ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นก็ต้องขึ้นรถไฟไป เพื่อให้ได้บรรยากาศครับ หุหุ โดยผมเลือกไปกับขบวนรถเร็วที่ 111 กรุงเทพ-เด่นชัย ครับ ค่าโดยสารชั้น 3 อัตราพิเศษจากสถานีรถไฟดอนเมืองไปสถานีรถไฟท่าเรือก็ราคา 30 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:13:29

ความคิดเห็นที่ 2 ปกติวันเสาร์นี่ ข.111 มักจะคนเยอะเสมอๆเลย แต่วันนี้แปลกดี กลับไม่ค่อยมีคนครับ (พวกตู้หลังๆนี่ว่างเลย มีแต่ตู้หน้าๆที่ผู้โดยสารขึ้นกันยาวถึงจะนั่งกัน) จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:14:43

ความคิดเห็นที่ 3 สมัยโบราณนานมาแล้ว การเดินทางจากกรุงเทพไปท่าเรือนี้ ถ้าหากไม่นั่งเรือไปตามแม่น้ำป่าสัก ก็ต้องอาศัยรถไฟนี้แลครับ แต่ปัจจุบันมีถนนสารพัดเส้นตัดขึ้นมา ทั้งรถตู้ก็สะดวกมากขึ้น ทำให้การเดินทางไปอำเภอท่าเรือไม่ต้องพึ่งแต่รถไฟอีกแล้ว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:15:42

ความคิดเห็นที่ 4 เก้าอี้ว่างๆมีเยอะครับ แต่ผมชอบไปนั่งเบียดกับชาวบ้าน แล้วก็แอบดูคนอื่นไปเรื่อยเปื่อย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:17:05

ความคิดเห็นที่ 5 นั่งแบบงงไปงงมาสักพัก ข.111 ก็มาถึงสถานีรถไฟบางปะอินแล้วครับ ท่านใดจะไปเที่ยวพระราชวังบางปะอิน หรือไปตลาดโก้งโค้ง ก็ลงที่สถานีนี้ได้ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:18:23

ความคิดเห็นที่ 6 ออกจากบางปะอิน ก็วิ่งข้ามคลองบ้านโพ ช่วงนี้น้ำเยอะทีเดียว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:18:50

ความคิดเห็นที่ 7 จากนั้นพอออกอยุธยา ผู้โดยสารก็น้อยลงไปอีกมากเลยครับ ทำให้ผมย้ายไปนั่งตู้หน้าแทน อิอิ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:19:22

ความคิดเห็นที่ 8 และก็แวะซื้อไอติมที่ภาชี หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:21:45

ความคิดเห็นที่ 9 ประมาณ 9.15 น. ข.111 ก็พาผมมาถึงสถานีรถไฟท่าเรือแล้วครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:22:28

ความคิดเห็นที่ 10 สถานีรถไฟท่าเรือเป็นสถานีรถไฟระดับ 2 ในทางรถไฟสายเหนือครับ ขบวนรถธรรมดาและรถเร็วเกือบทุกคันจะจอดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีรถไฟท่าเรือ (ยกเว้นเจ้า ข.107/108) สถานีรถไฟแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชุมชน และเคยเป็นเส้นทางคมนาคมหลักของชาวบ้านท่าเรือครับ (อีกอันก็คือการล่องไปตามแม่น้ำป่าสัก เพื่อไปอยุธยาหรือย้อนขึ้นไปสระบุรี) จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:26:08

ความคิดเห็นที่ 11 ปัจจุบันสถานีรถไฟท่าเรือก็ยังคึกคักพอสมควรครับ ถนนข้างทางรถไฟด้านหน้าสถานีจะมีตลาดตอนเช้าๆ และตอนค่ำๆเสมอ ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟไปลพบุรีหรือล่องมาอยุธยาก็มีมิได้ขาด นั่นก็เพราะการเดินทางด้วยรถไฟจากท่าเรือไปยังที่ต่างๆนั้นค่อนข้างสะดวกสบายครับ อย่างนั่งไปอยุธยาหรือลพบุรีนี่ หากเสียเงินในอัตราพิเศษก็แค่ 20 บาทเอง ใช้เวลาแค่ 35 นาที ในขณะที่รถประจำทางนั้นวิ่งเกือบ 2 ชั่วโมง หรือรถตู้ก็มีราคาแพง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:27:54

