ความคิดเห็นที่ 1 2 เรารู้จักรูปแบบการเดินทางที่เราอยากได้แล้ว ต่อมาประเมินตัวเองครับ แนะนำถึงแม้โบนัสออกแล้ว ก็อย่าเพิ่งรีบเสียตังเพราะความสวยของจักรยานแพงๆ ผมยอมรับนะผมไม่ค่อยชอบเท่าใหร่ กับพวกซื้ออะไรตามแฟชั่นหลังจากนั้นไม่เกินเดือนก็กองทิ้งไว้กลายเป้นของประดับบ้านฝุ่นเขรอะ วิธีประเมินตัวเองที่ดีที่สุดคือลองหาเช่าตามสวนสาธารระมาลองขี่ดูก่อนครับ ใครอยู่กรุงเทพสวนรถไฟก็เหมาะที่สุดครับมีให้เลือกเช่าหลายรุ่น ทดลองขี่ดูสักสิบกิโลดุว่าเราใช้เวลาประมานเท่าใหร่  ดูว่าที่ระยะ 10 กิโลกล้ามเนื้อเราปวดมากมั้ย ของแบบนี้ผมไม่แนะนำให้ห้าวแบบผมครับที่ซื้อจักรยานมาปุ๊บ ปั่นทางไกลจากกรุงเทพไปนครสวรรค์เลย แบบนี้พูดตรงๆนะครับอันตราย เพราะเสี่ยงเรื่องกล้ามเนื้อไม่ฟิตพอบาดเจ็บระหว่างทางได้ ไหนจะยังมีเรื่องความไม่ชำนาญในการปันบนเส้นทางหลวงเสี่ยงโดนรถเฉี่ยวอีก ซึ่งแนะนำให้ลองทดสอบความอึดของเราให้ชัดเจนครับ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 01:10:05

ความคิดเห็นที่ 2 3. รู้ความอึดของเราแล้ว เลือกรูปแบบการเดินทางที่สอดคล้องกับสมรรถนะร่างกายครับ แบบ hardcore จะต้องปั่นกันวันละ 100 กิโลเมตรโดยเฉลี่ย ของผมตอนนี้ยังทำได้แค่วันละ 80 อยู่ครับยังห่างไกลขั้นนี้เยอะเลย แบบ ริจะ turn pro เฉลี่ยที่วันละ 30-50 กิโลเมตรครับ แบบ รักกันเบาเบา เฉลี่ยไม่น่ากินวันละ 10-15 กิโลเมตร จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 01:15:23

ความคิดเห็นที่ 3 รออ่านครับ จากคุณ : A.TheRipper94 เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 01:21:47

ความคิดเห็นที่ 4 4 เลือกจักรยานตามรูปแบบการเดินทางที่สรุปได้จากข้อ 3 ครับ แบบ hardcore จักรยานและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆต้องเป๊ะเพราะต้องโดนการใช้งานที่หนักพอสมควร วงล้อควรจะใหญ่ และตัวถังแข็งแรง มีการติดตะแกรงไว้ห้อยของเรียบร้อย  ไฟหน้า ไฟท้ายห้ามขาดเด็ดขาด แบบ ริจะ turn pro ความแข็งแรงของจักรยานปานกลาง การติดอุปกรณ์เสริมเน้นเท่าที่รู้สึกจำเป็นจริงๆ อะไรที่คิดว่าติดไปก็ไม่ได้ใช้ มีไว้เท่เฉยๆ เอาออกบ้างก็ได้ครับเพราะมันเปลืองเงินเปล่าๆ เช่นเป็นการปั่นตอนไปแคมปิ๊งที่ขนจักรยานไปกับรถส่วนตัว แบบนี้พวกตะแกรงหน้าท้ายก็ไม่รู้จะไปติดมันทำไม ไว้จะต้องใช้ค่อยติดก็ได้ครับ แบบ รักกันเบาๆ จักรยานธรรมดา จักรยานแม่บ้าน จักรยานพับได้ ได้หมดครับ เน้นสะดวกเข้าว่าและเอาตามความจริงก่อนไปก็หาข้อมูลก่อนว่าที่นั่นมีร้านให้เช่าจักรยานหลากหลายไหมถ้ามี ก็เช่าเอาที่นั่นดีกว่าครับ พกไปทำไมให้หนักเปล่าๆ สำคัญแค่เช็คราคาดีๆกันโดนฟันหัวแตกแค่นั้นเองครับ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 01:24:32

