ความคิดเห็นที่ 1   จากคุซโกไปพูโน (เมืองที่ติดทะเลสาบ)  กล่องดินสอเลือกเดินทางโดยทัวร์บัส ค่ะ กล่องดินสอเห็นว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ เพราะว่าคุ้มค่าเงินและเวลาที่สุดค่ะ  ถ้าเกิดจะนั่งเครื่องบินค่าเครื่องบินอย่างต่ำสุดก็ประมาณ ร้อยกว่าเหรียญสหรัฐ  นั่งรถไฟก็ราคาไม่ต่ำกว่าเครื่องบิน และใช้เวลานานเท่ากับนั่งบัสเลย  แต่ถ้าจะนั่งบัสธรรมดาแม้ว่าจะถูกแต่ก็จะเป็นห้าชม. ที่เสียไปเปล่าๆ ดังนั้นแล้วทัวร์บัสราคา 35 USD (น่าจะหาถูกกว่านี้ได้ค่ะ) แวะเที่ยวสามเมืองระหว่างทาง พร้อมไกด์บรรยาย มีอาหารกลางวันให้ด้วย ก็เลยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทัวร์บัสไปพูโน หาซื้อได้ง่ายๆในคุซโกค่ะ เดินเข้าไปถามทัวร์เอเยนซี่ในคุซโกเจ้าไหนก็ได้รับรองว่ามีแน่นอน ราคาอาจจะต่างกันบ้าง ก็ต่อรองราคากันหน่อยซึ่งยังไงก็น่าจะได้ถูกกว่า 35USD ที่กล่องดินสอได้มาค่ะ ทัวร์ส่วนใหญ่จะรวมค่าอาหารกลางวันไว้แล้วแต่อาจจะไม่รวมค่าเข้าสถานที่เที่ยวที่จะแวะ เพราะฉะนั้นตอนต่อรองราคาก็อย่าลืมต่อรองจุดนี้ด้วย  ถ้าไปจ่ายเองทีหลังค่าเข้าทั้งหมด 25Soles โดยประมาณค่ะ รถทัวร์บัสของเราออกตั้งแต่ 7.30น.  ท่ารถก็คือหน้าบริษัททัวร์เลย ไม่ได้ใช้ท่ารถบัสตามปกติ (ปกติทุกเมืองจะมีสถานีรถบัส ที่ไม่ว่านั่งรถบัสบริษัทอะไรก็จะออกจากที่เดียวกัน และไปจอดที่เดียวกันค่ะ ถือว่าเป็นระเบียบในระดับนึงทีเดียว) จุดหมายแรกของเราคือ Andahuaylilias เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีโบสถ์สวยๆอยู่ค่ะ โบสถ์แห่งนี้เค้าเรียกว่าเป็น American Sistine Chapel กันเลยทีเดียว ตอนที่ไปโบสถ์อยู่ระหว่างการบูรณะปรับปรุงสภาพภายใน และภายนอกเล็กน้อยค่ะ แต่แม้กระนั้น ก็ถือว่าสวยมากทีเดียว ความจริงกล่องดินสอชอบสภาพก่อนปรับปรุงมากกว่าอีกค่ะ เพราะว่ามันดูโบราณดี ดูเข้ากับเมืองและตัวโบสถ์เอง มันเป็นความโบราณที่แสดงให้เห็นถึงอายุของโบสถ์ แสดงให้เห็นยุดอาณานิคมที่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:18:37

ความคิดเห็นที่ 2   ภาพวาดตกแต่งภายในของโบสถ์นี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นภาพไสตล์ Cusco school ภาพไสตล์คุซโก คือภาพวาดแนวยุโรปยุคอาณานิคม ที่มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมเอกลักษณ์พื้นเมืองของชาวเปรูเข้าไป ก็เลยเกิดเป็น school ใหม่ขึ้น ภาพที่ดังมากๆ ภาพนึงคือ ภาพ The Last Supper ซึ่งบนโต๊ะอาหารมีเจ้าหนูคุย อยู่ด้วย ภาพนี้อยู่ในโบสถ์ La Cathedral ที่คุซโกค่ะ เครดิตรูปจากอากู๋ ค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:21:58

ความคิดเห็นที่ 3   จุดหมายต่อไปของพวกเราคือ Raqchi ชื่อเมืองนี้เป็นภาษาพื้นเมืองแปลว่า คนทำเครื่องปั้นดินเผา เพราะฉะนั้นที่เมืองนี้ก็เลยมีแต่เครื่องปั้นดินเผาขาย ไม่ค่อยมีงานผ้าขายกับเค้าเท่าไร  แต่ที่เรามาเมืองนี้กันเพราะว่าที่นี่มีโบราณสถานอยู่ค่ะ เป็นซากของวัดสมัยอินคา ดูจากซากที่เหลืออยู่แล้ว วัดนี้ต้องใหญ่มากแน่ๆ นอกจากวัดแล้วก็ยังมีโครงสร้างของเมืองเก่าเหลืออยู่ เมืองนี้มี Inca Trail ตัดผ่านด้วย จึงเชื่อได้ว่าเคยเป็นเมืองใหญ่มาก่อนในสมัยอินคา พูดถึง Inca Trail คนที่อยากไปเปรูส่วนใหญ่ก็จะรู้จักมันในฐานะ ทางเดินไปมาชูปิกชู  แต่จริงๆแล้ว Inca Trail หมายถึงทางที่ชาวอินคาสร้างไว้เพื่อเชื่อมเมืองต่างๆเข้าด้วยกันค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:23:20

