 |
บันทึกจาก ทริปสังขละบุรี
|
|
สัมผัสธรรมชาติเมืองที่รายล้อมด้วยหุบเขา สายน้ำ เสน่ห์สุดแดนตะวันตก Sangkhlaburi 13-14 February 2010 Romantic & Classic Photography เมื่อใดที่ลมหนาวพัดมาสัมผัสผิวกาย มันเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง ที่จะต้องพาคนรู้ใจ ไปตามหาเสียงของหัวใจ ตามสถานที่ต่าง ๆ แถวภาคเหนือ ตามประสาของคนมีความรัก ปีนี้ยิ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ด้วยแล้ว หัวใจยิ่งพองโตเป็นหลายเท่า แล้วโจทย์ก็มีอยู่ว่า จะไปที่ไหนล่ะ ปาย? เชียงคาน? แต่คำตอบที่เราเลือกไว้ในใจคือ "สังขละบุรี" นั่นก็เพราะข้อจำกัดในเรื่องของเวลาในการเดินทาง เพียง 2 วัน กับ 1 คืน...สังขละบุรี คงเป็นคำตอบในจุดมุ่งหมายนี้ได้ตรงกับความตั้งใจมากที่สุด
เมืองที่ไอหมอกลอยสัมผัส-ละเลียดผิวน้ำ หยอกล้อเล่นตีเกลียว ให้คนที่พบเห็นได้รู้ถึงการเคลื่อนไหวของห้วงเวลาอย่างช้า ๆ เมื่อใดที่เราได้ยืนอยู่กลางบนสะพานมอญกับ คนที่รู้ใจ โอบกอดสัมผัสไออุ่น สายตามองทอดไกลจรดขุนเขาที่โอบล้อม มันเป็นความสุขใจที่ได้ทบทวนเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเบื่อ เสมือนบทเพลงแห่งรัก ที่บรรเลงได้อย่างลงตัว ของท่วงทำนองแห่งสายลมหนาวกับเนื้อร้องของความรัก..ในบรรยากาศเ รียบง่ายสบาย ๆ ของเมืองแห่งขุนเขาโอบกอด สายลมที่สัมผัสผิวน้ำเอื่อย ๆ เช่นเดียวกับวิถีชีวิตที่ดำเนินไปอย่างไม่เร่งรีบ สิ่งเหล่านี้รวมกลายเป็นเสน่ห์ และ เอกลักษณ์ของ สังขละบุรี อย่างลงตัว ด้วยระยะทางเพียง 349 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ถึง สังขละบุรี ธรรมชาติสองข้างทางคอยทำหน้าที่เสมือนตัวชะลอความเมื่อยล้า ให้ความรู้สึกว่าไกล กลับเป็นใกล้ เราชอบที่จะนั่งรถชมวิวทิวทัศน์สองข้างทาง พร้อมกับเปิดเพลงรักฟังชิวล์ ๆ ยิ่งทำให้การเดินทางในครั้งนี้มีความสุขมากยิ่งขึ้น...การมาเที ่ยวสังขละบุรี ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำตัวให้ว่างงาน ตอนเช้าตื่นใส่บาตร สาย ๆ จิบกาแฟ บ่าย ๆ นอนฝันหวาน ช่วงเย็นเดินเล่น ทักทายอากาศยามพระอาทิตย์ตก...แต่สำหรับคนเล่นกล้องอย่างเรา ๆ คงหนีไม่พ้นการหยิบกล้องติดไม้ติดมือออกไปล่าภาพ ตามใจต้องการ การเดินทางในครั้งนี้ มีผู้ร่วมเดินทางด้วยทั้งหมด 11 ชีวิต ดังนี้ คุณแตง-คุณวา, คุณปลา-คุณวุฒิ, คุณฟ้า-คุณนคร, คุณเอ-คุณพงศ์, เอ๋-อุ๋ย, และพี่ช่วย คนขับรถ วัตถุประสงค์ของการจัดทริปเสมือนว่า เราพาเพื่อน พาพี่ ไปเที่ยวกัน ถ่ายภาพกัน ร่วมแชร์ประสบการณ์กัน ตามประสาคนมีความรัก
07:00 ล้อหมุนจากสถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ มุ่งหน้าสู่ สังขละบุรี ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 53 อากาศยามสายค่อนข้างร้อน แต่ด้วยใจที่มุ่งมั่นแล้วนั้น ไม่ใช่อุปสรรคในการเดินทางเลยสักนิด จุดแรกที่ได้แวะพักคือ น้ำตกเกริงกาเวีย พักรถ พักคน ถ่ายภาพเล่น จับคู่นู้นคู่นี้ถ่ายภาพ อย่างสนุกสนาน ใครโพสต์ท่าไหน ต่างไม่มีใครยอมใคร เอาสิน่า...ได้เวลาอันสมควร ก็เริ่มเดินทางไปยังจุดหมาย
