บรรยากาศแห้งๆ และขอปิดไว้ที่รูปนี้ เนื่องจากทางลงตรงซำแฮก ชันมาก cheekka ลื่นไปหลายรอบมาก ก้นกระแทก น้ำตาคลอ แต่ก็ลงมาได้อย่างปลอดภัย
และขอทิ้งกลอนที่เพื่อนร่วมทริปแต่งเอาไว้้ อาจจะไม่ได้เพราะพริ้งอะไรมากมาย แต่ทำให้คนอ่านอย่าง cheekka ที่ไปด้วยกันประทับใจ และจะเก็บความทรงจำกับเพื่อนๆ ไว้ ที่ครั้งหนึ่ง ณ ภูกระดึงค่ะ
-----------------------------------------------------
ถึงฤกษ์งามยามดีวันที่ห้า แสนหรรษาได้ไปเที่ยวน่าสุขสันต์ นัดเจอกันที่หมอชิตรีบไปพลัน หวังพบกันสามทุ่มครึ่งตามเวลา อนิจจาชั่งแสนเศร้าเจอรถติด เฝ้าคร่ำคิดจิตไตร่ตรองลองคิดหา มีทางอื่นทางใดมั้ยวานเทพา ให้ถึงท่าทันเวลาสี่ทุ่มตรง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ยังโชคดีกรุงเทพมีบีทีเอส เก็บของเสร็จวิ่งขึ้นรถไม่สงสัย ป้ายหมอชิตป้ายสุดท้ายอยู่แสนไกล สู้สุดใจไปให้ทันวันของเรา ได้ขึ้นรถวีไอพีในที่สุด เก็บของมุดใต้ท้องรถไว้ใกล้เสา เดินขึ้นรถหลับสบายกรนเบาเบา เสียงเพื่อนเราเม้าท์ไม่หยุดยันเมืองเลย --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ลืมตาตื่นอ่านเจอป้ายผานกเค้า กินข้าวเช้าร้านเจ๊กิมจนอิ่มหนำ โบกสองแถวถึงตีนเขาต้องเจ็บย้ำ ให้ชอกช้ำเห็นความสูงภูกระดึง ถ่ายรูปเสร็จออกเดินทางปีนขึ้นภู เงยขึ้นดูเจอทางเดินให้คิดถึง อีกสามวันเจอแบบนี้คงได้ซึ้ง ต้องยืนอึ้งตึงซักพักเริ่มทำใจ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ปีนขึ้นไปหนึ่งกิโลเจอซำแฮ่ก ร้องแฮ่กแฮ่กสมชื่อซำช้ำหนักหนา ซำกกกอกซำกกหว้าเสียงเริ่มซา เฝ้ามองหาเหล่าของกินเสริมพลัง ซำกกไผ่อบอวลไม้ไปด้วยไผ่ ซำต่อไปซำกกโดนโดนถึงหลัง ถึงซำแคร่อยากยอมแพ้หัวใจจัง ร้องเสียงดังพันสามร้อยถึงยอดภู --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ด่านสุดท้ายเจอด่านบันไดเหล็ก ทั้งยอกเคล็ดปวดเข่าและปวดขา แถมปวดหัวต้องถามหายาพารา เอาละว้ามาถึงแล้วบนหลังแป แอบดีใจอยู่ได้เพียงพักเดียว ชำเลืองเหลียวแอบไปเห็นคนนอนแถ ยังไม่ถึงที่พักเราเศร้าจริงแท้ ร้องแงแงเดินทางต่อสองชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- บ่ายสี่โมงมาถึงแล้วที่เราพัก อยากนั่งพักก็ไม่ได้เลยมองหา เค้าเตอร์เพนท์หลอดใหญ่ใหญ่ที่ซื้อมา แกะหลอดทาแล้วออกเดินกลัวไม่ทัน รีบเดินทางมาถึงผาหมากดูด นั่งพักสูดออกซิเจนเป็นล่ำสัน หวังในใจว่าจะเห็นดวงตะวัน ตกลงพลัน ณ ขอบผาคงน่ามอง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อนิจจังไม่เป็นไปอย่างที่คิด แสนเศร้าจิตเห็นแต่หมอกชั่งหม่นหมอง ช่วยไม่ได้ต้องเดินกลับตามครรลอง เปิดไฟส่องดูหนทางยามค่ำคืน พอตกค่ำพบอากาศที่แสนหนาว อยากเหยียดยาวบนที่นอนไม่ขัดขืน แต่เจ้ากรรมเพื่อนตัวดีไล่ให้ยืน ต้องกล้ำกลืนอาบน้ำซักสี่ที --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ขันที่หนึ่งตัวสะดุ้งให้รู้สึก ขันที่สองเริ่มแอบนึกว่าหนังหนา ขันที่สามรู้ตัวแล้วเย็นจนชา ขันสุดท้ายโบกมือลาไม่ขอเจอ อาบเสร็จแล้ววิ่งซุกตัวเข้าผ้าห่ม