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องขนาดของวงล้อ เป็นเรื่องที่สำคัญและซีเรียสเลยครับสำหรับคนที่จะเดินทางแบบ hardcore และ turn pro อันนี้เคยพลาดกับตัวเองเพราะความเซ่อซ่ามาแล้วครับ เหตุผลที่ผมสนใจจักรยานทีแรกสุดเลยผมลองมานั่งคิดๆว่าพวกค่าใช้จ่ายที่เปลืองจริงๆโดยมากเป็นพวกค่ารถสองแถววิ่งไปมาระหว่างการเดินทางซะมากกว่า  และหลายทีเราก็อยากหยุดดูโน่นนี่ตามใจชอบ พอหยุดแวะมากๆคนขับก็ชักสีหน้าและเริ่มบ่น มันเลยทำให้รู้สึกอยากได้อะไรที่อิสระในการเดินทางทำได้ตามใจชอบ จักรยานเลยเป็นตัวเลือกที่ผมปิ๊งขึ้นมาครับ รักษ์โลกร้อนด้วยในตัว หนแรกสุดเลยผมซื้อแบบไม่มีข้อมูลอะไรเลย ประมานโบนัสออกแหละครับ ก็คิดนิดหน่อยว่าเอาจักรยานพับได้ดีกว่า จะได้พับถือไปมาได้  ไปดูตามตลาดคลองถมก็เจอรุ่นแบบที่เห้นกันทั่วไป  ผมก็ลองยกๆ รู้สึกเฮ้ยมันหนักไปแบบนี้ปวดแขนกันพอดี จนวันนึงไปเจอรุ่นนี้เข้าครับ ลองยกดูเฮ้ยเบามาก ทรงเก๋ด้วยสวยๆ ราคาก็ไม่แพงสองพันนิดๆ สอยเลยๆ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 01:39:12

ความคิดเห็นที่ 6 ผลสรุปเสียตังฟรีครับเพราะแบบนี้ขี่โคตรยากครับ ล้อเล็กมากปั่นยิกๆแทบตายยังไปได้ไม่ไกลเลย และพอล้อเล็กเจอร่องขรุขระบนถนนนิดหน่อย แฉลบเสียการทรงตัวง่ายมาก สรุปกลายเป็นของประดับบ้านไปในที่สุดและผมก็ยกให้เด็กลูกร้านขายข้าวแกงเจ้าประจำตอนย้ายห้องครับ ดังนั้นเรื่องวงล้อถ้าจะซื้อเพื่อการเดินทางที่เกินวันละ 10 กิโล วงล้อไม่ควรต่ำกว่า 20 นิ้วครับ ถ้าเดินทางไกลมากๆ วงล้อก็ควรสัก 26 นิ้วครับเพราะยิ่งวงล้อเล็กคุณจะต้องปั่นมากขึ้นกว่าขี่จักรยานวงล้อใหญ่ๆ ในระยะทางเท่ากันครับ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 01:44:15

