแต่งอย่างง่ายๆ น้องปอสองถามว่าทำไมเพดานโบสถ์เตี้ยจังพี่ อันนี้ จขกท.ก็แบะ แบะ แบะ นะขอรับ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:55:41

ความคิดเห็นที่ 73   ที่นั่งมาเป็นคอกเลย ประมาณว่าพิธีเริ่มแล้วห้ามเผ่นเหรอ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:56:18

ความคิดเห็นที่ 74   ตอนที่ไป คณะนักร้องประสานเสียงเค้ากำลังซ้อมอยู่พอดี เราเลยได้ฟังเพลงเพราะๆเคล้าบรรยากาศไปด้วย โชคดีจริงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:56:42

ความคิดเห็นที่ 75   จากโบสถ์ก็มาถึง agenda หลักของเราในเช้าวันอาทิตย์นี้แล้วล่ะค่ะ ไหนๆนี่ก็เป็นทริปสุดท้ายของเราสามคนที่เมกาแล้ว มื้อสุดท้ายก็ต้องเน้นๆกันหน่อย เราเลยไปหม่ำ Sunday Brunch กันที่ Tristan อีกหนึ่งร้านดังของ Charleston จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:57:39

ความคิดเห็นที่ 76   แค่กระบะขนมปังก็อลังได้ใจแล้ว ให้มาตั้ง 3 อย่างแน่ะ มีทั้ง Scone, muffin แล้วก็ biscuit บิสกิตออกเผ็ดนิดๆ อร่อยมากค่ะขอบอก >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:58:11

ความคิดเห็นที่ 77   หลังจากที่เซ็งเป็ดกับ She-crab soup ของร้าน 82 Queen พวกเราก็มาขอแก้มือกันด้วย She-crab soup ของ Tristan ลำพังแค่หน้าตาก็ดูดีมีชาติตระกูลกินขาดร้าน 82 Queen แล้วค่ะพี่น้อง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:58:39

ความคิดเห็นที่ 78   แถมตอนเอาช้อนทิ่มลงไปในถ้วยซุป ก็รู้สึกได้ถึงเนื้อปู ปู และปู กรี๊ดดดดดดดด รสชาติซุปก็อร่อยมากมายค่ะ หอมหวานแต่ไม่ครีมหนักเกิน กินแล้วไม่รู้สึกเลี่ยนแม้แต่น้อย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 06:59:06

ความคิดเห็นที่ 79   ทัวร์ปักษ์ใต้เมกามาย่างวันที่ 4 เข้าไปแล้ว จขกท.ก็เริ่มเอียนอ้วกกับเมนูอาหารแถบนี้เต็มแก่ ประเภท crabcake เอย shrimp & grits เอย จนอิฉันหวิดหน้ามืดสั่งเบอร์เกอร์ประชดชีวิตซะให้ แต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอดค่ะ อดใจไม่ได้ กลับมาตายรังกิน shrimp & grits ทิ้งทวนอีกหน ซอสมะเขือเทศกุ้งเบคอนที่ราดมารสชาติเข้มข้นมั่กๆค่ะ แต่ จขกท.แอบเคือง เพราะ Grits (คล้ายๆโจ๊ก แต่ Grits ที่ทำจากปลายข้าวโพดแทนที่จะเป็นปลายข้าวแบบบ้านเรา) เนื้อเนียนไปนิ้ดดดด ขัดจริตอิฉันผู้ชอบกิน Grits ก็ตรงที่มันมีปลายข้าวโพดมาตูเคี้ยวกรุบๆเนี่ยแหล่ะ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 07:01:14

ความคิดเห็นที่ 80   ว่าแล้วสั่งไส้กรอกมากินแก้เลี่ยนด้วยดีก่า งั่มๆๆๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 07:02:03

ความคิดเห็นที่ 81   ส่วนของเพื่อนมอเป็น Omelet du Jour ค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 07:02:23

ความคิดเห็นที่ 82   ซึ่งอ็อมเล็ทประจำวันนี้ เป็น Lobster Omlette พอดี กุ้งชิ้นบะเฮิ่มเลยค่ะ โฮกกกกกกกก >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 07:02:56

ความคิดเห็นที่ 83   น้องปอสองสั่ง Berkshire Pork Belly ที่ทาเอสเปรสโซ่มาบนน้องหมู แถมมีหอมทอดโปะมาด้วยอีก แต่เห็นน้องปอสองว่าหมูแอบมันไปนิดนะเพ่ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 07:03:20

ความคิดเห็นที่ 84   หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อส่งท้าย Charleston แล้ว ก็ถึงโปรแกรมสุดท้ายของสุดท้ายแล้วค่ะ เราขับรถออกนอกเมือง Charleston ไปซัก 15-20 นาทีเพื่อมายัง Johns Island บ้านของ Angel Oak ที่อายุปาเข้าไป 1400 ปีแล้ว ...พิมพ์บ่ผิดหรอกค่ะ ต้นโอ๊คอายุพันกว่าปีจริงๆ!! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 07:04:09

ความคิดเห็นที่ 85   โอ้แม่เจ้า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 07:04:29

ความคิดเห็นที่ 86   ธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่อย่างบรรยายไม่ถูกจริงๆค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 07:04:53