[เซย์ฮันยอง ท่องเกาหลี] ตอนที่ 3."การรอคอย"
|
|
ตอนที่1 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8245964/E8245964.html ตอนที่2 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8248458/E8248458.html
เราทั้งสามคนเฝ้ารอให้สอบเสร็จอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเมื่อสอบเส็ดนั่นหมายความว่าไม่มีสิ่งใดขวางกั้นระหว่างเรากับเกาหลีอีกแล้ว
ระหว่างนี้เราจึงวางแผนการเดินทาง พร้อมๆกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบการวางแผนการเดินทางที่ดีๆ เพราะหากเราหาข้อมูลมาดีพอ เราก็จะมีเวลาเที่ยวมากขึ้น ได้เที่ยวเยอะขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาหลงทาง นั่นแปลว่า เราใช้เวลาที่มีอยู่น้อยอยู่แล้วอย่างคุ้มค่าฃ
แต่กับกวาด กวาดมักบอกเสมอว่าไม่ต้องวางแผนอะไรมาก คิดดูตั๋วเครื่องบินไปเกาะเชจูกวาดยังบอกให้ไปหาเอาที่เกาหลีอยู่เลย
จริงๆแล้วที่กวาดพูดก้อถูก การเตรียมตัวไปดีๆ ก็คงไม่ต่างอะไรกับการไปกับทัวร์ ทุกอย่างมีตารางเวลากำหนดไว้ ไม่มีการยืดหยุ่น ทำอะไรก็ต้องพะวงไปหมด ที่พอจะต่างกันบ้างก็คือเราได้เดินทางด้วยขาของเราเอง
เราจึงพบกันครึ่งทาง วางแผน แต่ไม่ต้องวางมาก เอาแค่ที่จะไม่สามารถไปหาได้ที่เกาหลีก็พอ โรงแรมบางคืนก็ไม่จองไว้ ถ้าหากโชคดี เราคงได้ที่นอนเป็นโรงแรมซักที่หนึ่ง อย่างแย่ที่สุดก็นอนที่สถานีรถไฟ
ไม่รู้ว่าถึงเวลาที่เราไม่มีที่ซุกหัวนอน เรายังจะยิ้มออกกันอยู่รึเปล่า แต่ยิ่งนับวัน แผนของเรายิ่งเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
ทีแรกเราลำบากใจอยู่นาน ว่าจะเที่ยวแบบไหน ตามรอยซีรี่ย์เกาหลี หรือว่า ตามรอยเท้าตัวเอง โดยส่วนตัวก็ไม่ได้พิสมัยอะไรกับซีรี่ย์เกาหลีมากมาย เมื่อถามกวาดกับโอ๊ต สองคนนั้นมันก็รู้จักแค่ แดจังกึม เราจึงเลือกที่จะเดินทางตามรอยเท้าตัวเอง ไปที่ๆหนังสือบอกว่าสวย ว่าดี หากที่ไหนอยากไปเพิ่มเติม ก้อใส่เข้าไปในโปรแกรมอันแน่นเอี้ยดของเรา
ส่วนหนึ่งของแผนเราคือเราจะต้องไปจองตั๋วเครื่องบินไปเกาะเชจู ไม่รู้ว่าเกาะนี้มีอะไรดี แต่หากพูดให้คนอื่นฟังว่าไปเกาะเชจู เชื่อว่าคงดูเท่ไม่น้อยแน่นอน
มีให้เลือกระหว่าง Korean air กับ Asiana airline สองสายการบินนี้ราคาเท่ากัน เราจึงเลือกจากความยากง่ายในการจองตั๋ว สุดท้ายเราก็ตั๋วเครื่องบินของ Asiana airline มา อีกวิธีหนึ่งในการไปเหยียบเกาะเชจูก้อคือนั่งรถหรือรถไฟไปต่อเรือ แต่วิธีนี้ใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็ม ลำพังแค่นั่งเรือก็เกือบห้าชั่วโมงแล้ว ดูแล้วยังไงๆก็ไม่น่าเหมาะกับเวลาที่มีอันน้อยนิดของเรา ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ทำให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศความเป็นเกาหลีมากขึ้นก็เถอะ