ความคิดเห็นที่ 12 ก่อนเข้าสถานีรถไฟท่าเรือ ก็จะมีสะพานเหล็กขนาดใหญ่ที่สร้างพร้อมๆกับทางรถไฟสายเหนือครับ เป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำป่าสักแห่งที่ 2 เลย มีชื่อว่าสะพานจักรี จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:28:39

ความคิดเห็นที่ 13 ตลาดท่าเรือจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฟาก และขวางกั้นด้วยทางรถไฟครับ หากหันหน้าขึ้นไปทางลพบุรี ฟากซ้ายก็คือตลาดท่าเรือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของย่านการค้า ย่านที่อยู่อาศัย และศูนย์ราชการอื่นๆ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:29:33

ความคิดเห็นที่ 14 ตามเสาไฟฟ้าในตลาดจะมีกระดิ่งแขวนเอาไว้ครับ เอาไว้เคาะเวลามีโจรมาปล้นตลาดหรือเกิดเพลิงไหม้ แต่ปัจจุบันคงไม่ต้องใช้แล้วกระมัง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:30:40

ความคิดเห็นที่ 15 ลองเดินไปตามถนนเทศบาล สองฟากก็จะเห็นร้านค้าต่างๆมากมายครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:32:18

ความคิดเห็นที่ 16 แถวนี้จะมีร้านบ้าบิ่นเก่าแก่อยู่หนึ่งเจ้าครับ ขายมานานกว่าครึ่งศตวรรษ นั่นก็คือร้านป้าเสียนครับ สมัยโบราณ (นานก่อนผมเกิด) บ้าบิ่นป้าเสียนเคยขายอยู่บนรถไฟมาก่อนครับ ต่อมาพอป้าเขาไม่ได้ขึ้นมาขาย ก็ให้คนอื่นๆมาขายแทน และก็หยุดขายบนรถไฟไปในที่สุด ปัจจุบันมีหลานสาวของป้าเขามารับกิจการผลิตบ้าบิ่นจำหน่ายต่อครับ แต่ว่าขายอยู่ในบ้านเท่านั้น (กับมีคนมารับไปขายแถวนี้บ้างนิดหน่อย) จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:36:49

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเองก็ไม่ได้มาซื้อกับเขานานเหมือนกันครับ ครั้งสุดท้ายที่แวะมาก็งานโต๊ะจีนลิงเมื่อปี 52 โน่นเลย หุหุ บ้าบิ่นป้าเสียนนี่ เคยเอาขึ้นทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่พระราชวังบางปะอินเมื่อกว่า 20 ปีก่อนด้วยครับ แต่จริงๆของเขาก็ดังสุดๆในรถไฟสายเหนือมานับสิบปีเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 19:41:29 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:37:47

ความคิดเห็นที่ 18 ปัจจุบันราคาขึ้นเป็นกล่องละ 25 บาทแล้วครับ อันใหญ่ขึ้นนิด แต่จำนวนชิ้นน้อยลงเหลือกล่องละ 5 ชิ้น จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:38:45

ความคิดเห็นที่ 19 รสชาติก็อร่อยเหมือนเดิมครับ แม้มะพร้าวจะแพงขึ้น แต่ก็ยังใส่มะพร้าวกันเยอะเหมือนเดิม รสชาติไม่ค่อยหวานมาก กรอบนอกนุ่มใน หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:39:42

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจากได้บ้าบิ่นแล้ว ก็ไปเดินเล่นกันอีกหน่อยครับ อย่างตอนเช้าๆ ที่ลานหน้าเทศบาลท่าเรือ ริมแม่น้ำป่าสักก็จะเป็นตลาดเช้าครับ ขายของกันเยอะเลย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:43:43

ความคิดเห็นที่ 21 ใกล้ๆกันคืออาคารเทศบาลตำบลท่าเรือครับ เป็นอาคารเก่าแก่อายุหลายสิบปี จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:44:49

ความคิดเห็นที่ 22 อีกที่ซึ่งพึ่งสร้างเสร็จสดๆร้อนๆ คือหลวงพ่อโตวัดหนองแห้ว ครับ น่าจะสร้างเสร็จเมื่อปี 2553 หรือปลายปี 52 นี่เอง เพราะสมัยก่อนไม่มี จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:46:05

