PANTIP.COM : E13065872 AirAsia สั่ง Airbus A320 อีก 100 ลำ [การเดินทางทางอากาศ]

ความคิดเห็นที่ 24

ตัวผมมีความเชื่อว่า ...

เชียงใหม่-สิงคโปร์ บินตรง 3 ชั่วโมง มันยังมี demand ของมันอยู่
แต่ควรจะบินแค่ประมาณ 3 เที่ยว/สัปดาห์ น่าจะได้คนแน่นๆ เน้นๆ มากกว่านี้
ส่วนอีก 4 วันที่เหลือถ้าบิน 3 ชั่วโมง ตัวผมก็ยังนึกไม่ออกว่าควรจะไปไหนดี ที่น่าจะขายได้
นอกจากบินไปกัวลาลัมเปอร์ เติมเต็มจนครบวันละ 2 เที่ยว (14 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จากปัจจุบันบิน 10 เที่ยว)

จริงๆ ศักยภาพจังหวัดใหญ่ๆ ยังคงมีอีกเยอะครับ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในแง่นักลงทุนคิดเห็นอย่างไร
อย่างตัวผมเชื่อว่า แม้จังหวัดใหญ่บางจังหวัด ไม่คุ้มค่ากับการบินออกจากดอนเมือง
แต่ถ้าบินจากจังหวัดใหญ่ๆ ที่มีประชากรมากและกำลังซื้อน่าจะสูง อาทิเช่น เชียงใหม่-นครราชสีมา หรือ ภูเก็ต-นครราชสีมา (ซึ่งโคราชคือชุมทางใหญ่ของอีสาน ถ้ามีการคมนาคมขนส่งที่ดี มีรถเชื่อมระหว่างสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ กับสนามบินที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ คนก็จะเดินทางกันสะดวกมากๆ เช่นบ้านอยู่ชัยภูมิ แต่ไปทำงานภูเก็ต ก็เข้าทางเลย

หรืออย่างเมืองท่องเที่ยวที่น่าโปรโมตให้เป็น Grand Destination ได้ก็คือ หัวหิน (เมืองชายทะเลชื่อดังที่กำลังขยายตัว) และ อู่ตะเภา (นิคมอุตสาหกรรม กำลังซื้อสูงมากอยู่แล้ว)

แต่ทั้งนี้ ... ผมเคยได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการ จุดหนึ่งที่จะเป็นดัชนีชี้วัดได้ว่า เส้นทางไหนเปิดแล้วจะรุ่งหรือไม่รุ่ง นั่นก็คือ การคมนาคมขนส่งทางบกระหว่างจุดหมายนั้น อาทิเช่น เชียงใหม่-อุบลราชธานี มีนครชัยแอร์ กับอีกเจ้านึง (จำชื่อไม่ได้) วิ่งรถ 18 ชั่วโมง วันละหลายๆ เที่ยวเลย ซึ่งรถทัวร์ก็จะได้เปรียบตรงที่จอดรับส่งผู้โดยสารระหว่างทางก็ได้ ดังนั้น บินตรง เชียงใหม่-อุบลราชธานี จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

แต่อย่าง เชียงใหม่-หัวหิน ตอนนี้สมบัติทัวร์วิ่งวันละ 3 เที่ยว จำนวนผู้โดยสารรวมไม่ถึง 100 คน/วัน/เที่ยว
ถ้าเอาแอร์บัส A320 ขนาด 180 ที่นั่งไปบิน อาจจะไม่ไหวก็ได้ แต่ถ้าเป็น Saab 340 ขนาด 34 ที่นั่ง
ก็อาจจะไปรอด แต่ค่าตั๋วต่อเที่ยวก็อาจจะต้องปาเข้าไปถึง 3,xxx บาท/เที่ยวเลยทีเดียว

ยิ่งถ้าความถี่น้อยกว่า 3-4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ยิ่งอยู่ยาก ...
ถ้าดีควรจะต้องบินตรงทุกวัน และจะดีกว่าถ้าบินตรงวันละ 2 เที่ยวเช้า-เย็น สามารถบินไป-กลับ ได้ในวันเดียวกัน ซึ่งถ้าเราเปรียบเทียบระหว่าง นกแอร์ กับ แอร์เอเชีย ...

