ความคิดเห็นที่ 1   ไหนๆสองสาวก็จะกลับเมืองไทยแล้ว จขกท.เลยดิ้นรนจัดทริปเป็นการทิ้งทวนสมาคมกิน แหลกของเรา โดยงวดนี้ เราจะขับรถลงใต้ไปฉลองปีใหม่กันที่สองเมืองกุ๊ก กิ๊กอย่าง Savannah และ Charleston ค่ะ กรรมเลยต้องมาตกอยู่ที่น้องโอชิน (รถของ จขกท. ) ที่ต้องรับบทหนัก แบกสามสาวข้ามพรมแดน 4 มลรัฐ 8 ชั่วโมงในคืนเดียว! เปลี่ยนอาชีพไปขับรถบรรทุกดีกว่ามั๊ยตู -_- เรา พักกินข้าวครึ่งทางที่ร้าน Cracker Barrel Old Country Store ซึ่งเป็นร้านอาหารแนว Southern พบเจอร้านนี้ได้ทั่วไปตาม Highway exit ค่ะ พวกเราเองก็ขับผ่านป้ายร้านนี้มานานนม แต่ไม่เคยได้ฤกษ์กินซะที ไหนๆ นี่ก็เป็น Southern road trip แล้ว ก็ต้องลองแวะชิมให้รู้กันไปกันสิชิมิ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 08:54:10

ความคิดเห็นที่ 2   แค่หน้าร้านก็เหวอแล้ว มีเก้าอี้โยกวางขายเป็นตับเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 08:54:51

ความคิดเห็นที่ 3   ด้านในร้านก็ขายของกันจริงจังมากฮ่ะ ตั้งแต่ขนม ของกิน ซอส เครื่องปรุง เสื้อผ้า ยันของแต่งบ้าน จับฉ่ายได้ใจมั่กๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 08:55:24

ความคิดเห็นที่ 4   ในส่วนร้านอาหารก็ตกแต่งแบบบ้านๆคันทรี่ๆสมชื่อ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 08:56:21 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 08:55:47

ความคิดเห็นที่ 5   ผิดรูปฮะ ขออภัย -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 08:56:47

ความคิดเห็นที่ 6   ส่วนเมนูก็เป็นมหกรรมรวมฮิต Southern food ประเภท Meatloaf, Biscuits, Country Ham และพวกของทอดๆทั้งหลาย โดยเฉพาะไก่ทอดที่ขึ้นชื่อนักหนา แต่ร้านนี้ดันไม่มีไก่ทอดแบบ KFC ขายแฮะ จขกท.เลยสั่งอกไก่ทอดราดซอสเกรวี่ พร้อมเฟรนช์ฟรายกับถั่วแขก รสชาติก็ใช้ได้ทีเดียว แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 53 12:20:57 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 08:58:03

ความคิดเห็นที่ 7   ส่วนนี่ก็เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านค่ะ Chicken n' Dumplins ซึ่งก็คือแป้งก้อนต้มในน้ำซุปไก่ แล้วราดน้ำเกรวี่ไก่ซ้ำอีกที รสชาติจะนิ่มๆเละๆนิดนึง โชคดีจริงๆที่เราสั่งเป็น side dish ถ้ามาเป็น main course กว่าจะกินหมด คงจะเลี่ยนผอืดผอมพิลึก -_- ตอนคุณป้า พนักงานเสิร์ฟมาเก็บจาน ป้าก็ถามพวกเราว่า "ชอบ Dumplins นี่มั๊ยหนู" พวก เราก็เลยผงกหัวหงึกๆตามมารยาทไปค่ะ แต่ป้ากลับส่ายหัวดิก "แต่ป้าไม่เห็นจะชอบเลย อี๋" กร๊ากกกก คุณป้าขา จะจริงใจมากไปหน่อยมั๊ยฮะป้า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 08:58:30

ความคิดเห็นที่ 8   ตอนแรกเราก็จะหยุดกันที่ของคาว แต่พอเหลือบไปเห็น Double Chocolate Fudge Coca-Cola Cake ในเมนู ต่อมอยากรู้ก็ร้องปี๊ดๆๆๆ เค้กช็อคโกแล็ตใส่โค้กเนี่ยนะ แบบนี้ต้องสั่งมาชิมให้รู้ดำรู้แดงไปเล๊ย!! ออกมากลายเป็นเค้กช็อคโกแล็ตธรรมดาสามัญ มีแต่กลิ่นโค้กจางๆ รสนี่แทบไม่รู้สึกเรยเน้อ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 08:58:58

ความคิดเห็นที่ 9   ออกจากออฟฟิสบ่ายสาม กว่าจะถึงโรงแรม Hilton Savannah DeSoto ก็ปาไปเที่ยงคืนโน่น >_< โอ้ น้องเตียงจ๋า พี่ๆมาแย๊ววววววว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:00:16

ความคิดเห็นที่ 10   เช้าแล้วจ้า แน่นอนว่าภาระกิจแรกของคณะทัวร์ของเราก็คือ หาข้าวเช้ากิน แหม กองทัพต้องเดินด้วยท้องนี่เคอะ ออกมาก็ เจอผับสไตล์อังกฤษแสนกุ๊กกิ๊กนี่ทันควัน สมกับที่ Charleston และ Savannah นั้นก่อตั้งโดยชาวอังกฤษ ต่างจากเมืองนิวออร์ลีนส์ในทู้ที่แล้ว ซึ่งอยู่ใต้คอนโทรลของฝรั่งเศสและสเปน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:07:21

ความคิดเห็นที่ 11   ผับนี่ยังเดะๆ ต้องเจอ Chippewa Square นี่ซะก่อน กรี๊ดดดดดดด ทำไมสวยโฮกอย่างงี้ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:08:11

