 |
เมื่อพูดถึงปาย...ฉันไม่เคยจะสนใจมาก่อน
เมื่อพูดถึงความรัก...ฉันห่างเหินจนรู้สึกเฉยชา
วันเวลาที่อยู่ร่วมกันมานานหลายปี...มันทำให้ฉันและ 'เขา' อยู่ร่วมกันเหมือนกับเพื่อน เพื่อนที่เหมือนจะสนิทกัน เหมือนจะรู้กันทุกอย่าง แต่จริงๆ กลับไม่รู้จักกันเลย
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมาในชีวิตของเราเมื่อไม่นานมานี้...จึงทำให้ฉันและเขาและต้องหันหน้ามาคุยกันเสียใหม่ มาเริ่มต้นชีวิตที่จืดชืดเฉยชากันเสียใหม่
ฉันถอดแหวนแต่งงานออก...บอกเลิกความเป็นภรรยาและสามีของเราทั้งคู่...และตกลงกันว่า นับตั้งแต่วันนี้ไป เราจะเป็น 'แฟน' กัน เราจะเป็น 'คนรัก' ของกันและกัน จะทำทุกวันให้เป็นเหมือนช่วงเวลาที่เป็น 'แฟน' กัน (ส่วนไอ้ตัวเล็กนั่นก็ถือเป็นลูกติดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปก่อนละกัน 555)
และพอเริ่มจีบกัน...หัวใจมันก็พองฟู...พอเขาไปทำงานที่ปาย ก็โทรคุยกันทุกสามชั่วโมง 555 จนกระทั่งวันเสาร์...นั่งรีดผ้าอยู่ถึงสิบโมงก็ให้คิดถึงขึ้นมา ก็ตัดสินใจโทรไปที่บริษัทรถเช่า Journey เพราะเคยเช็คราคาดูแล้ว ได้ราคาถูกที่สุด (จริงๆ เรามีคูปองของ Thai Rent A Car ที่ได้จากการร่วมสนุกในพันทิปด้วยค่ะเช่าฟรี 5 วัน แต่ต้องจองล่วงหน้า 7 วัน ก็เลยเก็บเอาไว้ใช้ตอนลาพักร้อนดีกว่า)
ราคารถเช่าได้วันละ 1,100.- บาทค่ะ การันตีวงเงินในบัตรเครดิต 10,000.- บาท พนักงานส่งรถให้ที่คาร์ฟูร์ เพราะใกล้บ้านเราที่สุดเท่าที่บริษัทจะส่งรถมาให้ได้ ก็เลยไปรับรถที่คาร์ฟูร์ น้องพนักงานที่ส่งรถคุยเก่งมาก จัดการจ่ายเงิน การันตีวงเงินเสร็จเรียบร้อย พาไปดูสภาพของรถ
เหอๆๆ....new jazz ป้ายแดงอยู่เลย เลขไมล์เพิ่ง 13,1xx ริ้วรอยแทบไม่มี
ขับออกจากคาร์ฟูร์ ไปเอาของที่บ้านแล้วก็มุ่งหน้าไปทางอำเภอแม่ริม เพื่อไปปายกันค่ะ...
ระหว่างที่ขับไปทางแม่ริม 'เขา' ก็โทรมาถามว่ากินข้าวหรือยัง เราก็เลยอำไปว่า กำลังกินข้าวอยู่ที่บ้าน คุยกันแป๊บหนึ่งก็วางสาย...
เริ่มต้นที่ถนนบายพาสทางแยกแม่มาลัยตอนเวลาบ่ายโมงพอดีค่ะ เป็นครั้งแรกที่จะขับไปปายตามลำพัง....แหงน่อ...ไอ้ตัวเล็กก็ช่วยขับไม่ได้ซะด้วย :P
ก่อนหน้านี้เคยขับไปถึงป่าแป๋ก็เมารถค่ะ เลยต้องวกกลับ แต่หนนี้ ขับไปเรื่อยๆ เจอโค้งยูเทิร์นก็รู้สึกว่าไม่น่ากลัวอะไร เพราะรถก็เจ๋งอยู่แล้ว...และใจนี่...บินไปอยู่ปายตั้งแต่สิบโมงเช้าแล้วล่ะค่ะ
ไปถึงปายประมาณบ่ายสองสี่สิบห้า เรียกว่าขับผ่านหลักกิโลก็คอยบวกลบคูณหารว่าเหลืออีกกิโลจะถึงปาย...เห็นเกสต์เฮ้าส์สวยๆ ผุดขึ้นเยอะมากค่ะ ร้านต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นมามากมาย แต่ก็ไม่แวะค่ะ...ไปวัดก่อน เพราะสามีทำงานอยู่ที่วัด (ไม่ได้ไปบวชเป็นพระนะ)
พอไปถึงวัด..ก็เห็นลูกน้องของเขาปั้นสิงห์อยู่ที่วิหารแล้วค่ะ ก็เลยกดโทรศัพท์ไปหาเขาแล้วบอกว่า คิดถึงกันไหม...มาหาหน่อยสิ (555 เขินเหมือนกันนะเนี่ย ช่างกล้า) เขาก็ว่าอยากไปอยู่ แต่ยังไปไม่ได้ ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ นะ...พอดีมีคนมาติดต่องานพอดี เราก็เห็นเขาไปคุยงานกับคนที่มาติดต่ออยู่ไกลๆ ตื่นเต้นดีค่ะ ไอ้ตัวเล็กก็ตื่นเต้นมาก ลุกลี้ลุกลนซ่อนอยู่เบาะหลัง กลัวพ่อเห็น
แต่สักพักร้อนค่ะ...555 เขาคุยงานกันไม่เสร็จซักที ไอ้ตัวเล็กก็เลยลงจากรถวิ่งไปหาพ่อ โตะใจโหมะเยยกันทั้งคณะ
คุยกับลูกน้องเขาที่วัดสักครึ่งชั่วโมง เราสามคนก็ออกไปหาที่พักกันในคืนวันเสาร์ มีเกสต์เฮ้าส์ใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง อยู่ไม่ไกลจากวัดศรีดอนชัยเท่าไหร่ ลองไปถามดู คืนละ 300 บาท
ห้องน้ำก็สะอาดสะอ้าน แต่ห้องนอนเล็กๆ ค่ะ เปิดประตูเข้าไปก็มีเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่เตียงหนึ่ง พัดลมตั้งโต๊ะวางไว้ข้างๆ แต่มีน้ำอุ่นค่ะ ไม่ได้อะไรมากมายกับการนอนอยู่แล้ว ก็เลยเอาที่นี่แหละ เอากระเป๋าเก็บไว้แล้วไปเที่ยวกัน
หลังจากไหว้พระพุทธสิหิงค์ที่วัดศรีดอนชัยแล้ว 'เขา' พาไปเที่ยววัดน้ำฮูเป็นลำดับแรก เพราะที่วัดจะปิดประมาณ 5 โมงค่ะ ไปนมัสการหลวงพ่ออุ่นเมืองที่จะมีน้ำทิพย์ซึมที่พระเกตุมาลาจนตักออกมาทำน้ำมนต์ น้ำศักดิ์สิทธิ์
ห่างหายจากการถ่ายภาพมานาน...ขาดๆ เกินๆ มากมายค่ะ
จากคุณ |
:
[NostalgiA]
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ก.พ. 53 21:28:05
|
|
|
|  |