15:00 เข้าที่พัก ณ พรไพริน ริเวอร์ไซด์ เราเลือกพักที่นี่ เพราะว่า วิวที่ห้องค่อนข้างสวย มองเห็นสะพานมอญได้อย่างชัดเจน และ มุม Landscape ณ.จุดนี้สวยงามดังวิมานในฝัน
17:00 ออกเดินทางไปสะพานมอญ ระหว่างทางแวะร้านขายโปสการ์ด และ ของที่ระลึกที่ร้านน่ารัก ๆ ใกล้กับรีสอร์ทที่เราพัก เจ้าองร้านน่ารัก ใจดี อ้อแล้วที่นี่ก็เป็นร้านกาแฟด้วยนะ สำหรับคนที่รักการดื่มกาแฟก็สามารถนั่งจิบกาแฟไป อ่านหนังสือไป สุดแสนจะลั้นลา
มาถึงสะพานมอญแล้ว...ทักทายวิวสวย ๆ สองฟากฝั่ง รอยยิ้มและมิตรไมตรีของคนสังขละแปะเปื้อนหัวใจของผู้ที่ลงกายสั มผัสกับวิถีชีวิต ขอบอกว่า ยามพระอาทิตย์ตก ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่โรแมนติก รับรองว่าถ้าคู่รักได้มาถึง ณ สังขละบุรี ความรักของคุณสองคนจะทวีเพิ่มจนรักล้นใจก็ว่าได้
บริเวณสะพานมอญ ก็จะมีร้านขายกาแฟเป็นแบบรถเข็น มีโต๊ะเล็ก ๆ ให้นั่งพักกินกาแฟกัน และ ก็มีร้านขายของที่ระลึกจำหน่ายด้วย ถ้าใครหิวก็มีร้านอาหารตามสั่ง และ ร้านก๋วยเตี๋ยว ที่เป็นระเบียงร้านอาหารหันหน้าไปทางสะพาน มอญ มองเห็นแม่น้ำ สำหรับกินไปชมวิวไปก็ได้ อาหารราคาก็มาตรฐานไม่แพงด้วย
22:00 ณ ริมระเบียงที่ห้องพักริมน้ำ อากาศเย็น ๆ ที่บริสุทธิ์ บวกกับความเงียบที่ไร้มลภาวะจากเสียงรถยนต์ มันเป็นอะไรที่เรียกได้ว่า ความคิดได้หยุด สงบ นิ่ง ประกอบกับมีเสียงจิ้งหรีด และจั๊กจั่นบรรเลงเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติ สุดแสนจะคลาสสิค ขับกล่อม ชวนให้เคลิบเคลิ้มเป็นที่สุด
เช้าวันใหม่ 14 กุมภาพันธ์ 53
06.00 ออกเดินทางจากที่พัก ประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงสะพานมอญ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย อีกครั้ง มาถึงที่นี่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น อากาศตอนนี้ค่อนข้างเย็น โชคดีที่หยิบเสื้อแจ๊คเก็ตติดมาด้วย หมอกปุย ๆ ค่อนข้างหนา ลอยเหนือน้ำทั่วบริเวณ เราเดินไปตามสะพานไม้เพื่อจะข้ามไปใส่บาตรที่อีกฝากหนึ่ง พื้นของสะพานไม้ปกคลุมด้วยน้ำจากไอหมอก และลื่นพอสมควร ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง เราก็เดินกันไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ เพราะมาก่อนเวลาที่พระอาทิตย์จะขึ้น แวะถ่ายรูปกันมาเรื่อย ๆ บรรยากาศยามเช้ามืดช่างสวยงาม เย็นสบาย และโรแมนติกสำหรับคู่รัก เดินกอดคอกันไปชมทิวทัศน์กันไป แสงสีแดงอมสั้มฉาบท้องฟ้า พระอาทิตย์ค่อย ๆ ขึ้นจากขอบฟ้า ดูบรรยากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น พร้อมรับกับวันใหม่ที่สดใสอีกวัน
เดินข้ามสะพานมาถึงอีกฝั่งหนึ่งแล้ว ที่นี่เป็นหมู่บ้านคนเชื้อสายมอญ เดินมาถึงปลายสะพานก็จะเห็นโต๊ะตั้งของใส่บาตรวางเรียงแถวไว้&a mp;a mp;a mp;a mp;a mp;a mp;a mp;a mp;n bsp;สำหรับท่านที่ต้องการจะใส่บาตรพระก็สามารถซื้อชุดใส่บาตร ได้จากแม่ค้าเชื้อสายมอญได้เลย ราคาขาย ชุดละ 20, 69 หรือ 99 บาท ที่หมู่บ้านมอญนี้แม่ค้าก็จะเป็นคนเชื้อสายมอญกันทั้งสิ้น แต่งกายด้วยผ้าถุง และ ทาแก้มด้วยแป้งทานาคา คือยังแต่งกายแบบดั้งเดิมกันอยู่ ไม่มีแม่ค้าใส่กางเกงยีนส์ หรือคนที่ไม่ใช่คนพื้นที่มาขายของให้เสียบรรยากาศเลย ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นเสน่ห์ของตลาดหมู่บ้านมอญ