ความคิดเห็นที่ 12   จขกท.เคยถามเพื่อนมอว่าทำไมถึงอยากมา Savannah นักหนา เพื่อนมอบอก "ก็ชั้นอยากเห็นห้อยๆหนิ" ห้อยๆที่ว่าของเพื่อนมอ ก็คือ Spanish moss ที่ห้อยต่องแต่งออกมาจากต้นไม้นี่แหล่ะค่ะ แต่ในวิกิบอกว่า Spanish moss ไม่ได้แย่งอาหารจากต้นไม้ที่มันไปเกาะอยู่นะฮะ เพราะมันก็อยู่ได้ด้วยการดูดซึมไอน้ำจากอากาศและน้ำฝน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:08:58

ความคิดเห็นที่ 13   โอย บรรยากาศแบบนี้ อยากจะลงไปนอนแผ่บนม้านั่งเหลือเกิน ม้านั่งใน Chippewa Square นี่ไม่ใช่กระจอกนะเคอะ เพราะมันเคยเป็นเวทีถกปรัชญาชีวิตของนักคิดชื่อดัง พูดชื่อไปร้อง อ๋อทุกคน ก็กระทาชายนาย Forrest Gump ไงคะทั่น เจ้าของวาทะเด็ด Life is like a box of chocolates. You never know what you're gonna get. น่าเสียดายที่เขายกม้านั่งของเฮีย Forrest Gump ในหนังเข้ามิวเซียมไปแล้วเน้อ พวกเราเลยอดไปทำนั่งหน้าเหวอ ถ่ายรูปเลียนแบบโปสเตอร์หนังเลย เสียใจ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:10:05

ความคิดเห็นที่ 14   ส่วนใจกลาง Chippewa Square ก็เป็นรูปปั้นของ James Oglethorpe ผู้ก่อตั้งเมือง Savannah นั่นเอง คุณ Oglethorpe นี่ก็ประวัติโลดโผนไม่เบา แกเรียนจบมหาลัย Oxford ก่อนจะไปรบที่ตุรกี แต่สุดท้ายกลับมาเข้าคุก ที่ลอนดอน เพราะไปพลั้งมือฆ่าคู่กรณีในเหตุทะเลาะวิวาท การติดคุกหนนั้นกลับกลายเป็นจุดหักเหให้คุณหนูไฮโซ อย่าง Oglethorpe ต้องไปใช้ชีวิตร่วมกับคนเดินดินกินฟิชแอนด์ชิปในเรือนจำ ทำให้แกเกิดความเห็นใจชนชั้นล่าง พอพ้นโทษ แกก็เริ่มแคมเปญโปรโมทสิทธิมนุษยชน และต่อต้านการใช้แรงงานทาสอย่างจริงจัง แถม Oglethorpe ยังไปล็อบบี้ King George II ให้ส่งแกไปสร้างเมืองในอุดมคติที่อเมริกาอีกด้วย ตอนนั้นเมือง Charleston ซึ่งอยู่เหนือ Savannah ไปประมาณ 100 ไมล์ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของอาณานิคมอังกฤษในเมกา อังกฤษเองก็กลัวว่าสเปน ซึ่งมีอาณานิคมที่รัฐฟลอริด้าจะมาบุก Charleston พอ Oglethorpe เสนอไปแบบนี้ King George II ก็เลยสนอง ส่ง Oglethorpe ให้ไปก่อตั้งเมือง Savannah เพื่อเป็นกันชนให้ Charleston ซะเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:11:06

ความคิดเห็นที่ 15   Oglethorpe มาถึงก็ออกกฎสุดแหกว่า เมืองนี้จะไม่มี 1.)ทาส 2.)เหล้า และ 3.)ทนาย!! เพราะ Oglethorpe เชื่อว่าสุภาพบุรุษต้อง defend ตัวเองได้ ทนายไม่ต้อง เปรี้ยวมั๊ยล่ะ แต่สุดท้ายอุดมคติ ก็ยังคงเป็นแค่อุดมคติ เพราะกฎทั้งสามนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน โดยเฉพาะข้อแรก เพราะ อุตสาหกรรมปลูกข้าว ปลูกฝ้ายที่ Charleston เนี่ย ขับเคลื่อนด้วยแรงงานทาสล้วนๆค่ะทั่น ซึ่งถ้า Savannah จะมัวแต่มาทำหยิ่ง ไม่ใช้ทาส ก็จะไม่สามารถแข่งขันกับ Charleston ได้เลย -_- แม้กฎทั้งสามจะมลายหายไปตามกาลเวลา แต่ผังเมืองสุดเก๋ไก๋ที่ออกแบบโดย Oglethorpe ก็ยังอยู่ยั้งยืนยงจนถึงทุกวันนี้ แทนที่จะตัดถนนเป็น grid ธรรมดา Oglethorpe ก็หยอดจตุรัสอันแสนร่มรื่นแบบ Chippewa Square ไว้เต็มเมือง (สี่ เหลี่ยมสีเขียวอันน้อยที่เห็นในแผนที่นั่นแล) เห็นแล้วช่างน่าอิจฉาชาวเมือง Savannah จริงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:12:07

ความคิดเห็นที่ 16   ชมความงามของจตุรัสจนอิ่มใจแล้ว ก็ได้เวลาอิ่มพุงบ้าง กินข้าวเช้ามันที่ ร้านกาแฟตรงหัวมุม Chippewa Square เลยเนี่ยแหล่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:13:16

ความคิดเห็นที่ 17   อ้าว มีเค้กขายด้วยเหรอ เสร็จเฮา จขกท.เลยได้หม่ำเค้กบานาน่า ช็อคชิพ แกล้ม Turkish coffee (กาแฟใส่เครื่องเทศ) แต่เช้าเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:13:45

ความคิดเห็นที่ 18   ส่วนเพื่อนมอก็หม่ำ Red velvet cake ของโปรดคุณเธอ เจ้าเค้กนี่เป็นเค้กขึ้นชื่อของทางใต้ด้วยค่ะ เห็นสีแดงแปร๊ดแบบนี้ มันบ่ใช่เค้กสตอร์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่นะฮะ ใส่สีทั้งนั้นค่ะท่านผู้ชม -_- จริงๆ มันเป็นเค้กช็อคโกแล็ตผสมน้ำส้มสายชูนิดโหน่ยตะหาก ตึ่งโป๊ะ!! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:14:17