ความคิดเห็นที่ 23 ขอฉกบ้าบิ่นไปซักกล่องนะครับ จากคุณ : Koon Shy_Tour Dee เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:46:12

ความคิดเห็นที่ 24 ทีนี้ก็ข้ามทางรถไฟไปอีกฟากดูครับ อีกฟากของทางรถไฟ คือตลาดหม่อมเจ้า ครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:46:44

ความคิดเห็นที่ 25 ตลาดนี้ได้ชื่อว่าตลาดหม่อมเจ้า ก็เพราะเจ้าของเดิมคือ หม่อมเจ้านิตยากร วรวรรณ โอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์  ครับ และตลาดแห่งนี้ก็เคยเป็นต้นทางของ ทางรถไฟเล็กสาย ท่าเรือ-พระพุทธบาท ครับ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 20:32:10 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:48:23

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีครับ คุณ Koon Shy_Tour Dee จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:48:49

ความคิดเห็นที่ 27 ด้านหลังตลาดจะมีลานกว้างๆรกร้องอยู่แห่งหนึ่งครับ ที่นี่เคยเป็นตำหนักของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปพันธ์วงศ์ มาก่อน แต่ปัจจุบันรื้อทิ้งไปแล้ว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:49:52

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนนี้เหลือแต่ศาลพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปพันธ์วงศ์ ที่อยู่ริมแม่น้ำป่าสักเท่านั้น จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:50:09

ความคิดเห็นที่ 29 ขึ้นรถไฟแทบไม่ทันเลย ตามไปด้วยคนครับ ๆ จากคุณ : ชานมชงเอง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:51:45

ความคิดเห็นที่ 30 หากพิจารณาแผนที่สมัยปี พ.ศ. 2497 ก็จะพบหลักฐานของทางรถไฟเล็กสาย ท่าเรือ-พระพุทธบาท ครับ ดังภาพนี้แล จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:54:20

ความคิดเห็นที่ 31 สวัสดีครับ คุณ ชานมชงเอง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:54:54

ความคิดเห็นที่ 32 ขนมบ้าบิ่น น่าทานมาก ๆ เลยค่ะคุณอุ้ย จากคุณ : Yai Klong_Tour Rai เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:58:02

ความคิดเห็นที่ 33 ตามไปเที่ยวเมืองเก่าด้วยคนคร้บ จากคุณ : noiwanwannoi เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 19:59:08

ความคิดเห็นที่ 34 สำหรับประวัติของทางรถไฟสายนี้ ก็ขออ้างอิงบทความของคุณ Wisarut จากเว็ปคนรักรถไฟครับ ทางรถไฟสายนี้เปิดบริการในปี พ.ศ.2445 ครับ มีระยะทางราวๆ 20 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ผู้ดำริให้ก่อสร้างคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์  ครับ และพระองค์ก็ทรงเป็นผู้ถือสัมปทานการเดินรถไฟในนามของ บริษัทท่าเรือจำกัด รถไฟเล็กสายนี้ิถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้านาย ขุนนาง ตลอดจนประชาชนชาวพระนคร ในการเดินทางไปนมัสการพระพุทธบาทที่สระบุรีครับ เนื่องจากสมัยก่อนการเดินทางไปนมัสการพระพุทธบาทนั้นลำบากมาก (สมัยโน้นไม่มีถนนพหลโยธิน) ที่รถไฟสายนี้เรียกว่ารถไฟเล็ก ก็เพราะใช้รางขนาด 75 เซนติเมตร ครับ และใช้หัวรถจักรไอน้ำในการโดยสาร (รถจักรไอน้ำนี้มีชื่อเรียกกันเล่นๆว่า รถจักรนกเล็ก) ทางรถไฟสายนี้ประกอบด้วยสถานีรถไฟ 7 แห่งคือ สถานีรถไฟท่าเรือ, สถานีบางโขมด, สถานีบ่อโศก, สถานีหนองคณฑี, สถานีเขาเลี้ยว, สถานีเจ้าพ่อเขาตก และก็สถานีปลายทางพระพุทธบาทครับ ใช้เวลาเดินทางจากต้นทางไปปลายทางประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ทว่าเนื่องจากเป็นทางรถไฟสายย่อย มีผู้ใช้บริการน้อยมาก ทางรถไฟสายนี้จึงขาดทุนเสมอมาครับ จนสุดท้ายก็ต้องปิดกิจการลงในปี พ.ศ. 2485 และหม่อมเจ้านิตยากร วรวรรณ ก็ทรงขายทอดตลาดทางรถไฟพร้อมทั้งรถจักรทั้งหมด ให้กับบริษัทน้ำตาลไทยอุตรดิตถ์ หรือที่รู้จักกันในนาม โรงงานน้ำตาลวังกะพี้ครับ (และก็เอาไปสานต่อตำนาน น้ำตาลสร้างชุมชนกันที่วังกะพี้ต่อ หุหุ) สถานที่ซึ่งเคยเป็นสถานีรถไฟเล็กท่าเรือเดิม ก็คือบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับธนาคารออมสินเก่า สาขาท่าเรือครับ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 20:31:44 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:04:07