ความคิดเห็นที่ 7 ต่อเรื่องการปรับระดับส่วนต่างๆของจักรยานก็สำคัญตามมา เพราะจะทำให้เราออกแรงได้เต็มประสิทธิภาพครับ ส่วนแรกคือระดับความสูงของอาน ตอนเดินทางหนแรกผมได้มีการปรับระดับที่สามระดับ 1. ความสูงที่ได้ตอนซื้อมา แบบทั่วๆไป 2. ปรับให้สูงขึ้นมากจนปลายเท้าแตะพื้นแบบเขย่ง นึกถึงพวกบัลเล่ต์น่ะครับ 3. ลดระดับความสูงลงมาให้ปลายเท้าแตะพื้นได้มากขึ้น สรุปได้แบบนี้ครับ แบบที่ 2 ได้แรงปั่นมากที่สุดเหนื่อยน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือเวลาเบรกกระชั้นชิดเช่นปั่นๆอยู่ดันมีรถออกจากซอยมา เวลาเบรกจะหยุดให้สนิททันทียาก สุดท้ายผมเลือกแบบที่ 3 ในการเดินทางครับเพื่อความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ถึงแรงปั่นจะประสิทธิภาพลดลงมานิดหน่อย แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 55 13:10:04 จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 01:52:55

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนอื่นๆของจักรยานผมไม่มีความรู้มากพอจะมาแนะนำเพื่อนๆได้ครับ ถ้าตอบคือเราต้องรู้จักจักรยานของเราให้มากๆ รู้ใจมันแล้วก็จะไปกันได้เองครับ แต่ข้อนึงที่ผมก็บอกจริงจังคือ จักรยานเป้นสิ่งที่เราขี่เอง ถึงแม้จะมีคนช่วยแนะนำให้มากแค่ไหนสุดท้ายเราคือคนขี่เองครับ  เราต้องพอใจเองมากที่สุดก่อน เหมือนกันครับผมเองทุกวันนี้มีคนทักเฮ้ยแกเอาจักรยานทั่วๆไปขี่ทางไกลเนี่ยนะ หรือรุ่นน้องชอบทักพี่เปลี่ยนจักรยานเหอะ  คำตอบผมคือม่ายอ่ะ ผมรักคันนี้ไปแล้วใครบอกจักรยานตัวเองแพงกว่ารุ่นโปรกว่า ตัวถังแข็งแรงหรือเบากว่ายังไงผมยอมรับแต่ใจผมอยู่ที่จักรยานคันนี้ไปแล้วคงใช้มันจนกว่าพังกันไปข้างน่ะครับ  แต่ตอนนี้ก็พยายามแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อรับการเดินทางไกลงวดต่อไปอยู่ครับ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:00:25

ความคิดเห็นที่ 10 สิ่งต่อมาที่จำเป็นต้องพกคือ พวกประแจขันน๊อตครับมีติดไว้ดีที่สุด ที่สูบลมจำเป็นต้องเอาไปด้วยมั้ย อยู่ที่เราคำนวนเส้นทางครับว่าทางที่เราจะไปมันทุรกันดาลแค่ไหนยังไง ถ้าไม่คือวิ่งผ่านตัวเมืองไปเรื่อยๆ แวะร้านมอเตอร์ไซด์เสีย 5 บาทเอาดีกว่าครับ พกใส่กระเป๋าให้หนักขึ้นเปล่า เพราะการเดินทางแบบนี้น้ำหนักที่โหลดมีผลต่อประสิทธิภาพในการปั่นเยอะมากครับ และถ้าจะเดินทางเกินวันละ 30-50 กิโลโดยจักรยานเพียวๆ ไม่ได้เป็นประเภทเอาขึนรถส่วนตัวไปแล้วปั่นเล่นในจุดที่ค้างแรม   ควรติดตะแกรงหน้าหลังเพื่อถ่ายน้ำหนักสัมภาระไปในกระเป๋าใบต่างๆครับ อย่าห้าวแบกไว้บนหลังมาก ผมเคยลองมาแล้ว เอาว่ากำลังปั่นลดหายไปเกือบครึ่ง และเกิดอาการล้าของหลังจนต้องจอดพักยืดเส้นยืดสายให้หายเมื่อยบ่อยทำให้สิ้นเปลืองเวลาเพิ่มขึ้นอีก ตอนการเดินทางหนแรกผมยังไม่มีตะแกรงหน้าหลังไว้ติดกระเป๋าเดินทางห้อยข้างจักรยานผมใช้วิธีนี้ครับสองใบ balance หน้าหลัง แต่ก้ยังเมื่อยหลังสุดๆอยู่ดีครับ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:13:01

