ความคิดเห็นที่ 1 ช่วงเช้าของวันนี้เราจะไล่ชมเริ่มจากปราสาทแปรรูป ปราสาทนาคพัน และปิดท้ายด้วยปราสาทพระขรรค์ ซึ่งเป็นปราสาทที่เพื่อนในทีมผมตั้งตารอที่สุด ด้วยว่ามีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจ ตรงที่เป็นปราสาทแห่งเดียว ที่มีรูปทรงเสาโรมันเป็นส่วนประกอบ ส่วนช่วงบ่ายเรายกเวลาทั้งหมดให้กับไฮไลท์ของเรา ...”นครวัด” .............................. ใช้เวลาไม่นานจากโรงแรม เรามาถึงด้านหน้าของปราสาทแปรรูปกันแล้วครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:49:00

ความคิดเห็นที่ 2 และแทบทุกปราสาทในแถบนี้ ที่ด้านหน้าแปรสภาพเป็นตลาดย่อมๆ มีของขายสารพัด โดยเฉพาะบรรดาผลไม้ต่างๆ ที่แม้ไม่ได้แปลกหรือแตกต่างจากบ้านเรา แต่บรรยากาศการซื้อขายมันดูธรรมดาๆ บ้านๆ ทำให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นเยอะเลย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:49:48

ความคิดเห็นที่ 3 พาหนะประจำเมือง ไปที่ไหนก็ต้องเจอ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาน้อยคน ทั้งไทย จีน ฝรั่ง นิยมเหมาทั้งวันเพื่อตระเวนเที่ยวตามปราสาทต่างๆ ไม่แพง แถมได้บรรยากาศสุดๆ เลยนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:50:33

ความคิดเห็นที่ 4 +++ ปราสาทแปรรูป ...การเกิด..และตาย +++ ปราสาทแห่งนี้นับเป็นปราสาทหลวงในสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 โดยครั้งที่สร้างเพื่อถวายแด่องค์พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม วัสดุที่นำมาสร้างปราสาทแห่งนี้มีทั้งศิลาแลง หินทราย และอิฐ สันนิษฐานกันว่าเดิมคงไม่ได้ชื่อปราสาท แต่เป็นชื่อที่ถูกเรียกขานในภายหลัง เพราะคำว่า “แปรรูป” เป็นการเรียกพิธีกรรมทางศาสนา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:53:33

ความคิดเห็นที่ 5 ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ^^ จากคุณ : Wini2524 เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:54:04

ความคิดเห็นที่ 6 พิธีกรรมทางศาสนาที่ว่าเกี่ยวเนื่องกับพิธีเผาศพ โดยหลังจากการเผาศพเสร็จ จะนำกระดูกและขี้เถ้ามาเรียงกันให้เป็นรูปคน แล้วผู้ทำพิธีก็จะขานเสียงดังถามญาติที่มาร่วมงานว่า... ตอนนี้(ผู้ตาย)ดูเป็นยังไง ผมสวยรึยัง มีแขนครบหรือยัง มีขาครบหรือยัง โดยมีญาติตอบรับ ก่อนผู้ทำพิธีจะสรุปว่า เมื่อมีครบแล้ว สวยงามแล้ว ก็ไปเกิดใหม่ได้แล้ว... แล้วคว่ำร่างทั้งหมดลง เพื่อทำพิธีในขั้นต่อไป กระบวนการคว่ำอัฐินี่เองที่เรียกว่า การแปรรูป อันเป็นที่มาของปราสาทแห่งนี้ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:54:35

ความคิดเห็นที่ 7 Wini2524 ...ได้เลยครับ แต่ทริปนี้ร้อนหน่อยนะครับ บรรยากาศยามเช้าในยามนี้ แดดแรงกันตั้งแต่ยังไม่เก้าโมงเลย แต่ยังไม่บ่นครับ เพิ่งที่แรกเอง วันนี้หนทางอีกยาวไกล.... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:55:48

ความคิดเห็นที่ 8 ซุ้มประตูทางเข้า ก่อนไปถึงส่วนที่ต้องปีนบันไดขึ้นไปชมปราสาทด้านบน ส่วนนี้สร้างด้วยอิฐ และมีร่มเงาพอใช้เป็นสตูดิโอ ของนักวาดตัวน้อย และเด็กๆ ขายหนังสือ ที่จับกลุ่มรอนักท่องเที่ยว ที่แต่ละวันมีเข้ามาชมไม่ได้ขาดสาย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:56:22