ความคิดเห็นที่ 4   รูปซากปรักหักพังอีกซักรูปละกัน จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:24:09

ความคิดเห็นที่ 5   นี่คือโบสถ์กลางเมืองของ Raqchi ค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:25:00

ความคิดเห็นที่ 6   หลังจาก Raqchi เราก็ได้ทานอาหารกลางวันกัน เป็นแบบบุฟเฟต์ค่ะ แต่หมดแล้วหมดเลยไม่มีให้เติม เพราะฉะนั้นก็ตักให้เต็มที่ตั้งแต่ต้นเลยดีกว่านะคะ แล้วเราก็กลับมานั่งรถ จากตรงนี้รถบัสจะค่อยๆไต่ความสูงขึ้นไป  จุดหมายต่อไปของพวกเราก็คือจุดที่สูงที่สุดของทายสายนี้ค่ะ สูงจากระดับน้ำทะเล 4.3 km. หายใจแล้วจะรู้สึกเหมือนไม่มีอาการเข้าไป แล้วก็เลยจะเหนื่อยง่ายค่ะ เดินไปมานิดเดียวก็เหนื่อยแล้ว แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 53 12:26:21 จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:25:50

ความคิดเห็นที่ 7   จากตรงนี้ภูเขาดูเตี้ยมากเลยค่ะ แต่ความจริงแล้วเพราะว่าเราอยู่สูงตะหาก เห็นได้ว่าภูเขามี snow cap ด้วยนะคะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:28:03

ความคิดเห็นที่ 8   ภาพวิวข้างทางค่ะ ที่แถวนี้เป็นที่ราบสูงที่สูงมาก ก็เลยไม่ค่อยมีการทำเกษตร แต่จะทำอาชีพเลี้ยงสัตว์กันซะมากกว่า สัตว์ที่เลี้ยงกันหลักๆก็คือ Alpaca กับ Llama ค่ะ Alpaca เป็นญาติของลามะนั่นล่ะค่ะ แต่ว่าขนยาวกว่า เสื้อผ้าที่ทำจากขน Alpaca เป็นหนึ่งในของฝาก และสินค้าหลักของเปรูเลยค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:31:09

ความคิดเห็นที่ 9   เมืองต่อไปที่แวะคือ Pucara เมืองนี้มีเครื่องปั้นดินเผารูปวัวที่ดังค่ะ คนมักจะวางไว้บนหลังคาบ้าน แต่เอาไว้ทำไมนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน  เราแวะเมืองนี้กันเพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ค่ะ เป็นพิพิธภัณฑ์ของอารยธรรมก่อนอินคา ซึ่งมีหลักฐานของการสังเวยมนุษย์  อารยธรรมนี้ก็ดูน่าสนใจดีค่ะ แต่ว่าเค้าไม่ให้ถ่ายภาพในพิพิธภัณฑ์ก็เลยไม่มีรูปมาฝาก จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:31:59

ความคิดเห็นที่ 10   ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : Jeffrey เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:33:50

ความคิดเห็นที่ 11   และแล้วในที่สุดเราก็มาถึงพูโนค่ะ ในตัวเมืองพูโนจะมีถนนคนเดินอยู่หนึ่งเส้น ต้องการอะไรก็หาได้จากที่นี่ จะร้านอาหารหรือทัวร์เอเยนซี่ก็มีทั้งนั้น ที่นี่ให้อารมณ์เหมือนสยามเลยค่ะ เพราะว่ามีวัยรุ่นออกมาเดินมากมาย มีนักท่องเที่ยวปะปนบ้างเล็กน้อย ที่สำคัญมี รร.สอนพิเศษด้วยนะคะ ตอนที่ไปเดินเห็นเด็กๆ ยืนต่อแถวอยู่หน้าตึกเรียนพิเศษเต็มไปหมดเลย จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:33:59

ความคิดเห็นที่ 12   เจอสามล้อด้วยค่ะ สามล้อมประเทศนี้มีอยู่ทั่วไปในพูโน Arequipa และเมืองตามชายฝั่ง สามล้อเค้าน่านั่งมากเลยค่ะ แต่ว่าเพื่อนร่วมทริปบอกว่าน่ากลัว ก็เลยไม่ได้ลองนั่ง T^T จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:36:01