ความคิดเห็นที่ 11 เสบียงฉุกเฉินระหว่างการเดินทาง มีไว้หน่อยก็ดีครับ สตรเด็ดผมเนี่ยแหละครับปลาสลิดแห้ง ป.ล กินกับขนมปังก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะครับ ;) จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:15:45

ความคิดเห็นที่ 12 จากรูปจะเห้นว่าผมเอาผ้าพันขามาพันแขนไว้เหตุผลเพราะโดนแดดเผาจนแสบไปหมดเลยครับ   ดังนั้นพวกครีมกันแดดหรือครีมทาผิวแก้แสบจากการโดนแดดเผา ควรมีติดไว้ครับ และถ้ามีปลอกแขน UV กันแดดก็แนะนำให้หามาไว้ครับ แต่ถ้าชีวิตกลัวเรื่องตัวดำแบบ ยอมดำไม่ได้ ตัดใจจากการขี่จักรยานทางไกลได้เลยครับ ป.ล เห็นเธอแล้วใจละลายครับ แอร๊ยยยยยย่ะ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:21:38

ความคิดเห็นที่ 13 เดี๋ยวจะหาว่าขู่เกินเหตุ นี่คือสภาพของผิวผมหลังจากปั่นจากกรุงเทพมาถึงนครสวรรค์แล้วครับ ขนาดมีผ้าพันกันแดดไว้แล้วนะยังเกรียมขนาดนี้เลยครับ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:24:53

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องน้ำ ต้องมีตุนไว้เสมอห้ามขาดครับ ปรกติพวกจักรยานเดินทางไกลจะมีกระติกน้ำไว้อยู่แล้ว แต่ผมก็เลือกซื้อทีละสองขวด ขวดแรกกรอกใส่กระติกไว้อีกขวดเสียบไว้ที่เป้แบบนี้เพราะตอนนั้นผมปั่นบนทางหลวง มันรับประกันไม่ได้ว่าเราจะเจอปั้มหรือร้านที่มีน้ำขายให้เราอีกทีเมื่อใหร่ครับ ขาดน้ำนี่น็อกได้เลยครับ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:30:46

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่เคยปั่นเลยครับแต่อ่านแล้วสนุกดีมีเรื่องมันส์ๆเอามาเล่ามั้งนะครับ จากคุณ : wondee เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:34:44

ความคิดเห็นที่ 16 แผนที่สำคัญมากๆครับเพราะจะเล่นมุขถามทางไปเรื่อยๆอาจจะมีสิทธิ์ซวยหลงทางได้ครับ  และจากประสบการณ์ผมอย่าหวังพึ่งเทคโนโลยีไฮเทคมากเกินไป เลือกอะไรที่พื้นฐานที่สุดและสามารถดูตอนไหนก็ได้ไม่ต้องกลัวเจอจุดอับสัญญาณหรือแบตหมด แถมเรื่องเข็มทิศ ถ้าไม่ขนาดเดินสำรวจป่าไม่มีความจำเป็นเลยครับ หนก่อนผมก็พกไปด้วยแบบเท่ในใจเลย แต่ปรากฏไม่ได้ใช้เลยสักกะนิด T_T เพราะตลอดเส้นทางเราก็จะดูแค่ทางหลวงหมายเลขเท่าใหร่เท่านั้นเอง จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:35:01

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องแผนที่ต่อ เลือกฉบับอัพเดตล่าสุดเสมอครับ เพราะผมพลาดไปซื้อฉบับที่ทำมาหลายปีแล้วโดยไม่รู้มาก่อน ปรากฏตำแหน่งสถานที่ในแผนที่เปลี่ยนไปหลายจุดเลยครับส่วนมากจะพวกจุดปั้มในแผนที่ครับ เล่นเอาสับสนหลงทางไปหลายทีเหมือนกัน จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:37:42

