คืนหนึ่งในเดือนมกราคม 2518 สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ลำปาง ได้เริ่มต้นแพร่ภาพยนตร์สารคดี เกี่ยวกับการเดินทางของนักสำรวจแห่งภาควิชาภูมิศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มุ่งหน้าพิชิตยอดดอยเชียงดาว ในจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ชมทางภาคเหนือพากันตื่นเต้นกับความงดงามของพรรณไม้พิเศษ และทิวทัศน์บนยอดดอยเชียงดาวที่ไม่เคยเห็นได้จากยอดดอยแห่งอื่นมาก่อน แมั้ว่าการถ่ายทำสมัยนั้นยังเป็นหนังขาวดำ คืนนั้นดอยเชียงดาวได้เผยตัวให้สาธารณชนได้ยลโฉมเป็นครั้งแรก และเริ่มเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยว ในฐานะยอดเขาที่มีความสูงเป็นอันดับสามของประเทศ คือมีความสูง 2,225 เมตร รองลงมาจากดอยอินทนนท์ และดอยผ้าห่มปก แต่หากเปรียบเทียบกับบรรดาภูเขาหินปูนด้วยกัน ดอยเชียงดาวถือว่าเป็นยอดเขาหินปูนที่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงจนกระทั่งชาวบ้านสมัยก่อนเรียกชื่อภูเขาหินปูนนี้ว่า เพียงดาว เพราะหากใครมีโอกาสขึ้นไปบนยอดดอยแล้วแหงนมองดูดาวพราวฟ้าในยามค่ำคืน จะรู้สึกว่าหมู่ดาวช่างอยู่ใกล้ตาจนแทบจะเอื้อมมือไปไขว่คว้าได้ และเป็นที่มาของคำว่า เพียงดาว หรือ เชียงดาว ในปัจจุบัน ใครที่มีโอกาสได้ขับรถจากเชียงใหม่ไปทางอำเภอฝาง พอออกนอกเมืองไปได้ประมาณเจ็ดสิบกว่ากิโลเมตร จะถึงตัวอำเภอเชียงดาว ลองสังเกตทางด้านซ้ายมือจะเห็นภูเขาขนาดมหึมาตั้งตระหง่านอยู่โดด ๆ สูงเสียดฟ้า มีเมฆปกคลุมยอดเขานั่นแหละครับดอยเชียงดาว ที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาวทุกวันนี้การเดินทางขึ้นไปบนยอดดอยเชียงดาว ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างอันดีของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำลังโปรโมตอยู่ทุกวัน อีโคทัวร์ คือการที่นักท่องเที่ยวได้รับความเพลิดเพลินและความรู้จากธรรมชาติแล้ว ยังมีส่วนในการดูแลรักษาระบบนิเวศอันเปราะบางด้วย เส้นทางสู่ดอยเชียงดาวนั้น สามาาถเดินทางด้วนรถยนต์ประมาณสองชั่วโมง ไปจนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าเด่นหญ้าขัด ซึ่งบริเวณนี้มีสถานที่กางเต็นท์ ห้องน้ำและแหล่งน้ำขนาดพอเหมาะ หากใครจะเดินขึ้นยอดดอยเชียงดาว ก็จะมีทางเดินในป่าผ่านป่าสน ป่าทุ่งหญ้าสลับป่าดิบชื้นซอกซอนไปตามขุนเขา ระหว่างทางเราจะได้ยินเสียงนกนานาชนิดส่งเสียงร้องโชคดีอาจจะเห็นกวางผา หรือเลียงผา ขณะที่ข้างทางสังคมป่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามระดับความสูง ตั้งแต่สภาพป่าดิบ ขึ้นไปจนถึงสังคมพืชกึ่งอัลไพน์บนยอดเขาอันเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของดอยเชียงดาว สังคมพืชกึ่งอัลไพน์ คือพืชล้มลุกขึ้นสลับกับพืชพุ่มเตี้ยในระดับความสูงเกิน 1,600 เมตร บนดอยเชียงดาวนักท่องเที่ยวจะสัมผัสความงามของพืชกึ่งอัลไพน์ที่หายากยิ่ง อาทิ ชมพูเชียงดาว เป็นพืชล้มลุก มีดอกสีชมพูเข้ม ลักษณะคล้ายแตรเล็ก ๆ เรียงเป็นชั้น ๆ เป็นพืชพบได้บนยอดดอยเชียงดาวแห่งเดียวในโลก นอกจากนั้นยังมีพืชหายากอีกหลายชนิด อาทิ กุหลาบเชียงดาว ค้อดอยเชียงดาว ดอกหรีดเชียงดาว คำปองหลวง และกล้วยไม้สิรินธร กล้วยไม้พันธุ์ใหม่ของโลกที่เพิ่งค้นพบไม่นานมานี้ กล่าวได้ว่าดอยเชียงดาวเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางพฤกษศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย กุหลาบขาวเชียงดาว ดังถึงขนาดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในโครงการ Unseen in Thailand กุหลาบชนิดนี้เป็นพืชในตระกูลกุหลาบพันปี ถือได้ว่าเป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นของไทย มีเรื่องที่น่าสนใจคือ โดยปกติต้นกุหลาบพันปีจะขึ้นในดินที่เป็นกรด แต่กุหลาบขาวเชียงดาวกลับขึ้นในดินที่เป็นด่างอันเกิดจากการสลายตัวของหินปูน และยังทนต่อสภาพอากาศอันแปร ปรวนบนยอดดอยเชียงดาวได้เป็นอย่างดี การเดินทางขึ้นยอดดอยเชียงดาวใช้เวลาเพียงห้าชั่วโมง บนยอดดอยลมพัดแรงจัด เราสามารถเห็นวิวได้เกือบรอบตัว 360 องศา เป็นทัศนียภาพที่คนขึ้นมาถึงพูดได้คำเดียวว่า งดงามสุดบรรยาย แม้ว่าคณะที่มาจะค่อย ๆ ผลัดกันชมความงาม เพราะบนยอดดอยไม่มีที่ราบ สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ไม่กี่สิบคนหลังจากนั้นเราก็เดินกลับมาพักผ่อนค้างแรมตรงที่กางเต็นท์ การเดินทางค่อนข้างสบาย ทางไม่ชันอย่างที่คิด มิฉะนั้นทางสยามสมาคมคงไม่จัดโปรแกรมมาทัวร์ยอดดอยเชียงดาวเกือบทุกปี มีนักนิยมธรรมชาติทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่และคนชราเดินทางมาสัมผัสธรรมชาติและพรรณไม้หายากแห่งนี้เป็นประจำที่น่าสนใจคือ คนที่มาดอยเชียงดาวค่อนข้างจะเข้าใจกฏ กติกา มารยาทแบบอีโคทัวร์ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าบอกว่า นักท่องเที่ยวที่มาดอยเชียงดาวค่อนข้างจะมีคุณภาพ คือไม่ทิ้งขยะ ไม่เก็บพันธุ์ไม้ ไม่ส่งเสียงดัง และไม่ตัดไม้มาทำฟืน แต่จะใช้เตาก๊าซหุงอาหารแทน การขึ้นดอยเชียงดาวจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากอย่างที่คิด จนต้องลงทุนสร้างกระเช้าลอยฟ้า เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวตามที่เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ ยังไม่ทันจะมีการศึกษาใด ๆ ปรากฏว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีหน้าที่ดูแลทรัพยากรธรรมชาติกลับเชิญผู้เชี่ยวชาญการสร้างกระเช้าลอยฟ้าจากออสเตรเลียนั่งเฮลิคอปเตอร์ดูดอยเชียงดาว เพื่อวางแผนหาจุดที่ปักหลักตอกเสาเข็มทะลุภูเขาหินปูน เพื่อตั้งเสาเคเบิ้ล และหาบริเวณสร้างสถานีกระเช้าลอยฟ้า ตลอดจนการหาทำเลบ้านพัก ภัตตาคาร ภายใต้แนวคิดที่ต้องการพัฒนาดอยเชียงดาวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยมีจุดขายคือกระเช้าลอยฟ้า และสามารถรองรับนักท่องเที่ยวนับหมื่นคนในแต่ละปีที่จะแห่กันขึ้นไปพิชิตยอดดอย ยิ่งมีนักท่องเที่ยวขึ้นกระเช้าไฟฟ้ามาก ๆ ก็ยิ่งคุ้มกับการลงทุนซึ่งตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท ขณะที่ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาวได้ออกระเบียบจำกัดนักท่องเที่ยวอนุญาตให้ขึ้นได้ไม่เกินวันละ 200 คน เพื่อป้องกันไม่ให้สภาพดอยเชียงดาวบอบช้ำมากเกินไป ต้นไม้กึ่งอัลไพน์บางต้นใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสี่ห้าสิบปีเพื่อให้โตสูงเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่นักท่องเที่ยวบางคนใช้เวลาไม่กี่วินาทีเดินเหยียบย่ำผ่านไปอย่างง่ายดาย หากมีการก่อสร้างกระเช้าลอยฟ้าจริง ๆ ผู้คนนับร้อยนับพันแห่กันขึ้นมาทุกวัน ไม่นับสิ่งก่อสร้างที่พักต่าง ๆ บนดอยเพื่ออำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยว แล้วพรรณไม้หายากต่าง ๆ จะเหลือหรือครับ กุหลาบขาวเชียงดาวที่ทนต่อสภาพอากาศอันแปรปรวนมาได้ตลอดเวลาหลายสิบล้านปี คงจะกลายเป็น Unseen in Thailand สมคำพูดจริง ๆ
จากคุณ : walilnin - [ 6 มี.ค. 47 11:22:41 A:203.151.227.85 X: ]