ความคิดเห็นที่ 9 แดดแรงยามเช้า ส่องผ่านลูกกรงของซุ้มหน้าต่าง สวย และได้บรรยากาศของปราสาทหินจริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:56:49

ความคิดเห็นที่ 10 ก้าวเข้ามามีลานขนาดย่อมๆอยู่ คาดว่าสมัยก่อนโน้น การจัดพิธีเรียงอัฐิผู้ตาย น่าจัดขึ้นบริเวณแถวๆนี้ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:57:35

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนการขึ้นไปชมปราสาทด้านบนต้องปีนขึ้นบันไดสูงชัน ประมาณ 1 หอบครับ ถ้าสังเกตกันจะเห็นว่าปราสาทแทบทุกแห่งที่มีบันไดขึ้น จะชัน และขั้นบันไดแคบมากๆ จริงๆ เป็นความตั้งใจของผู้สร้างที่ผู้มาเยี่ยมเยือนจะต้องก้มหน้าก้มตาขึ้นสู่ข้างบน เป็นการก้มหัวคารวะไปในตัว ที่สำคัญจะได้เข้ามาอย่างสำรวมและมีสติ... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:58:24

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อขึ้นไปถึงเราจะพบปรางค์ที่สร้างจากอิฐจำนวน 5 ปรางค์ ตามแผนภูมิของจักรวาลในศาสนาฮินดู โดยองค์กลางซึ่งใหญ่ที่สุดเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวาล จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:59:01

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อดีของการปีนขึ้นมาด้านบน แม้จะร้อนจากแดด และออกแรงไปพอควร แต่ข้างบนนี่ลมดีจริงๆ เดินหาร่มหลบใต้เงาปราสาท นั่งรับลมเย็นๆ มองผืนป่ากว้างๆ ด้านล่าง ที่สามารถมองเห็นถึงพนมกุเลนเลย แค่นี้ก็ได้ซึมซับบรรยากาศดีๆ ของการเที่ยวปราสาทแล้วครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:59:34

ความคิดเห็นที่ 14 อ้าว ตอนที่ 1 หลุดพ้นสายตาไปได้ยังไง เดี๋ยวตามเที่ยวย้อนหลังก่อนนะคะ ^^ จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:00:11

ความคิดเห็นที่ 15 ตรงปราสาทองค์กลางมีพระพุทธรูปให้เราเข้าไปไหว้ เพื่อสิริมงคลด้วย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:00:19

ความคิดเห็นที่ 16 Clear Ice ...ไปฝ่าลมร้อน กลางเดือนเมษาด้วยกันนะค้าบบ... รูปแกะสลักที่นี่ก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่าปราสาทแห่งใดๆ เลย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:01:18

ความคิดเห็นที่ 17 แม้จะผ่านกาลเวลามายาวนาน และชำรุด กร่อนไปบ้าง แต่เห็นร่องรอยของความงามมากทีเดียว จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:01:52

ความคิดเห็นที่ 18 ภาพชินตาที่เราเจอทุกสถานที่ท่องเที่ยวที่ไป ไม่ว่าจะเป็นตอนลง หรือขึ้นรถ จะได้รับการต้อนรับและเสนอขายของสารพัด ทั้งหนังสือ โปสการ์ด ผ้าพันคอและอีกมากมาย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:02:25

ความคิดเห็นที่ 19 เราขึ้นรถแล้ว น้องเค้าหงอยไปเลย เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรจริงๆ คร้าบ... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:02:58

ความคิดเห็นที่ 20 จากปราสาทแปรรูปเรานั่งรถต่อไปยังปราสาทนาคพัน รอบๆ ปราสาทยังคงเป็นป่าทึบอยู่เลย แต่มีทางเดินเข้าสู่ปราสาทที่จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชม ดูแล้วเหมือนเส้นทางที่หลุดไปสู่อีกโลกหนึ่งเลยนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:04:03

ความคิดเห็นที่ 21 ศาลาริมทางของทางเข้าสู่ปราสาท มีวงดนตรีบรรลงเพลงอยู่ เพื่อขอรับบริจาคจากนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผู้พิการที่ได้รับผลกระทบจากบาดแผลของสงครามอันหน้าเศร้าใจ ถือเป็นบาดแผลช่วงหนึ่งของกัมพูชา ที่แม้ทุกคนจะอยากลืม แต่ดูเหมือนมีหลายสิ่งที่มากระตุ้นความทรงใจอย่างไม่ตั้งใจ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:04:44