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีครับ คุณ Yai Klong_Tour Rai และ คุณ noiwanwannoi ขอบคุณมากที่แวะมาเยี่ยมชมครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:05:00

ความคิดเห็นที่ 36 สถานีรถไฟบางปะอินกับท่าเรือสวยมากค่ะ    ขนมบ้าบิ่นยั่วยวนใจสุดๆ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:05:04

ความคิดเห็นที่ 37 ผมลองสอบถามชาวบ้านที่อาศัยในชุมชนตลาดหม่อมเจ้าดูหลายๆท่านครับ แต่ส่วนใหญ่จะไม่รู้จักทางรถไฟสายนี้กัน ก็อาจจะเพราะทางรถไฟสายนี้ยกเลิกไปตั้งแต่สมัยสงครามโลก และชาวบ้านในตลาดส่วนใหญ่ก็จะอพยพมาจากที่อื่นในช่วงหลังจากนั้นครับ จึงแทบไม่เหลือใครที่จำทางรถไฟสายนี้ได้แล้ว น่าเสียดายที่ไม่เจอท่านเจ้าของบ้าน หลังที่เคยเป็นสถานีรถไฟมาก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะรบกวนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้บ้าง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:07:42

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณ คุณ ป้าฟู มากๆครับ ในตลาดยังมีอีก 2 เจ้าคือร้านแม่ทองสุข กับร้านป้าอู๊ด ครับ อร่อยไปคนละแบบ แหะแหะ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:08:16

ความคิดเห็นที่ 39 ตลาดหม่อมเจ้านี่ปัจจุบันก็เงียบเหงาหน่อยครับ มีผู้คนอยู่อาศัยไม่มากนัก ขนาดธนาคารออมสินที่เคยเปิดทำการมานาน ก็ย้ายตัวไปเปิดที่อาคารใหม่ ใกล้ๆแยกบ้านหมอแล้ว เหลือแต่อาคารร้างเอาไว้ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:09:48

ความคิดเห็นที่ 40 จากนั้น ผมก็มารอรถประจำทางสาย สุพรรณบุรี-สระบุรี เพื่อไปเที่ยวเขื่อนพระราม 6 และวัดสะตือครับ จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ค่ารถ 15 บาทครับ  โดยจะนั่งไปลงที่ตลาดท่าหลวง ก่อนข้ามแม่น้ำป่าสัก จริงๆหากจะไปวัดสะตือ ก็ไปนั่งรถสองแถวสาย ท่าเรือ-ท่าลาน-ท่าหลวง ที่หน้าสถานีรถไฟจะสะดวกกว่าครับ เพราะจอดปากทางเข้าวัดเลย แต่พอดีว่ารถสองแถวมันรอนาน ผมเลยนั่งรถประจำทางสายนี้ดีกว่า ใช้ได้เหมือนกัน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:11:50

ความคิดเห็นที่ 41 ผมก็นั่งไปลงที่ตลาดเก่าท่าหลวงครับ และก็เดินไปหน่อยก็จะถึงเขื่อนพระราม 6 เขื่อนแห่งแรกของประเทศไทยแล้ว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:12:56

