ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับการเดินทางในทริปนี้ เริ่มจาก BKK-Hanoi by Air Asia โดยจองตั๋วกันข้ามปีเหมือนเคยค่ะ เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายค่ะ Flight นี้เราออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ ประมาณ 08:40 น. ก็เดินทางมาถึงสนามบิน Hanoi โดยทริปนี้ก่อนออกเดินทางก็ได้ยินกิตติศัพท์ต่างๆ ของเวียดนามมามาก เพื่อไม่ให้เสียอารมณ์กันตั้งแต่วันแรกของการเดินทาง ก่อนมาเราเลยตัดสินใจจองตั๋วรถไฟตู้นอน Hanoi-Laocai กันมาล่วงหน้าผ่านทาง Prince II Hotel ในราคาคนละ 25 USD พร้อมทั้งนัดให้จัดรถตู้มารับที่สนามบินในราคา 20 USD เพราะเรามากัน 6 คน จริงๆ แล้ว ถ้าเป็นรถ Innova เค้าคิดแค่ 15 USD แต่อาจวางสัมภาระของพวกเราได้ไม่หมดค่ะ แต่แล้วพอมาถึงก็ต้องมีปัญหาจนได้เพราะออกมาแล้ว กลับไม่เจอรถที่นัดให้มารับ เราก็เลยตรงไปที่ Tourist Information ที่สนามบินให้ช่วยโทรติดต่อโรงแรมให้ที ซักพักก็ได้ความว่าที่โรงแรมลืมส่งคนมารับ แต่ว่าก็ยังรับผิดชอบหารถคันใหม่ให้เราที่สนามบิน แต่หาได้แต่ Innova พวกเราก็เลยต้องนั่งเบียดกันไปกับสัมภาระทั้งหมดค่ะ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:09:54

ความคิดเห็นที่ 2 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่งโมงก็มาถึง Prince II Hotel ซึ่งทางโรงแรมก็ต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี พร้อมกับขอโทษในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น สำหรับตั๋วรถไฟที่จองไว้ก็เรียบร้อยไม่มีปัญหา ค่ารถก็คิด 15 USD ตามมาตรฐานค่ะ จากนั้นเราก็ขอดูห้องพักเพื่อเอาไว้พักผ่อนระหว่างวันก่อนที่จะไปขึ้นรถไฟไปลาวไกตอนค่ำ โดย Prince II Hotel เสนอ Triple room ให้เราในราคา 20 USD สำหรับ 6 คน ใช้ได้จนถึงเวลา 18:00 น. ซึ่งห้องพักที่นี่ก็ดูสะอาด ไม่อับ แถมยังมี Computer + Internet ให้ใช้ด้วย เราก็เลยตกลง จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:10:27

ความคิดเห็นที่ 3 โปรแกรมเที่ยววันนี้ คือไปดูหุ่นกระบอกน้ำและเดินเล่นรอบทะเลสาบโฮนเกี๋ยม (Hoan Kiam Lake) หรือทะเลสาบคืนดาบ โดยก่อนจะออกไปเที่ยวเราก็ไม่ลืมที่จะไปแลกเงินเวียดนามไว้ใช้กันก่อน โดยใกล้ๆ กับ Prince II Hotel มีร้านที่รับจัดทัวร์และรับแลกเงินอยู่หลายร้าน โดยเราแลกที่ร้าน Sihn Cafe ได้ที่ 1 USD : 20,800 VND จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:11:05

ความคิดเห็นที่ 4 จาก Prince II Hotel เดินมาไม่ไกลก็มาถึงทะเลสาบโฮนเกี๋ยม เราก็รีบเดินไปซื้อตั๋วหุ่นกระบอกน้ำเป็นอันดับแรก แต่ก็พบว่ามีป้ายเขียนบอกไว้ว่าเต็มแล้วทุกรอบสำหรับวันนี้ เราก็เลยอดดูกัน จากนั้นเราก็เลยเดินไปหาอะไรกินกันต่อ โดยมื้อนี้เราเลือกทานอาหารที่คุ้นเคยก่อน คือ KFC แล้วก็ตบท้ายด้วยไอศกรีมเวียดนามสไตล์ฝรั่งเศส ที่อยู่ริมทะเลสาบโฮนเกี๋ยม จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:11:47

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราก็เริ่มเดินเที่ยวรอบๆ ทะเลสาบ โดยมีจุดหมายอยู่ที่วัด Ngoc Son หรือวัดเนินหยก ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Ngoc ตรงทะเลสาบคืนดาบนั่นเอง ค่าเข้าชมคนละ 10,000 VND สำหรับวัด Ngoc Son นี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 เพื่ออุทิศให้กับ Tran Hung Dao ฮีโร่ผู้นำพาชาวเวียดนามชนะทหารมองโกลในศตวรรษที่ 13 และ Van Xuong กวีชาวเวียดนามผู้มีชื่อเสียงบันลือโลก สำหรับในรูปนี้คือสะพานไม้เทฮุกที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของฮานอย และยังเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง “ฮอยอัน ฉันรักเธอ” ด้วย จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:12:24