ความคิดเห็นที่ 19   ส่วนน้องปอสองก็หม่ำคอฟฟี่เค้ก(มั๊ง) เค้กของร้านนี้ก็รสชาติใช้ได้อยู่นะคะ แต่ พนักงานทำงานกันได้ชิลช้าเหลือกำลังลาก ถ้ารีบๆนี่มีสิทธิ์บีบคอน้องๆหนูๆที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ได้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:14:50

ความคิดเห็นที่ 20   หม่ำเสร็จแล้วเราก็ออกเดินชมเมืองย่อยไขมัน เดินผ่านร้านเช่าเวสป้า มีเวสป้าลายดอกด้วย เฮือก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:15:48

ความคิดเห็นที่ 21   จากนั้นเราก็มาถึง Broughton Street ซึ่งเป็นถนนสายช็อปปิ้งเล็กๆของเมืองค่ะ แต่ร้านเสื้อผ้ากระเป๋านี่ บ่ได้แดร๊กตังค์พวกเราหรอก เพราะร้าน Savannah Bee Company นี้เท่านั้น ที่เราต้องการ! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:16:15

ความคิดเห็นที่ 22   โอว์ น้ำผึ้งละลานตา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:17:41

ความคิดเห็นที่ 23   น้ำผึ้งร้านนี้นี่ช่างหลากหลายวาไรตี้มั่กๆ มีทั้งน้ำผึ้งแบบธรรมดา และแบบใช้ดมใช้ทาในหลอดเดียวกัน ไม่ใช่ว้อย หมายถึงรุ่นใช้ย่างกับเนื้อ, กินกับชีส ผสมน้ำชาตะหาก แถมยังมีน้ำผึ้งสารพัดรสอีกด้วยนะฮะ ทั้งน้ำผึ้งกลิ่นดอกไม้ น้ำผึ้งรสดอกส้ม หรือน้ำผึ้งรสราสเบอร์รี่ กี๊ซซซซซ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:18:48

ความคิดเห็นที่ 24   ถ้าติดสินใจไม่ได้ ก็ขอเรียนเชิญเข้าแถวชิมน้ำผึ้งฟรีได้ที่เคาน เตอร์เรยนะฮะ โดยมีอีน้องสุดล่ำคนนี้ คอยอำนวยความสะดวกแก่ทุกท่านด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:19:24

ความคิดเห็นที่ 25   ที่เคานเตอร์มีป้ายแปะไว้ด้วยค่ะว่า "เพื่อให้ได้รสชาติน้ำผึ้งอย่างเต็มที่ กรุณาเริ่มชิมจากขวดทางซ้ายสุดก่อน" กร๊ากกกก กระแดะได้ใจจริงๆ ไล่กันจากซ้ายมือไปขวามือนะฮะ: Tupelo Honey, Sourwood Honey, Acacia Honey แล้วก็ Orange Blossom จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:20:04

ความคิดเห็นที่ 26   ตอนแรกก็กลัวว่าน้ำผึ้งจะหวานเจี๊ยบจนเลี่ยน แต่ไม่แฮะ รสชาติหวานกลมกล่อมกำลังดีมากๆ ชิมไปชิมมา จขกท.ชอบ Tupelo Honey กับ Acacia Honey ที่สุดเลยค่ะ ถ้าใครอยากลองของแปลก สามารถสั่งกาแฟผสมน้ำผึ้งที่เคาน์เตอร์ได้ด้วยฮ่ะ จขกท.ก็บ้าจี้ สั่งกาแฟน้้าผึ้งไปแก้ว แต่อิฉันว่าน้ำผึ้งผสมกาแฟนี่รสชาติแหม่งๆแฮะ ไม่อร่อยเหมือนผสมชาอ่ะ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:20:53

ความคิดเห็นที่ 27   โฮก มาทันฉายสด ป้าดดดดดด... Chippewa Square สวยมั่กค่ะ จากคุณ : la liga fan เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:21:30

ความคิดเห็นที่ 28   ไม่ใช่แค่นั้นครับ ยังมีรังผึ้งให้ลองชิมอีกด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:21:37

ความคิดเห็นที่ 29   #ว๊ากกกก ลูกค้าคนแรกเข้าร้านแล้ว เจ้าของยังจัดร้านไม่เสร็จเรย ทำตัวตามสบายนะฮะคุณ la liga จขกท.ไม่เคยคิดมาก่อนว่าแอปเปิ้ลกับรังผึ้งจะรสชาติเข้ากันได้ขนาด นี้ รังผึ้งหวานๆกินแกล้มกับแอปเปิ้ลเขียวที่ออกเปรี้ยวนิด โอย สวรรค์แต๊ๆ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:23:18

ความคิดเห็นที่ 30   ยังไม่สะใจ ในร้านยังขายสากกระเบือยันเรือรบที่เกี่ยวกับผึ้งๆ ขนาดอิฉันที่ปกติเป็นคนไม่กินน้ำผึ้งเลย งวดนี้ยังอดไม่ได้ ถอย Tupelo Honey กระปุกน้อยมาดูเล่น 1 อัน พร้อมลิปมันกลิ่นน้ำผึ้ง 3 หลอด หมดตรู ดแต่หัววันเลยช้านนนน T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:24:00

ความคิดเห็นที่ 31   แต่ความเซ็งลี้ฮ้อของ Savannah Bee Company นี่เดะๆไปเลย เมื่อมาเจอร้านดังประจำเมืองอย่าง The Lady and Sons ร้านอาหาร Southern Buffet ของ Paula Deen เชฟคนดังแห่งช่อง Food Network แต่เราไม่ได้ กินร้านนี้หรอกนะคะ เพราะน้องปอสองเธอไม่ปลื้มเจ๊ Paula Deen เท่าที่ควร จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:24:48