แอร์เอเชียมีเครื่องบินแค่ type เดียวคือ แอร์บัส A320 ขนาด 180 ที่นั่ง
ส่วนนกแอร์ มีเครื่องถึง 3 type (จริงๆ คือ 4) คือนกตัวใหญ่ โบอิ้ง 737-800 (และ 400 ที่เตรียมจะปลดแล้ว) ขนาด 150-189 ที่นั่ง, นกกลางคือ ATR-72 ขนาด 66 ที่นั่ง และนกเล็กคือ Saab 340 ขนาด 34 ที่นั่ง ทำให้นกแอร์ได้เปรียบในการบินเส้นทางที่ย่อย และเส้นทางรองได้มากกว่า รวมถึงสามารถเพิ่มความถี่ได้มากกว่าด้วย

อย่างเส้นทาง เชียงใหม่-อุดรธานี นกแอร์บินด้วย Saab 340 วันละ 3 เที่ยว เช้า-กลางวัน-เย็น
เราสามารถบินไปเช้า เย็นกลับได้เลย ในขณะที่แอร์เอเชีย ถ้าเอา A320 บินอย่างมากก็ 4 เที่ยว/สัปดาห์
จะไปรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะเครื่องบินใหญ่เกินไป ....

รวมถึงเส้นทางที่น่าจะหืดขึ้นคออย่าง นครพนม ที่แอร์เอเชียบินด้วย A320 ได้แค่วันละ 1 เที่ยวบิน
ในขณะที่นกแอร์ ส่งไปทั้ง โบอิ้ง 737-400 และ ATR-72 ลงทั้ง สกลนคร และ นครพนม คู่กัน (ซึ่งสนามบินห่างกันแค่ 50 กิโลเมตร) ทำให้ 2 จังหวัดนี้มีเที่ยวบินรวมถึง 4 เที่ยว/วัน เช้า-สาย-บ่าย-เย็น เดินทางได้ตลอดเลย ...

ส่วนตัวผมเชื่อว่า แอร์เอเชียจะได้เปรียบกว่านกแอร์ในเส้นทางที่มีชาวต่างชาติ(ทั้งเอเชีย และ ฝรั่งยุโรป-อเมริกา) ใช้บริการเยอะกว่ามาก .... (อาทิเช่น เชียงใหม่-ภูเก็ต และเส้นทางอื่นที่เข้าออกภูเก็ต) เพราะแบรนด์อาจจะแข็งแกร่งในระดับภูมิภาคมากกว่า อย่างน้อยชาวอาเซียนก็น่าจะรู้จักแอร์เอเชียมากกว่านกแอร์ ซึ่งเป็นยังสายการบินภายในประเทศอยู่

แต่เส้นทางไหนที่มีคนไทยใช้บริการเยอะกว่า (อาทิเช่น เชียงใหม่-หาดใหญ่ หรือเส้นทางรองๆ ย่อยๆ) แนวโน้มนกแอร์จะไปได้สวยกว่าแอร์เอเชีย อย่างเดือนมกราคม ปกติแอร์เอเชียจะขายตั๋วเส้น เชียงใหม่-หาดใหญ่ แพงมากๆ พอมีนกแอร์เข้ามาบินโดยออกเดินทางก่อน 2 ชั่วโมง กลายเป็นว่า แอร์เอเชียต้องทำโปรฯ วันศุกร์ 1,090 บาทออกมาสู้ซะอย่างนั้น ทั้งๆ ที่แทบจะไม่เคยมีมาก่อนเลย กับเส้นทางนี้ ....

ตรงนี้หล่ะครับที่คิดว่าจะเป็นอะไรทีค่อนข้างท้าทาย ว่า เส้นทางบางเส้นทางมี demand แต่ไม่ได้มีมากขนาดจะเอา A320 ไปบินได้ตลอด ก็คงต้องรอติดตามดูกันต่อไปครับ smile

จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์

เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 14:45:49

ความคิดเห็นที่ 25

ผมเห็นด้วยกับหมอยุ่งหลายเรื่องเลย
อันแรกเลยสนาม สนามบินโคราช
สนามบินนี้น่าสนใจตรงที่อยู่ใกล้เมืองใหญ่สองเมืองคือโคราชและบุรีรัมย์ ซึ่งถ้าหากว่าสนามบินโคราชมี airport rail link
วิ่งเข้าไปที่สนามบิน (ซึ่งมีรางรถไฟรออยู่แล้วข้างๆสนามบิน) ก็จะเป็นการสะดวกอย่างมากสำหรับคนที่อาศัยอยู่แถบนี้
และเพื่อเป็นการรองรับการเติบโตทางอุตสาหกรรมในแถบนี้ด้วย ผมว่าสามารถเปิดเส้นทางต่างประเทศได้สบายๆเลย
แต่ต้องรออุตสาหกรรมที่ว่าเติบโตระดับนึงก่อนนะ
เส้นทางที่เหมาะสมน่าจะเป็นภาคใต้ อย่างเช่น ภูเก็ต หาดใหญ่ สุราษฎร์ฯ นครศรีฯ
ภาคเหนือก็ เชียงใหม่