ความคิดเห็นที่ 6 หลังจากเดินเที่ยวกันรอบทะเลสาบแล้ว ก็ชักจะเพลียๆ เพราะ Flight นี้ออกเดินทางกันเช้ามากๆ รวมเวลาเดินทางมาสนามบิน ก็แทบไม่ได้นอนกันเลยค่ะ ดังนั้นก็เลยลงมติกันว่ากลับไปพักผ่อนกันที่โรงแรมน่าจะดีกว่า จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:12:41

ความคิดเห็นที่ 7 ลืมเล่าไปอีกอย่างหนึ่งว่า ย่านที่เราเลือกมาพักก็คือย่านเมืองเก่า โอลด์ควอเตอร์ ที่เป็นย่านการค้าเก่าแก่แห่งหนึ่งในใจกลางกรุงฮานอย มีลักษณะเป็นถนนสายเล็กๆ 36 สายตัดสลับกันไปมา จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:13:31

ความคิดเห็นที่ 8 ย่านนี้มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์สั่งสมมากว่า 2,000 ปี โดยเดิมทีเป็นบึงที่มีจระเข้อาศัยอยู่ชุกชุม แต่เมื่อความเจริญเข้ามาบริเวณนี้จึงแปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มหมู่บ้านทรงสูง และได้รับอิทธิพลจากผู้ปกครองชาวจีนจนถูกขนานนามโดยชาวจีนว่า “Dominated Annam” หรือ “Protected South” ต่อมาได้มีช่างฝีมือย้ายที่อยู่จากชนบทเข้ามาในเมืองหลวง และตั้งหลักแหล่งค้าขายตามอาชีพที่ได้ร่ำเรียนมา ก่อให้เกิดเป็นย่านการค้าขนาดใหญ่ นำพาไปสู่การตั้งชื่อถนนสายอาชีพ 36 สาย จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:14:02

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากพักผ่อนกันในโรงแรมจนถึงเวลา 18:00 น. เราก็ทำการ Check out แล้วนำกระเป๋ามาฝากไว้ที่ชั้นล่างของโรงแรม แล้วก็ออกไปหาอาหารเย็นทานกันแถวๆ โรงแรม คราวนี้ได้โอกาสลองทานอาหารเวียดนาม แต่ว่าไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ แถมยังแพงอีกต่างหาก ทานอาหารเสร็จแล้ว เราก็กลับไปที่โรงแรม เพื่อนั่งรถ Innova ไปยังสถานีรถไฟฮานอย โดยทางโรงแรมเป็นคนจัดหารถให้ในราคา 3 USD จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:14:32

ความคิดเห็นที่ 10 รถไฟออกขบวนที่เราโดยสารออกจากสถานีฮานอย 21:15 น. มาถึงสถานีลาวไคประมาณ 05:00 น. เนื่องจากมาถึงค่อนข้างเช้าเราเลยต้องหาที่นั่งพักรอเวลาด่านเปิดกันก่อน ออกจากสถานีรถไฟลาวไกมาแล้ว เราก็นั่งรถไฟฟ้าไปยังด่านลาวไค ค่ารถ 100,000 VND สำหรับ 6 คน โดยรถได้มาส่งพวกเราไว้ที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเวียดนามที่อยู่ใกล้ๆ ด่าน ให้พวกเราได้อาศัยล้างหน้าล้างตา รวมทั้งทานอาหารเช้า ระหว่างที่รอด่านเปิด สำหรับด่านทั้งสองฝั่งเปิดปิดพร้อมกันคือ 08:00-24:00 China Time, 07:00-23:00 Vietnam Time และเมื่อถึงเวลาด่านเปิดเราก็เดินเข้าไปด้านในซึ่งเคาน์เตอร์แยกสำหรับนักท่องเที่ยวไว้ต่างหาก โดยจะต้องกรอกใบตม.ขาออกด้วย หลังจากผ่านด่านลาวไคแล้วก็เดินต่อไปที่สะพานด้านหน้าอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะเข้าเขตจีนที่ด่านเห่อโขว่ ข้ามสะพานแล้วอาคารตม. อยู่ทางขวามือ สำหรับนักท่องเที่ยวก็มีเคาน์เตอร์แยกต่างหากเช่นกัน และมีเอกสารตรวจคนเข้าเมืองให้กรอก จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:14:59

ความคิดเห็นที่ 11 ออกจากอาคารตม. เลี้ยวซ้ายไปหน่อยเดียว จะถึงถนนที่ตรงไปขนส่งให้เดินไปตามถนนตรงไปทางด้านขวามือ ไม่ไกลนักก็จะเห็นด้านข้างของสถานีรถบัส ซึ่งจะเป็นทางออกของรถบัส เราสามารถเดินทะลุเข้าไปทางด้านนี้เลยก็ได้ หรือจะเดินตรงต่อไปอีกหน่อยแล้วค่อยเลี้ยวซ้ายก็จะเจอด้านหน้าของสถานีรถบัสได้เช่นกัน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:15:21