อยากดื่มนมที่อุ่นอุ่นร้อนเสมอ หวังว่าตื่นพรุ่งนี้เช้าคงหายเบลอ เพราะต้องเจออีกหลายอย่างชั่งน่ากลัว --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ตื่นเช้ามาเค้าพาไปผานกแอ่น รีบเดินแล่นกลัวช้างป่ามากหนักหนา ทางก็มืดป่าก็รกสมจิตรา ขึ้นภูผาได้ลำบากสมดั่งใจ ถึงริมผานั่งเฝ้ารออาทิตย์ขึ้น หน้าทะมึ่นเห็นแต่หมอกคงเฉไฉ ลุกเตรียมของพร้อมเดินกลับเริ่มถอดใจ พอเดินไปเสียงกรี๊ดกร๊าดหันกลับมา --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เริ่มเห็นขอบดวงอาทิตย์ตะวันรอน แสงสะท้อนจากขอบฟ้าชั่งสวยใส คุ้มค่าแล้วที่เดินทางมาแสนไกล สวยจับใจสวยสุดสุดสวยจริงจริง เดินทางกลับมาตั้งต้นตรงที่พัก เตรียมพร้อมพักตร์พบศึกใหญ่หัวใจสิงห์ ยี่สิบโลในวันนี้ต้องเดินจริง อยากนอนนิ่งให้เพื่อนแบกไปรอบภู --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ที่ที่แรกคือน้ำตกธารสวรรค์ มองหาน้ำโดยพลันอยู่ที่ไหน น้ำเป็นเส้นเหมือนฉี่แมวแสนเศร้าใจ เดินต่อไปหวังคงเจอสิ่งสวยงาม เดินเรื่อยๆมาถึงสระอโนดาต ยืนผงาดถ่ายรูปสวยน่าเกรงขาม น้ำใสมว๊ากแสงสะท้อนกับต้นปาล์ม ฟ้าสีครามน้ำสีเขียวเหลียวตามอง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เป้าต่อไปคือไฮไลท์ผาหล่มสัก เข้าป่าชัฏไม่เห็นป้ายเริ่มสยอง เห็นแต่ป่ากับทางเดินเกินจะลอง เริ่มปวดท้องต้องถ่ายทุกข์ข้างริมทาง เดินทางต่อแอบได้ยินเสียงประหลาด หรือจะเป็นงวงช้างฟาดกับไม้ถาง แกล้งทำเป็นหูทวนลมเดินพลางพลาง เลาะริมข้างหวังถึงผาอย่างปลอดภัย --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แสนดีใจได้เห็นป้ายผาหล่มสัก อยากจะฮักป้ายอันนี้ไม่ไปไหน มองเห็นผาสวยสมชื่อที่ลือไกล คิดในใจไม่เสียทีที่ขึ้นมา ง่อนหินยื่นเกินจากผาดั่งถนน กิ่งต้นสนโตคู่ชิดติดภูผา ดวงอาทิตย์สาดแสงส่องทอลงมา หายเหนื่อยล้าคุ้มค่าแล้วที่เฝ้ารอ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ถ่ายภาพเสร็จถึงเวลาเดินทางต่อ ใจเริ่มท้อจะต้องเดินไปถึงไหน ปลอบตัวเองว่าอีกนิดคงไม่ไกล แล้วตั้งใจเดินทางไปถึงปลายทาง ทางเดินกลับเดินผ่านถึงผาแดง ทั้งตัวแดงหน้าแดงแสนสงสาร ผาเหยียบเมฆสูงเฉียดฟ้าเกินโรมราญ เหนื่อยจนคลานกลับที่พักหนักจริงๆ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ถึงเวลาต้องอาบน้ำอีกครั้งหนึ่ง ทำหน้าซึ้งขอร้องเพื่อนหนาวหนักหนา ไม่ขออาบคืนนี้ ณ กานดา ไว้รุ่งฟ้าตื่นขึ้นมาค่อยว่ากัน วันสุดท้ายท้ายที่สุดให้หยุดคิด ใช้ชีวิตอยู่บนภูแสนสุขสันต์ อาจเหนื่อยบ้างท้อบ้างมีฝ่าฟัน เพียงสามวันก็คุ้มค่าที่มาลอง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สุดท้ายแล้วมีสิ่งบอกก่อนลาจาก มิอยากพรากเดินจากภูไปถิ่นไหน อากาศดีหนาวจนสุดขั้วหัวใจ สัตว์น้อยใหญ่ดอกไม้งามตลอดทาง ทั้งชาวภูที่ช่วยเหลือยามลำบาก แม้นทุกข์ยากคอยดูแลและสะสาง มีน้ำใจยิ้มสดใสไม่จืดจาง จะจดจำชื่อน้องนางภูกระดึง
จากคุณ |
:
cheekka
|
เขียนเมื่อ |
:
19 มี.ค. 55 18:29:39
|
|
|
|