เมื่อจับจองตั๋วเครื่องบินทั้งสองไฟลท์ กับที่ซุกหัวนอนบางคืนได้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็คือรอแค่เวลา
ดูเหมือนว่าจะเป็นการรอที่ไม่ทรมานอะไรมาก เพราะเรารู้ว่าความสุขกำลังจะมาเมื่อไหร่ แต่กับการรอที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ ดูจะเป็นการรอที่ทรมาน และใช้ความพยายามมากกว่า แต่เชื่อว่า ถ้าเวลานั้นมาถึง ความสุขที่ได้คงจะต้องคุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน คงคล้ายกับคำกล่าวที่ว่า อะไรทีที่ได้มาด้วยความง่ายดาย เรามักจะไม่เห็นค่า
เวลาเดินมาจนถึงก่อนวันที่เราจะออกเดินทางหนึ่งวัน โอ๊ตตกลงจะมาค้างที่บ้านผมเพื่อที่จะได้ออกไปสนามบินแต่ไก่โห่ด้วยกัน คืนก่อนการเดินทาง เราสองคนตรวจเช็คของให้เรียบร้อย ตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางเพื่อเตรียมตัวว่าเราต้องพบกับอะไรบ้าง จากเวบพยากรณ์อากาศบอกว่า พรุ่งนี้และอีกสองวันจะมีฝนตกที่เกาหลี ในขณะที่บ้านเราเป็นหน้าร้อน เวลาเดียวกันที่เกาหลีเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งมีโอกาสเจอฝนได้เยอะมาก
ร่มจึงเป็นหนึ่งในอุปรณ์จำเป็นในการเดินทางครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ว่าในหน้าร้อนอย่างงี้ เราจะไปหาซื้อร่มได้ที่ไหนกัน ความยากเย็นคงไม่ต่างอะไรกับหาซื้อเสื้อกันหนาวซักตัวในหน้าร้อนเป็นแน่
ผมกับโอ๊ตจึงออกจากบ้านเพื่อหาซื้อเครื่องอาบน้ำขนาดกระทัดรัด รวมถึงร่ม ที่กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเดินทางของเรา
หลายคนบอกไว้ว่า การเดินทางเที่ยวเองด้วยกันเช่นนี้ หากไม่ทำให้สองคนที่ไม่ค่อยรู้จักกัน สนิทกันมากขึ้น ก็มักทำให้สองคนนั้นทะเลาะกันไปเลยเพราะรับกับนิสัยของกันและกันไม่ได้
เปรียบกับว่าความสัมพันธ์ของมนุษย์เราไม่เคยอยู่นิ่ง ถ้าหากไม่มากขึ้น มันก็ต้องน้อยลง
แค่เวลาสองสามชั่วโมงที่เดินซื้อของ ผมก็ได้ทราบว่าจริงๆแล้ว โอ๊ตเป็นคนที่ชอบกินขนมจุกจิกจำพวกเยลลี่ นี่ขนาดยังไม่ได้เที่ยว ก็ดูเหมือนว่าเราน่าจะสนิทกันมากขึ้นหลังจากกลับมาจากการเดินทาง
หลังจากเดินหาซื้อร่มกันอยู่สองชั่วโมง จึงได้ร่มที่วัตสันมาคนละคัน แค่นี้ก็พร้อมแล้วกับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ ถึงแม้จะเป็นแค่พรุ่งนี้ แต่การรอคอยดูเหมือนว่าจะทำให้เราตื่นเต้นกับจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน...
แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 01:27:57
จากคุณ |
:
skoat
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ส.ค. 52 01:27:34
|
|
|
|