เสียงแม่ค้าเชื้อสายมอญเรียกเชิญชวน "พระมาแล้วค๊า พระมาแล้ว เชิญใส่บาตรได้เลยค๊า" นักท่องเที่ยวใส่บาตรพระสงฆ์กันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอิ่มบุญกั นถ้วนหน้า
หลังจากอิ่มบุญกันแล้ว เราก็เดินกลับมาแวะถ่ายรูปกันต่อที่สะพานไม้อีกครั้ง เราอยู่ชมธรรมชาติ และถ่ายภาพที่นี่กันสักพักใหญ่ ๆ เพื่อให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศ และ เก็บภาพความทรงจำที่ดีนี้ให้มากที่สุด
มาที่สะพานมอญนี้ สิ่งหนึ่งที่ประทับใจก็คือจะมีเด็กไทยเชื้อสายมอญ มาคอยเป็นมัคคุเทศน์ตัวน้อยพูดจาฉะฉาน เล่าประวัติของสะพาน และ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้ด้วย โดยที่เขาไม่ได้เรียกร้องเงินจากนักท่องเที่ยวเลย แต่พวกเราก็อดไม่ได้ที่จะให้เป็นค่าขนมติดไม้ติดมือนิดหน่อย ด้วยความน่ารักของเขานั่นเอง
09:00 กลับมาทานอาหารเช้าที่รีสอร์ท พักผ่อนตามอัธยาศัย และเตรียมเช็เอาท์
12:00 ก่อนจะออกเดินทางกลับ เราก็พลาดไม่ได้ที่จะเก็บภาพ portrait สวย ๆ บริเวณรีสอร์ท ซักนิดหน่อยด้วย
16:00 เรามาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่ตัวเมืองกาญจนบุรี พวกเรากินข้าวกันที่ร้านอาหารบนแพ กินไปชมบรรยากาศริมน้ำไป ช่างมีความสุขจริง ๆ
เมื่ออิ่มท้องกันแล้ว ตอนนี้ก็มีแรงโพสต์ท่าถ่ายรูปกันต่อ เราถ่ายภาพกันบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว ได้เวลาพอสมควรแล้ว ก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ กัน
21:00 ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมกับภาพประทับใจสวย ๆ ไว้ให้ชมกันยามคิดถึงเมืองที่รายล้อมด้วยหุบเขา สายน้ำ ธรรมชาติ เสน่ห์สุดแดนตะวันตก วัฒนธรรม และ ผู้คนที่น่ารัก...สังขละบุรี...นั่นเอง จุดมุ่งหมายของการเดินทางนั้น ความสุขที่ได้ ไม่ใช่ความสุขเมื่อเราเดินทางไปถึงยังจุดหมายปลายทาง แต่ทว่าความสุขที่เป็นสาระของการเดินทางนั้น อยู่ที่บรรยากาศ ระหว่างสองข้างทางของการเดินทางนั้นเล่า ที่เป็นความสุขที่แท้จริง
ความสุขที่ได้ร่วมเดินทางไปกับคนดีดี ได้ร่วมชื่นชมอรรถรสของสิ่งที่เกิดขึ้นของธรรมชาติ นี่แหละจะเป็นที่มาที่ไป ของความทรงจำที่มีคุณค่าสำหรับการเดินทางของชีวิต ขอขอบคุณผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ คุณแตง-คุณวา | คุณปลา-คุณวุฒิ | คุณฟ้า-คุณนคร | คุณเอ-คุณพงศ์
ขอขอบคุณการเดินทางอย่างปลอดภัย VANTHAILAND.com
ขอขอบคุณสื่ออุปกรณ์บันทึกภาพ Canon EOS 5D-50D-G11
ขอขอบคุณที่พักบรรยากาศวิวสวย พรไพลิน ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท
เอ๋ อุ๋ย Colofeel | Review Trip ทุกภาพ ณ ที่นี่ ถ่ายโดย : เอ๋ อุ๋ย | 13-14 February 2010
จากคุณ |
:
aeaui
|
เขียนเมื่อ |
:
5 มี.ค. 53 19:03:42
|
|
|
|  |