 |
ความคิดเห็นที่ 27 |
|
จากทางหลวงหมายเลข ๑๒๓๔ เรามุ่งหน้าไปต่อจนเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๑๐๘๙ เส้นทางลงจากดอยแม่สลองนั้นถนนดีมาก เส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนนบน สันเขาที่ไม่ชันทำให้ทำเวลาเวลาในช่วงนี้ได้ดี ความจริงแล้วผมกะจะขึ้นดอยแม่สลอง โดยถนนเส้นที่เลยแม่จันมาแล้วมาขึ้นดอยทางถนนที่ผมใช้ในขาลงนี่เองครับ แต่เพราะ แผนที่ที่ผมมีระบุหมายเลขทางหลวงไม่ตรงกับป้ายทางหลวง เลยทำให้เราขึ้นดอย ในทางที่ชันกว่า จริงๆแล้วถ้ามาทางแม่จันจะอ้อมกว่า แต่เส้นทางขึ้นง่ายกว่าเยอะ รถน้อยกว่า และไม่ต้องพะวงกับรถที่ขึ้นเขาไม่เก่งด้วยครับ
แล้วปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นกับเรา เพราะว่าดอยผ้าห่มปกนั้นเราไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนว่า จะแวะก็เลยไม่มั่นใจในเส้นทาง จากแผนที่ที่มีบอกว่าดอยผ้าห่มปกอยู่ในอำเภอแม่อาย และมีทางขึ้นที่อำเภอท่าตอนกับที่อำเภอแม่อายซึ่งเป็นทางหลวงหมายเลข ๑๓๑๔ แต่ เอาเข้าจริงแล้วเรากลับหาทางเข้าไม่เจอ เลยจอดรถถามชาวบ้านได้ความว่าเราเลยทางขึ้น มาแล้ว ทางขึ้นจะอยู่ก่อนถึงตลาดหรือไม่ก็ขับเลยไปทางแม่อายนู่นเลย ไหนๆแล้วเราก็เลย แวะกินข้าวเย็นกันที่ตลาดแถวๆอำเภอท่าตอนกันก่อน หลังจากสอบถามข้อมูลจากพ่อค้า ของร้านอาหารที่เรากินกันก็ได้ความว่า ทางขึ้นทางแรกนั้นอยู่ตรงข้ามกับ โรงเรียนไทยรัฐ วิทยา ๑๒ ที่ซอยดอยลาง และอีกทางที่อำเภอแม่อาย โดยที่ทางขึ้นนี้จะพาไปยังฐาน ตชด. ส่วน "โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่" และดอยผ้าห่มปกที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวนั้นจะขึ้นทาง อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปกที่อำเภอฝาง พ่อค้าบอกว่าถ้าอยากลุยๆให้ขึ้นไปทางฐาน ตชด. นี้ แต่ถ้าอยากชิวๆให้ไปทางอุทยานฯ เพราะเวลาที่เย็นมากแล้วเราเลยตกลงกันว่าจะขึ้นทาง ฐาน ตชด. นี้ครับ ณ เวลานี้อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆจนพวกเราเริ่มหนาวกันแล้ว แต่พ่อค้าบอกว่า ข้างบนฐานฯนั้นอากาศเย็นกว่านี้มาก อุณหภูมิอาจลงถึง ๒ องศาเซลเซียสได้เลยทีเดียว ความหนาว เป็นรองแค่เพียงดอยอินทนนท์เพราะที่นี่สูงเป็นอันดับที่สองของประเทศไทยครับ หลังจากกินอิ่ม กล่าวคำขอบคุณพ่อค้าสำหรับข้อมูลและซื้อหาอุปกรณ์เตรียมพร้อมสำหรับคืนนี้กันแล้วเราก็ ออกเดินทางกันเมื่อเวลาราวๆหกโมงเย็น