ความคิดเห็นที่ 32   ไม่ได้กินไม่เป็นไร แค่เข้าไปใน Paula Deen's Store น้องปอสองก็สยองจนขนหัวลุกแล้ว กร๊ากกก น้องปอสองว่าอาหารของป้าพอ ลล่าดูไม่น่ากิน เอะอะอะไรก็ใส่เนยๆ แต่ป้าก็ดังของป้าได้ ด้วยบุคลิก บ้านๆลั่ลล๊าๆที่เข้ากับอาหาร Southern ลูกทุ่งของแกเหลือเกิน แต่ชีวิตป้านี่ก็ดราม่าไม่เบา หลังจากเลิกกับสามีคนแรก ป้าก็หอบลูกชายวัยรุ่น 2 คนอพยพมา Savannah ด้วยเงินติดตัวเพียง 200 เหรียญ แล้ว ป้าก็ไต่เต้าจากแม่ครัวในโรงแรม จนกระทั่งเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองได้สำเร็จ ก่อนที่จะมีโปรดิวเซอร์รายการทีวี มาประทับใจกับความลั่ลล๊าของป้า เลยจีบป้าให้ไปทำรายการใน Food Network จนรวยเละเทะด้วยประการฉะนี้แล ส่วน ชื่อร้าน The Lady and Sons เนี่ย ก็เป็นมุขแดรกตัวเองของป้าแกค่ะ เพราะ Lady ในที่นี้ ไม่ได้แปลว่าท่านหญิง แต่มาจาก Bag Lady ซึ่งเป็น slang หมายถึงหญิงจรจัดบ้าหอบฟางตะหาก >_< ปล.ส่วน Hey Y'all วลีติดปากของป้าพอลล่าเนี่ย มันเป็นศัพท์ของคนทางใต้นะฮะ (Y'all = You all ทาง เหนือเค้าจะพูด You guys แทน) ขืนหน้าไทยๆหมวยๆอย่างเราเอาไปพูดมั่ง ฝรั่งได้เหวอรับประทานแน่ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:25:19

ความคิดเห็นที่ 33   เปลี่ยนบรรยากาศไปเดินเล่นริมแม่น้ำกันบ้างดีก่า ที่เห็นนี่ก็คือ River Street ถนนริมน้ำค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:25:46

ความคิดเห็นที่ 34   อุ้ย มีเรือจอดอยู่ด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:26:18

ความคิดเห็นที่ 35   ตอนแรกพวกเราก็นึกว่าจะเป็นเรือเก่าแกที่เค้าเอาออกมาโชว์ ที่ไหน ได้ เจ้าเรือ Peacemaker ที่เห็นนี่เป็นเรือใหม่ อายุแค่ 20 ขวบหน่อยๆเอง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:26:59

ความคิดเห็นที่ 36   แต่เจ้าของเรือก็ใจดี ให้คนขึ้นไปชมข้างในเรือฟรีๆด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:27:44

ความคิดเห็นที่ 37   เผอิญพวกเราบ่มีความรู้เรื่องเรือเลย เลยดูกันแบบด่วนๆก่อนจะออกไปหาข้าวกลางวันกินกัน (อีกแล้ว -_-) ริม ทางเดินก็เต็มไปด้วย"ห้อยๆ" เล่นเอาเพื่อนมอกรี๊ดแล้วกรี๊ดอีกจนหายบ้าไป เลยค่ะทั่น หุหุ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:28:12

ความคิดเห็นที่ 38   เดินมาจนเจอ Old Savannah Cotton Exchange ซึ่งสร้างตั้งกะปี 1887 โน่น สมัยโน้น Savannah เป็นแหล่งส่งออกฝ้ายอันดับสองของโลกนะเคอะ ไม่ธรรมดาเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:28:51

ความคิดเห็นที่ 39   ในเวิ้งเดียวกับ Old Savannah Cotton Exchange ก็มีร้าน Vic's on the River เป้าหมายในการฝากท้องในเที่ยงนี้ของเรา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:29:21

ความคิดเห็นที่ 40   ร้านปกติเขาจะเสิร์ฟขนมปังมาให้กินรองท้อง แต่ร้านทางใต้เขาจะให้ buttermilk biscuit มาแทน อาหย่อย(และอ้วน -_-)มั่กๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:29:50

ความคิดเห็นที่ 41   เราสั่ง appetizer มา 2 รายการ ด้านซ้ายในรูปนี่ เป็นไฟต์บังคับของแฟนพันธุ์แท้เบนเญอย่างเราฮ่ะ เพราะมันคือ Crawfish Beignets แต่ดันออกมาเหมือนกะหรี่พัฟไส้กุ้งซะฉิบ ฮ่วย -*- ส่วนจานขวานี่ก็เป็น Fried Green Tomatoes ค่ะ มี goat cheese โปะมาด้วยนิดโหน่ย แต่รสชาติเฉยๆอีกแล้ว เสียใจ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:30:21

ความคิดเห็นที่ 42   อาหารจานหลักก็ธรรมดาสามัญมากค่ะ กุ้งทอดที่ จขกท.สั่งก็เฉยๆง่ะ กุ้งก็ตัวไม่ใหญ่มาก แป้งก็เค็มๆ ส่วนเพื่อนมอสั่ง shrimp & grits ซึ่งเค็มขนาดสาวกระเพาะติดเทอร์โบอย่างเพื่อนมอยังกินไม่หมดอ่ะ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:30:57

ความคิดเห็นที่ 43   มื้อกลางวันจบลงด้วยความแป่ว ไปเดินเล่นแก้เซ็งดีกว่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:31:43

