PANTIP.COM : E2909529 จังหวัดไหนครับ ที่ไปมาแล้วคิดว่าเป็นจังหวัดที่อยากไปอยู่มากที่สุดในประเทศของ เรา [ท่องเที่ยว]

ความคิดเห็นที่ 44

เชียงแสน ที่กำลังจะกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามข่าวจากผู้จัดการออนไลน์:

เชียงราย-“ไทย-จีน”บรรลุข้อตกลงตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่เชียงแสนมูลค่า 4,000 ล้านบาท กนอ.ลงนาม MOU ผู้แทนนิคมฯคุนหมิง ขณะที่กลุ่มทุนไทย-จีนจับมือตั้งบริษัทเตรียมเข้าบริหารแล้ว เผยคนในตระกูล“ภัทรประสิทธิ์”ร่วมเอี่ยวด้วย คาดเดินหน้าตอกเสาเข็มได้สิ้นปีนี้หรือไม่เกินต้นปี 48 พร้อมผุดโรงงานอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่า 100 โรง มูลค่าการลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาทภายใน 2 ปี

รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งเกี่ยวกับความคืบหน้าของการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีนที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จ.เชียงรายที่ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอชายแดนของ จ.เชียงราย คือ แม่สาย เชียงแสน และเชียงของ ที่เริ่มผลักดันและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 45 ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดเมื่อ 23 กันยายนที่ผ่านมา คณะผู้แทนภาครัฐ-เอกชนจากจีน 46 คน นำโดย นายหยางชงห้วย ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน มิสเตอร์ลี่เจียง รองนายกเทศมนตรี เทศบาลนครคุนหมิง,นายเผิง เหลง ตง กงสุลใหญ่ประเทศจีนประจำ จังหวัดเชียงใหม่,นายจางซิงหัว อธิบดีเขตเทคโนโลยีชั้นสูงนครคุนหมิง,นายลีเจียลิน ประธานบริษัทบริหารทรัพย์สินของรัฐนครคุนหมิง,ประธานบริษัทธงเหิง จาก ฮ่องกง, ประธานบริษัทฯจาก เสฉวน,บริษัทหวังฮั่น จากยูนนาน,บริษัทถงลี่ทำธุรกิจก่อสร้างจากเสฉวน,บริษัทร่วมทุนเอกชนที่บริหารนิคมอุตสาหกรรม,บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าฉางหง,บริษัท หลี่หยาง ผลิตเหล็กกล้าใหญ่ที่สุด ของยูนนาน, ผอ.กองงานบริหารวิสาหกิจในหมู่บ้านยูนนาน,คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาและปฎิรูปมณฑลยูนนาน,เจ้าหน้าที่มณฑลยูนนาน,สภาการเมือง,กลุ่มบริษัทด้านการท่องเที่ยว

ได้เดินทางมาที่ จ.เชียงราย พร้อมกับเข้าร่วมประชุมกับนายศรีพรหม หอมยก รองผู้ว่าฯเชียงราย , ตัวแทนจากหอการค้าเชียงราย, นายอุทัย จันทิมา รักษาการ ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.), สภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.),สำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ พร้อมนักธุรกิจไทยกว่า 200 คน เรื่องความร่วมมือไทย-จีน ว่าด้วยนโยบายอำนวยความสะดวกแก่การลงทุน โครงการนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือประเทศไทย ณ โรงแรมดุสิตไอซ์แลนด์รีสอร์ท อ.เมือง จ.เชียงราย และมีการออกสำรวจพื้นที่จริงด้าน อ.เมือง, เชียงแสน, แม่สาย และใกล้เคียง ระหว่างวันที่ 25-26 กันยายนนี้

หลังการประชุมที่เริ่มขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 24 กันยายน นายอุทัย จันทิมา รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรมไทย-จีน ถือว่าเป็นไปได้ 100 % แล้ว เพราะมีการลงนามกันระหว่าง เอกชนไทยกับเอกชนจีนคือ บริษัท ไทยจีนพัฒนาบริหารอุตสาหกรรมภาคเหนือ แห่งประเทศไทย ส่วน กนอ. ในฐานะคณะกรรมการ ก็อนุมัติเห็นชอบพื้นที่แล้วเป็นที่เรียบร้อย ขั้นต่อไปก็ คือ เอกชนกับเอกชนอาจจะไปลงนามในสัญญาร่วมประมูลงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และทางจังหวัด ซึ่งมีนายศรีพรหม หอมยก รองผู้ว่าฯเชียงราย ก็เห็นชอบให้จัดตั้งในพื้นที่บ้านศรีบุญยืน ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน พื้นที่ประมาณ 3,100 ไร่