ความคิดเห็นที่ 13   วันรุ่งขี้นพวกเราก็ได้ขึ้นเรือเที่ยวทะเลสาบติติกากา ต้องออกเสียงว่า ถิ-ถิ-ค่ะ-ค่ะ  นะคะ ออกแค่ครึ่งเสียงด้วย อย่าออกหนักเต็มเสียง  ถ้าออกเสียงผิดความหมายจะเปลี่ยนค่ะ แต่ความจริงคนที่นี่เค้าก็เข้าใจล่ะค่ะว่านักท่องเที่ยว แค่สื่อสารกันให้รู้เรื่องก็พอแล้ว เราไปทัวร์แบบคลาสสิค หนึ่งวันสองเกาะ คือ Uros & Taquile สำหรับคนที่มีเวลาเยอะ และอยากเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมของคนบนเกาะ ก็มีทัวร์อีกแบบให้เลือกค่ะ คือนอกจากสองเกาะที่ว่าแล้ว จะไปค้างแบบโฮมเสตย์ที่ Amantani ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่กว่า แต่ว่ากล่องดินสอและเพื่อนๆเห็นพ้องกันว่าไปแค่วันเดียวก็พอแล้ว ในรูปคือสภาพในเรือค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:37:12

ความคิดเห็นที่ 14   สำหรับเรือมีดาดฟ้าให้ดูวิวได้ค่ะ วันที่ไปลมดี อากาศดีทีเดียว และแล้วเราก็มาถึง Uros Uros หมายถึงเกาะลอยที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง มีอยู่หลายเกาะมากๆค่ะ เกาะเหล่านี้จะสร้างจากต้นกก ซึ่งหาได้มากมายในทะเลสาบ คนบนเกาะนี้ใช้ต้นกกทำทุกอย่างเลยค่ะ ตั้งแต่สร้างเกาะ สร้างบ้าน มุงหลังคา สร้างเรือ และแม้แต่ทำอาหาร ไกด์ของเราบอกว่าเจ้ากกนี่มีสารอาหารเยอะซะด้วย ชิมดูแล้วก็รสชาดเหมือนๆกับมันแกวล่ะค่ะ คือจืดๆ เย็นๆ ไม่มีกลิ่นฉุน จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:39:34

ความคิดเห็นที่ 15   นี่ค่ะเรือ สวยเชียวล่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:40:23

ความคิดเห็นที่ 16   นี่คือตัวอย่างของการสร้างเกาะค่ะ น่ารักมั้ยคะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:41:13

ความคิดเห็นที่ 17   และนี่คือสิ่งที่กล่องดินสอประทับใจที่สุดบนเกาะนี้ มันคือเตาถ่านค่ะ แต่ว่ามันสามารถวางหม้อได้ถึงสอง หรืออาจจะสามหม้อ แล้วแต่แบบ อันในรูปนี้วางได้สามหม้อค่ะ เตาถ่านแต่ละประเทศก็หน้าตาไม่เหมือนกันซะด้วย น่าตื่นเต้นจริงๆ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:43:31

ความคิดเห็นที่ 18   ขออีกสักรูป เพราะว่าประทับใจมากค่ะ รู้สึกว่าคนเปรูจะมีความสามารถในการใช้สิ่งต่างๆให้คุ้มค่าที่สุด เตาเดียวก็วางได้สามหม้อ โคนไอติมใส่ไอติมได้ทีละสองลูก ปลูกพืชบนสันเขา สร้างเมืองบนเขา เค้าใช้ทุกอย่างได้คุ้มค่าจริงๆค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:46:11

ความคิดเห็นที่ 19   เกาะที่สองที่เราไปเป็นเกาะของจริง ไม่ได้สร้างเอง ชื่อว่า Taquile เกาะนี้วิวสวยค่ะ เพราะว่าฟ้าใส น้ำก็สวย มีสีเขียวของต้นไม้ นอกจากนั้นก็มีซุ้มประตูหินที่ได้รับอิทธิพลมาจากสมัยอาณานิคมด้วย แน่นอนว่าฟ้าใสๆแบบนี้ ไม่ปลอดภัยต่อผิวบอบบาง และด้วยความสูงสี่กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเลด้วยแล้ว  อย่าลืมทาครีมกันแดดกันนะคะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:47:17

ความคิดเห็นที่ 20   นี่คือซุ้มประตูที่โด่งดัง เพราะอยู่ในหนังสือนำเที่ยวหลายเล่ม จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:48:36

ความคิดเห็นที่ 21   โอ๊ะ ลีมรูปอีกแล้วค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:49:08

ความคิดเห็นที่ 22   สิ่งที่วิเศษที่สุดของเกาะนี้คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นปลาเทราต์ค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:49:59