ความคิดเห็นที่ 44   จขกท.เคยมา Savannah แบบทุยๆเมื่อน๊านนานมาแล้ว เป็น road trip ครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ รถออก 6 โมงเช้า รุ่นพี่ที่โรงเรียนเพิ่งมาชวนตอนสี่ทุ่ม กร๊ากกกก จัดกระเป๋ากันแทบไม่ทันเลย มาถึงก็ไปพักบ้านเพื่อนของรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ ที่ SCAD ที่ตอนโน้นได้ข่าวว่ามีเด็กไทยอยู่เยอะแยะเลย มางวด นี้ ดูเหมือน SCAD (Savannah College of Art & Design) จะยิ่งใหญ่กว่าเดิม มองไปทางไหน ก็มีแต่ตึกของ SCAD มีกระทั่งร้าน ShopSCAD อันน่าเอ็นดู ไว้ขายผลงานของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน ทั้งภาพ เขียน ของแต่งบ้าน เครื่องประดับ กระเป๋า เสื้อผ้า เหมาะสำหรับสาวๆผู้อยากได้ของแนวๆไม่ซ้ำใครยิ่งนัก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:32:33

ความคิดเห็นที่ 45   ส่วน จขกท.ขอหม่ำไอติมโฮมเมดของร้าน Leopold's ที่อยู่ติดกับโรงหนังข้างบนไปแทนก่อนละกันนะเคอะ งั่มๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:32:57

ความคิดเห็นที่ 46   กินติมไปเดินไปชิลๆก็มาถึง Owens-Thomas House จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:34:17

ความคิดเห็นที่ 47   สวนหลังบ้านก็น่าเอ็นดูไม่หยอก แต่เราบ่ได้เข้าไปทัวร์ในบ้านอ่ะเน้อ -_- ที่ Savannah นี่มีบ้านเก่าๆสวยๆอยู่หลังเลย บ้านเหล่านี้เกือบไม่ได้อยู่ให้ชนรุ่นหลังได้เห็นแล้วค่ะ เพราะมัน หวิดโดนทุบไปทำคอนโดหรือไม่ก็ที่จอดรถ -*- เดชะบุญที่ได้บรรดาแม่บ้านใน Savannah มาประท้วง พร้อมกับรวมตัวก่อตั้ง มูลนิธิเพื่อคุ้มครองและระดมเงินบูรณะบ้านเก่าแก่ทั้งหลาย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:34:57

ความคิดเห็นที่ 48   หลังนี้ก็น่าร๊ากกกก Andrew Low House Museum ที่เห็นนี่เป็นบ้านของ Juliette Gordon Low ผู้ก่อตั้ง Girl Scout ค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:35:30

ความคิดเห็นที่ 49   ส่วน Mercer-Williams House Museum นี่ก็ดูไฮโซเหลือเกิน หลังนี้เหมือนจะเป็นบ้านที่ดังที่สุดในเมือง เพราะมันเป็นฉากในหนังสือสุดฮิตเล่มโปรดของเพื่อนมอ Midnight in the garden of good and evil ซึ่งตอนหลังเอาไปสร้างเป็นหนังที่กำกับโดยปู่ คลินท์ อีสต์วู้ด แต่จขกท.ดูแล้วแทบหลับคาโรง ขนาดตูเป็นแฟนหนังปู่คลินต์นะเหวย -_- เลยจำบ่ได้ว่าเรื่องเป็นไง เพื่อนมอเล่าว่ามันเป็นมหกรรมตีไข่ใส่สี ซุบซิบนินทาบรรดาคนดังในเมือง Savannah ที่จบลงที่นักขายของเก่า Jim Williams ฆาตกรรมแฟนหนุ่ม(!)ของเค้าในบ้านหลังนี้ ก่อนหนังสือ Midnight จะโด่งดังขายดีเป็นเททิ้ง บ้านนี้แต่เดิมชื่อ Mercer House เฉยๆ เพราะมันเป็นของคุณปู่ของ Johnny Mercer นักแต่งเนื้อร้องระดับอภิมหาอมตะนิรันดร์กาล ตัวอย่างผลงานของเฮีย Mercer ที่ดังๆก็ได้แก่เนื้อเพลง Laura, Skylark, That Old Black Magic, One for My Baby (And One More for the Road) เพลงหากินของปู่แฟรงค์ ซินาตร้า รวม ทั้ง Moon River เพลงกล้วยไข่เวอร์ชั่นปะกิต ที่จนป่านนี้คนฟังก็ยังงงๆว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ฟะ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 11:36:15 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:36:12

ความคิดเห็นที่ 50   แต่ผลงานโปรดของคุณ Johnny Mercer ที่ จขกท.ชื่นชอบที่สุดนั้นก็คือเพลง Autumn Leaves ค่ะ เพราะเนื้อเพลงนั้นแสนกระชับ ได้ใจความ แต่สละสลวยสวยเก๋ยิ่งนัก The falling leaves drift by the window The autumn leaves of red and gold I see your lips, the summer kisses The sun-burned hands I used to hold Since you went away the days grow long And soon I'll hear old winter's song But I miss you most of all my darling When autumn leaves start to fall จริงๆ Autumn Leaves เป็นเพลงฝรั่งเศส ที่ค่ายเทปในเมกาไปจ้าง Mercer ให้มาแต่งคำร้องภาคภาษาอังกฤษ แต่เฮีย Mercer แกก็ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ยอมเขียนเนื้อให้ซักที จนค่ายเทปต้องส่งคนมาทวงงานถึงบ้าน ตอนโดนทวง Mercer กำลังจะออกไปธุระนอกบ้านพอดี แกเลยต้องเผา เอ้ย เขียนเนื้อเพลงมันสดๆในรถ ไม่รู้ตอนนั้น Mercer จะรู้ตัวหรือเปล่าว่า Autumn Leaves จะกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ฮิตที่สุดของแก เพื่อความ อิน จขกท.ขอเอาเวอร์ชั่นของ Nat King Cole มาฝากเพื่อนๆนะเคอะ เชิญร้องตามได้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:36:42