ความคิดเห็นที่ 12 เนื่องจากเราทำเวลากันได้ค่อนข้างดี เราก็เลยมาทันรถบัสไปหยวนหยางเที่ยว 10:00 น. ค่ารถคนละ 67 CNY ระหว่างทางที่นั่งรถบัส จะเจอด่านตรวจตม. 1 ด่าน เจ้าหน้าที่จะขอพาสปอร์ตของเราไปลงทะเบียนไว้ และจะมีการจอดรถให้เข้าห้องน้ำ 1 ครั้ง โดยรถจะจอดที่ หยวนหยางเมืองใหม่ หรือ Nansha ก่อน รวมทั้งรอรับผู้โดยสารเพิ่มเติม โดยเราสามารถลงไปต่อรถตู้เพื่อไปยังเมืองเก่าได้เช่นกัน แต่ต้องเสียเงินเพิ่มอีกคนละ 25 CNY แต่ถ้าไม่รีบมากก็สามารถนั่งรอในรถได้ จากนั้นอีก 30 กม. ก็จะถึงสถานีขนส่งในเขตเมืองเก่า ใช้เวลารวมทั้งหมด 6 ชั่วโมง (ประมาณ 16:00 น.) จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:15:50

ความคิดเห็นที่ 13 ลืมเล่าไปว่าระหว่างรอด่านเปิดที่ลาวไค เราก็ได้พบกับเพื่อนคนไทยสองคนที่เดินทางมาเที่ยวหยวนหยางเช่นเดียวกัน ดังนั้นเราก็เลยร่วมทริปกันเป็น 8 คน หลังจากลงรถที่สถานีรถบัสในเขตเมืองเก่าแล้ว เราก็ตั้งใจจะเดินตามแผนที่เพื่อไปยัง Yunti Hotel ตามที่เพื่อนๆ แนะนำกัน แต่ว่ากลับเดินผิดทางเลยไปโผล่ที่ Yunti Shanji Hotel แทน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:16:14

ความคิดเห็นที่ 14 แต่ดูจากภายนอกแล้วก็ดูดีเหมือนกัน ก็เลยตามเลย ลองเข้าไปสอบถามราคาก่อน โดยราคาในช่วงที่เราไปค่อนข้างแพง โดยเจ้าหน้าที่โรงแรมบอกว่ายังอยู่ในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน ราคาห้อง Tripple room ห้องละ 350 CNY เนื่องจากว่าโปรแกรมวันนี้เราตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ตกกัน ประกอบกับมีนายหน้าสาวชาวจีนที่พูดภาอังกฤษได้ดีคอยสนับสนุนว่าราคานี้เป็นราคาในช่วงเทศกาล เราก็เลยตกลงเข้าพักกันที่นี่ 2 คืน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:16:41

ความคิดเห็นที่ 15 จากนั้นเราก็รีบขึ้นลิฟต์เอากระเป๋าขึ้นมาเก็บบนห้อง เพื่อจะได้รีบออกไปดูพระอาทิตย์ตกกัน พอเข้ามาในห้องแล้วก็รู้สึกว่าราคานี้ก็ไม่ได้แพงมาก เพราะเป็น 2 ห้องนอน โดยมีห้องนอนใหญ่ 1 ห้อง และห้องนอนเล็กอีกหนึ่งห้อง แต่ใช้ห้องน้ำห้องเดียวกัน และมีน้ำอุ่น รวมทั้งผ้าห่มไฟฟ้าด้วย จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:17:07

ความคิดเห็นที่ 16 หลังจากเก็บของเสร็จแล้วเราก็ลงมาเจอกับนายหน้าสาวชาวจีน ซึ่งหารถตู้สำหรับ 8 คนมาให้เราสำหรับไปชมพระอาทิตย์ตกที่ Mengpin โดยต่อรองราคาได้ที่ 200 CNY และก็นัดให้เจ๊มาคุยกับเราหลังจากที่กลับจากดูพระอาทิตย์ตก สำหรับการเหมารถเที่ยวในวันรุ่งขึ้น จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:17:37

ความคิดเห็นที่ 17 Mengpin เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกตอนเย็น อยู่ห่างจากตัวเมืองเก่าประมาณ 15 กม. ถือเป็นนาขั้นบันไดอีกโซนที่ยิ่งใหญ่ของหยวนหยาง ดูเกล็ดมังกรสะท้อนแสงยามเย็น เปลี่ยนสีสันไปตามท้องฟ้าอยู่เนืองๆ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:17:57

ความคิดเห็นที่ 18 ค่าเข้าชมคนละ 30 CNY โดยสามารถเดินชมวิวได้ทั้ง Platform ด้านบนและด้านล่าง โดยเราเลือกไปรอพระอาทิตย์ตกที่ Platform ด้านบนกัน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:18:23

ความคิดเห็นที่ 19 สำหรับ Mengpin นี้ ถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่กว้างมากจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตทัศนียภาพปากเสือโคร่ง (Tiger Mouth หรือ Laohuzhui) ที่ครอบคลุมถึงเมิ่งผิ่น ถงผู่ อาเมิ่งค่ง เขตเป่าซานไจ้ เป็นต้น รวมพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:18:46

ความคิดเห็นที่ 20 ระหว่างรอพระอาทิตย์ตก ก็ถือโอกาสเก็บภาพช่างภาพมาฝากค่ะ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:19:07

ความคิดเห็นที่ 21 นาขั้นบันไดหยวนหยางนี้มีขนาดยิ่งใหญ่ มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ทอดยาวตลอดแนวชายฝั่งด้านทิศใต้ของแม่น้ำหงเหอ อำเภอหยวนหยาง ลวี่ชุนและจินผิง จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:19:25