ความคิดเห็นที่ 22 +++ ปราสาทนาคพัน ปราสาทกลางน้ำ +++ ถือเป็นผลงานในช่วงยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แถมเป็นปราสาทที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากที่อื่นๆ ตรงที่รูปแบบการสร้างปราสาทไว้กลางสระน้ำ เปรียบเสมือนเกาะกลางทะเล หรือสระน้ำอโนดาตตามตำนาน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:05:22

ความคิดเห็นที่ 23 ตรงกลางสระน้ำเป็นที่ตั้งของปราสาทขนาดเล็กทรงกลม โดยที่ฐานมีนาคเจ็ดเศียรสองตัวพันอยู่รอบๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:06:03

ความคิดเห็นที่ 24 ก่อนมาเคยดูรูปที่สามารถเข้าไปถ่ายได้ใกล้ๆ แต่ตอนนี้ได้มีการทำรั้วกันไม่สามารถเดินเข้าไปในสระน้ำได้ เลยทำได้แค่มองและชื่นชมจากระยะไกล....มาก.... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:06:51

ความคิดเห็นที่ 25 เพราะพื้นที่ให้เราได้ชื่นชมอยู่ไกล เราเดินไปเดินมาก็ไม่รู้จะชมอะไรแล้ว จึงใช้เวลาชมที่นี่ไม่นาน ระหว่างทางออกมาเจอคุณลุงที่ขาขาดไปข้างจากสงคราม มาตั้งโต๊ะขายของพวกนี้ สวยดีราคาไม่กี่เหรียญ ในทีมเลยหยิบกันคนละอันสองอันกลับมาเป็นที่ระลึก จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:07:22

ความคิดเห็นที่ 26 มะม่วง แตงโม สับปะรด วางเรียงรายให้เลือก โดยเฉพาะมะม่วงนี่สีสวยดี ไม่แน่ใจว่าพันธุ์อะไรเหมือนกัน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:08:03

ความคิดเห็นที่ 27 มาเที่ยวนครวัดต่อครับ คุณเดี่ยว จากคุณ : One Light One Shadow เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:08:14

ความคิดเห็นที่ 28 +++ อัลมอนด์แดนขแมร์ +++ นอกจากสัปปะรด แตงโม มะม่วง มีวางขายบริเวณทางเข้าปราสาทแล้ว อีกอย่างที่อยากจะแนะนำให้ลองคือ “จะบก” ที่รู้จักในฐานะอัลมอนด์แห่งแดนขแมร์ ที่แม่ค้ากำลังแกะใส่ถุงไว้ขายให้ผู้มีเยี่ยมเยือนปราสาทนาคพัน พวกเราไม่พลาดที่จะอุดหนุน (จริงๆ ผมเคยกินแล้ว แถวๆ อีสานใต้ก็มีขาย แต่คนอื่นๆ อยากลอง) จะบก เป็นไม้ยืนต้น บางที่จะเรียก ตระบก หมากบก มะลื่น ตามแต่ละท้องถิ่น ที่ขึ้นชื่อคือมักนำต้นมาใช้เผาถ่าน เพราะจะได้ถ่านที่มีความร้อนสูงและคุณภาพดี เมล็ดนำมาคั่วรับประทานได้ แถมยังสกัดน้ำมันจากเมล็ดไปทำเทียนไข หรือสบู่ได้อีกด้วยนะครับ แต่ ณ นาทีนั้น เมล็ดจะบกคั่วสีขาวนวล ที่ได้รับการแกะเปลือกสีน้ำตาลเข้มออกแล้ว เคี้ยวกรุบๆ รสชาติหวานๆ มันๆ เคี้ยวเพลินสุดๆ จนมีคนเอ่ยปาก เฮ้ย... นี่มันอร่อยกว่าอัลมอนด์อีกนะเนี่ย.. ใครเจออย่าลืมลองสักเม็ด สองเม็ดแล้วจะติดใจนะค้าบบบบ.... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:08:35