ความคิดเห็นที่ 42 เขื่อนพระราม 6 นี่สร้างขึ้นกั้นแม่น้ำป่าสักครับ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 และจัดเป็นเขื่อนสมัยใหม่ที่เก่าแก่ที่สุดของสยาม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:13:41

ความคิดเห็นที่ 43 ปัจจุบันเขื่อนนี้อาจจะไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจเท่าเขื่อนใหญ่ต่างๆ แต่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ามาชม และมาพักผ่อนได้ครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:14:34

ความคิดเห็นที่ 44 จากเขื่อนพระราม 6 เดินไปหน่อยก็จะมีสะพานขึงข้ามแม่น้ำป่าสัก สามารถเดินไปถึงวัดสะตือได้ครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:15:09

ความคิดเห็นที่ 45 เดินมาครู่เดียวก็ถึงวัดสะตือแล้วครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:15:38

ความคิดเห็นที่ 46 เนื่องจากปลายปีที่แล้วเกิดน้ำท่วมใหญ่ในละแวกนี้ครับ ทำให้องค์พระเสียหายมาก ทางวัดเลยระดมปัจจัยมาบูรณะองค์พระใหม่กัน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:16:16

ความคิดเห็นที่ 47 ขึ้นรถไฟไปเที่ยวด้วยคนเน้อ จากคุณ : narasri เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:21:03

ความคิดเห็นที่ 48 แต่ช่วงนี้ก็มานมัสการหลวงพ่อได้ครับ มาบริจาคปัจจัยบูรณะหลวงพ่อก็ได้ครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:22:23

ความคิดเห็นที่ 49 วงดนตรีแก้บนก็มีบริการเหมือนเดิม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:22:44

ความคิดเห็นที่ 50 เที่ยวบ่อยจริงๆครับคุณอุ้ย แต่ละที่น่าไปทั้งนั้นเลยครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:22:59

ความคิดเห็นที่ 51 วิธีแก้บนที่นี่คึกคักที่สุดครับ อิอิ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:23:14

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณ น้าม่วงมหากาฬ มากๆครับ ขอบคุณ คุณ narasri มากครับ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 20:24:45 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:23:35

ความคิดเห็นที่ 53 ระบำแก้บน บนหนักก็เดินกันหลายรอบหน่อย หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:24:22

ความคิดเห็นที่ 54 .. จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:25:14

ความคิดเห็นที่ 55 จากนั้นผมก็นั่งรถประจำทางกลับมาที่ท่าเรือ เพื่อต่อรถไฟไปบ้านหมอกันต่อครับ ค่ารถก็ฟรี ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีเอง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:25:55

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่บอกกันก่อนจะฝากซื้อบ้าบิ่นสักห้ากล่อง เห็นบรรยากาศนั่งรถไฟแล้ว นึกถึงสมัยเด็กๆเลยครับ จากคุณ : ลุงแบกเป้ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:26:15

ความคิดเห็นที่ 57 ครู่เดียวก็มาถึงสถานีรถไฟบ้านหมอแล้วครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:26:25

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณ คุณ ลุงแบกเป้ มากๆครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:26:43

ความคิดเห็นที่ 59 เที่ยวเก่งจังค่ะ รู้รายละเอียดเยอะด้วย อ่านเพลินดีมากๆ เลย จากคุณ : jinu เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:26:44

ความคิดเห็นที่ 60 สถานีรถไฟบ้านหมอก็เป็นสถานีขนาดใหญ่ไม่แพ้ท่าเรือครับ รถธรรมดาและรถเร็วส่วนใหญ่ก็แวะจอดที่บ้านหมอ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:27:22

ความคิดเห็นที่ 61 บ้านหมอเคยมีตลาดโบราณที่รุ่งเรืองมากครับ มีบ้านเรือนเก่าแยะเลย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:27:49