ความคิดเห็นที่ 22 ในเขตอำเภอหยวนหยางมีพื้นที่นาขั้นบันได 170,000 ไร่ เป็นเขตศูนย์กลางของนาขั้นบันไดหยวนหยางแห่งหงเหอ  ในเขตอำเภอหยวนหยางทั้งหมดเป็นภูเขาสูงชัน นาขั้นบันไดทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาบนเนินเขา ความชันของนาขั้นบันไดอยู่ระหว่าง 15 - 75 องศา เมื่อกล่าวถึงเนินเขาแล้ว นาขั้นบันไดที่สูงที่สุดมีกว่า 3,000 ขั้น นี่เป็นสิ่งที่พบได้น้อยทั้งในจีนและต่างประเทศ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:20:07

ความคิดเห็นที่ 23 หลังจากชมพระอาทิตย์ตกแล้ว เราก็นั่งรถกลับไปที่โรงแรม ซึ่งมีเจ๊นายหน้าสาวรออยู่ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:20:34

ความคิดเห็นที่ 24 ซึ่งเจ๊ได้เสนอราคาค่าเหมารถ+ค่าไกด์นำเที่ยว สำหรับพาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Douyishu แวะเที่ยวชมวิวที่ Bada แวะเที่ยวชม Mushroom House บ้านแบบดั้งเดิมของที่นี่ รวมทั้งชมพระอาทิตย์ตกที่ Mengpin ทั้งหมด 700 CNY สำหรับ 8 คน จริงๆ แล้วเราก็คิดว่าราคาค่อนข้างสูง แต่เจ๊แกพูดภาษาอังกฤษได้ดี ช่วยเราได้ตั้งแต่ตอนคุยกับโรงแรม ซึ่งไม่สามารถสื่อสารกันได้เลย เราก็เลยตกลง โดยที่หารู้ไม่ว่ากำลังถูกหลอกฟันไปพอสมควรเลย ซึ่งขอเล่าโดยสรุปว่าจริงๆ แล้วคนขับได้ค่าเช่ารถแค่ 400 CNY ที่เหลือเจ๊แกเอาเอง แถมตอนก่อนจะตกลงก็บอกว่าจะพาไปเที่ยวที่ที่ประมาณไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวรู้จัก ต้องให้คนท้องถิ่นพาไป แต่พอถึงเวลาก็บอกว่าไม่มี และยังมีการบอกว่าช่วงบ่ายคนขับจะต้องพักผ่อน เพราะออกกันตั้งแต่เช้า โดยมาส่งเราที่โรงแรมตอนบ่ายโมงกว่า นัดมารับอีกทีตอนสี่โมงเย็น และแทบไม่ได้ทำหน้าที่ไกด์นำเที่ยวด้วย จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:20:57

ความคิดเห็นที่ 25 ข้ามเรื่องเสียอารมณ์กันไปดีกว่านะคะ มาเที่ยวแล้วเจอแบบนี้บ้างก็ถือเป็นประสบการณ์ค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้นก็นัดรถให้มารับตอน 05:00 น. เพื่อไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว Douyishu กัน โดยรถจะไปจอดแวะซื้อตั๋วตรงปากทางเข้าไปทาง Douyishu และ Bada ค่าเข้าชมทั้งสองที่ขายรวมกันคนละ 60 CNY จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:21:20

ความคิดเห็นที่ 26 เขตทัศนียภาพ Douyishu ครอบคลุมถึงตัวอีซู่ ไอ้ชุน ต้าหว่าเจอ เป็นต้น มีกว่าหมื่นไร่ นาขั้นบันไดที่มากมายเช่นนี้ อยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวชอุ่ม อยู่ใต้ทะเลเมฆที่ปกคลุม ประกอบขึ้นเป็นทัศนียภาพที่มหัศจรรย์ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:21:45

ความคิดเห็นที่ 27 ระหว่างที่พาเพื่อนๆ ชมวิวสวยๆ ก็ขอเล่าเรื่องราวของหยวนหยางให้เพื่อนๆ แล้วกันนะคะ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:22:19

ความคิดเห็นที่ 28 อำเภอหยวนหยางมีทั้งหมด 7 ชนเผ่าซึ่งจะอาศัยอยู่บนภูเขาลูกเดียวกันตามระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ลดหลั่นกัน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:22:44

ความคิดเห็นที่ 29 ความสูงจากระดับน้ำทะเล 144 เมตรถึง 600 เมตร เป็นเขตที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ ส่วนใหญ่เป็นชาวไต่อาศัยอยู่ ความสูง 600 เมตรถึง 1000 เมตรเป็นเขตหุบเขา ส่วนใหญ่เป็นชาวจ้วงอาศัยอยู่ ความสูง 1000 เมตรถึง 1400 เมตรเป็นเขตเชิงเขาส่วนใหญ่เป็นชาวอี๋อาศัยอยู่ ความสูง 1400 เมตรถึง 2000 เมตร เป็นเขตยอดเขา ส่วนใหญ่เป็นชาวฮาหนีอาศัยอยู่ ความสูง 2000 เมตรขึ้นไปเป็นเขตภูเขาสูง ส่วนใหญ่เป็นชาวเหมียว เหยาอาศัยอยู่ ชาวฮั่นส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองและตลอดแนวทางหลวง จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:23:12

ความคิดเห็นที่ 30 ชาวฮาหนีอาศัยอยู่ในเขตยอดเขา อากาศอบอุ่น ปริมาณน้ำฝนมาก อุณหภูมิตลอดปีประมาณ 15 องศา ตลอดปี แสงอาทิตย์ส่อง 1670 ชั่วโมง เหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นข้าว จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:23:47

ความคิดเห็นที่ 31 ตำนานกล่าวว่าบรรพบุรุษของชาวฮาหนีเข้ามาในเขตพื้นที่นี้ระหว่างสมัยสุย-ถัง แล้วเริ่มบุกเบิกนาขั้นบันไดเพื่อปลูกข้าว ในช่วง 1200 กว่าปีนี้ ชาวฮาหนีได้ทุ่มเทกำลังใจหลายสิบชั่วอายุคน เพื่อแสดงถึงสติปัญญาและความกล้าหาญของคนที่หวาดกลัวในการบุกเบิกนาขั้นบันได จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:24:10

ความคิดเห็นที่ 32 ร่องน้ำหลัก 4,653 สาย ในนี้ ที่มีพื้นที่ทดน้ำกว่า 50 ไร่ขึ้นไปมี 662 เส้น แต่ละสายของร่องน้ำราวกับเข็มขัดสีเงินโอบล้อมรอบภูเขาใหญ่แต่ละลูก ลำธารใหญ่น้อยที่ไหลลงมาจากภูเขาได้ถูกทดน้ำเข้ามาในร่องน้ำ เช่นนี้ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาหลักที่เกี่ยวกับการปลูกข้าวในนาขั้นบันได จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:24:34

ความคิดเห็นที่ 33 ปัญหาการจัดการน้ำที่ชาวฮาหนีได้ทุ่มเทกำลังใจกว่า สิบชั่วอายุคน บุกเบิกนาขั้นบันไดเป็นพันเป็นหมื่น ได้ทดน้ำจากร่องน้ำเข้ามาในนาขั้นบันได ทำให้มีน้ำไหลตลอด 4 ฤดู ในนาขั้นบันไดสามารถเก็บกักน้ำได้ตลอดปี รับรองถึงการเจริญเติบโตของต้นข้าวและการเก็บเกี่ยวที่ได้ผลดี จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:25:06

ความคิดเห็นที่ 34 จินตนาการในการบุกเบิกสร้างนาขั้นบันไดของชาวฮาหนีได้ทำให้คนประหลาดใจ เขาได้ทำให้รูปแบบภูเขาและแผ่นดินเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุที่ภูมิประเทศเหมาะสม พื้นที่เนินเขาส่วนใหญ่ก็ถูกบุกเบิกเป็นนาผืนใหญ่ เนินเขาส่วนน้อยก็บุกเบิกเป็นนาผืนเล็ก โดยเฉพาะร่องหินที่อยู่ริมร่องน้ำ ก็ยังถูกบุกเบิกเป็นนา ดังนั้น ผู้มีนาแปลงใหญ่ก็จะมีหลายไร่ ผู้มีแปลงเล็กก็จะมีขนาดใหญ่เท่ากับบุ้งกี๋เท่านั้น แต่ละเนินเขาก็จะมีกว่าพันหมื่นไร่ ทัศนียภาพเหล่านี้ประกอบขึ้นเป็นศิลปะที่แปลกมหัศจรรย์ กลายเป็นภาพนาขั้นบันไดที่งดงามราวปาฏิหาริย์ที่มีชื่อเสียงก้องโลก จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:25:26

ความคิดเห็นที่ 35 ปิดท้ายที่ Douyishu ด้วยภาพสองสุดยอดตากล้องของทริปนี้ค่ะ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:25:57

ความคิดเห็นที่ 36 หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นกันแล้ว เราก็มาแวะทานอาหารเช้ากันที่ Shengcun โดยโชคดีมากๆ ที่กำลังมีตลาดนัดของชาวเผ่ากันที่นี่ พวกเราก็เลยมีโอกาสเก็บภาพบรรยากาศมาฝากเพื่อนๆ ค่ะ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:26:23

ความคิดเห็นที่ 37 ตลาดนัดชาวเขาที่นี่มีหลายที่ แต่ละที่ชาวเขาที่มาเดินจับจ่ายซื้อของจะแต่งตัวไม่เหมือนกัน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:26:43

ความคิดเห็นที่ 38 ต้องไปเช็คว่าช่วงที่เราอยู่มีวันไหนบ้าง เนื่องจากตลาดนัดจะวนไปตามหมู่บ้านต่างๆ ทุก 5 วัน ต้องสอบถามเอาว่าวันไหนมีที่ไหนบ้าง ที่ไปง่ายหน่อยก็ตลาดในเมือง จะมาเดินซื้อของกันครบทุกเผ่า จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:27:07

ความคิดเห็นที่ 39 สำหรับตลาดนัดที่ Shengcun จะเป็นตลาดเล็ก แต่บรรยากาศดีมาก ชาวเขาที่อาศัยอยู่บริเวณนี้จะเป็นเผ่ายี่กับฮาหนี จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:27:30

ความคิดเห็นที่ 40 ช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของหยวนหยางในปี ค.ศ.1951 ที่นี่มีตลาดนัดทั้งหมด 34 แห่ง จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:27:46

