ผมเดินขึ้นไปตามทาง ไม่ได้เปิดหนังสือ ไม่ได้ถามใครว่าที่นี่มีอะไร อากาศร้อนจนน่าหงุดหงิด เหนื่อยมาหลายวันทำให้คิดอะไรไม่ออก บันไดสูงชันขึ้นไปเรื่อยๆ อากาศค่อยๆ เย็นขึ้น ความรู้สึกที่ร้อนรุ่มอยู่ในใจทุเลาลง เมื่อถึงยอดผมก็นั่งพักยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กลับลงมา โดยไม่คิดที่จะหาถ้ำใดที่เขียนไว้บนป้าย 11/4/54 12:33 อยู่วัดขุนพนมจ๊ะ กำลังคิดว่า ไปไหนต่อดี ใกล้ถึงรึยังเธอ เมื่อส่งข้อความเสร็จผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางกลับออกมาเจอเข้ากับเจ้าอาวาส ผมยกมือไหว้ ท่านสอบถามถึงที่มาที่ไป เรียกเข้าไปนั่งคุยกันในกุฏิ เจ้าอาวาส : มาเที่ยวถึงนี่เลยหรือ แล้วพักที่ไหนล่ะถ้ายังไม่มีก็นอนที่นี่สักคืนก็ได้ ถือศีลบำเพ็ญตนไปสักวันสองวัน ผม : ผมพักในเมืองน่ะครับ เอ่อ...ครั้งนี้คงไม่สะดวกนอนวันหรอกครับ เจ้าอาวาส : อืมก็ไม่เป็นไร โยมได้ขึ้นไปถ้ำแล้วรึยัง ถ้ำใหญ่ขนาดจุดคนได้เป็นพันน่ะ ผม : เอ๊ะ นี่เราพลาดอะไรรึเปล่า ยังเลยครับ เมื่อครู่ขึ้นไปแต่ก็ไม่เห็นถ้ำ เจ้าอาวาส : ได้ยังไงกัน เป็นถ้ำที่แปลกตาดีนะ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ท่านเจ้าอาวาสหันไปหยิบอัลบั้มรูปส่งมาให้ นี่รูปที่ถ่ายไว้ตอนงานบุญปีก่อน ผมรับอัลบั้มรูปมาเปิดดู แล้วก็คิดในใจว่าเกือบพลาดของสำคัญไปเสียแล้ว ผมกราบลาท่านแล้วรีบเดินกลับไปยังบันไดทางขึ้น ก้าวท้าววางลงบนบันไดขั้นแรกจาก 245 ขั้น กลับขึ้นไปยังด้านบนอีกครั้ง หันมองหาทางเข้าไปยังถ้ำเขาขุนพรม ลอดปากถ้ำที่มิดสลัว มองดูภายในผ่านช่องสูงที่ต้องยืนบนก้อนหิน และภาพที่เห็นก็ทำเอาลืมหายใจ
จากคุณ |
:
มะยม (Mayom_X)
|
เขียนเมื่อ |
:
24 มิ.ย. 54 18:59:21
|
|
|
|