ความคิดเห็นที่ 23   ก่อนที่เมนคอร์สของเราจะมา ก็เริ่มด้วยขนมปังหน้าตาน่าอร่อย แต่ว่าทานเปล่าๆก็จืดค่ะ แล้วจานต่อไปที่มาวางตรงกลางโต๊ะก็คือ หอมแดงหั่นในถ้วย เราจึงสันนิษฐานว่ามันเอาไว้กินกับขนมปัง แต่หลังจากที่ชิมก็คิดว่าคงไม่ใช่ค่ะ เพราะว่าไอ้เจ้าหอมแดงจานนี้รสชาดเหมือนเอาหอมแดงไปใส่ในน้ำปลาเลยค่ะ และแล้วซุปผักก็มา ทานขนมปังกับซุปผักอร่อยมากค่ะ แล้วเพื่อนร่วมทริปของเราก็ได้ลองเอาหอมแดงใส่ลงในซุป ได้ความว่าทำให้ซุปอร่อยขึ้น แต่ว่ากล่องดินสองไม่ได้ลองเอง เลยไม่ขอรับประกันนะคะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:58:45

ความคิดเห็นที่ 24   เห็นไกด์บอกว่าบนเกาะนี้มีภัตตาคารอยู่หลายแห่งแต่ว่า ทุกแห่งเสิร์ฟอาหารเหมือนกันหมด เพราะว่าเค้าทำงานกันเป็นชุมชน ช่วยๆกันทำแล้วก็แบ่งเงินกัน นอกจากนี้เกาะนี้ผู้ชายจะเก่งงานฝีมือมากกว่าผู้หญิงค่ะ ผู้ชายบนเกาะนี้เป็นนักเย็บปักถักร้อยที่เก่งติดอันดับโลกกันเลยทีเดียว เดินไปไหนมาไหน ก็จะเห็นผู้ชายตั้งแต่เด็กจนโต นั่งถักไหมพรม หรือปักผ้ากันอยู่ ก็เป็นภาพที่แปลกตาดีค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:59:55

ความคิดเห็นที่ 25   วันนี้กลับขึ้นฝั่งประมาณ ห้าโมง  ซึ่งสำหรับคนเวลาน้อยแล้วก็หารถบัสไป Arequipa ต่อเลยตอนเย็นก็ได้ค่ะ มีรถแน่นอน แต่ว่ากล่องดินสอจอง รร.ที่นี่ไว้อีกคืน เราก็เลยไม่รีบมาก นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่นี่อีกคืน แล้วค่อยเดินทางไป Arequipa วันรุ่งขึ้นค่ะ เราจองตัวรถบัสผ่านทัวร์เอเยนซี่ในเมืองค่ะ ตอนแรกว่าจะนั่ง Cruz del Sur ซึ่งเป็นบริษัทที่ดีที่สุด และราคาแพงที่สุด แต่ว่ามันแพงกว่ากันเยอะเกิน แล้วก็ไม่มีรอบที่ต้องการ ก็เลยนั่ง Julsa แทนค่ะ(35 soles) ความจริงแล้วจะจองตั๋ว Cruz del sur เองผ่านอินเตอร์เน็ต ก็ได้ค่ะ  แต่ว่ารายละเอียดบนเว็บมันดูไม่ค่อยรู้เรื่องยังไงก็ไม่รู้ กล่องดินสอเลยเลือกที่จะไปหาซื้อเอาในเมืองแทน พูโนไปอเรคิปา ใช้เวลาประมาณห้าชม.ค่ะ จะหลับก็ได้ แต่แนะนำให้เปิดตาไว้กว้างๆเวลาที่บัสวิ่งผ่านบึงระหว่างเขา (พี้นที่แถบนี้มีบึงอยู่เยอะค่ะ กระจายอยู่ระหว่างหุบเขา) ที่ให้เปิดตาไว้ก็เพราะว่าบึงเหล่านี้เป็นที่อยู่ของนกฟลามิงโกค่ะ แต่ว่ามันจะเปลี่ยนบึงไปเรื่อยๆ และก็ไม่ได้อยู่ทั้งปีด้วย  กล่องดินสอโชคดีค่ะเปิดตาขึ้นมาเห็นฝูงฟลามิงโกในบึงพอดี แต่ว่ามันอยู่ไกลเลยไม่สามารถถ่ายรูปมาฝากได้ แค่เห็นฟลามิงโกหากินในธรรมชาติก็คุ้มค่าการเดินทางห้าชม. ในรถบัสแล้วค่ะ ในรูปคือสภาพของรอบนอกเมืองพูโนค่ะ แค่อยากให้เพื่อนๆที่ติดตามได้เห็นว่าเปรู ก็ยังเป็นประเทศกำลังพัฒนาอยู่สภาพเมืองและการเดินทางต่างๆ ไม่ได้สะดวกนัก แต่ว่าก็ปลอดภัยค่ะ ตลอดการเดินทางแทบไม่ได้รู้สึกว่าต้องระวังตัวมากกว่าแต่ปกติซักเท่าไร จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:08:45

ความคิดเห็นที่ 26   บ้านเมืองสวยงามจัง จากคุณ : onichikung เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:09:26

