ความคิดเห็นที่ 1 เกาะขอบจอ จากคุณ : secondpage เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 01:42:55

ความคิดเห็นที่ 2 เล่มแรก..ของดีในอินเดียซื้อไว้นานแล้ว  อ่านแล้วก็อึ้งทึ่ง(ในทรัพย์สมบัติของมหาราชา) และอัตลักษณ์ (สมัยนี้ต้องใช้คำนี้ใช่ไหม)หลากหลายของอินเดีย  ยิ่งหลวงวิจิตรเป็นผู้มีความสามารถอธิบายให้เห็นภาพ  อ่านหนังสือของท่านแต่ละเล่มยังกับว่าถูกควบคุม "กำลังความคิด" จาก "พลังจิต" (ชื่อหนังสือของหลวงวิจิตรฯ)ไปด้วยอย่างนั้น ที่สำคัญคือเรื่องที่อังกฤษสร้างไว้  ไม่ว่าจะเป็น ๑.เรื่องการสร้างเมืองจากหมู่บ้านประมงเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็น กัลกัตตา หรือมุมไบ จนกลายเป็น มหานครที่ใหญ่ยิ่ง ๒.การสร้างทางรถไฟความยาวมหาศาลครอบคลุมเชื่อมต่อ "อนุทวีป" ๓.การศึกษา โรงเรียนประจำ ที่เมืองในหุบเขา ไม่ว่าจะเป็นที่ดาร์จีลิง หรือซิมลา  มาตรฐานสูงจน"เป็นอังกฤษเสียยิ่งกว่าโรงเรียนในอังกฤษ" เป็นการจุดประกายให้อยาก "ตามรอย"ไปดู "ของดีในอินเดีย" ขึ้นมา (ทั้งนี้ หนังสือเล่มนี้เขียนตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๙๕ ซึ่งอินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษไม่นานนัก  กลิ่นอายอังกฤษจึงยังมีอยู่มาก) เล่มสอง..ความมหัศจรรย์หมู่ถ้ำมรดกโลก  เป็นหนังสือเล่มสวย ข้อมูลแน่นที่ทำให้เราไม่ต้องพะวงกับการถ่ายภาพในถ้ำเลย เพราะเราถ่ายอย่างไรก็ไม่มีทางดีเท่าในที่มีแสงน้อยอย่างนั้น  ทำให้เราใช้เวลาชม พินิจ พิเคราะห์ความมหัศจรรย์ถ้ำของจริงอย่างเต็มที่ ส่วน guidebook อีกสองเล่มนั้นพกติดตัวไปไหนๆด้วยสองวันแรกก็เลิก กลับมาอ่านเอาตอนพัก  สู้แบกน้ำหนักของกินกับน้ำดีกว่า แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 54 18:56:31 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 54 02:23:45 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 54 02:17:22 จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:01:19

ความคิดเห็นที่ 3 ตัดฉับมาที่ Gateway of India ท่าเรือข้ามไปเกาะช้าง ที่ตั้งของ Elephanta cave หนึ่งในมรดกโลก อาคาร Tower ของโรงแรม Taj อันหรูหราเลื่องชื่อ แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 54 03:31:04 จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:05:44

ความคิดเห็นที่ 4 รถหกล้อ สิบล้อทุกคันจะมีป้าย Goods Carrier ติดไว้ ให้สงสัยว่า กม.บังคับเป็นแน่ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:07:08

ความคิดเห็นที่ 5 แหม ไปไม่ถึงเรือซะที ก็เค้ามีกิจกรรมอะไรกัน ขอแวะดูหน่อย อ๋อ ..รณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโปลิโอ นั่นเอง จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:08:49

ความคิดเห็นที่ 6 Gateway of India มีเรือจอดในอ่าวมากมาย ทั้งเรือท่องเที่ยว เรือประมง เรือยอร์ช  ที่อินเดียเราพบของทุกอย่างของทุกชนชั้นอยู่ด้วยกันได้เสมอ อากาศวันนี้ทัศนวิสัยไม่ดีเลย จากท่าเรือเรามองออกไปเห็นเรือใกล้ๆในระยะไม่เกินสิบเมตร ทั้งที่จริงๆมีเรือจอดอยู่เป็นร้อยลำ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:15:40