ความคิดเห็นที่ 29 One Light One Shadow ...ค้าบๆ ไปเที่ยวด้วยกัน ลูกสาวแม่ค้ายืนมาส่งเรา พร้อมล่ำลาด้วยเสียงเพลง เป็นความสดใสที่เราได้รับระหว่างทาง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:09:33

ความคิดเห็นที่ 30 ออกจากปราสาทนาคพันเดินทางกันต่อเพื่อไปเป้าหมายสุดท้ายของครึ่งวันนี้ ปราสาทพระขรรค์ ที่เพื่อนผมตั้งใจอยากมาดูมาก ตรงข้ามทางเดินสู่ปราสาทเป็นวิวนี้ มองไปเห็นท้องน้ำ ที่มีป่าไม้ไกลๆ เป็นฉากหลัง ดูเงียบ และสงบดีนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:10:07

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพสวยมาก ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : peter_thai เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:10:33

ความคิดเห็นที่ 32 +++ พุทธมหายานกับฮินดู +++ สองศาสนาที่เป็นแรงขับเคลื่อนของอาณาจักรขอมโบราณ ผลัดกันขึ้นมาอิทธิพลต่อบ้านเมืองตามแต่กษัตริย์สมัยใดจะเลือกเลื่อมใส เมื่อเป็นเช่นนั้น ความขัดแย้งของสองศาสนาก็เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวอย่างที่เกิดขึ้นที่ปราสาทพระขรรค์ แสดงให้เห็นได้ดี ปราสาทแห่งนี้แรกสร้างเกิดจากความศรัทธาในพุทธมหายานของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 บริเวณทางเดินสู่ปราสาทมีเสานางเรียงตลอดสองข้าง จึงมีการสลักภาพพระพุทธรูปไว้ที่หัวเสาทุกต้น แต่ในเวลาต่อมาศาสนาฮินดูได้กลับมามีอิทธิพลอีกครั้ง ที่นี่กลายเป็นเทวสถานฮินดู จึงมีการสกัดภาพพระพุทธรูปออกทั้งหมดแต่มีหลุดรอดเหลือเพียง 1 องค์ ฝากเป็นการบ้านใครไปปราสาทพระขรรค์ อย่าลืมเดินหาดูนะค้าบบบ... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:10:58

ความคิดเห็นที่ 33 peter_thai ...ด้วยความยินดีนะครับ +++ ปราสาทพระขรรค์ ปราสาทแห่งชัยชนะ +++ แรกสร้างนั้นมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการฉลองชัยชนะ ในศึกครั้งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีชัยเหนือพวกจาม จึงเรียกปราสาทนี้ว่า ปราสาทชัยศรี ในขณะเดียวกันพื้นที่แห่งนี้ก็มีการขนานนามว่าเป็นทะเลแห่งเลือด เพราะมีข้าศึกที่เสียชีวิตบริเวณนี้จำนวนมาก จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:11:54

ความคิดเห็นที่ 34 ต่อมาได้เป็นชื่อเป็น ปราสาทพระขรรค์ ที่หมายถึงพระแสงดาบที่ทำให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีชัยเหนือศัตรูนั่นเอง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:12:39

ความคิดเห็นที่ 35 ครีมกันแดดพร้อม ร่มพร้อม หมวกพร้อม แว่นกันแดดพร้อม แล้วค่าา จากคุณ : Yai Klong_Tour Rai เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:12:50

ความคิดเห็นที่ 36 ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ   (* _ * ) จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:12:55

ความคิดเห็นที่ 37 โอ้ววว ตอนสองมาไวมากเลยครับคุณเดี่ยว กระผมยังเขียนรีวิวไต้หวันไม่จบเลย อิอิ แต่ก็ดีแล้วครับ ลงไวแบบนี้คนอ่านจะได้ไม่รอนาน กิฟหมดนะครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:14:42

ความคิดเห็นที่ 38 Yai Klong_Tour Ra ...ทริปวันนี้นอกจากแดดแรง ยังเจอฝนด้วยง่ะ อิอิ numsiam ...ได้เลยครับ เที่ยวหลายๆ คนสนุกดี Coffee Blended ...ช่วงนี้ออกแนวขยัน 555 รีบรีวิว เก็บไว้นานลืมแล้วจะขี้เกียจซะงั้น น่าเสียดายวันที่เราไปมีการบูรณะซุ้มประตูทางเข้า เลยมีภาพนั่งร้านอยู่อย่างที่เห็น ที่บริเวณนี้มีสายลมที่พัดขึ้นมาจากน้ำเย็นๆ และภาพใบบัวเขียวๆ พอเบรคความร้อนของอากาศไปได้บ้างนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:19:50