ความคิดเห็นที่ 51   ไม่ทราบว่าที่ Mercer กวีจ๋าได้ขนาดนั้น ก็เพราะแกโตมาในเมืองอันแสนกิ๊บเก๋อย่าง Savannah รึเปล่า ดูสิ ขนาดบ้านโนเนมก็ยังน่ารักกุ๊กกิ๊กซะขนาดนี้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:37:31

ความคิดเห็นที่ 52   หรือโทรมๆหน่อยอย่างหลังนี้ก็ยังสวยได้อีก >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:38:44

ความคิดเห็นที่ 53   ไม่ทราบว่าจงใจให้โทรมแบบอาร์ตๆรึเปล่า เพราะขนาดม้านั่งหน้าบ้านก็ยังไม่หลุดคอนเซ็ปต์ กร๊ากกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:39:33

ความคิดเห็นที่ 54   เปลี่ยนบรรยากาศมาทัวร์ The Cathedral of St. John The Baptist กันบ้างนะขอรับ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:40:01

ความคิดเห็นที่ 55   ด้านในวิหารก็อลังการใช่เล่น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:40:41

ความคิดเห็นที่ 56   สีสันคัลเลอร์ฟูลเหลือเกิน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:41:22

ความคิดเห็นที่ 57   เพดานตรงแท่นพิธีฮ่ะ สีหวานยังกะลูกกวาดเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:42:10

ความคิดเห็นที่ 58   เนื่องจากเราไปเที่ยวช่วงหลังคริสต์มาสพอดี ในวิหารเลยจัด Nativity scene (กำเนิดพระเยซู) ที่นำแสดงโดยบรรดาตุ๊กตุ่นตุ๊กตามาให้ชมกันเพลินๆ กำเนิด เบบี๋พระเยซูทั้งที ก็เลยมีบรรดาเทวดานางฟ้า สิงหาราสัตว์ น้องวัว น้องแกะ น้องต่าย มาแสดงความยินดี จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:42:50

ความคิดเห็นที่ 59   ส่วนนี่น่าจะเป็น Three Magi ซึ่งเดินทางตามคำทำนายของดวงดาว เพื่อมาชื่นชมบารมีพระเยซู เด็กโรงเรียนคริสต์อย่างน้องปอสองอธิบายเสริม ด้วยค่ะว่า Three Magi ไม่ได้มามือเปล่า แต่นำของกำนัล 3 อย่างมาถวายเบบี๋พระเยซูด้วย อันได้แก่ ทองคำ, กำยาน และ มดยอบ... "แล้ว ไอ้"มดยอบ"นี่มันคืออะไรอ่ะน้อง" "หนูก็ไม่รู้เหมือนกันพี่ หนูเคยลองถามเพื่อนฝรั่ง เค้ายังตอบไม่ได้เลย >_<" แหม่ ลึกลับซับซ้อนยากแท้หยั่งถึงแบบนี้ เอาไปออกข้อสอบ O-Net ปีหน้าได้เรยนะคะเนี่ย กร๊ากกกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:43:58

ความคิดเห็นที่ 60   บ้านก็น่ารัก วิหารก็น่าเอ็นดู ยังมีจตุรัสสวยๆอยู่เต็มเมืองอีก โฮกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:44:41

ความคิดเห็นที่ 61   ช่างน่าอิจฉาชาว Savannah จริงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:45:35

ความคิดเห็นที่ 62   แถมต้นไม้แต่ละต้นก็ดูเก่าแก่เหลือเกิน ดูอย่างต้นนี้สิฮะ กิ่งยื่นออกมาจากลำต้นซัก 2 เมตรได้มั๊ง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:46:46

ความคิดเห็นที่ 63   ไม่ใช่แค่ตามจตุรัสเท่านั้นที่เขียวขจี ถนนหนทางในเมืองก็ร่มรื่นใช่เล่นเช่นกัน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:47:45

ความคิดเห็นที่ 64   มันจะสวยไปไหน >_< ในไกด์บุคเล่าว่า ขนาดพลเอก Sherman แม่ทัพฝ่าย Union (ตอนเหนือของเมกา) ในสมัยสงครามกลางเมือง ที่ขึ้นชื่อ ว่าโหดเช็ดเป็ด บุกไปเมืองไหน ความชิหายจะบังเกิดแก่เมืองนั้น ก็ยังต้องพ่ายแพ้ต่อความงามของ Savannah เพราะแทนที่ General Sherman จะสั่งเผาเมืองให้เหี้ยนเหมือนเคย แกกลับส่งโทรเลขไปหาประธานาธิปดีลินคอล์นว่า "I beg to present you as a Christmas gift, the City of Savannah" จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:48:29

ความคิดเห็นที่ 65   นอกจากจตุรัสทั้งหลายแล้ว ในเมืองยังมีสวนสาธารณะ Forsyth Park อันเบ้อเฮิ่มด้วยนะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:49:14

ความคิดเห็นที่ 66   อร๊ากกกกก ฆ่าฉัน ฆ่าฉัน ให้ตายดีกว่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:50:21

ความคิดเห็นที่ 67   จริงๆใน Savannah ก็มีมิวเซียมงานศิลป์ด้วยนะคะ แต่พวกเราไม่ได้เข้ามิวเซียมเลยค่ะ เพราะลำพังแค่เดินชมเมือง นั่งดูผู้คนที่เดินผ่านไปมา ก็หมดไปแล้วหนึ่งวัน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:50:59

ความคิดเห็นที่ 68   แดดร่มลมตกแล้วรึ เดินกลับไปนอนพักที่โรงแรมดีกว่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:54:30

ความคิดเห็นที่ 69   ขนาดตึกโนเนมแถวๆโรงแรมก็ยังน่ารักเกินห้ามใจ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:55:22