ความคิดเห็นที่ 7 เพิ่งออกจากท่า ค่าเรือไปกลับ ๑๓๐ รูปีต่อคน จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:27:08

ความคิดเห็นที่ 8 เกาะช้างนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองมุมไบ นั่งเรือราว ๕๐ นาที แต่ทำไมไม่ถึงง่ายๆ  ระหว่างทางก็เห็นเรือต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นเรือตรวจการณ์  เรือรบหลวง (ก็พอดีกองทัพเรือ กับอู่ต่อเรือก็อยู่อ่าวนี้อีกซีกหนึ่ง) เรือลำนี้ทำให้นึกถึงเรือจักรีนฤเบศร์ แต่เทียบไม่ได้ว่าลำไหนยาวกว่า เพราะระยะห่างและอากาศไม่เคลียร์ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:32:41

ความคิดเห็นที่ 9 พอมาถึงลำนี้ก็งงใหญ่ว่าเรืออะไรกันเนี่ย ดูไปดูมา ..มันเป็นเกาะที่ทำรูปร่างเหมือนเรือ มีเสากระโดง กราบเรือและอะไรอะไรของเรือ  แต่ว่ามันใหญ่มากเกินกว่าจะเป็นเรือได้  สรุปว่าเป็นป้อมป้องกันอ่าวละกัน จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:35:30

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วก็มีเรือคอนเทนเนอร์ลำใหญ่  เรือบรรทุกน้ำมันลำยักษ์ ขนาด VLCC มีสะพานหรือ Jetty ยาวเหยียดซัก ๓ กม.ยื่นลงในทะเล  เพราะว่าเกาะหนึ่งแถวนั้นเป็นโรงกลั่นน้ำมัน   น่ากลัวเหมือนกันนะนี่  มรดกโลกกับโรงกลั่นน้ำมันที่หายใจรดต้นคออยู่  ขออย่าเกิดเหตุอะไรแถวนี้เล้ย โอ้ย ไม่ถึงเกาะช้างซักที  หลับดีกว่า จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:47:24

ความคิดเห็นที่ 11 คนอินเดียก็ไปเที่ยวกันใช่น้อย วันหยุดช่วง Holi จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:55:06

ความคิดเห็นที่ 12 สาวๆก็รักสวยรักงามตั้งแต่ยังเด็ก จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 02:56:59

ความคิดเห็นที่ 13 ในที่สุด ก็มาถึงเกาะช้าง  ซึ่งไม่มีหินรูปช้างอีกแล้ว  ถูกทำลายไปหมดไม่มีซากเหลือ ยังดีที่ทหารโปรตุเกสสมัยนั้นซ้อมยิงปินไม่แม่น เหลือถ้ำพระศิวะให้เราได้ชมอยู่ แดดร้อน จากท่าเรือไปถ้ำ นั่งรถไฟ ๑๐ รูปีดีกว่า จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 03:07:05

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งเพิงขายของบันไดทางขึ้น ไม่งั้นถูกแดดเผาเกรียม จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 03:08:30

ความคิดเห็นที่ 15 สำหรับคนเดินขึ้นบันไดไม่ไหว มีบริการเสลี่ยงคานหาม จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 03:09:44

ความคิดเห็นที่ 16 เสาหินค้ำในถ้ำ แกะเป็นลายผ้าโพกหัวชาวเปอร์เซีย  ดูมั่นคง  กลมเกลาอย่างกับมีเครื่องเจียร์ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 03:13:55

ความคิดเห็นที่ 17 รูปอยู่นี่ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 03:14:52

ความคิดเห็นที่ 18 การแกะสลักภาพนูนสูงที่นี่ทั้งสูงและใหญ่ และแสดงลักษณะท่าทางได้อย่างชัดเจน เรารับรู้ได้ถึงความสงบงาม  เราตระหนักได้ถึงพลังยามโกรธา ในใบหน้าขององค์ศิวะ ไม่กล้าอยู่ถ้ำนี้ถึงมืดแน่นอน จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 03:20:57

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพประธาน "ตรีมูรติ"ซึ่งเป็นไฮไลท์ของถ้ำแห่งนี้ ตรีมูรติ ภาพนี้มีความต่างจากที่เราเคยเห็นตรีมูรติซึ่งเป็นองค์รวมแห่งเทพสามองค์คือพระพรหม พระศิวะและพระนารายณ์ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 03:29:06