จากตลาดเราย้อนกลับมาทางอำเภอท่าตอนจนมองเห็น โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๑๒ อยู่ฝั่ง ตรงข้าม แต่ถึงแม้จะทราบเส้นทางแล้วเราก็ยังแทบจะหาซอยทางเข้าไม่เจอจนต้องจอดรถ ถามและเดินดู ทางเข้านี้เล็กมากจริงๆครับ หลังจากพบทางเข้าเราก็ขับรถฝ่าความมืดไปตาม เส้นทาง ในช่วงแรกถนนลาดยางวิ่งได้สะดวก เพราะความมืดเราจึงไม่ทราบว่าสองข้างทาง นั้นมีภูมิประเทศแบบไหนแต่คาดว่าน่าจะเป็นทุ่งหญ้าหรือที่โล่งบนเนินเขาไปเรื่อยๆ จนสักพัก จึงเริ่มขึ้นเขา ก่อนที่จะเจอทางแยกซึ่งมีหน่วยงานของทางราชการอยู่(ผมจำไม่ได้ว่าเป็นของ กรมป่าไม้หรือของ ตชด.) เราจึงได้เข้าไปสอบถามและก็ได้ความว่าทางขึ้นดอยผ้าห่มปกต้อง เลี้ยวขวาเข้าไปทางแยกนี้ ก่อนขึ้นต้องลงไปเซ็นชื่อให้ข้อมูลของผู้ที่จะท่องเที่ยวก่อนด้วยครับ เจ้าหน้าที่สอบถามเราว่าทำไมถึงมาดึกนัก เส้นทางต่อจากนี้ในเวลากลางคืนอันตรายมากๆสำหรับ คนต่างถิ่นอย่างพวกเรา แต่เพราะเราตั้งใจจะมากันแล้วกอบกับจนท. ได้ให้ข้อมูลว่าระหว่างทาง ทุกๆ ๗ กิโลเมตรจะมีหน่วยของ ตชด. ตั้งอยู่เราจึงสบายใจขึ้นบ้าง และได้คำแนะนำมาว่าให้ บีบแตรในทุกๆครั้งที่เจอทางโค้งเพื่อบอกเตือนรถที่กำลังจะสวนมา(ถ้ามี)หลังจากขอบคุณ จนท. แล้วเราจึงออกเดินทางกันต่อครับ ขึ้นมาได้ไม่ทันไรก็พบรถของ จนท. ตชด.ขับสวนลงมาพอดี
เส้นทางเป็นถนนสวนเลนแคบๆลาดยางเก่าๆที่เกือบเป็นดินลูกรังและเป็นถนนขึ้นและลงเขาสูงชัน ไปตลอดเส้นทาง รอบข้างมีแต่ความมืดมองเห็นเพียงลำต้นของต้นไม้เรียงรายกันไปโดยตลอด ตลอดเส้นทางเราไม่พบรถวิ่งสวนมาเลยแม้แต่คันเดียว หลังจากขึ้นเขา ลงเขา ผ่านโค้งมากมาย ระหว่างทางเรามองเห็นจุดที่เป็นเหมือนป้อมของ จนท. ตชด. อยู่ริมทางนานๆครั้ง แต่ไม่เห็น แสงไฟจากป้อมไหนเลยสักที่ ระหว่างที่กำลังขึ้นเขาชันอยู่ช่วงนึงสองข้างทางเราพบฝูงวัวและ ควายตัวใหญ่ๆบ้างประปรายแต่ละตัวมีขนาดใหญ่พอสมควร แล้วในที่สุดเราก็เจอดีกันจนได้ บนถนนฝูงวัวจำนวนร่วมร้อยตัวพากันเดินพาเหรดอย่างสบายอุราโดยไม่ยอมหลบให้กับรถของ พวกเราทั้งสองคัน ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือมีเจ้าตัวหนึ่งท่าทางเกเรไล่ขวิดตัวอื่นเค้าไปทั่ว จนมาเจอ ตัวที่เหมือนจ่าฝูงก็เลยประชันเขากันอยู่นานสองนานหน้ารถของพวกเรา ด้วยเพราะมั่นใจว่าเป็น วัวเลี้ยงเราจึงไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ เลยพยายามบีบแตรร่วมกับเปิดไฟสูงไล่ แต่เพราะว่าเป็นวัวเลี้ยง ก็เลยไม่ค่อยจะกลัวและไม่สนใจเสียงไล่ของเรานัก ครั้นจะลงจากรถไปไล่ก็ไม่มั่นใจว่าวัวเหล่านี้ ลงมาเองหรือมีคนตั้งใจปล่อยมาขวางเส้นทาง และเพราะเราไม่มีอะไรเลยนอกจากแสงไฟและเสียง ที่ใช้ไล่จึงได้แต่คอยอยู่ในรถ ในความมืดมิดที่เต็มไปด้วยความกังวลของทุกคนในรถ ความตึงเครียด เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รถเพื่อนคันหลังยิ่งกังวลกว่าเราเพราะมีผู้สูงอายุ(อายุ ๗๐ แล้ว)โดยสารมาด้วย พวกเราพยายามบีบแตรเปิดไฟ และค่อยๆเคลื่อนรถไปต่อเมื่อสบโอกาส พอผ่านฝูงแรกไปก็ยังไปเจอ อีกฝูงนึงอยู่ข้างหน้าทำให้เราต้องจอดรออีก แล้วเจ้าวัวฝูงแรกก็เดินตามมาจนทันเราพร้อมกับเจ้าวัว ตัวที่เกเรคอยไล่ขวิดวัวตัวอื่น หลังจากใจหายใจคว่ำกันอยู่ร่วม ๓๐ นาทีเราก็สบโอกาส เมื่อเจ้าวัวเกเร วิ่งไปขวิดอยู่กับอีกตัวที่ข้างทาง และวัวตัวอื่นๆในฝูงเริ่มหลบเข้าข้างทางเมื่อรถเราเคลื่อนใกล้เข้าไป จนถนนเปิดมากพอที่รถจะวิ่งออกไปได้เราจึงรีบฉวยโอกาสนั้นทันที รถคันแรกที่ผมนั่งวิ่งฝ่าออกมาได้ อย่างปลอดภัย หลังจากผ่านฝูงวัวมาได้สักระยะเราจึงจอดรอเพื่อนอีกคัน แล้วไม่นานเพื่อนเราก็ขับตาม ขึ้นมาอย่างปลอดภัย เป็นอันว่าโล่งอกไปตามๆกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าต่อจากนี้จะมีอะไรแบบนี้รอเราอยู่อีก หรือไม่ เพราะเรายังคงเห็นกองมูลวัวบนถนนและสองข้างทางอยู่เป็นระยะๆ แต่สุดท้ายเราก็ไม่พบวัว ตัวไหนมาเดินบนถนนอีกเลยครับ
หลังจากนั้นก็ยังคงเป็นเส้นทางขึ้นลงเขาสูงชันสลับกันไปด้วยความเปลี่ยวและมืด มีช่วงนึงเราวิ่งผ่าน สะพานที่ทอดข้ามอะไรที่ดูเหมือนหุบเหว เราขับรถกันต่อไปด้วยความกังวลว่าอีกไกลมั้ยจะถึงจุดหมาย และแล้วความพยายามของพวกเราก็สัมฤทธิ์ผล เรามองเห็นแสงไฟอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับรถอีกหลายคัน เต็นท์และกระท่อมรวมไปถึงคนอีกหลายคนอยู่ข้างหน้าแล้วในที่สุดเราก็มาถึง ฐานฯ มว. ตชด. ร้อย. ตชด. ๓๓๔ ดอยผ้าห่มปก กันเมื่อเวลาราวๆ ๒๐.๑๕ น. ครับ
แผนที่เส้นทางจากสามเหลี่ยมทองคำ - ดอยแม่สลอง - ดอยผ้าห่มปก(ฐาน ตชด.) http://maps.google.com/maps?f=d&source=s_d&saddr=Thailand+(Golden+Triangle+(Southeast+Asia))&daddr=Route+1290+to:Route+1290+to:Doi+Mae+Salong,+Mae+Salong+Nok,+Mae+Fa+Luang,+Chiangrai+57110,+Thailand+to:20.06867,99.343014+to:Unknown+road&hl=en&geocode=FaOZNgEdWh33BSHWhOH21WoxsQ%3BFVbvNgEdXkv2BQ%3BFWReNwEdkKz0BQ%3BFdPDMwEdPR7wBSnJvv7csebWMDEwVNXsxkYDHQ%3B%3BFSgzMwEdRQvpBQ&mra=dme&mrcr=1&mrsp=4&sz=13&via=1,2,4&sll=20.049159,99.329624&sspn=0.12433,0.154324&ie=UTF8&ll=20.063671,99.596558&spn=0.994536,1.234589&z=10