ความคิดเห็นที่ 62 มาชูมือขอท้วงนิดๆ กับพระนามของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปพันธ์วงศ์ เกรงว่าอ่านผู้ติดตามชมจะเข้าใจคลาดเคลื่อนครับ น้องอุ้ย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ มีพระนามเดิมว่า "พระองค์เจ้าวรวรรณากร" ทรงเป็นพระราชโอรสลำดับที่ 56 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเขียน ประสูติเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2404 พระองค์เจ้าวรวรรณากร ทรงเริ่มรับราชการที่หอรัษฏากรพิพัฒ เป็นพนักงานการเงินที่ฝากแบงค์ต่างประเทศ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2433 ดำรงตำแหน่งรองเสนาบดีกรมพระคลังมหาสมบัติ จนถึงรัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ. 2464 ทรงสถาปนาเป็น กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2474 ในสมัยรัชกาลที่ 7 พระชันษา 70 ปี ทรงเป็นต้นราชสกุล วรวรรณ มีพระโอรสและพระธิดาทั้งสิ้น 27 พระองค์ กับ หม่อมหลวงต่วนศรี มนตรีกุล มีพระโอรส-ธิดา คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ (หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ พ.ศ. 2424-2519) อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรองนายกรัฐมนตรี หม่อมเจ้าศิวากร วรวรรณ (พ.ศ. 2439-2502) นอกจากนั้น ทรงอภิเษกสมรสกับ หม่อมผัน หม่อมอินทร์ หม่อมบุญ  หม่อมหลวงตาด มนตรีกุล  หม่อมแช่ม หม่อมสุ่น หม่อมแสร์  หม่อมพร้อม  หม่อมเจียม และหม่อมเชื้อเล็ก อีกด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 20:31:01 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:28:01

ความคิดเห็นที่ 63 แต่เมื่อราวๆปี พ.ศ. 2524 รถจักร GE หมายเลข 4104 เกิดไฟไหม้ขึ้นมา รถหว่างทำขบวนผ่านบ้านหมอครับ และเนื่องจากมีลมแรง สะเก็ดไฟเลยปลิวไปติดบ้านเรือนริมทางรถไฟ ทำให้ตลาดบ้านหมอไหม้วอดไปทั้งตลาดสดเลย ปัจจุบันเลยเหลือบ้านไม้รุ่นเดิมไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ด้านหลังสถานีที่ไม่โดนไฟไหม้ครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:30:04

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบพระคุณ คุณ owl2 มากๆครับผม ผมตามไปแก้ด้านบนแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 20:33:04 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:31:19

ความคิดเห็นที่ 65 แต่ตลาดใหม่ที่สร้างขึ้นมาแทนของเก่าก็ยังเป็นชุมชนที่คึกคักครับ มีคนค้าขายเกือบตลอดวันเลย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:32:53

ความคิดเห็นที่ 66 จากตลาดบ้านหมอนี่ ผมก็เดินออกมาด้านนอก จนถึงริมถนนสาย ท่าเรือ-พระพุทธบาท ซึ่งสร้างขึ้นมาซ้อนทับกับแนวทางรถไฟเล็กสาย ท่าเรือ-พระบาท เดิมครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:34:01

ความคิดเห็นที่ 67 ช่วงจากแยกบ้านหมอไปจนถึงแถวทางเข้าทะเลบ้านหมอ จะเป็นถนน 2 ช่องจราจรแบบดั้งเดิมครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:34:35

ความคิดเห็นที่ 68 แต่พอเลยทางเข้าทะเลบ้านหมอไป ก็จะถูกขยายเป็นถนน 4 ช่องจราจรครับ ผมก็เดินจากแยกบ้านหมอไปจนถึงตำบลสร่างโศก เพื่อไปชมสถานีรถไฟบ่อโศก 1 ใน 7 สถานีรถไฟของสายท่าเรือ-พระบาท ที่ยังหลงเหลืออยู่ครับ ตัวอาคารสถานีเดิมจะตั้งอยู่หน้าสถานีอนามันตำบลสร่างโศกครับ แต่ทว่าเมื่อ 2 ปีก่อน มีการขยายถนนสายนี้จาก 2 ช่องเป็น 4 ช่องจราจร ทำให้ตัวอาคารสถานีไปขวางถนนเข้าเต็มๆครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:36:32

ความคิดเห็นที่ 69 เมื่ออาคารรถไฟเก่าขวางการขยายถนน ทาง อบต.สร่างโศก ก็เลยทำการขนย้ายอาคารสถานีเอาไปไว้ที่หน้าสำนักงาน อบต. แทนเพื่อทำการอนุรักษ์เอาไว้ครับ ปัจจุบัน อาคารสถานีรถไฟบ่อโศก ก็เลยตั้งอยู่หน้า อบต. นี้แลครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:37:36