ความคิดเห็นที่ 20 อาหารมื้อเที่ยงวันนี้ "ข้าวผัดไก่" ไก่ที่ต้มแล้วจะถูกนำมายีเป็นชิ้นฝอยๆก่อนนำมาผัด  จึงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นนิดหน่อย  วิธีการยีนี้ใช้กับอาหารอย่างอื่นที่เราสั่งไก่เป็นส่วนประกอบด้วย เช่นก๋วยเตี่ยว จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 03:39:07

ความคิดเห็นที่ 21 ไปเที่ยวด้วยคนจ้า รูปภาพ 17,18 ต้องตะแคงดูง่ะ อิ ๆ ๆ จากคุณ : sa_bkk เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 04:08:41

ความคิดเห็นที่ 22 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 06:51:28

ความคิดเห็นที่ 23 ตามไปเที่ยวด้วยคน แต่รูปเล็กไปนิดนึงนะคับ จากคุณ : Title_boy เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 07:13:58

ความคิดเห็นที่ 24 ตามมาเที่ยวมุมไบด้วยคนค่ะ "ของดีในอินเดีย" น่าอ่านจังเลยค่ะ จากคุณ : Pat :o) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:02:54

ความคิดเห็นที่ 25 ประเทศในฝันค่ะ  อยากไปบ้างจัง จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:34:06

ความคิดเห็นที่ 26 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ กระทู้หน้ารบกวนขอรูปใหญ่กว่านี้นิดหนึ่งได้ไหมคะ แหะๆๆๆๆ รออ่านต่อค่ะ ^^ จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:34:54

ความคิดเห็นที่ 27 อยากไปครับ แต่สำหรับประเทศนี้ ถ้าไปเองผมยังกลัวๆอยู่ จากคุณ : boy next door เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 10:34:56

ความคิดเห็นที่ 28 สวยครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 15:37:46

ความคิดเห็นที่ 29 เกาะขอบจอเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : มิโนริ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 17:43:53

ความคิดเห็นที่ 30 ยังรอชมรีวิวอยู่นะครับ แต่ว่าขอรูปใหญ่ๆ เต็มตาหน่อยจะดีมากๆครับ ^^ จากคุณ : แมลงภู่บนหูกระต่าย เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 02:43:14

ความคิดเห็นที่ 31 ไปเที่ยวชมมรดกโลกในอินเดียด้วยคนค่ะ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 12:53:15

ความคิดเห็นที่ 32 เดี๋ยวจะจัดให้ใหญ่ขึ้นค่ะ ขออภัยที่บางรูปเล็กไปหน่อย   เพราะ resize มาจากภาพขนาดเมกกว่าๆ ไซส์ใหญ่เกินกว่าพันทิพกำหนด รีวิวช้าก็เพราะมัว resize ภาพอยู่  ใจเย็นๆนะคะ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 17:54:55

ความคิดเห็นที่ 33 ตรีมูรติของเทวสถานแห่งนี้ คือ การรวมภาคทั้งสามของพระศิวะในร่างเดียว แต่ยังมี concept สมดังคำ"ตรีมูรติ"คือ เทพเจ้าผู้สร้าง ผู้รักษาและผู้ทำลาย   ใบหน้าด้านซ้ายมีลักษณะคล้ายสตรีเพศ เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์การให้กำเนิดและสร้างสรรค์ ใบหน้าตรงกลาง ปางสมาธิ สื่อถึงความสงบและการเป็นผู้รักษา ส่วนใบหน้าด้านขวาเป็นปางดุร้าย พระเกศาเป็นอสรพิษอันเป็นสัญลักษณ์ของการทำลายล้าง ภาพสลักนี้มีขนาดสูงถึง ๕ เมตรกว่า ทั้งสมส่วนและมีรายละเอียดงดงามแบบที่บรรยายไว้ในหนังสือ"ความมหัศจรรย์แห่งหมู่ถ้ำฯ" จนเป็น master piece ทีเดียว จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 19:14:46

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้ำมรดกโลกทั้งเอเลฟันทาแห่งนี้  เอลโลราและอชันตาที่จะไปวันหลัง ไม่ได้เกิดโดยธรรมชาติ  แต่ล้วนเป็นถ้ำมนุษย์สร้างทั้งสิ้น  โดยการเจาะขุดภูเขาหินทั้งลูกให้เป็นโถงขึ้นมา  !!! จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 19:30:11