ความคิดเห็นที่ 39 สวย  ไปเที่ยวชมปราสาทด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:20:07

ความคิดเห็นที่ 40 บริเวณนี้คือสะพานนาคราช ที่มีประติมากรรมลอยตัวอสูรฉุดนาค และเทวดาฉุดนาค มีความยาวกว่าร้อยเมตรเลยละครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:20:25

ความคิดเห็นที่ 41 เล็กทาโร่ ...ด้วยความยินดีค้าบบบ เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้ามาเรื่อยๆ ก่อนถึงตัวปราสาทเล็กน้อย มีอาคารเก่าแก่โบราณตั้งอยู่ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสำคัญของยุคสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพราะเป็นยุคสมัยที่มีการสร้างธรรมศาลา-บ้านมีไฟขึ้นเป็นจำนวนมาก หรือแม้แต่ปราสาทพระขรรค์เองก็เชื่อกันว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งพุทธศาสนาด้วย นี่ก็เป็นหนึ่งในหลายแห่งของธรรมศาลา-บ้านมีไฟ ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่พักแรมของผู้เดินทางจาริกแสวงบุญ แต่เชื่อกันว่าบริเวณที่ใช้พักค้างแรมจะสร้างอยู่บริเวณรายรอบตัวปราสาทหินนี้ โดยสร้างจากไม้ จึงพุพังไม่เมีหลักฐานหลงเหลืออยู่แล้ว ตัวปราสาทหินเป็นเพียงจุดสังเกตใว้เท่านั้น จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:21:22

ความคิดเห็นที่ 42 เดินกันจนมาถึงตัวปราสาทจริงๆแล้วครับ ที่นี่ยังมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมตัวปราสาทให้ได้ชมบ้าง แต่จำนวนไม่ได้มากมายอย่างปราสาทตาพรหม จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:22:02

ความคิดเห็นที่ 43 นอกจากที่นี่สร้างเพื่อฉลองชัยชนะ เป็นมหาวิทยาลัยแล้ว จุดประสงค์ของการสร้างอีกอย่างคือเพื่อเป็นพระราชกุศลแก่พระบิดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งสร้างคู่กับปราสาทตาพรหมที่สร้างอุทิศแด่พระมารดา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:22:47

ความคิดเห็นที่ 44 บริเวณหลังคาปราสาทที่ผุพัง แหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:23:47

ความคิดเห็นที่ 45 +++ ปราสาทขอมกับเสาโรมัน +++ จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ เป็นปราสาทหินแห่งเดียวที่มีสร้างเป็นสองชั้น และมีเสาทรงโรมันสูงกว่า 3 เมตรตั้งเด่นอยู่ ท้าทายความใคร่รู้ของคนทั่วไปถึงจุดประสงค์การสร้าง แม้นักประวัติศาสตร์เองก็ยังไม่สามารถหาคำตอบมายืนยันได้แน่ชัด จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:24:21

ความคิดเห็นที่ 46 นางอัปสรมีแทบทุกมุมอีกช่างเดิม อยากให้สังเกตมงกุฎที่ถูกสลักขึ้นอย่างงดงาม จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:24:54

ความคิดเห็นที่ 47 ภายในปราสาทหินที่โดนแดดเผาเต็มๆ แม้ร้อนแต่ไม่ถึงขนาดเหม็นอับ คงเพราะมีการออกแบบประตู หน้าต่างที่ระบายอากาศได้ดีอย่างน่าทึ่ง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:25:37

ความคิดเห็นที่ 48 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:25:57

ความคิดเห็นที่ 49 สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของแต่ละปราสาทแทบทุกที่ คือแม้ตัวปราสาทที่เราเห็นจะงดงาม และเหมือนจะเป็นรูปเป็นร่างเกือบหมด แต่จริงๆ แล้วบรรดาหินจากส่วนต่างๆ ยังคงกองที่พื้นอยู่มากมายจริงๆ ถ้านึกภาพตามว่าทั้งหมดนี้ประกอบขึ้นปราสาทครบทุกชิ้น ความงาม ความยิ่งใหญ่มันจะขนาดไหนน้ออออ... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:26:09