ความคิดเห็นที่ 70 ตัวอาคารสถานีเหลือแต่โครงแบบนี้มาตั้งแต่การเดินรถเลิกกิจการไปเมื่อยุคสงครามโลกครับ เพราะหม่อมเจ้านิตยากร ท่านรื้อหลังคาและหน้าจั่วของสถานีออก สถานีทั้ง 7 แห่งเลยโดนแปรสภาพไปครับ โดยสถานีที่เหลือเป็นหลักฐานอยู่ มีแค่ 3 แห่งคือ สถานีรถไฟเล็กท่าเรือเดิม ตรงข้ามธนาคารออมสิน, สถานีรถไฟเล็กพระพุทธบาท อยู่ในโรงเจของวัดพระพุทธบาทวรวิหาร (หลายๆท่านอาจจะเคยไปนั่งทานข้าวด้านใน ช่วงตรุษจีน หุหุ) และก็สถานีรถไฟบ่อโศก ที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างถนนนี้แลครับ ส่วนอีก 4 แห่งคือ สถานีรถไฟบางโขมด และสถานีรถไฟเขาเลี้ยว ไม่เหลือหลักฐานที่ตั้งแล้ว, สถานีรถไฟหนองคณฑีน่าจะเคยอยู่ในวัดหนองคณฑี และก็สถานีรถไฟเจ้าพ่อเขาตก ก็น่าจะอยู่แถวๆศาลเจ้าพ่อกระมัง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:41:14

ความคิดเห็นที่ 71 ที่น่าแปลกใจคือ ไม่ทราบว่าทาง อบต. ไปหาป้ายสถานีเจอมาได้อย่างไรครับ จะว่าของทำขึ้นใหม่ก็คงไม่ใช่ เพราะไม้มันผุมากทีเดียว และก็หักอีกต่างหาก (ถ้าทำขึ้นใหม่คงไม่ทำให้มันผุๆหักๆแบบนี้) จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:42:11

ความคิดเห็นที่ 72 ด้านในนี่ก็เป็นของดั้งเดิมหมด ยกเว้นพื้นที่ทำขึ้นใหม่ แทนของเก่าครับ (เพราะเขาเอาปั้นจั่นยกมาแต่โครง เอาพื้นมาไม่ได้) จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:43:16

ความคิดเห็นที่ 73 อนาคตสถานีรถไฟเล็กแห่งนี้ก็น่าจะปลอดภัย เพราะอยู่ในการรับผิดชอบของ อบต. แล้วครับ คงจะอยู่ให้ลูกหลานชมต่อไปอีกนานเท่านาน นี่ถ้าหารถไฟนกเล็กที่เคยอยู่ที่นี่มาได้ คงจะดีไม่น้อย (คุ้นๆว่าที่วังกะพี้จะมีครับ ไว้ผมจะลองขึ้นไปดูบ้าง หุหุ) จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:44:41

ความคิดเห็นที่ 74  //////เยี่ยมมาก ตามมาชมและชิมด้วยครับ จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:45:04

ความคิดเห็นที่ 75 อยากไปรำแก้บนที่วัดสะตือบ้างจัง   ท่าทางจะสนุกมากเลยนะคะ...อิอิ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:45:09

ความคิดเห็นที่ 76 จากนั้นก็เดินกลับมาที่บ้านหมอครับ ระหว่างทางก็แวะไปดูถนนพระเจ้าทรงธรรม ที่ตอนนี้ปูคอนกรีตแล้ว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:45:24

ความคิดเห็นที่ 77 ถนนพระเจ้าทรงธรรมนี่ก็เป็นถนนเก่าแก่สมัยอยุธยาครับ สร้างขึ้นเพื่อให้ขบวนเสด็จจากท่าเรือไปนมัสการพระพุทธบาททำได้ง่ายขึ้น ใช้เทคโนโลยีของตะวันตกในการรังวัด ทำให้เป็นถนนที่ตรงมากสายหนึ่ง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:46:40