ความคิดเห็นที่ 27   กล่องดินสอไปถึง Arequipa ประมาณบ่ายสองค่ะ หลังจากไปเก็บของที่โฮสเทลแล้ว เราก็ไปหาทัวร์ไปโคลคาแคนย่อนกันค่ะ Colca Canyon เป็นแคนยอนที่ลึกที่สุดในโลกค่ะ ถ้ามาที่ Arequipa จะมีทัวร์หลากหลายแบบให้เลือกสำหรับไปที่โคลคาแคนยอน  จะไปหนึ่งวัน สองวัน หรือแม้แต่สี่วันก็ได้ค่ะ  อยากนั่งรถไป หรือจะไปเดินเขาก็ได้  แต่ทางเลือกมากมายเหล่านี้จะหาได้ที่ Arequipa เท่านั้นไม่สามารถจองล่วงหน้าจากเมืองอื่นได้ค่ะ จากเมืองอื่นๆจะหาได้อย่างมากก็แค่ทัวร์แบบนั่งรถ สองวันหนึ่งคืน ซึ่งเป็นแบบที่ปกติที่สุด  ทัวร์พวกนี้มีออกทุกวันค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าไปแล้วจะหาทัวร์ไม่ได้ คนส่วนใหญ่ไปโคลคาแคนย่อนเพื่อดู Condor ค่ะ เพราะที่นี่เป็นที่อยู่ของเจ้านกอีแร้งตัวใหญ่สุดสวยที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินคานั่นเอง ในรูปคือ Arequipa ยามค่ำคืนค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:17:20

ความคิดเห็นที่ 28   กล่องดินสอและพรรคพวกเลือกไปทัวร์สองวันหนึ่งคืนค่ะ ด้วยราคาหกสิบห้าโซล วันรุ่งขึ้นเราก็ฝากกระเป๋าไว้กับที่โฮสเทล และเอาไปแค่ของจำเป็นสำหรับหนึ่งคืน ในรูปคืออัลปากา ซึ่งจะโผล่มาให้เห็นระหว่างทางเข้าไปใน Canyon county ค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:23:55

ความคิดเห็นที่ 29   แล้วรถก็ขับขึ้นเขาลงเขา จนมาถึงจุดที่สูงที่สุด จุดนี้ควรจะเห็นภูเขาไฟสามรูปที่อยู่รอบ Arequipa แต่ว่าเราได้เห็นแค่สองลูก เพราะว่าวันที่ไปเมฆเยอะค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:25:49

ความคิดเห็นที่ 30   บริเวณนี้นักเดินทางที่ผ่านมาจะอธิษฐาน แล้วก็จะตั้งหินเอาไว้ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:26:45

ความคิดเห็นที่ 31   อีกสักรูป จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:27:30

ความคิดเห็นที่ 32   ทัวร์รูปแบบนี้จะไปค้างคืนที่ Chivay (ออกเสียงว่า ชี-บาย) เพื่อวันรุ่งขี้นจะได้ตื่นแต่เช้าและไปดูอีแร้งกัน ในรูปคือเมืองชีบายตอนเช้าค่ะ ก่อนที่ชาวบ้านจะตื่นกัน จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:29:45

ความคิดเห็นที่ 33   วันรุ่งขึ้นก็เดินทางไปดูอีแร้งกัน นี่คือรูปวิวข้างทางค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:31:02

ความคิดเห็นที่ 34   แต่กว่าจะได้ดูอีแร้ง รถบัสของเราก็แวะซะหลายที่ สงสัยจะให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าคุ้มค่า ก็เลยได้ถ่ายรูปกับน้องเหยี่ยวสวยๆ ในเมืองข้างๆชีบาย จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:32:31

ความคิดเห็นที่ 35   ได้ชิมผลตะบองเพชรด้วยค่ะ รสชาดหวานๆ เหมือนลูกแพร์ เนื้อนิ่มๆเหมือนมะละกอ แต่ว่าเม็ดเยอะมาก คุณป้าที่ขายให้พยายามส่งภาษามือบอกว่าเม็ดมันกินได้ตอนที่กล่องดินสอกำลังพยายามจะคายเม็ดมันออกมา หลังจากการพยายามแปลภาษามือของคุณป้า สรุปได้ว่าเม็ดมันกินได้และดีต่อท้อง น่าจะแปลว่าช่วยย่อย อะไรแบบนั้น หลังจากที่กล่องดินสอกินไปสามคำอย่างเอร็ดอร่อย แต่ก็เหนื่อยกับการคายเม็ด และเพื่อนๆได้ชิมไปคนละคำแล้วก็เหนื่อยกับการคายเม็ด ก็เลยไม่ยอมช่วยเราทานต่อ กล่องดินสอก็เลยตัดสินใจทานแบบคนท้องถิ่นด้วยการกลืนเม็ดมันซะเลย ก็กลืนได้ง่ายดีค่ะ ไม่ได้ลำบากอะไร ทำให้มันกินง่ายและอร่อยขึ้นเยอะเลยเย่ๆ อ้อเม็ดมันแข็งค่ะ ไม่ต้องพยายามเคี้ยวนะคะ เพราะว่าคงเคี้ยวไม่ลง จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:37:20