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังต้องรอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดว่าทุกขั้นตอนน่าจะเสร็จสิ้นได้ภายในปีนี้ และน่าจะมีการตอกเสาเข็มภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า ในด้านของการลงทุนคาดว่าจะใช้เงินลงทุนก่อสร้างราว 4,000 ล้านบาทและมีโรงงานราว 100 โรงงาน มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 1 แสนล้านบาท อุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในนิคมฯแห่งนี้ จะเป็นอุตสาหกรรมประเภทเวชภัณฑ์ อัญมณี อิเล็กทรอนิกส์ ตัดเย็บเสื้อผ้า เครื่องจักรกล ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และคนไทยสามารถลงทุนได้ด้วย หรือชาวจีนสามารถลงทุนในโรงงานแบบ 100% ก็ได้ และทราบว่าฝ่ายจีนสนใจจะมาลงทุนมาก เพราะวันนี้มี 35 บริษัท เดินทางมาจากจีน และในวันนี้ ( 27 ก.ย.) คณะผู้แทนภาครัฐ-เอกชนชุดนี้จะเดินทางเข้าพบ นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.อุตสาหกรรมด้วย

นอกจากนี้ยังได้มีการลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการบริหารนิคมเทคโนโลยีชั้นสูงระดับประเทศนครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีนายชางชิงหัว เป็นตัวแทนฝ่ายจีน กับนายอุทัย จันทิมา รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการร่วมมือจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที่ อ.เชียงแสน รวมทั้งพิธีลงนามร่วมกันร่วมมือจัดตั้ง บริษัท ไทยจีนพัฒนาบริหารอุตสาหกรรมภาคเหนือแห่งประเทศไทย โดยฝ่ายจีนมีนายหลี่เจียหลิง,นายจงเป่าหยุน,นายหยินเสี่ยวตง, นายซูเหว่ย ฝ่ายไทยมี นายสุวิทย์ ชีวาเสถียรชัยพร,นายประธาน ภัทรประสิทธิ์, นายสุรพล ตั้งสุทธิวงศ์ ร่วมลงนามด้วย

นายหยางชงห้วย ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนกล่าวว่า รัฐบาลยูนนานค่อนข้างสนับสนุนให้เอกชนเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเชียงแสน โดยนิคมอุตสาหกรรมเกาซิง ได้ร่วมมือกับบริษัทปภามาศ จำกัด ก่อตั้งบริษัทไทย-จีนร่วมพัฒนา จำกัด ขึ้นมาดำเนินการ และหวังว่ารัฐบาลไทยจะนำโครงการนี้จัดเข้าเป็นโครงการหนึ่งในโครงการสำคัญ ในกระบวนการความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อำนวยความสะดวกให้สำเร็จ อย่างราบรื่น นอกจากนี้คาดหวังว่า นิคมฯแห่งนี้จะประสบความสำเร็จ พร้อมกับยืนยันว่าวิสาหกิจที่เข้าร่วมโครงการ จะปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายไทย

นายวีระพงษ์ ไชยเพิ่ม ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์และแผนกลยุทธ์ กนอ.กล่าวว่า การนิคมอุตสาหกรรม มีวิสัยทัศน์ หรือการสรรค์สร้างยุทธศาสตร์การผลิตของไทยโยงใยทั่วโลก สร้างความสมดุล แบบ 5 E ซึ่งมีทั้งความสมดุลทางธรรมชาติ และมีนิคมฯอยู่ในความดูแล 31 แห่ง โดย กนอ.ร่วมดำเนินการ 21 แห่ง ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งของนิคมฯมีทั่วประเทศไทย มีระบบสาธารณูปโภครองรับพร้อม เช่น ระบบประปาที่มีกำลังการผลิตราว 4 แสนลูกบาศก์เมตร แต่ใช้เพียง 1 แสนลูกบาศก์เมตร มีถนนในนิคมทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร ซึ่งนักลงทุนที่อยู่ในนิคมฯจะได้รับสิทธิประโยชน์ ตาม พ.ร.บ.นิคมฯที่ต่างชาติถือครองที่ดินได้, สามารถนำชาวต่างชาติเข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่ได้, รวมทั้งจะได้รับความสะดวกในระบบ One Stop Service

จากคุณ : ตาอ้วน - [ 2 ต.ค. 47 10:32:11 A:203.209.122.184 X: TicketID:014314 ]

ความคิดเห็นที่ 45

(ต่อ)..................................