ความคิดเห็นที่ 41 แต่ในปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 22 แห่งเท่านั้น จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:28:09

ความคิดเห็นที่ 42 หลังจากเดินเที่ยวตลาดนัดชาวเขากันแล้ว เราก็มายังจุดชมวิว Bada กันเป็นที่ต่อไป จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:28:28

ความคิดเห็นที่ 43 โดยค่าเข้าชมที่นี่ได้คิดรวมกับที่ Douyishu แล้ว ที่นี่เป็นจุดชมวิวอีกที่หนึ่งที่มีการพัฒนาไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่กำลังหลั่งไหลมาเที่ยวชม จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:28:59

ความคิดเห็นที่ 44 นาขั้นบันไดหยวนหยางของชาวฮาหนีนับจากอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นระบบใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังในการดำรงชีวิตแห่งหนึ่ง จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:29:19

ความคิดเห็นที่ 45 สวยมากครับ  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:29:39

ความคิดเห็นที่ 46 วันนี้มันยังคงเป็นพื้นฐานปัจจัยและจิตวิญญาณในการดำรงชีวิตของชาวฮาหนี นาขั้นบันได 166,689 ไร่ ได้เลี้ยงเกษตรกร 336,971 คน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:29:47

ความคิดเห็นที่ 47 สวัสดีค่ะ คุณเล็กทาโร่ ตามมาเที่ยวต่อเลยนะคะ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:30:26

ความคิดเห็นที่ 48 ป่าไม้บนภูเขาสูง 63,958.4 ไร่ ได้ผลิตน้ำให้กับประชาชนทั่วทั้งอำเภอได้ใช้ดำรงชีวิตและใช้ในนา จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:30:50

ความคิดเห็นที่ 49 ร่องระบายน้ำทั่วทั้งอำเภอ 4,653 สาย ยังคงทดน้ำไปยังนาขั้นบันไดบนภูเขาเป็นพันหมื่นลูก นี่เป็นจุดเด่นของทัศนียภาพที่ งดงามมหัศจรรย์ของนาขั้นบันไดหยวนหยางของชาวฮาหนี จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:31:23

ความคิดเห็นที่ 50 จากจุดชมวิว Bada เจ๊นายหน้าก็พยายามจะพาเรากลับไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อน จนเราต้องทวงถามเรื่องพาไปเที่ยวหมู่บ้านแบบดั้งเดิม ตอนแรกเจ๊ก็เอาแต่บอกว่าหมู่บ้าน Qingkou ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวกันตอนนี้กำลังทำถนน ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่คราวนี้เราเลยไม่ยอมเจ๊เลยพามาแวะที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างทางกลับ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:31:46

ความคิดเห็นที่ 51 บ้านแบบดั้งเดิมของที่นี่เรียกว่า Mushroom House โดยจะใช้วิธีการมุงหลังคาด้วยฟางข้าว จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:32:04

ความคิดเห็นที่ 52 ปัจจุบันนี้ทางการก็กำลังอนุรักษ์หมู่บ้านเก่าๆ เหล่านี้ไว้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:32:26

ความคิดเห็นที่ 53 หลังจากเที่ยวชมหมู่บ้านแล้ว เราก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมตามคำสั่งของเจ๊นายหน้าสาวของเรา จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:32:47

ความคิดเห็นที่ 54 พอถึงเวลาสี่โมงเย็น ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวต่อกันซะที จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:33:09

ความคิดเห็นที่ 55 เนื่องจากออกมากันค่อนข้างเร็วเราก็เลยแวะถ่ายรูปกันระหว่างทางได้ตามสบาย จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:33:32

ความคิดเห็นที่ 56 ... จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:33:48

ความคิดเห็นที่ 57 และด้วยความที่แวะกันเรื่อยๆ เราก็เลยค้นพบสถานที่ชมวิวพระอาทิตย์ตกใกล้ๆ กับจุดชมวิว Mengpin ที่ทำไว้ให้นักท่องเที่ยว ซึ่งวิวที่ได้นั้นสวยกว่าเล็กน้อย แถมยังไม่ต้องเสียเงินค่าเข้าชมอีกด้วย จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:34:20

ความคิดเห็นที่ 58 แต่ก่อนที่จะไปรอชมพระอาทิตย์ตก ยังพอมีเวลาเหลือ ก็เลยไปเดินเที่ยวที่หมู่บ้าน Mengpin กันก่อน เพื่อเที่ยวชมวิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:34:42

ความคิดเห็นที่ 59 เดินเข้ามาในหมู่บ้านได้ซักพักก็เจอผู้คนนั่งล้อมวงกันทางอาหารอยู่ สอบถามไกด์ก็ได้ความว่าวันนี้เป็นวันคล้ายๆ วันรวมญาติ นัดทานอาหารพร้อมกันทั้งครอบครัว จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:35:01

ความคิดเห็นที่ 60 บรรยากาศภายในหมู่บ้าน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:35:27

ความคิดเห็นที่ 61 ... จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:35:49

ความคิดเห็นที่ 62 พอจวนได้เวลาพระอาทิตย์ตก พวกเราก็กลับมารอกันตรงจุดชมวิวที่หมายตากันเอาไว้ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:36:08