ความคิดเห็นที่ 50 armearn ...ไปเที่ยวด้วยกันนะครับ แอบมานั่งหลบร้อนแถวๆ กึ่งกลางปราสาท นั่งพัก นั่งชื่นชมความงามจากอดีตอยู่แถวๆ นี้พักใหญ่ครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:28:06

ความคิดเห็นที่ 51 และบรรดาโบราณสถาน โบราณวัตถุที่นี่ก็เหมือนหลายๆแห่งทั่วโลก ที่มีคนเห็นแก่ตัวตัดเศียรพระไปขาย จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เห็นกันได้ทุกที่จริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:28:46

ความคิดเห็นที่ 52 ลวดลายแกะสลักที่ซุกซ่อนอยู่ ตามหลืบมุมของปราสาท จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:29:25

ความคิดเห็นที่ 53 โถงหนึ่งภายในปราสาท มีพระพุทธรูป และมีชาวบ้านมีของมาเซ่นไหว้ กลิ่นธูปคละคลุ้งไปทั้งห้อง บรรยากาศขลังมากๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:30:08

ความคิดเห็นที่ 54 พระพุทธรูปไร้เศียรอีกองค์ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:30:41

ความคิดเห็นที่ 55 เจดีย์ตั้งเด่นอยู่ เชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระราชบิดา ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:31:12

ความคิดเห็นที่ 56 หนึ่งในหลายๆ ลายแกะสลักด้านบนของปราสาท จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:31:54

ความคิดเห็นที่ 57 ยิ่งเดินเข้าไปลึกในปราสาท บรรยากาศยิ่งเงียบเหงา และสงบนิ่ง จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:33:07

ความคิดเห็นที่ 58 ทวารบาลที่ได้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ เป็นสีทอง สวยแปลกตา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:33:47

ความคิดเห็นที่ 59 ความงามที่ยังคงถูกทิ้งระเกะระกะทั่วทั้งบริเวณ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:34:30

ความคิดเห็นที่ 60 มองทะลุประตูหลายๆ บาน ที่ตั้งฉากกันไปยาว เทคนิคทางสถาปัตยกรรมสมัยนั้น ล้ำสมัยและท่าทึ่งนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:35:08

ความคิดเห็นที่ 61 จากการไปมาหลายๆ ปราสาท มักเห็นการเรียงหินขึ้นเป็นชั้นๆ อยู่หลายแห่ง ด้วยความสงสัยว่ามันเป็นพิธีกรรมอะไรหรือเปล่า คำตอบของไกด์มันช่างทำลายจินตนาการเสียจริง “ไม่มีอะไรร้อกกก นักท่องเที่ยวเกาหลีซน มาวางไว้เรียงเล่นเท่านั้น !!!” จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:36:03

ความคิดเห็นที่ 62 เดินถ่ายรูปในปราสาทจนจุใจจริงๆ ครับ เดินทุกซอกทุกมุมจนหมดแรง และเที่ยงแล้ว เรามุ่งสู่ปราสาทนครวัด แต่ก่อนจะถึงแวะร้านอาหารแถวๆ ตรงข้ามกับบารายด้านหน้านครวัด แม้ร้อนแค่ไหน ชาวเขมรก็ไม่กลัว ใต้ต้นไม้แถวๆ นั้นถูกจับจองเรียบด้วยครอบครัวใหญ่ๆ หลายครับครัว ส่วนเด็กๆ กับการเล่นน้ำนี่เป็นของคู่กัน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:36:47

ความคิดเห็นที่ 63 คูน้ำกว้างๆ ที่อยู่รอบปราสาทนครวัด เปรียบเสมือนมหาสมุทรที่ล้อมโลกไว้ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:37:25

ความคิดเห็นที่ 64 +++ บานประตูสู่นครวัดอันยิ่งใหญ่ +++ และแล้วเราก็มาถึงนครวัดอันยิ่งใหญ่แล้วครับ ไกด์ของเราเลือกมาเราเข้าทางด้านหลังของปราสาท เนื่องจากด้านหน้ายังมีส่วนที่บูรณะอยู่ ทางนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ก่อนเข้าไปไกด์ได้เล่าประวัติความเป็นมาคร่าวๆ โดยยึดบริเวณซุ้มประตูเป็นที่นั่งพักเหนื่อยไปในตัว จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:38:18