ความคิดเห็นที่ 78 และก็แวะไปดูทะเลบ้านหมอ แหล่งน้ำขนาดใหญ่ในอำเภอบ้านหมอครับ เห็นเขากำลังพัฒนาเป็นสวนสาธารณะด้วย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:47:16

ความคิดเห็นที่ 79 จากนั้นก็เดินกลับมาที่สถานีรถไฟบ้านหมอ เพื่อรอขึ้นรถไฟกลับบ้านครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:47:47

ความคิดเห็นที่ 80 รอจนประมาณ 17.58 น. ผมก็ขึ้น ข.210 จากบ้านตาคลีกลับกรุงเทพ เป็นอันจบการเดินทางครับ ขอบพระคุณทุกท่านมากที่แวะมาเยี่ยมชมนะครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 20:49:18

ความคิดเห็นที่ 81 คุณอุ้ยนอกจากจะช่างสรรหาของกินแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่า ถ่ายรูปได้สวยมาก จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:09:48

ความคิดเห็นที่ 82 ได้บรรยากาศมากเลยครับ เห็นบ้านภาชีแล้วนึกถึงไอติมกับข้าวต้มเป็ด ที่เพิ่งออกทีวีไปเอง ตลาดสดสนามเป้ามั้งครับ จากคุณ : boy next door เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:18:06

ความคิดเห็นที่ 83 อยากทานบ้าบิ่นด้วยค่ะคุณอุ้ย.....ดูท่าทางน่าจะกรอบๆดี รูปถ่ายสวยมากๆค่ะ ชอบๆๆๆ จากคุณ : ศรีญดาซัง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:32:26

ความคิดเห็นที่ 84 ว่าจะรีวิววัดสะตือซักหน่อย  พอเจอภาพสวย ๆ ของคุณอุ้ย เลยต้องขอเก็บไว้ก่อนดีฝ่า.... จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:33:13

ความคิดเห็นที่ 85 ก็ยัง มาแบบ ตก ขบวน เหมือนเดิม เห้ออออออ พี่อุ้ยนะพี่อุ้ยยย ทำไง ถึงจะมาทัน เนี่ยยย จากคุณ : ATM รุ่นนี้กดง่าย แค่ใช้รหัสใจ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:42:39

ความคิดเห็นที่ 86 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ จากคุณ : เอื้องเหมย เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:44:21

ความคิดเห็นที่ 87 - ขอบคุณครับ เป็นกระทู้ที่มีคุณค่าจริงๆครับ ขออีกนะครับ อิๆๆ จากคุณ : ฮ่ายเหล็ง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:50:25

ความคิดเห็นที่ 88 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ขนมบ้าบิ่นน่ากินมาก จากคุณ : ชาปั่น เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 22:09:56

ความคิดเห็นที่ 89 บ้าบิ่นน่ากินมากครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 22:22:04

ความคิดเห็นที่ 90 มาเพิ่มเติมประกอบกระทู้ของน้องอุ้ย  เป็นภาพอดีตรถจักรไอน้ำขนาดรางกว้าง 0.750 เมตร เคยใช้งานกับรถไฟสายพระพุทธบาท และสายบางบัวทอง ซึ่งขณะนี้ ได้ปลดประจำการ และตั้งอยู่ที่โรงงานน้ำตาลอุตรดิตถ์ ที่ ต.วังกะพี้ อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ ที่โรงงานแห่งดังกล่าว ยังมีรถจักรไอน้ำขนาดรางกว้าง 1.000 เมตร ซึ่งเคยใช้งานกับรถไฟสายปากน้ำ มีชื่อว่า "สำโรง"  ปัจจุบันได้เลิกใช้งานและตั้งอยู่ที่นี่เช่นกันครับ เนื่องจากบริเวณโรงงานน้ำตาลอุตรดิตถ์ ปัจจุบันเป็นสถานที่ของเอกชน การขอเข้าไปบันทึกภาพและเข้าชมรถจักรไอน้ำทั้งสองคันดังกล่าว ต้องได้รับอนุญาตจากผู้จัดการฝ่ายอำนวยการของโรงงาน ให้เรียบร้อยก่อนนะครับ ............................ เครดิตภาพ : คุณณัฐพงษ์  ใบมณฑา จาก Rotfaithai.Com แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 23:09:31 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 22:57:20 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 22:55:07 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 22:45:09