ความคิดเห็นที่ 63 โดยพวกเราได้ลงมติกันว่าตรงจุดนี้ได้ภาพมุมกว้างกว่าจุดชมวิวที่ทำไว้เก็บตังจากนักท่องเที่ยวเสียอีก จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:36:32

ความคิดเห็นที่ 64 น่าเสียดายที่วันนี้ก็ไม่มีก้อนเมฆที่จะช่วยสะท้อนสีให้นาขั้นบันไดที่นี่สวยยิ่งขึ้นไปอีก จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:36:58

ความคิดเห็นที่ 65 เช้าวันต่อมาซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่นี่ ตามโปรแกรมวันนี้เราจะต้องเดินทางไปยังเมือง Jianshui ต่อ แต่ด้วยความที่พวกเรายังติดใจในความงามของนาขั้นบันไดที่นี่ ก็เลยตัดสินใจว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันอีกครั้ง โดยคราวนี้หารถเหมาแถวหน้าโรงแรมได้เป็นรถตู้ขนาดเล็กสำหรับ 6 คน ในราคา 150 CNY จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:37:55

ความคิดเห็นที่ 66 สำหรับค่าเข้าชม เรายังต้องจ่ายคนละ 60 CNY ถึงแม้เราจะไปแค่จุดชมวิว Douyishu ไม่แวะเข้าไปที่จุดชมวิว Bada เพราะที่นี่ขายบัตรรวมกัน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:38:22

ความคิดเห็นที่ 67 พอมาถึง เราก็รู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่กลับมาอีกครั้ง เพราะวันนี้ท้องฟ้ามีเมฆบ้างเล็กน้อย ต่างกับเมื่อวานที่ท้องฟ้าโปร่งโล่ง มีแต่หมอกปกคลุมอยู่ด้านล่าง ทำให้เราได้ภาพที่สวยงามแตกต่างไปจากเมื่อวาน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:38:49

ความคิดเห็นที่ 68 นาขั้นบันไดในวันนี้ สะท้อนสีได้อย่างงดงาม จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:39:12

ความคิดเห็นที่ 69 ดูแล้วทำให้อยากมีเวลาไปอยู่ที่หยวนหยางนานๆ เพื่อจะได้มีโอกาสชมวิวสวยๆ หลายๆ แบบ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:39:42

ความคิดเห็นที่ 70 เหมือนกับที่ช่างภาพชาวจีนที่คงต้องปักหลักอยู่ที่นี่เป็นปี ถึงได้มีภาพนาขั้นบันไดที่สวยงามหลากหลาย มารวมเล่มขายอยู่ที่ด้านหน้าของจุดชมวิว ซึ่งเราก็ไม่พลาดที่จะซื้อมาเป็นที่ระลึก และยังได้เจ้าของผลงานลดราคาให้เป็นพิเศษ พร้อมทั้งเซ็นชื่อให้อีกด้วย จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:40:04

ความคิดเห็นที่ 71 ... จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:40:24

ความคิดเห็นที่ 72 ... จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:40:45

ความคิดเห็นที่ 73 ... จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:41:03

ความคิดเห็นที่ 74 ... จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:42:13

ความคิดเห็นที่ 75 ... จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:42:36

ความคิดเห็นที่ 76 ... จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:42:57

ความคิดเห็นที่ 77 ขอส่งท้ายหยวนหยางด้วยภาพ Platform สำหรับตากล้องที่จุดชมวิว Douyishu (มีมากพอ ไม่ต้องแย่งกันค่ะ) จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:43:20

ความคิดเห็นที่ 78 จาก Xinjiezhen หรือเขตเมืองเก่าของหยวนหยาง จะไปยัง Jianshui จะต้องนั่งไปต่อรถบัสที่สถานีรถบัสที่ Nansha หรือเมืองใหม่หยวนหยาง โดยค่ารถไปยัง Nansha คนละ 25 CNY และค่ารถบัสไป Jianshui คนละ 33 CNY รูปนี้เป็นสภาพรถบัสไป Jianshui ที่เราต้องนั่งไปเป็นเวลาประมาณ 4.5 hr (ไม่รวมเวลา 1 hr จากเมืองเก่ามาเมืองใหม่) ที่นั่งก็แคบมากๆ แถมยังต้องทนโดนรมทั้งควันบุหรี่ของคนในรถ และฝุ่นจากภายนอกรถ โดยระยะทางเพี่ยงแค่ประมาณ 120 km แต่ต้องขึ้นลงเขาตลอดทำให้ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:43:43