ความคิดเห็นที่ 35 ภาพสลักนูนสูงริมฝาผนังแต่ละด้าน เป็นเรื่องราวพระศิวะทั้งสิ้น สลักเสลาแบบละเอียดเอาจริง แต่ก็มีร่องรอยชำรุดไม่น้อย ทั้งจากกาลเวลาและฝีมือมนุษย์ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 54 19:41:29 จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 19:41:08

ความคิดเห็นที่ 36 ทวารบาล หน้ามณฑปศิวลึงค์ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 19:48:21

ความคิดเห็นที่ 37 เหมือนเป็นลูกข่างยักษ์ มีไว้เล่น ที่จริงเป็นประวัติศาสตร์ที่หักหาย ให้เห็นชะตาโลก มีสร้างมีทำลาย จากหินกลายเป็นผง เป็นฝุ่นแดง (อินเดียมีฝุ่นเยอะ  วิเคราะห์ไปมา  อาจมาจากสภาพภูมิประเทศนั้นเอง ต้นไม้ก็น้อย ไม่มีที่จะดูดซับกักกรองฝ่น) จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 20:27:55

ความคิดเห็นที่ 38 รูปสลักหินเหล่านี้ เรียกร้องให้เรา"ตามไปดู" ชิ้นมาสเตอร์พีซอื่นๆ ต่อที่พิพิธภัณฑ์ฉัตรปาตี ศิวาจี Chhatrapati Shivaji Maharaj Museum (formerly Prince of Wales museum of Western India)ในเมืองมุมไบต่อ แต่เสียดาย..ไม่มีรูปมาฝาก เค้าไม่ให้เอากล้องเข้าไป  จะถ่ายแค่ตัวตึกก็ยังไม่กล้า ชื่อ"ศิวาจี"นี้เป็นชื่อสำคัญที่เราจะเจอต่อไปเรื่อยๆ ที่จริงเจอมาตั้งแต่สนามบินเพราะเป็นมหาราชาผู้นำอาณาจักรมาราธาต่อต้านการปกครองราชวงศ์โมกุล  นับว่าเป็นมหาราชายิ่งใหญ่ของชาวมาราธาแถบนี้ ในมิวเซียมนี้ มีงานศิลป์ชิ้นสำคัญจัดแสดงอยู่อย่างหนาแน่น  โดยเฉพาะห้อง Sculpture พื้นที่น้อยเกินไปด้วยซ้ำ ล้นห้องจนต้องไปตากแดดริมระเบียงก็มี อีกชั้นมีงานภาพเขียนแบบโบราณของอินเดีย  และงานเกี่ยวกับเนปาล ธิเบต ซึ่งก็เน้นเรื่องศาสนาทั้งสิ้น รูปพระโพธิสัตว์ต่างๆ งามชนิดคนเฝ้าไม่ควรจะหลับเลยทีเดียว    ผลงานที่ประทับใจที่สุดในชั้นนี้ คือเครื่องประดับทำด้วยงาช้าง แกะสลักเป็นลายฉลุเล็กๆอย่างประณีตและสมบูรณ์ที่สุด  ค่าเข้าชมสำหรับคนต่างชาติ ๓๐๐ รูปี รวมค่าเช่า audio guide คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ยัง ยังไม่หมด ในชั้นสามแผนกอาวุธโบราณ มีเกราะชิ้นสำคัญแสดงอยู่คือเกราะออกศึกของอักบาร์มหาราชแห่งโมกุลนั่นเอง   แล้วปีกตึกทั้งสองข้างก็มีงานศิลปะฝั่งตะวันตก เป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ของตระกูล "ทาทา"อย่างแท้จริง  เพราะเป็นคอลเลคชั่นของสองพี่น้องตระกูลมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของอินเดีย ดูอายุน่าจะเป็นร่นชวดของผู้บริหารทาทายุคนี้มั้ง(เดา) ปีกซ้าย เป็นห้องของ Sir Dorab Tata  และปีกขวา Sir Ratan Tata ทั้งสองบริจาคงานที่สะสมให้แก่พิพิธภัณฑ์พร้อมเงินทุนสนับสนุนอีกคนละนับสิบล้านรูปี  ของอย่างนี้มีเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีรสนิยมด้วย  ดูรูปแต่ละรูปแล้วก็มีเรื่องให้คิดหลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องพื้นๆอย่างว่า รูปสีน้ำมันขนาดเท่าฝาห้องอย่างนี้ขนส่งมาจากยุโรปยังไง  แล้ว Sir ทั้งสองเอาไปเก็บไว้ตรงไหน เป็นร้อยๆรูปได้มั้ง บ้านทาทาก็ต้องใหญ่พอกับมิวเซียมนี้น่ะซิ  ระยะเวลาที่สะสมก็ไม่น้อย  รายชื่อของศิลปินผู้วาดก็หลากหลายเชื้อชาติ  ทั้งสองคงต้องไปอยู่อังกฤษหลายปีเป็นแน่  คิดจนปวดหัวแล้วก็เมื่อยขาไปหมด จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 22:39:18