ความคิดเห็นที่ 18 แวะมาปาดคุณเด็กแว้นเท้าถีบครับ มาคราวนี้มีเกร็ดดีๆ สำหรับนักปั่นมาแชร์กันเยอะเลยครับ หาอ่านเรื่องของการท่องเที่ยวบนสองล้อในห้อง BP ยากเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:40:06

ความคิดเห็นที่ 19 และจากประสบการณ์เมืองไทยแดดร้อนมากๆครับ และไม่แนะนำให้ทำการฝืนปั่นในช่วงแดดแรงสุดๆ นั่นคือตอน 11 โมงเช้าจนถึงบ่ายโมง เพราะจะเกิดอาการกระหายน้ำมาก เหนื่อยมากและรู้สึกหวิวๆจะเป็นลมแดดเอาได้  ตอนแรกๆก็เลือกปั่นทำเวลาครับ ตอนหลังรู้แล้วช่วงเวลานี้ผมจะเลือกหลับเอาแรงตามศาลาริมทางครับ  ไม่ค่อยมีประโยชน์ในการฝืนปั่นในช่วงแดดแรงมากๆ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:41:18

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนถุงมือใส่ปั่นจักรยานจำเป็นมั้ย มีไว้ดีกว่าครับ เพราะหลังมือเนี่ยแหละตัวดีเลยเวลาโดนแดดเผาแล้วแสบผิวครับ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:44:04

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ช่วงนี้เขาย้ายนักปั่นไปไว้ที่ห้องรัชดาแล้ว ทริปจักรงานห้อง BP เงียบเหงาๆๆ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 08:26:45

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับบบ..................... จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 10:31:24

ความคิดเห็นที่ 23 ขอโทษครับเมื่อคืนน้องโทรเข้ามารับสายคุยไปเผลอหลับไปเลยมาต่อนะครับ หลักๆก็คงประมานนี้ ทีนี้เรื่องการขนจักรยานขึ้นรถไฟต่อครับ ผมยังไม่เคยเอาขึ้นรถทัวร์นะครับ แต่คิดว่ากับรถทัวร์น่าจะลำบากหน่อยๆ รถไฟน่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว   แรกสุดต้องสอบถามการรถไฟให้ชัดเจนที่สุดนะครับว่าขบวนไหนมีตู้สัมภาระบ้าง แนะนำโทรถาม 1169 ดีที่สุดครับ จากนั้นไปถึงก่อนเวลาสักชั่วโมงจองตํ๋วแล้ว เอาตั๋วและจักรยานไปที่ห้องสัมภาระครับ บอกเค้าว่าขอทำเรื่องขนจักรยานขึ้นรถไฟ เจ้าหน้าที่จะขอดูตั๋ว จากนั้นก็จะเขียนตั๋วบรรทุกสัมภาระให้เรา   ค่าระวางตามน้ำหนัก แต่จักรยานเค้าไม่ชั่งครับคงเพราะน้ำหนักมันตายตัวอยู่ช่วงนึงแล้ว เค้าคิดค่าระวางที่ 90 บาท เรากำหนดสถานีปลายทางที่เราจะลงให้เรียบร้อย แนะนำให้บอกเจ้าหน้าที่ว่าจะขนขึ้นลงเอง ถ้าบอกเจ้าหน้าที่ขนให้จะเสียค่าขนเพิ่มอีก 30 บาท แล้วจะมีตั๋วให้เราเอามาติดกาวไว้บนเบาะอาน แจ้งบอกสถานีต้นทางและปลายทาง  เราก็แปะเอาไว้แล้วรอรถไฟมา จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 11:59:18