ความคิดเห็นที่ 36   ตามไปเที่ยวด้วยคับ อยากไปมั่ง แต่ไกลจังเลย จากคุณ : Title_boy เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:37:26

ความคิดเห็นที่ 37   เจ้าผลนี้คนที่นั่นเค้าเรียกว่า Tuna ค่ะ นี่คือรูปของเจ้าผลนี่บนต้น เครดิตจากอากู๋ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:40:27

ความคิดเห็นที่ 38   ในที่สุดก็ไปถึงที่ดูอีแร้งค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:41:35

ความคิดเห็นที่ 39   หลังจากที่รอสักพัก และหวังว่าเจ้าอีแร้งจะยังอยู่ คุณอีแร้งก็โผล่ออกมาให้เห็นค่ะ ใหญ่เท่ห์มากมาย คือถึงจะบอกว่ามันอยู่แถวนี้ แต่จุดที่ไปดูมันเนี่ยเป็นที่หากิน หรือไม่ก็ที่บินเล่นของมันซะมากกว่า ต้องมาตอนเช้าเท่านั้นถึงจะเจอ มาสายหน่อยมันน้องแร้งก็จะไม่อยู่แล้วค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:43:42

ความคิดเห็นที่ 40   อีกสักรูปเนอะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:44:27

ความคิดเห็นที่ 41   วิวสวยๆ จากที่ดูนกค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:45:14

ความคิดเห็นที่ 42   ดูนกจนอิ่มแล้ว เราก็มาหาของลงท้องมั่ง เพราะว่าออกกันมาแต่เช้าตอนนี้ยังไม่เที่ยงแต่ก็เริ่มหิวกันแล้วค่ะ คุณป้าคนพื้นเมืองก็รู้ดีว่านักท่องเที่ยวจะต้องการอาหาร เราก็เลยหาซื้ออาหารจานนี้ได้จากข้างๆที่ดูนกนั่นเอง ของในจานคือสปาเก็ตตี้ไก่ และข้าวหมกไก่ที่ไก่หมดแล้ว จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:49:51

ความคิดเห็นที่ 43   นี่คือคุณป้าที่ขายอาหารอร่อยๆ จานนี้ให้กับเด็กผู้หิวโหย จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:50:38

ความคิดเห็นที่ 44   วิวแคนย่อนอีกสักรูป จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:51:33

ความคิดเห็นที่ 45   มื้อกลางวันวันนี้เป็นบุฟเฟต์ค่ะ (ไม่รวมในค่าทัวร์) อาหารแถวนี้อร่อยใช้ได้เลยค่ะ แต่ที่ประทับใจที่สุดคือที่วางขนมปังอันนี้ น่ารักมั้ยคะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:52:53

ความคิดเห็นที่ 46   เย็นนั้นเราก็กลับถึงเมืองค่ะ และกล่องดินสอก็ได้พบกับน้อยหน่าเปรูค่ะ (ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าปลูกที่นี่หรือว่านำเข้าจากที่อื่นนะคะ) แต่ว่ามันรสชาดเหมือนน้อยหน่าเลยค่ะ แค่ผิวมันเรียบไม่ปุ่มป่ำเหมือนน้อยหน่าบ้านเรา จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:54:58

ความคิดเห็นที่ 47   วันรุ่งขึ้นก็เที่ยวกันในเมือง Arequipa เมืองนี้ถูกเรียกอีกอย่างว่า เมืองสีขาว  แม้ว่าตึกรามบ้านช่องจะไม่ได้ขาวสมชื่อขนาดนั้น แต่ว่าก็เป็นเมืองที่สวยมากทีเดียวค่ะ เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ที่ความเจริญเข้าถึงแล้ว มีห้างสรรพสินค้าด้วย แต่ว่าตรงส่วนกลางเมืองก็ยังสวยสไตล์โคโลเนียล อยู่ค่ะ พลาซ๋า และโบสถ์ของเมืองนี้ก็ใหญ่กว่าของเมืองอื่นๆ วันนี้เราเข้าไปชม Santa Catalina ซึ่งเป็นที่อยู่ของแม่ชีค่ะ ที่นี่เคยปิดตายจากโลกภาพนอกมาเป็นเวลาร้อยๆปี และเพิ่งเปิดให้คนภายนอกได้เข้าไปชมความงามเมื่อไม่กี่ปีนี้เองค่ะ ตอนนี้ก็ยังมีแม่ชีอาศัยอยู่แต่ว่าไม่ได้อยู่ในตึกที่ให้เราเข้าไปชมแล้ว เค้าสร้างตึกใหม่และแยกเอาไว้ ซึ่งนักท่องเที่ยวเข้าไปไม่ได้ค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:02:08