ความคิดเห็นที่ 70   แต่อย่าคิดว่า Savannah จะเป็นเมืองเรียบร้อยเหมือนลูกคุณหนูในคอนแวนต์ นะฮะ เพราะเรื่องเฮฮาปาร์ตี้ ชาว Savannah ก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน จขกท.ก็ เพิ่งทราบว่าปาร์ตี้ St. Patrick Day ที่เมือง Savannah เนี่ย ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ถัดจากที่นิวยอร์คเท่านั้นนะขอรับ ที่ฮาคือ อุตส่าห์มีสำนักงานใหญ่เตรียมการพาเหรด พร้อมนาฬิกานับถอยหลังเบ็ดเสร็จ ด้วยอีก ไม่ธรรมดาเลยนะคะเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:56:00

ความคิดเห็นที่ 71   หลังจากนอนกลิ้งๆที่โรงแรมจนหายเหนื่อยแล้ว พวกเราก็ออกเดินเท้า เพื่อ ไปหม่ำข้าวเย็นส่งท้ายปีเก่ากันที่ร้าน Noble Fare จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:56:43

ความคิดเห็นที่ 72   บรรยากาศในร้านค่ะ อภินันทนาการภาพสุดติสต์โดยคุณเพื่อนมอ ก่อน มา จขกท.กับน้องปอสองอุตส่าห์ไล่ดูเมนูของร้านดังๆในเมือง Savannah จนตาแทบพร่า กว่าเราจะตกลงปลงใจมาฝากท้องกันที่ร้าน Noble Fare ซึ่งได้รีวิวดีทีเดียวเชียว แถมยังมีเมนู Duck-Duck-Goose (Duck Breast – Duck Confit – Foie Gras) ซึ่งน่าจะถูกใจเพื่อนมอผู้พิศวาสการกินเป็ดเป็น ชีวิตจิตใจอีกด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:57:19

ความคิดเห็นที่ 73   แต่พอไปถึง เราก็พบว่าเนื่องจากวันนั้นเป็นวันส่งท้ายปี 2009 ที่ร้านเลยจะเสิร์ฟแต่เมนูฉลองปีใหม่ที่ขายกันเป็นคอร์สค่ะ แง๊ แต่ไหนๆเราก็จองโต๊ะไปแล้ว ก็ถือว่ากินฉลองปีใหม่+เลี้ยงส่งสองสาวกลับเมืองไทยก็แล้วกัน เริ่มรายการเรียกน้ำย่อยด้วยไข่นกกระทากับน้องคาเวียร์ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:58:05

ความคิดเห็นที่ 74   จานแรกเป็น Pan Roasted Diver Scallop มาพร้อมกับเห็ดนางฟ้า, เบคอน แล้วก็ corn salsa ฮ่ะ หอยเชลล์ชิ้นใหญ่เบ้งมาก และอบมาได้กำลังดี ไม่แข็งเป็นหนังสติ๊กจนเกินไป แต่เพื่อนมอกับน้องปอสองว่า รสชาติมันไม่ได้เข้ากันกับเครื่องเคียงที่เหลือบนจานเลยอ่ะ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:58:56

ความคิดเห็นที่ 75   ต่อกันด้วยสลัดกับ warm pistacchio crusted goat cheese ซึ่งเป็นชีสที่มีกลิ่นและรสชาติเค็มปี๋รุนแรงมาก แต่ลิ้นจระเข้แบบ จขกท.หม่ำได้สบายแฮ บ่มีปัญหา แต่สองสาวที่เหลือซวยหน่อย เพราะเป็นคนไม่ชอบชีสกลิ่นแรงทั้งคู่ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:59:51

ความคิดเห็นที่ 76   อันนี้เป็น crab cake ค่ะ รสชาติโอเค ปูเป็นปู กินมาถึงจานนี้ พวกเราก็ลงมติกันว่า ร้านนี้เค้าใช้วัตถุดิบอย่างดีเลยล่ะ แต่ทำรสชาติไม่ถึง คืออร่อยนะ แต่อร่อยแบบธรรมดามาก ไม่ได้ชวนกรี๊ดแบบร้านที่นิวออร์ลีนส์ กินจบจำแทบไม่ได้ว่าแต่ละจานเป็นไงบ้าง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:00:55

ความคิดเห็นที่ 77   ส่วนนี่ก็ champagne sorbet ไว้ล้างปากคั่นรายการเจ้าค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:01:46

ความคิดเห็นที่ 78   ของคาวจานสุดท้ายมาแล้ว Lobster tail & Shoulder Tenderloin ตอน เห็นเมนูน้องปอสองผู้ไม่กินเนื้อวัว ก็บอกพนักงานเสิร์ฟว่ากินเนื้อไม่ได้ ปกติกรณีแบบนี้ ร้านก็จะหาอย่างอื่น มาแทนให้ใช่มั๊ยฮะ แต่ร้านนี้ดันไม่มีของมาเปลี่ยนนี่สิ เล่นเสิร์ฟแต่ Lobster 1 หางถ้วนให้น้องปอสองดื้อๆเลย -*- งานนี้เล่นสาวน้อยสุดกุ๊กกิ๊กคิขุกาโม่ อย่างน้องปอสองถึงกับปรอทแตก กวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟผู้น่าสงสารมาที่โต๊ะทันที "นี่ใจคอน้อง จะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนให้พี่เลยเหรอคะ" "คือ...หนูบอกในครัวแล้วค่ะ พี่ แต่เค้าบอกว่าเค้าเตรียมของมาพอดีคนจอง เลยเปลี่ยนไม่ได้อ่ะค่ะ" "น้อง ขา แล้วทำไมตอนจองไม่รู้จักบอกล่ะคะว่าวันนี้จะเสิร์ฟแต่ New Year's Eve menu" "หนู...หนูขอโทษค่ะพี่" "น้องรู้มั๊ยคะว่าพวกเราขับรถมาก้น แทบด้าน 8 ชั่วโมง เพื่อจะมาฉลองปีใหม่ที่ Savannah ที่ร้านของคุณ!" "หนู ขอโทษจริงๆค่ะพี่" "ที่พวกพี่ขับมาถึงนี่ เพราะอยากกิน DUCK.DUCK.GOOSE นี่ไม่ได้กินแล้วยังจะมีเรื่องมาขัดเนิร์ฟส่งท้ายปีเก่าอีก เสียเส้นที่สุด!" " " โอว์ คบกันมาเกือบ 2 ปี จขกท.ก็เพิ่งจะได้เห็นแสนยานุภาพของน้องปอสองก็ตอนก่อนจากเนี่ยแหล่ะ แต่ก็แอบสงสารน้องพนักงานที่โดนเฉ่งรับปีใหม่ จริงๆแบบนี้ผู้จัดการร้านต้องมาเคลียร์แล้วดิ นี่ไม่รู้ ผจก.มัวแต่ไปหลบอยู่ไหน ส่วนเพื่อนมอก็หันไปปลอบน้องปอสองนิ่มๆว่า "อย่าเสียใจไปเลย พี่จะบอกให้ว่าสเต็กร้านนี้รสชาติห่วยมากค่ะน้อง" -*- แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 10:07:46 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:04:37