สำหรับหัวหินเอง ผมมองว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนกรุงเทพมากกว่า เพราะเนื่องด้วยใช้เวลาไม่นานจากกทม.แต่ถ้าเป็นคนภาคอื่นแล้ว
ส่วนใหญ่ก็จะเลือกไปทะเลที่มีชื่อเสียงมากกว่าอย่างเช่น พัทยา กระบี่ ภูเก็ต สตูล ฯลฯ ซึ่งสนามบินหัวหินเองก็มีข้อจำกัดเรื่องความยาวรันเวย์ ซึ่งไม่สามารถรองรับเครื่องที่ใหญ่กว่า A320 ได้แล้ว
เส้นทางที่เหมาะสมของสนามบินหัวหิน จึงน่าจะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มมากกว่า
เส้นทางที่เหมาะสมผมว่าในประเทศก็น่าจะเป็น เชียงใหม่ อุดรฯ อุบลฯ ซึ่งผมว่าดีมานด์ตรงนี้น้อยมากๆเลยครับ
ถึงแม้ว่าสนามบินหัวหินจะไม่ต้องมีระบบขนส่งเข้าเมืองเพิ่มแล้วเพราะมีสองแถววิ่งเข้าเมืองทุก10นาทีเลยทีเดียว
แต่ว่าเนื่องจากดีมานด์การเดินทางในประเทศยังน้อยมากๆ
ซึ่งถ้าเป็นเส้นทางต่างประเทศแล้วผมว่าหัวหินน่าจะมีดีมานด์สูงกว่า จากการสังเกตคนที่มาเที่ยวหัวหินเป็นฝรั่งเสียมาก
เส้นทางที่เหมาะสมน่าจะเป็น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเก๊า อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ แถบๆนี้มากกว่า
ทั้งนี้ทั้งนั้นหัวหินต้องมีอะไรดึงดูดมากกว่านี้นะ เพราะหัวหินทุกวันนี้เป็นเหมือนกับที่พักตากอากาศ สำหรับพักผ่อนมากกว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเล

สำหรับขอนแก่น ซึ่งอยู่่ห่างจากอุดรฯไม่มากผมคิดว่าสายการบินโลว์คอสคงไม่คิดที่เพิ่มต้นทุนโดยการมาลงที่สนามบินนี้อีก เพราะว่าเมืองนี้เป็นเมืองการศึกษา
เมืองราชการ มากกว่าที่จะเป็นพื้นที่เชิงธุรกิจ ผู้โดยสารส่วนใหญ่จึงเป็นผู้ที่มาติดต่อราชการ ทำงาน ซึ่งสามารถเบิกหน่วยงานได้
หรือว่าเป็นนักเรียนมาเรียน ซึ่งมีกำลังซื้อไม่มากนัก
ผมมองว่าสนามบินขอนแก่นน่าจะต้องรอให้เมืองขอนแก่นเติบโตมากกว่านี้ ถึงจะคุ้มค่าในการมาลงของสายการบินโลว์คอส

ถามว่าทำไมสนามบินอุดรที่ตัวเมืองอุดรเองก็ไม่ได้ใหญ่โตไปกว่าขอนแก่นเท่าไร ทำไมถึงมีโลว์คอสไป
คบหาตั้งมากมาย ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสนามบินอุดรอยู่ใกล้กับเมืองหลวงของลาวครับ สามารถเดินทางไปได้โดยใช้เวลาแป๊บเดียว
สาเหตุที่สนามบินอุดรฯโตได้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าลาวมีการจำกัดเที่ยวบินด้วยครับ
ถ้าลาวเปิดเสรีน่านฟ้าเมื่อไร สนามบินอุดรฯได้รับผลกระทบแน่ๆ

สำหรับปีนี้ผมมองว่า ภูเก็ตน่าจะเติบโตได้อีกครับ เพราะสนามบินนี้มีดีมานด์สูงมาก มีอัตราการเพิ่มของผู้โดยสารที่ก้าวกระโดดเลยทีเดียว
แอร์เอเชียอาจจะเปิดรูท ภูเก็ต-มาเก๊า หรือ ภูเก็ต-สิงคโปร์ เพิ่มก็เป็นได้

จากคุณ : Gbe

เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 03:43:49