ความคิดเห็นที่ 48   ที่อยู่แม่ชีที่นี่สีสันสดใสมากๆค่ะ แดง น้ำเงิน ขาว แล้วก็มีดอกไม้สีสดๆแซมอยู่เป็นพักๆ เป็นสวรรค์ของคนเล่นกล้องอีกที่หนึ่งเลยทีเดียว จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:03:30

ความคิดเห็นที่ 49   ตรงนี้เป็นลานเงียบ ที่จะเจอตอนเข้ามาถึง จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:04:38

ความคิดเห็นที่ 50   ห้องครัวในห้องของแม่ชีค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:05:21

ความคิดเห็นที่ 51   แม้แต่แม่ชีก็กินคุย จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:06:46

ความคิดเห็นที่ 52   ตรงนี้เป็นที่ซักผ้าค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:07:24

ความคิดเห็นที่ 53   น้ำพุค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:08:19

ความคิดเห็นที่ 54   วิวจากมุมบนกันมั่ง จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:09:04

ความคิดเห็นที่ 55   ดูที่นี่จบแล้วเราก็ออกไปเดินเล่นกันในเมืองค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:10:13

ความคิดเห็นที่ 56   ในเมืองอีกสักรูป จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:10:44

ความคิดเห็นที่ 57   สวยมากเลยค่ะ น่าอิจฉาจัง จากคุณ : khorbfaa เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:16:25

ความคิดเห็นที่ 58   ในเมืองนี้มีพิพิธภัณฑ์ที่ควรไปชื่อว่า Museo Santurios เป็นพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ในสังกัดของมหาวิทยาลัยค่ะ ที่น่าสนใจเพราะว่าพิพิธภัณฑ์นี้สร้างขึ้นเพื่อโชว์อินคามัมมี่ค่ะ ชาวอินคาไม่ได้ตั้งใจจะทำมัมมี่เหมือนชาวอียิปต์ค่ะ มัมมี่อินคาคนแรกที่ถูกค้นพบคือ Juanita ค่ะ เธอถูกค้นพบบนยอดเขาใกล้ๆกับเมืองอเรคิปานี่เอง สันนิษฐานว่าเธอถูกสังเวยให้กับเทพภูเขาเพื่อไม่ให้ภูเขาไฟระเบิด เนื่องจากว่าเมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาไฟ การที่ภูเขาไฟจะระเบิดย่อมเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แต่เนื่องจากว่าบนยอดเขานั้นหนาว และแห้งมาก เธอก็เลยยังอยู่รอดปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้ค่ะ นอกจาก Juanita แล้วนักสำรวจยังค้นพบมัมมี่อีกสามตนจากบริเวณใกล้เคียงกัน แต่ว่าฮวนนิตา เธอสมบูรณ์สุดและเป็นตนแรกที่ถูกค้นพบก็เลยดังที่สุดค่ะ ในพิพิธภัณฑ์นี้เค้าจะโชว์แค่ที่ละตนค่ะ มัมมี่ตนอื่นก็จะถูกเก็บรักษาไว้ ของต่างๆที่โชว์ในพิพิธภัณฑ์ก็คือข้าวของต่างๆที่พบกับมัมมี่  ที่สำคัญมีไกด์บรรยายด้วยค่ะ ไกด์ที่มาบรรยายก็คือนักเรียนในมหาวิทยาลัยนั่นเอง ขอจบตอนที่สามไว้เท่านี้นะคะ ตอนต่อไปจะพาไปดูลายเส้นนาสกาค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:19:13

ความคิดเห็นที่ 59   อยากไปตรงรูปเปิดกระทู้มากคะ จากคุณ : marzo เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:38:47

ความคิดเห็นที่ 60   อยากไปบ้างจังเลยยยยย  เเค่ค่าตั๋วคงเฉียดเเสนเเล้ว  T__T จากคุณ : prun poa เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:39:50

ความคิดเห็นที่ 61   อยากไปมากเลย แต่ไม่ไหว ตามเที่ยวหน้าจอแล้วกันค่ะ จากคุณ : scuba734 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 15:04:14

ความคิดเห็นที่ 62   ที่ในฝันอีกแห่งเลยค่ะ คงได้ไปสักวัน ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ เราเพิ่งเข้ามา พลาดตอน 2 มันหายไปแล้วจริงด้วย ว่างๆ เอามาลงให้อีกนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : la liga fan เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 15:51:58

ความคิดเห็นที่ 63   อร๊ายยยยยยยยยยยย เพิงเห็นตัวคุย มันน่ารักดีอะ อ่าน คห. ๒๔ แล้วอิจฉาผู้หญิงเปรู จากคุณ : คนสองภาค เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 16:34:54

ความคิดเห็นที่ 64   มาตามเที่ยวต่อค่ะ ยิ่งดูยิ่งคิดถึงเปรู >_< เที่ยวเส้นเดียวกันแต่ย้อนคนละทางจริงๆ ค่ะ ^^ จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 17:07:45