ความคิดเห็นที่ 65 ปราสาทนครวัดถูกสร้างขึ้นตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ไวษณพนิกาย และเป็นปราสาทที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเพราะถือเป็นที่เก็บพระบรมศพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 อีกทั้งยังกลายเป็นวัดในสมัยต่อมาด้วย บริเวณทั้งหมดของนครวัดกว้างใหญ่ไพศาลกว่า 2 ตารางกิโลเมตร เพราะงั้นการเดินเที่ยวให้ทั่วๆ ภายในเวลาไม่นานนี่ ทำให้เหนื่อยและหมดแรงเอาง่ายๆ นะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:39:05

ความคิดเห็นที่ 66 +++ ได้รับการต้องรับอย่างอบอุ่น (ร้อน) และเปียกโชก +++ ระหว่างกำลังเดินดูที่ซุ้มทางเข้านั้น ฝนที่ไม่ได้มีแวว หรือตั้งเค้ามาก่อน ก็เทกระหน่ำลงมา ท่ามกลางความประหลาดใจ กึ่งดีใจ ผสมเสียใจ เพราะหวังว่าจะช่วงให้คลายความร้อนลงบ้าง แต่นั่นก็ทำให้เราต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่ ไม่รู้อีกนานแค่ไหน ทริปนี้ ร้อน ฝน มาต้อนรับเพียบจริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:39:54

ความคิดเห็นที่ 67 บรรดาชาวบ้านที่ไม่กลัวฝนก็ไม่ย่อท้อจะเดินต่อให้ถึงตัวปราสาท แม้จะเปียกปอน แต่คงหายร้อนไปได้นิดหน่อยเนอะ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:41:10

ความคิดเห็นที่ 68 ส่วนพวกเรา ทั้งกระเป๋า ทั้งกล้อง เลยไม่กล้าเสี่ยงฝ่าฝนออกไป ในรอด้วยใจลุ้นระทึก ให้ฝนตกแต่พองาม อย่าได้ติดอกติดใจตกแบบนอนสต็อปก็แล้วกัน แต่ดูเหมือนฝนจะไม่ฟังคำขอร้องของเราแฮะ... ผ่านไปครึ่งชั่วโมง จากเริ่มแรกเพียงฝนพรำๆ แต่ตอนนี้ฝนหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ หลังคาปราสาทก็มีรอยรั่วแทบทุกบริเวณ ผู้คนรอฝนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ที่หลบฝนที่แห้งจริงๆ และน้อยลงเรื่อยๆ เช่นกัน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:41:45

ความคิดเห็นที่ 69 นั่งรอฝน จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:42:17

ความคิดเห็นที่ 70 เด็กๆ เริ่มสนุกกับฝน แบบเรียบๆ เรื่อยๆ ต่างจากเราที่ลุ้นให้ฝนหยุดไวๆ อยากเที่ยวต่อแล้ว... จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:42:56

ความคิดเห็นที่ 71 +++ ขวัญใจเด็กๆ +++ นั่งมองก็แล้ว อธิษฐานก็แล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าฝนจะหยุด เริ่มหาอะไรทำ ส่องกล้องหาเด็กๆ แถวนั้น แรกๆ น้องๆ เขินๆ อายๆ หลังๆ เริ่มสนุกด้วย จน ณ นาทีนั้นแทบจะเป็นขวัญใจเด็กเลยครับ ถ่ายรูปเสร็จหันกล้องให้ดูรูปตัวเอง ครื้นเครงกันใหญ่ หลังๆ แอคชั่นเรียกให้ถ่าย วิ่งมาลากมือไปถ่ายรูปกันสนุกสนาน จากที่ไปมาหลายๆ ที่กลายเป็นว่ากล้องในมือเรานี่แหละ ที่เป็นสื่อสัมพันธ์ โดยเฉพาะกับเด็กๆ ได้ดีเลยนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:43:41

ความคิดเห็นที่ 72 นางแบบตัวน้อยโพสท่ารอเลย เด็กก็คือเด็กนะครับ ทุกคนมีความสุขในวัยเยาว์ของตัวเอง แม้เทียบกันเด็กที่นั่นคงมีโอกาสน้อยกว่าเด็กบ้านเราเยอะเลย แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 15:44:59 จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:44:21