พวกเราทั้งหมดถอนหายใจและโล่งอกไปตามๆกัน แม่ของเพื่อนบอกว่ากลัวมากๆตอนที่ฝูงวัวมาออรอบๆ รถ แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัย เจ้าหน้าที่เข้ามาสอบถามพวกเราว่ามากันได้อย่างไรค่ำมืดแบบนี้ และจัดแจงหาจุดกางเต็นท์และที่พักให้พวกเรา จนท. เห็นว่าเรามีผู้สูงอายุมาด้วยเลยจะให้พวกเราพักใน บ้านพักของ ผบ. หน่วย เราขอบคุณและปฎิเสธไปเพราะว่าพวกเราเตรียมเครื่องนอนมาพร้อมแล้ว หลังจาก เข้าห้องน้ำและกางเต็นท์เตรียมที่นอนกันเรียบร้อยแล้วเราจึงได้สังเกตบรรยากาศรอบๆ ที่ฐานเต็มไปด้วยรถ กระบะหลายคัน รอบๆมีเต็นท์ที่กางไว้เป็นสิบหลัง ส่วนหนึ่งเป็นของนักท่องเที่ยวซึ่งทั้งหมดเป็นนักดูนก และอีกส่วนนึงเป็นเต็นท์เปล่าที่ จนท. กางไว้สำหรับญาติๆที่จะมาเยี่ยมในวันปีใหม่ บนนี้ลมแรงและอากาศ เย็นกว่าคืนที่ผ่านมามากทีเดียว เพื่อนผมเอาถุงนอนและผ้าห่มมาเพิ่มให้ผมอีกอย่างละ ๑ ชิ้น ตอนแวะตลาด ผมซื้อหมอนมาเพิ่มเพราะรู้สึกว่าที่เตรียมมานั้นนอนแล้วปวดคอมาก หลังจากทุกอย่างพร้อมพวกเราก็เข้านอน ท่ามกลางลมบนเขาที่พักแรงแต่ก็อุ่นใจที่มี จนท. ตชด. อยู่ใกล้ๆ กลางสายลมหนาวที่โหมกระหน่ำอยู่ภายนอก เต็นท์ ผมหวนนึกไปถึงใครคนหนึ่งซึ่งมีความรู้สึกดีๆให้กัน เธอคนนั้นเคยท่องเที่ยวไปทั่วทุกหนแห่งของ ประเทศไทย ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะเคยมาที่นี่บ้างหรือเปล่า แสงจันทร์สาดส่องลงบนธงไตรรงค์ที่โบกสะบัด พลิ้วไหวอยู่กลางฐานฯจนกลายเป็นเงาทาบทับอยู่เหนือเต็นท์ของผม ผมนอนมองเงานั้นพร้อมกับฟังเสียงลม แล้วไม่นานความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางก็พาผมเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรารมณ์...
ตื่นเช้ามาเมื่อเวลาราวๆเจ็ดโมงเช้า หลังจากจัดการธุระส่วนตัวกันเสร็จเราจึงเดินชมวิวรอบๆฐานฯ ฐานฯในส่วนนี้มีการสร้างบ้านพักด้วยไม้และมุงด้วยวัสดุจากธรรมชาติ มีป้ายบอกชัดเจนว่าเป็น "จุดสกัดดอยฟ้าห่มปก ฐานฯ มว. ตชด. ร้อย. ตชด. ๓๓๔ ดอยผ้าห่มปก" สูง ๒๐๕๑ เมตรจาก ระดับน้ำทะเลครับ
จากคุณ |
:
ST.Exsodus
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ม.ค. 53 23:35:37
|
|
|
|
 |