 |
เพราะไม่เดินเที่ยวสวนด้านหลัง ก็เลยกลับมาปารีสเพื่อไป Musee D'Orsay เพราะเป็นวันพฤหัสที่เปิดถึง 4 ทุ่มพอดีเลย ตั้งใจว่าจะเก็บที่นี่ให้จบเพื่อวันต่อไปจะได้ไปลูฟร์ทั้งวันให้สะใจ และอยู่ยาวจนปิด 4 ทุ่ม(ทุกวันพุธและศุกร์)
ที่ Musee D'Orsay จะเด่นในเรื่องของศิลปะแบบ Impressionism ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นศิลปะฝรั่งเศสแท้ๆเลยค่ะ กลุ่มศิลปินแนวนี้ที่ดังสุดคงเป็น Monet รวมถึง Renoir, Degas, Cezanne และอีกหลายคน มีภาพดังๆขนาดใหญ่จำนวนเยอะเลย ได้ยินว่าเป็น collection ที่เคยเก็บไว้ในลูฟร์แล้วไม่มีที่แสดงพอ ก็เลยขยับขยายมาที่นี่ค่ะ แต่เดิมตรงนี้เป็นสถานีรถไฟเก่า มาถึงที่นี่จะยังเห็นโครงสร้างให้เดาออก
ศิลปะแบบนี้มีจุดต่างจากภาพวาดเดิมตรงที่ถ้าดูใกล้ๆ จะเห็นเป็นงานหยาบ ดูไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าดูไกลๆ จะได้ความรู้สึกเหมือนกับชื่อของมัน คือคนวาดอยากจะบันทึกความรู้สึก (impression) ชั่วครู่ที่เห็น และชอบเน้นภาพกลางแจ้ง เล่นกับแสงแดด ที่รูปมันไม่ได้มีรายละเอียดคมชัดก็เหมือนเวลาที่แสงแดดต้องตาเราแล้วเราตาพร่าอะไรแบบนั้น ในเมื่อมันแปลกแหวกแนวแบบนี้ ช่วงแรกที่ออกมาถึงกับโดนต่อต้าน โดนหัวเราะเยาะว่าเป็นภาพที่ยังวาดไม่เสร็จเลยทีเดียวค่ะ
เหตุผลที่ art movement มาแนวนี้ก็มี ก็เพราะว่าตอนนั้นมีการประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปแล้ว ความจำเป็นที่ต้องวาดภาพเหมือน(แม้จะชอบแต่งเติมให้ดูดีขึ้นอีก ) ก็ลดน้อยลง หลังจากนั้นมาจะเห็นว่าศิลปะต่างๆไม่ได้เน้นเรื่อง realism หรือความสมจริงอีกต่อไป
เล่ามายาวเพราะอยากจะบอกว่า มิวเซี่ยมที่นี่ห้ามถ่ายภาพค่ะ ก็เลยไม่มีรูปมาฝาก เลยเล่าประวัติให้ฟังแทน ฮา แต่เราก็ได้ถือโอกาสเช่า audio มาฟัง เป็นความรู้และบันเทิงดีค่ะ เค้ามีหลายภาษาเลย เราเช่าภ.อังกฤษ น้องเราเช่าภ.จีนแล้วมาคุยกันว่ามันพูดเหมือนกันต่างกันยังไง
ถ้าไม่ได้เน้นถ่ายรูป ก็น่าจะเช่า audio ของแต่ละที่มาฟังนะคะ สนุกแล้วมีสาระดี แต่ถ้าถ่ายรูปยิ่งเป็นกล้องตัวใหญ่ก็จะไม่สะดวกเท่าไหร่
ดูเสร็จก็เลยไปทานมื้อค่ำที่ร้านอาหารชั้น 2 เพราะเคยมีคนบอกว่าร้านสวย แล้วก็สวยจริงๆ พนง.กับกัปตันบริการดีเลยค่ะ แต่อาหารเฉยๆ
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 17:53:20
จากคุณ |
:
#^_^# นู๋อายยย
|
เขียนเมื่อ |
:
3 พ.ค. 54 17:27:08
|
|
|
|
 |