ความคิดเห็นที่ 73 รอยยิ้มที่ทำให้วันร้อนๆ เปียกๆ สดใสขึ้นเยอะเลยครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:45:46

ความคิดเห็นที่ 74 ผ่านไปร่วมชั่วโมง ฝนเริ่มขาดเม็ด และหยุดตกในที่สุด ได้เวลาเดินเข้าสู่ปราสาทแล้วครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:46:30

ความคิดเห็นที่ 75 ภาพแรกที่เห็นนครวัดแบบเต็มๆ สิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก วันนี้ได้มีโอกาสได้เห็นกับตาตัวเองแล้วครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:47:28

ความคิดเห็นที่ 76 มาติดตามต่อ ขอบคุณนะครับ จากคุณ : boy next door เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:49:56

ความคิดเห็นที่ 77 ดูขลังเต็มไปด้วยพลังอำนาจ นะค่ะ ขอบคุณค่ะ ต้องหาโอกาสไปให้ได้ จากคุณ : แม่จีน-ไทไท (GT2007) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:54:24

ความคิดเห็นที่ 78 boy next door ...ขอบคุณที่แวะมาเช่นกันนะครับ ปราสาทนครวัด อันเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของอาณาจักรขอม ถูกสร้างตามคติของฮินดู ไวษณพนิกาย มีลักษณะเด่นคือหันหน้าไปด้านตะวัน และถูกใช้เป็นที่เก็บพระศพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สร้างปราสาทหลังนี้นั่นเอง ด้วยเพราะขนาดใหญ่ จึงใช้เวลาการสร้างถึง 30 ปี วันนี้ผู้มาเยือนคงได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ แค่คิดต่อว่าหินที่นำมาสร้างขนาดใหญ่ และขนมาจากพนามกุเลนที่ห่างออกไปถึง 50 กิโลเมตร แค่นี้ก็อึ้งแล้วครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:57:56

ความคิดเห็นที่ 79 แม่จีน-ไทไท ...เดินดูปราสาทในบรรยากาศขลังๆ จริงครับ หาโอกาสไปให้ได้นะครับ จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คือระเบียงรอบปราสาท เป็นภาพแกะสลักเรื่องราวจากคัมภีร์พระเวท และมหากาพย์ในศาสนาฮินดู มีความยาวถึง 600 เมตร จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:00:38

ความคิดเห็นที่ 80 ภาพกวนเกษียณสมุทรนี้ถือเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอก เพราะนอกจากแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงแล้ว ขนาดของภาพยังใหญ่โต เพราะเพียงภาพเดียงกินความยาวถึง 49 เมตร หากไปถึงนครวัดอย่าพลาดการชมนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:02:18

ความคิดเห็นที่ 81 ภาพนี้แสดงถึงภาพชาวราชสำนักในสมัยนั้น อันเป็นหลักฐานอ้างอิงของนักโบราณคดี ได้มองเห็นสภาพความเป็นอยู่ สังคม รวมถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ในสมัยนั้นได้อีกด้วย จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:03:36

ความคิดเห็นที่ 82 เย้ๆๆๆ ในที่สุดก็ได้ชมความยิ่งใหญ่ของนครวัดซะที สมกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจริงๆครับ ปราสาทขอมแต่มีเสาโรมันประกอบอยู่ด้วย น่าแปลกมาก จากคุณ : Koon Shy_Tour Dee เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:03:40

ความคิดเห็นที่ 83 ถ้าใครชอบงานแกะสลักแบบนี้ ต้องเผื่อเวลาไปเยอะหน่อย เพราะมีให้ชมละลานตาจริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:04:35

ความคิดเห็นที่ 84 Koon Shy_Tour Dee ...นั่นดิครับ เราโรมันมาได้ไง นักโบราณคดีเองยังหาคำตอบไม่ได้เลยครับ นางอัปสรที่นี่ก็ดูสวยเป็นพิเศษนะครับ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:06:00

ความคิดเห็นที่ 85 ความยิ่งใหญ่ของที่นี่มีให้ชมตลอดทางที่เดินผ่านจริงๆ จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:06:50

ความคิดเห็นที่ 86 ตรงนี้นางอัปสรอยู่กันเป็นกลุ่ม ท่าทางคงไม่เหงา จากคุณ : cold river เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:07:33