ความคิดเห็นที่ 79 พอมาถึงเมือง Jianshui เราก็พยายามหาทางไปยังย่านเมืองเก่า แต่ตอนแรกก็ไม่สามารถสื่อสารกับใครได้เลย จนชักท้อก็มาเจอคนขับรถคล้ายๆ รถมอเตอร์ไซค์แต่ด้านหลังเป็นเบาะยาวๆ 2 แถว ที่ทำท่าว่าเข้าใจว่าเราต้องการไปหาที่พักตรงบริเวณเมืองเก่า ก็เลยตกลงเหมารถของคุณลุงไปในราคา 30 CNY โดยคุณลุงได้พาเรามาส่งที่ Huaqing Hotel ในเขตเมืองเก่า และโรงแรมนี้ก็เป็นหนึ่งในสามโรงแรมที่มีหน้าตาแบบในหนังจีนที่เราเคยดูกันมา โดยอีก 2 โรงแรมคือ Linan Inn และ Hong Man Tian Hotel ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก สำหรับเพื่อนๆ ที่จะมาเที่ยวที่นี่ แนะนำว่าให้ Print นามบัตรในรูปนี้ แล้วจ้างรถให้มาส่งตามนามบัตรนี้ จะง่ายกว่า แล้วค่อยเดินเลือกที่พักบริเวณนี้ เนื่องจากสวยงาม และยังใกล้กับที่เที่ยว หลักๆ ของเมืองนี้ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:44:01

ความคิดเห็นที่ 80 รอชมต่อนะคะ เกร็ดมังกรสวยจังค่ะ อยากเห็นด้วยตาตัวเองจังเลย จากคุณ : Sun-Dong เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:44:18

ความคิดเห็นที่ 81 สำหรับเราเลยเลือกพักที่ Huaqing Hotel ที่แรกที่คุณลุงพามาเพราะ ดูแล้วห้องก็สวยดี และราคาก็ต่อรองลงได้เหลือเพียงคืนละ 140 CNY (Double room) จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:44:24

ความคิดเห็นที่ 82 สวัสดีค่ะ คุณ Sun-Dong ขอบคุณที่เข้ามาทักทายค่ะ ตามมาต่อเลยค่ะ ใกล้จบแล้ว จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:45:15

ความคิดเห็นที่ 83 หลังจากเก็บของในห้องแล้ว เราก็รีบออกไปเที่ยวในเมืองกัน โดยมีจุดหมายอยู่ที่ Zhu’s garden family ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก ค่าเข้าชมคนละ 50 CNY จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:45:46

ความคิดเห็นที่ 84 สวนตระกูลจู เดิมเป็นสมบัติของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองมีพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยลาน 42 ชั้นกับห้อง 214 ห้อง ตั้งอยู่ใจกลางย่านเมืองเก่า ถ้าจะดูถึงความรุ่งเรืองด้านศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวเมืองนี้ ก็คงจะดูได้จากสวนของตระกูลจูแห่งนี้นี่เอง จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:46:09

ความคิดเห็นที่ 85 บ้านตระกูลจูเป็นอาคารทรงจีนเชื่อมโยงกันราว 5,000 ตารางเมตร สร้างบนพื้นที่กว้างขวางราว 20,000 ตารางเมตรในสมัยราชวงศ์ชิง เจ้าของบ้านคือคหบดีนาม Zhu Weiqing เหตุที่เรียกว่าสวนของตระกูลซูก็เนื่องด้วยในบ้านจะมีสระบัวลานบ้านเป็นสวนดอกไม้ อาคารส่วนต่างๆ มีทั้งห้องโถง หอศิลปะ ห้องเย็บปักถักร้อย โรงละคร ห้องบูชาบรรพชน และอื่นๆแต่ละห้องส่วนใหญ่จะมีประตูบานเฟี้ยมแกะสลักเป็นลายฉลุอย่างงดงาม จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:46:35

ความคิดเห็นที่ 86 กล่าวกันว่าในอดีตตระกูลจูมักจะเชื้อเชิญบรรดาจอหงวนมาพบปะสังสรรค์จิบน้ำชาและดื่มสุรา พูดคุยกันเรื่องการเมืองและบทกวีท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง ในยามค่ำคืนจะเชิญศิลปินมาขับร้องบรรเลงเพลงและร่ายรำที่โรงละครในบ้าน ทุกวันนี้อาคารบางส่วนของสวนตระกูลจูถูกดัดแปลงเป็นโรงแรม มีห้องพัก ห้องน้ำทันสมัย เตียงเป็นตั่ง ตกแต่งแบบจีนโบราณ แม้จะไม่หรูหราแต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายย้อนยุค แถมในตู้ยังมีเสื้อคลุมจีนแบบโบราณไว้ให้แขกผู้มาพักสวมใส่ เข้ากับบรรยากาศของการพักในบ้านโบราณตระกูลจู จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:47:00

ความคิดเห็นที่ 87 จากสวนตระกูลจู เราก็ออกมาเดิน Shopping ที่ถนนฮั่นหลิน กันก่อนที่จะกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:47:26

ความคิดเห็นที่ 88 ขอปิดท้ายกระทู้นี้ด้วยรูปอาหารเย็นที่ Jianshui สำหรับกระทู้หน้าจะเป็นความงามสีเหลืองอร่ามของทุ่งดอก rapeseed ที่เมือง Luoping ที่สวยซะจนเราต้องอยู่เที่ยวกันถึงสองวันเต็มค่ะ จากคุณ : พีกุง เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:47:46

ความคิดเห็นที่ 89 รูปสวยมากๆเลยนะคะ เราก็รู้จักทีนี่ครั้งแรก จากเพื่อนๆในห้องนี้ที่ไปเที่ยวแล้วมารีวิวให้ดูค่ะ เป็นสถานที่ที่สวยงามจริงๆนะคะ จากคุณ : โอลีพ/แม่น้องเซ้นต์ (olives) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 16:48:06