ความคิดเห็นที่ 65   น่าสนใจมากประเทศนี้ มีเพื่อนชาวเปรูในชั้นเรียนภาษาอิตาเลี่ยน แต่เค้าบอกว่าประเทศเค้าไม่มีอะไร แหงละ ตัวเองคุ้นที่คุ้นทาง แต่สำหรับเราน่าตื่นตาตื่นใจชะมัด ตัวคุยนี่มันหนูหรือกระต่าย หรือไม่ใช่ทั้งสองอย่าง จากคุณ : settembre เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 17:19:24

ความคิดเห็นที่ 66   ช่วยเก็บตอนที่ 3 เข้าคลังไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวหายไปอีก ที่นี่เค้ากินสปาเกตตี้กับข้าวในจานเดียวกันเหรอคะ เพิ่งเคยเห็นผลตะบองเพชร เพิ่งรู้ว่ากินได้ด้วย (ตอนแรกรู้ว่ากินได้ แต่นึกว่าเค้าเอาใบมาทำอาหาร) เท่าที่เห็นจากรูป "ตัวคุย" คล้ายๆหนูแฮมสเตอร์เลยค่ะ ไม่รู้ใช่หรือเปล่า ที่บ้านมีอยู่ตัวนึง ถ้าเค้าเอาไปกินหล่ะ ดิฉันสงสารแย่ จากคุณ : ตรีนุช3903 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 17:37:22

ความคิดเห็นที่ 67   ขอบคุณมากนะคะ จะรอดู "ลายเส้นนาสกา" ในตอน 4 ค่ะ เคยมีคนกระทู้หาย แล้วมีคนช่วยกู้มาได้ค่ะ แต่ว่าในกรณีนี้ไม่แน่ใจว่าเหมือนกันหรือเปล่าน่ะค่ะ จากคุณ : wachu เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 19:36:52

ความคิดเห็นที่ 68   ตามไปเที่ยวประเทศในฝันต่อด้วยคนครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 20:58:35

ความคิดเห็นที่ 69   มาตามไปเที่ยวต่อค่ะ ชอบการบรรยายของคุณจังเลยค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 53 21:34:35 จากคุณ : route rover เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 21:21:39

ความคิดเห็นที่ 70   มาเก็บเข้าคลังกระทู้ก่อนอื่นเลย มีแผนว่าจะไปเที่ยวเปรูนานแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้ไปเสียทีเพราะมันมีที่ไปที่อยากไปมากกว่า ชอบกระทู้ของคุณมากเพราะว่าบอกเล่าละเอียดมาก ชอบๆๆๆๆ คคห.ที่ 46 เมืองไทยเรียก"น้อยโหน่ง"ค่ะ ปลูกกันที่เปรูนั่นล่ะค่ะ เพราะสายพันธุ์ดั้งเดิมมาจากอเมริกาใต้ เรื่อง"ชีมืด"ในคคห.ที่ 47 นั้น เมืองไทยก็มีค่ะ โบสถ์ชีมืดอยู่กลางเมืองเลยที่ถนนคอนแวนต์ ย่านสีลมนั่นเอง ตรงข้ามกับโรงเรียนเซ็นโยฯเลยค่ะ มีมาหลายสิบปีแล้ว จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:32:07

ความคิดเห็นที่ 71   น่าสนุกมากเลยค่ะ... กรี๊ดกับเตาถ่านสามหัว...อยากจะเห็นของจริงจังค่ะ... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:42:40

ความคิดเห็นที่ 72   เพิ่งรู้ว่าต้นกระบองเพชรมีผลที่สามารถกินได้ด้วย หน้าตาสีสันนี่แสบจริงๆครับ ไปประเทศแปลกๆก็ได้ลองอะไรแปลกๆ อิจฉา กขกท มากๆครับ อยากมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:57:39

ความคิดเห็นที่ 73   เจ้าคุย มันก็คือ Guinea pig หรือชื่อไทยว่าหนูตะเภา ที่ฮิตๆเลี้ยงกันเป็นสัตว์เลี้ยงเมื่อก่อนนี้อะค่ะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 02:25:36

ความคิดเห็นที่ 74   เจ้าคุย หรือคูอี คือ...Guinea pig อย่างที่คคห.บนบอกค่ะ แหะๆ ตอนไปเปรูเราลองทานนะคะ อร่อยดี แหะๆๆๆๆ >_< จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:00:00

ความคิดเห็นที่ 75   ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ เจ้าคุยนี่กล่องดินสอก็ลองชิมมาแล้วค่ะ ความจริงเขียนไว้ในตอนที่สองแต่มันก็หายไปแล้ว ยังไม่ได้เอามาลงใหม่เลย ตอนนี้ก็เปิดเทอมแล้วด้วย แต่จะรีบเอามาลงนะคะ แล้วก็ ขอบคุณค่ะป้าฟู ที่ช่วยตื่นเต้นกับเตาถ่านสามหัวเป็นเพื่อนด้วย ดีใจ นานๆจะมีคนตื่นเต้นเป็นเพื่อน จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:44:14