คณะตัวแทนภาครัฐ-เอกชนจีนเดินทางไปดูพื้นที่บ้านศรีบุญยืน ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่เตรียมใช้เป็นสถานที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2547 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า-ส่งออก เช่นเดียวกับเขตปลอดอากรของศุลกากร ซึ่งที่ผ่านมามีประเทศกลุ่มยุโรปเข้ามาลงทุนมากสุด แต่มีกลุ่มชาวจีน เพียง 6 % เท่านั้น ถือว่า ประเทศไทยมีแนวโน้มในด้านการค้าและการเงินดีขึ้น ซึ่งนิคมอุตสาหกรรม อ.เชียงแสน เกิดขึ้นตามแนวคิดเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เชื่อมโยงเพื่อนบ้าน ที่กำหนดให้เชียงราย เป็นจังหวัดนำร่อง ครอบคลุมพื้นที่ อ.แม่สาย-เชียงแสน-เชียงของ ที่กำหนดให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมในพื้นที่

สำหรับจุดที่ตั้งได้มีการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ และได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิด มีการคัดเลือกพื้นที่อย่างเหมาะสม มีพื้นที่ อ.ศรีดอนมูล ราว 3,100 ไร่ ใกล้แม่น้ำโขง และแบ่งโซนไอซีดี ออกมา เพื่อที่จะรองรับการนำเข้าส่งออก ทั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป – เขตส่งออก มีพื้นที่ Green Area ให้ผู้ที่อยู่ในนิคมฯอยู่ได้แบบมีธรรมชาติ มีพื้นที่ และเขตเครื่องจักรกลการเกษตร

อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องการให้มีอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษ หรืออุตสาหกรรมที่ต้องใช้น้ำมาก เช่น อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ หรือฟอกหนัง เข้ามาก่อตั้งในนิคมฯแห่งนี้ “หากไม่มีประเด็นปัญหาอื่นใด คาดว่าปลายปี 47 จะเริ่มตอกเสาเข็มโครงการนี้ได้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นภายใน 2 ปีก็จะก่อสร้างและดำเนินการได้” นายวีระพงษ์ กล่าว

ด้านนายสุรพล ตั้งสุทธิวงศ์ ผู้แทนบริษัทปภามาศ จำกัด ซึ่งเป็นฝ่ายประสานงานเรื่องพื้นที่ กล่าวว่า พื้นที่ 3,100 ไร่ จะถูกใช้เป็นพื้นที่เขตนิคมฯ ราว 2,000 ไร่ ที่เหลือจะกันเป็นพื้นที่สีเขียว หากทุกอย่างราบรื่น นิคมฯ น่าจะเกิดได้แล้ว ซึ่งขณะนี้ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ไทยจีนพัฒนาบริหารอุตสาหกรรมภาคเหนือแห่งประเทศไทย จำกัด แล้วโดยฝ่ายจีนมีนายหลี่เจียหลิง,นายจงเป่าหยุน,นายหยินเสี่ยวตง ,นายซูเหว่ย ฝ่ายไทยมี นายสุวิทย์ ชีวาเสถียรชัยพร,นายประธาน ภัทรประสิทธิ์,นายสุรพล ตั้งสุทธิวงศ์ ร่วมถือหุ้นด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านหยวน หรือ 25 ล้านบาท เพื่อเข้ามาเพื่อดำเนินการบริหารงานนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้

ส่วนการที่ชาวบ้านบางกลุ่มเกรงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมนั้น นายอุทัย กล่าวว่า การตั้งโรงงานในประเทศไทย หากไม่มีการวางแผนดูแลอาจจะเกิดปัญหา แต่การตั้งในนิคมฯ จะสามารถดูแลโดยง่าย ซึ่งถือเป็นการสร้างประโยชน์มากกว่าสร้างปัญหาให้กับจังหวัดเชียงราย ส่วนภาคราชการก็ต้องเข้าไปชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ด้วย ซึ่งเชื่อว่าการคัดค้านจะมีน้อยหรือแทบจะไม่มี เลย

เช่นเดียวกับนายศรีพรหม หอมยก รองผู้ว่าฯเชียงราย กล่าวว่า ได้มีการแนะนำและสร้างความเข้าใจแก่ชุมชนรอบ ๆ นิคมฯ ที่จะเกี่ยวข้องกับ อ.เชียงแสน, อ.แม่จัน และ อ.แม่สาย ซึ่งการนิคมฯได้มีฝ่ายชุมชนสัมพันธ์เข้าไปในพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างเต็มที่แล้ว

ขณะที่นักลงทุนจีนที่เข้าร่วมการประชุมด้วย ได้พยายามสอบถามเรื่องสิทธิการเข้าเมือง และด้านเวชภัณฑ์ ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งว่ามีสิทธิตามการลงทุน ซึ่งมีกฎอยู่ ส่วนการนำวัตถุดิบเข้ามาจะได้รับการยกเว้นอากรเครื่องจักร และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่เป็นการให้สิทธิประโยชน์สูงสุด และมีกฎหมาย 3 ฉบับ คือ ของศุลกากร, ของบีโอไอ และของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีการให้สิทธิด้านภาษี และไม่ใช่ภาษี มีการรองรับแล้ว