ความคิดเห็นที่ 39 ออกมาจากมิวเซียมก็เจอของกิน ชายหนุ่มยื่นเงินมา  คนขายก็ปาดให้หนึ่งฉับบางๆ  กินได้ทันที ลองทายดูว่าคืออะไร แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 54 22:45:49 จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 22:44:30

ความคิดเห็นที่ 40 รูปจงมา เนยชนิดหนึ่งรึปล่าว?  ยอดมะพร้าวชนิดหนึ่งหรือปล่าว? จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 22:47:30

ความคิดเห็นที่ 41 กลับมาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร  สุดท้ายได้คำตอบจากหนุ่มปูเน่ใจดี เฉลยมาว่า Infact last week I saw  this vegetable fruit after long time. It is known as ‘KANDMOOL’. during summer. Kandmool (Kan-thuh-mool) is a Hindi word for root vegetables. The vegetables are roots or tubers that grow below ground, for example, potatoes. These appear during summer. These are good for health. ขอตั้งว่าเป็น "มันแกวยักษ์"ได้ไหม จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 22:55:17

ความคิดเห็นที่ 42 เอาละ ชวนไปดูของกินริมถนนกัน เริ่มที่ธัญพืช จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 22:57:03

ความคิดเห็นที่ 43 คนอินเดียเป็นมิตรกับกล้อง จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 22:58:04

ความคิดเห็นที่ 44 ชิ้นนี้ อิ่มแน่ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 22:59:58

ความคิดเห็นที่ 45 แผงขนมนี้ พ่อค้าไม่อยู่ ที่อินเดียนี้แทบไม่พบแม่ค้า มีแต่พ่อค้า การค้าทุกชนิดที่ต้องออกนอกบ้านอยู่ในมือชาย ไม่ว่าจะขายพวงมาลัยเอย  ร้านดอกไม้เอย  ร้านตัดเสื้อผ้าเอย ร้านอาหารเอย ผู้หญิงจะแอบยิ้มไหมนี่  สบาย..ไม่ต้องทำงาน จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 23:04:20

ความคิดเห็นที่ 46 ผู้ชายกับร้านดอกไม้ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 23:06:53

ความคิดเห็นที่ 47 บังร้อยเองกับมือ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 23:08:16

ความคิดเห็นที่ 48 Mixed Fruit จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 23:21:38

ความคิดเห็นที่ 49 เกลอกับรถม้าลำปาง ถ้าเช่ากลางคืนจะมีแสงสีประดับด้วย จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 23:27:39

ความคิดเห็นที่ 50 ไปชมมรดกโลกแห่งต่อไปกัน สถานีรถไฟ CST-Chhatrapati Shivaji Terminus หรือชื่อเดิม Victoria Terminus อาคารแบบโกธิค สร้างตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๓๒  เป็นสถานีชุมทางใหญ่เช่นหัวลำโพงนั่นเอง  แต่ที่นี่มีชานชาลามากกว่าราว ๒ เท่า อังกฤษคิดยังไงออกแบบให้อาคารใหญ่มากเพียงนี้ แสดงว่าสมัยนั้น ร้อยกว่าปีก่อน ประชากรมุมไบก็ต้องไม่น้อยกว่าหลักล้าน แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 54 00:05:02 จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 23:57:23