ความคิดเห็นที่ 79   ปิดท้ายกันอย่างเซ็งๆด้วยของหวาน ซึ่งก็ไม่ได้ประทับใจอีกเช่นเคย -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:05:42

ความคิดเห็นที่ 80   มื้อส่งท้ายปีเก่าฝืดเรอะ ไปหาของกินดาบหน้าก็ได้ ไม่ง้อเฟ้ย ระหว่าง เดินกลับโรงแรม เราเลยแวะถอยแคร็กเกอร์กับชีสรสแอปเปิ้ลซินนามอน สมทบ ด้วยแอปเปิ้ลควบรังผึ้งที่เพื่อนมอไปสอยมาเมื่อกลางวัน และผลไม้อบแห้งที่น้องปอสองขนมาจากบ้าน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:06:09

ความคิดเห็นที่ 81   เนื่องจากเพื่อนมอกับน้องปอสองกำลังจะเผ่นกลับเมืองไทยถาวรแล้ว สองสาวเลยถือโอกาสล้างสต็อค แบก Sparkling wine มากรึ้บกรึ้บฉลองปีใหม่ซะเลย (Sparkling wine ซึ่งก็คือแชมเปญแหล่ะฮ่ะ แต่แชมเปญเป็นชื่อทางการค้า ฉะนั้นถ้าไวน์ไม่ ได้มาจากแคว้นแชมเปญในฝรั่งเศสแล้วล่ะก็ เขาห้ามใช้ชื่อว่าแชมเปญเน้อ) ขวดดำๆนั่นยี่ห้อ Korbel เมดอินแคลิฟอร์เนียค่ะ ส่วนขวดสีชมพูๆนั่นก็เป็น Rose Prosecco จากแคว้นเวเนโต้ของอิตาลีค่ะ รสชาติออกหวานๆหน่อย อาหย่อยนะก๊ะ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 11:49:21 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:08:17

ความคิดเห็นที่ 82   เอ้า เที่ยงคืนแล้วจ้า ~สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์~ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:08:42

ความคิดเห็นที่ 83   ค่ำคืนแรกแห่งปี 2010 ของเรา จบลงด้วยมหกรรม Jukebox Game ระหว่างเพื่อนมอกับน้องปอสอง จขกท.มีโอกาสไปค้างบ้านเพื่อนมอมานับครั้งไม่ ถ้วน จึงรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของคุณเธอดี เพลงสมัยพระเจ้าเหาเรอะ เพื่อน มอร้องได้หมด ไม่ว่าจะเป็นเพลงพี่เบิร์ด พี่ปุ๊ พี่แหวน ปริศนา บ้านทรายทอง บัวแล้วน้ำ ฯลฯ >_< แต่ที่ช็อคโลกที่สุดคือ กรุเพลงที่ว่ามาเนี่ย น้องปอสองร้องตามได้หมดเรย กรี๊ดดดดดด (เกิดทันกะเค้าด้วยเรอะหนู -_-) สรุป คืนนั้น จขกท.เลยได้นอนฟังเพลงรำลึกความหลังกันจนแทบเพ้อ แต่อิฉันถือคติร้องทีหลังดังกว่าเฟ้ย! แต่ จขกท.ไม่ได้ร่วมวงแข่งร้องเพลงกับสองสาวเขาหรอกนะฮะ แค่บรรเลงวงปี่พากย์สนั่นโสตประสาทระหว่างนอน จนเพื่อนมอต้องหนีตาย ย้ายเตียงไปเอาหมอนอุดหูนอนกับน้องปอสองเท่านั้นเอง เหอเหอ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:09:36

ความคิดเห็นที่ 84   เมื่อถึงยามเช้า ได้เวลาที่เราต้องโบกมือลา Savannah แล้วค่ะ แต่ก่อนจากขอทิ้งทวนด้วยการแวะไปดู "ห้อยๆ" ให้สะใจเพื่อนมอที่ Bonaventure Cemetery ซึ่งเป็นสุสานที่ใหญ่โต มโหระทึกมากค่ะ สามารถขับรถเข้าไปได้ไหว้เชงเม้งได้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:10:54

ความคิดเห็นที่ 85   โอว์ บรรยากาศช่างหลอนได้ใจหนูเหลือเกิ๊น ตอนแรกจขกท .ตั้งใจว่าจะมาเยี่ยมหลุมศพของ Johnny Mercer แต่ดั๊นลืมไปว่าวันปีใหม่ visitor info มันปิดนี่หว่า เลยหาหลุมเฮีย Mercer ไม่เจอเลยค่ะ แง๊ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:11:24

ความคิดเห็นที่ 86   ไม่ได้คาราวะเฮีย Mercer ก็ไม่เป็นไร เดินเล่นเย็นๆใจในสุสานแทนก็แล้วกัน ยิ่งวันที่เราไป ฟ้ากำลังครึ้มนิดๆ ฝนกำลังตกพรำๆ ช่างโรแมนติคปนขนลุกมากกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 10:11:59