โดยด้านผู้แทนจากบีโอไอ ระบุว่า ประเทศไทยแบ่งเขตการลงทุนเป็น 3 เขต คือ เขต 1 กทม.และปริมณฑล ส่วนเขต 3 อยู่ใน 58 จังหวัดรวมเชียงราย มีสิทธิพิเศษด้านอากร - การลงทุน ซึ่งนายกิตติ สิทธิสัมพันธ์ ผู้แทน ผู้ช่วยนายด่านศุลกากรแม่สาย ได้เสนอว่า นักลงทุนสามารถจัดตั้งเขตปลอดอากรของศุลกากร เพื่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรมได้ด้วยซึ่งถือว่าเป็นความสะดวกอีกประการหนึ่งในการลงทุน

นอกจากนี้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานก็กำลังพิจารณาในส่วนของการมีส่วนร่วมของโครงการนิคมอุตสาหกรรมนี้, การท่องเที่ยว มี 3 โครงการ คือ การอนุรักษ์และพัฒนาเมืองประวัติศาสตร์เชียงแสนซึ่งต้องรักษาดูแลเมืองเก่าไว้ และวางแผนการเดินรถให้ห่างเมืองเก่า,การให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี อาทิ การบริการแบบวันสต็อปเซอวิส, เรื่องการเงิน, แรงงาน ซึ่งทราบว่ามียุทธศาสตร์ให้ใช้แรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่น่าจะใช้ได้ในปี 48 ซึ่งเป็นการแสดงความจริงใจต่อฝ่ายจีนว่าสามารถเข้ามาลงทุนได้ทันที และอยู่ระหว่างการพิจารณาประกาศกฎหมายในเรื่องเขตสิทธิพิเศษ

ด้านนายดำรงค์ แสงกวีเลิศ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาพื้นที่ สภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงระบบคมนาคมที่จะเกื้อหนุนการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จ.เชียงราย ที่จะดำเนินการในอนาคตว่า เส้นทางการเดินเรือแม่น้ำโขง และเส้นทางถนนจากจีนผ่าน สปป.ลาว ผ่านเมืองบ่อหาร-บ่อเต็น สู่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว อ.เชียงของ จ.เชียงราย มีอนาคตมาก และเชียงราย มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ อ.เชียงแสน และแม่สาย ก็เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนได้ทันที ภายใต้กฎหมาย 3 ฉบับ ในส่วนของรัฐบาลไทยที่เปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งเขตนิคมฯ ที่เชียงแสน กนอ.ก็ได้งบประมาณจากรัฐบาลไทยมาให้การนิคมศึกษาความเหมาะสมในการจัดตั้ง เข้าใจว่าการศึกษาเสร็จแล้ว และน่าจะอยู่ในกระบวนการเสนอให้ประเทศจีนเพื่อร่วมดำเนินการ ส่วนในแง่ของผังเมืองได้ร่างแบบเสร็จสิ้น คาดว่าจะประกาศใช้ในปี 48 ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้ลงทุนในส่วนสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนไปแล้วด้วยงบประมาณราว 500 ล้านบาท

ส่วนการสร้างท่าเรือเชียงแสนแห่งใหม่ และกำลังมีการพิจารณาโครงข่ายถนน - พื้นที่หลังท่า ซึ่งหลายคนกังวลเรื่องพื้นที่อนุรักษ์ ทางนายนรินทร์ พานิชกิจ ผู้ว่าฯเชียงราย เป็นแม่งานที่จะดูเรื่องนั้นเป็นที่เรียบร้อย และท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 ซึ่งใช้อยู่ ซึ่งขณะนี้มีการเตรียมกันไว้ และมีการดำเนินการศึกษา และดูแหล่งที่ตั้งซึ่งกำหนดว่าจะตั้งที่บ้านสบกก อ.เชียงแสน ซึ่งน่าจะเสร็จการดำเนินการในการพิจารณาใน 2 เดือนข้างหน้าและน่าจะสร้างได้ในปี 48

ในส่วนของทางหลวงจาก อ.เชียงแสน นั้น น่าจะสร้างในแนวใหม่ ระหว่าง อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ มาที่ อ.เมืองเชียงรายและมีการเตรียมเสนอสร้างแนวเส้นทางไปต่อที่ จ.เชียงใหม่ เลียบเส้นทางที่มีอยู่เดิม

จากคุณ : ตาอ้วน - [ 2 ต.ค. 47 10:32:59 A:203.209.122.184 X: TicketID:014314 ]