 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
|
เตอริมะ กาซิ อินโดนีเซีย (บทที่ ๑)
รถบัสขนาดใหญ่วิ่งไปช้าๆ ในถนนแคบๆ ท่ามกลางรถราและผู้คนมากมายที่สัญจรไปมาในยามเช้า ผมชะโงกมองข้างทางด้วยกลัวว่ารถจะไปเหยียบคนหรือจักรยาน หรือแผงลอยที่วางขายของอยู่ข้างถนน... ไม่นานเราก็ถึงโรงเรียนพระพุทธศาสนาชานเมืองจาการ์ต้า
คณะครูและนัก เรียนเข้าแถวพนมมือเปล่งเสีย “สาธุ ภันเต...สาธุภันเต..” พร้อมๆกัน เชิญชวนให้พวกเราทานอาหารอินโดนีเซียมื้อแรกที่เตรียมไว้ต้อนรับ เสียงสวดมนต์ “อะระหังสัมมา สัมพัทโธ ภะคะวา” ดังแว่วมาจากอาคารเรียน หันไปเห็นเด็กอนุบาลตัวน้อยๆหลายสิบนั่งคุกเข่าพนมมือสวดมนต์อยู่ จำต้องวางจานข้าวเพื่อไปขอถ่ายรูป เก็บความน่ารักอันนี้ไว้เป็นที่ระลึก
คณะ แสวงบุญโดยการนำของหลวงพ่อฤาษีหรือหลวงพ่อพระมหาไพโรจน์มาอินโดนีเซียครั้ง นี้ ด้วยเป้าหมายมาทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีที่วัดวิปัสสนาคราหะ เมืองบันดุง เนื่องในวันสงกรานต์ โรงเรียนที่เราแวะในเช้านี้เป็นหนึ่งในโรงเรียนในอุปถัมภ์ของพระไทยและชาว พุทธในเมืองจาการ์ต้า คณะเราเดินชมห้องเรียนและรอบบริเวณ ทราบว่ามีนักเรียนมากกว่าพันคน มีอาคารคอนกรีตสามชั้นกำลังก่อสร้างจากเงินบริจาคของผู้มีศรัทธา ทำให้รู้สึกชื่นชมว่าในเมืองที่ประชากรนับถือศาสนามุสลิมนี้ ยังมีโรงเรียนพุทธศาสนาที่สอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการอินโดนีเซีย อยู่
ผู้นำทางบอกว่า จากเมืองจาการ์ต้าไปเมืองบันดุง ถนนหนทางดีใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง ดีใจที่จะได้เห็นภูมิประเทศยามกลางวัน ที่เขาว่าอยู่ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิค กับมหาสมุทรอินเดียมารวมกันเป็นหมู่เกาะที่มากที่สุดในโลกถึง ๑๗,๕๐๘ เกาะ ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเคยอยู่ใต้การปกครองของเนเธอร์แลนด์นานถึง ๓๐๐ ปี ก่อนที่ญี่ปุ่นจะบุก ก่อนจะมีเอกราชเป็นของตัวเองเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๙ ปัจจุบันอินโดนีเซีย มีประชากรถึง ๒๒๐ ล้านคน มีภาษาที่ใช้สื่อสารกัน ๕๘๓ ภาษา เฉพาะกรุงจาการ์ต้ามีประชากรอยู่หนาแน่นถึง ๑๐ ล้านคน
รถบัส ของเราวิ่งผ่านเมืองจาการ์ต้าอันจอแจ เข้าสู่ถนนหลักมุ่งสู่บันดุง มองสองข้างทางเห็นทุ่งนาเขียวชอุ่ม น้ำในแม่น้ำลำธารเต็มเปี่ยม บ้านเรือนเป็นหย่อมๆสลับกับเนินเขาสูงต่ำซับซ้อน ภาพนาขั้นบันไดลดหลั่นเป็นชั้นๆ มีฉากหลังเป็นภูเขา ป่าไม้สีเขียวเหมือนมีใครวาดแต้มแต่งสี... ปรากฏต่อสายตาอย่างตะลึงไลสวยงามยิ่ง
รถไต่เขาสูงขึ้นไปเรื่อยๆจนถึง เมืองบันดุง (Bandung) ตะวันบ่ายคล้อย รถวิ่งเลยตัวเมืองไปอีก เพื่อไปชมปล่องภูเขาไฟตังกูเปอราตูที่สงบแล้ว อยู่สูงถึง ๑,๘๓๐ เมตร ควันโขมงสีเทาคละเคล้าด้วยไอกำมะถัน กลิ่นฉุนพวยพุ่งออกจากปล่องรูปชามที่มองเห็นอยู่เบื้องล่าง ฝนเริ่มตกพรำๆ สายฝนและควันสีนวลปะปนกันเป็นม่านหมอกแทบมองอะไรไม่เห็นทำให้รู้สึกไม่มั่น ใจว่าพื้นที่ยุ่นๆรอบๆที่เหยียบย่างอยู่จะถล่มลงไปเมื่อไหร่ก็ได้
ผม โยนความกลัวทิ้งลงปากปล่องภูเขาไฟ แล้วค่อยๆเดินจากไปเสมือนหนึ่งเป็นการจาริก ปล่อยให้พวกที่ไม่เคยเห็นภูเขาไฟตื่นเต้น ถ่ายรูปกันในหมอกควันต่อไป
เดิน ย้อนกลับไปแหล่งขายของที่ระลึก เสียงดนตรีไม้ไผ่ดังมาแต่ไกล จึงเดินไปหาต้นเสียง หนุ่มเจ้าของร้านกำลังเล่นอังกะลุงอยู่อย่างเมามัน อังกะลุง ๗ ลูกแขวนเป็นพวงบนคานไม้ไผ่ เขาใช้มือเขย่าทีละลูกตามโทนเสียงและจังหวะเพลงอย่างไพเราะ เหมือนกับคนคนเดียวเล่นอังกะลุงทั้งวง ผมจึงไปขอเขาเล่นบ้างอย่างสนุกสนาน ได้รับเสียงปรบมืออื้ออึง จากนักท่องเที่ยวที่มาหลบควันหลบฝน ก่อนจากจึงขอซื้อมาหนึ่งชุดห่อทั้งพวงถือไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไกล อังกะลุงเครื่องดนตรีที่ทำจากไม้ไผ่นี้ ชาวอินโดนีเซียเขาเรียก “Angklung” เป็นเครื่องดนตรีประจำชาติ
ต่อ จากนั้น.. เราไปแวะน้ำพุร้อน “จียาเตร์” ที่ไหลผ่านรีสอร์ทแห่งหนึ่ง อยู่จนมืดค่ำทานอาหารเย็นที่นั่น ระหว่างทางไปวัดวิปัสสนาคราหะ สองข้างทางมืดมิด มองเห็นฉากภูเขาทะมึนเลือนลาง รถวิ่งช้าไต่ขึ้นเขาสูงต่ำ เลี้ยวไปมาวกวน ใจผมภาวนาให้ถึงเร็วๆ เพราะท้องไส้รวนเรเหงื่อกาฬไหล จนสุดท้าย ผมก็กลายเป็นผู้ชายที่อ่อนแอที่สุด อาเจียรของดีออกมาเต็มถุง เป็นที่อับอายยิ่งนัก
นักเรียนกำลังเข้าแถวต้อนรับ...
จากคุณ : นักแต้ม
จากคุณ |
:
จุดตานิด
|
เขียนเมื่อ |
:
2 มี.ค. 53 12:44:55
|
|
|
|
 |