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ถ้าเป็นจักรยานพับได้ก็พับแล้ววางเก็บดีๆไม่เกะกะใครก็ไม่ต้องเสียค่าระวางใดๆครับ  จริงๆก็สนใจจักรยานพับได้อยู่แต่รุ่นที่เหมาะปั่นทางไกลและพับได้ด้วยมันยังแพงเหลือใจอยู่ T_T ต่อเรื่องจักรยานในการขนขึ้นตู้สัมภาระต่อ  ข้าวของอะไรที่ไม่เกี่ยวกับจักรยานและถอดง่ายเช่นกระเป๋าต่างๆถอดไว้กับตัวเอง  นอกนั้นก็ยกขึ้นไปไว้บนตู้สัมภาระได้เลยจะมีเจ้าหน้าที่ที่คอยดูว่าเราลงที่ไหนแล้วเค้าจะจัดพื้นที่ที่เหมาะสมให้ เพื่อที่ว่าเค้าจะสามารถยกของลงตามสถานีต่างๆได้สะดวก   ดังนั้นแนะนำว่าเมื่อจะลงสถานีไหนเช็คปลายทางให้ชัดเจนครับ อย่าประมานบอกลงหัวลำโพง แต่มาถึงสามเสนอ๊ะเปลี่ยนใจแล้ว ลงสามเสนดีกว่า ผมเคยมาแล้วและเห็นกับตาเลยว่าพี่ๆเจ้าหน้าที่วุ่นวายในการรื้อของเพื่อจะหยิบจักรยานผมออกมามากขนาดไหน  ผมยังรู้สึกผิดอยู่เลยดังนั้นใส่ใจข้อนี้ให้มากๆครับ ส่วนความปลอดภัยของหายมั้ย เท่าที่ลองมาสองสามรอบ โอเคนะครับเจ้าหน้าที่เค้าจำได้ว่าของไหนของใคร และเราต้องเอาใบตั๋วไปยืนยันกับเค้าเวลารับของลงจากสถานี จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 12:08:30

ความคิดเห็นที่ 25 ทีนี้แนะนำให้พกเชือกฟางไว้ม้วนนึงด้วย เพื่อทำการผูกจักรยานเรากับตู้สัมภาระี่แนะนำเชือกฟางเพราะง่ายกับเจ้าหน้าที่ในการตัดทิ้งแล้วยกมาให้เรา   เคยลองสายรัดของของมอเตอร์ไซด์แล้วดันมัดแน่นไปหน่อยเจ้าหน้าที่เสียเวลาแกะให้นานเหมือนกันครับ เชือกฟางเวิร์กสุดแล้วครับ และอย่าล๊อกล้อเพราะเจ้าหน้าที่จะได้เข็นมาได้สะดวกๆ ครับ หลักๆก็ประมานเท่านี้แหละครับนอกนั้นประสบการณ์มันสอนเราเอง   หวังว่าคงเป้นประโยชน์ให้เพื่อนๆที่สนใจนะครับ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 12:12:08

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ ^^ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 12:13:27

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆค่า แจกกิ๊บไม่ได้เอา    ไปละกันเน้อ จากคุณ : ลาเต้แก้วหญ่ายๆ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 13:45:41

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณสำหรับข้อมูลด้วยครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:50:40

ความคิดเห็นที่ 29 ข้อมูลดีดี มาอีกแล้ว พ่อคนนี้ โหวตไปเลย 1 จึ๊ก เพราะมีคนอย่างคุณ มันเลยทำให้มีข้อมูล ให้เพื่อน ๆ ค้นหาได้ :) จากคุณ : ATM รุ่นนี้กดง่าย แค่ใช้รหัสใจ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:16:50

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ^^ จากคุณ : สามแซ่ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 12:08:49

ความคิดเห็นที่ 31 ยกนิ้วให้เลยค่ะ .. ^^ จากคุณ : เมื่อไหร่จะมีความรักดีๆซะทีนะ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 19:53:17

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจในการแบกจักรยานไปเที่ยวกับรถไฟ  บางที  หลังจากลงรถไฟ  ที่เที่ยวก็ห่างจากสถานีรถไฟเยอะเหมือนกันครับ จากคุณ : เหมอเอง (กว่าจะเป็นสาระ) เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 21:24:38