ความคิดเห็นที่ 51 ได้เวลาเลิกงานพอดี คนเดินเข้าสถานีรถไฟมาเป็นระลอกคลื่น แทบจะเดินสวนทางไม่ได้ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 23:59:13

ความคิดเห็นที่ 52 ทางเข้า อีกทางหนึ่ง จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:00:24

ความคิดเห็นที่ 53 อีกมุม จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:02:49

ความคิดเห็นที่ 54 ดีจัง ตึกแบบนี้ไม่ต้องทาสี จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:04:04

ความคิดเห็นที่ 55 รายละเอียดยังอยู่ครบ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:08:01

ความคิดเห็นที่ 56 มยุรารำแพน แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 54 00:09:04 จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:08:43

ความคิดเห็นที่ 57 เมื่อกี้ผิดรูป  มยุรารำมาแล้วจ้า จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:13:23

ความคิดเห็นที่ 58 ประกาศของ Unesco จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:14:56

ความคิดเห็นที่ 59 ทางเข้าอีกทาง จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:16:25

ความคิดเห็นที่ 60 อาคารกลาง คงเป็นออฟฟิศเจ้าหน้าที่ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:17:26

ความคิดเห็นที่ 61 ประตูยังสวย จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:20:10

ความคิดเห็นที่ 62 เมล์สองชั้น จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:24:06

ความคิดเห็นที่ 63 จากหน้าสถานีรถไฟ มองไปขวามือก็เป็นดงอาคารโกธิคทั้งสิ้น  เป็นอาคารเทศบาล จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:25:56

ความคิดเห็นที่ 64 เริ่มเหนื่อยกันหรือยัง จากย่านนี้ เราไปชมเมืองกันแถวอื่นบ้าง เค้าว่าต้องไปชม flora fountain ชมแล้วก็เชื่อว่าสร้างมานานแล้วจริง จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:32:26

ความคิดเห็นที่ 65 เบื้องหลังคือมะงุมมะงาหรา หาทางไปต่อ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:33:54

ความคิดเห็นที่ 66 อาคารที่ทำการอะไรไม่แน่ใจ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:36:55

ความคิดเห็นที่ 67 อาคารรอบๆFlora fountain สวยงามไปเสียทั้งนั้น จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:42:50

ความคิดเห็นที่ 68 นี่ก๊อีก จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:44:06

ความคิดเห็นที่ 69 กีฬาสุดฮิตประจำชาติ  คนมาซ้อมคริกเก็ตมีทุกวัย จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:45:11

ความคิดเห็นที่ 70 จากสนาม มองไปก็เจออาคารศาลสูง  กับหอคอยแห่งมหาวิทยาลัยมุมไบ แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 54 00:46:57 จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:46:19

ความคิดเห็นที่ 71 เหนื่อยนัก ขอนั่งพักก่อน แล้วก็มะงุมฯกับไกด์บุ๊คยักษ์อีกสักพัก  เฮ้อ ไม่น่าถือมาเล้ย  คราวหลังจะถ่ายสำเนามาเป็นหน้าๆเฉพาะที่จะใช้เป็นวันๆดีกว่า จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:50:20

ความคิดเห็นที่ 72 สรุปว่าถ้าอยู่ในย่าน Fort หรือ Colaba ของเมืองมุมไบ   อาจเผลอนึกว่าอยู่ในยุโรป วันนี้เหนื่อยจัง  รีวิวเหนื่อยกว่าเที่ยวจริงเสียอีก   ขอจบตอนที่ ๑ โปรดติดตามตอนต่อไป จะไปออรังกาบัด  ฐานที่ตั้งของถ้ำเอลโลรา จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 00:55:32

ความคิดเห็นที่ 73 คุณ sa_bkk  -ตะแคงดูรูป เพื่อบริหารกล้ามเนื้อคอบ้างไงคะ (แหะ แหะ ที่จริงผิดพลาดน่ะแหล่ะ) คุณ Pat -หนังสือเล่มนี้ หลวงวิจิตรฯเขียนจากประสบการณ์ที่ไปเป็นฑูตอยู่อินเดียเพียง ๑ ปีเท่านั้น แต่เดินทางไปเยอะแยะมากมาย  เขียนได้เรื่องราวทั้งประเทศที่ใหญ่เท่ากับทวีปๆหนึ่ง  เราอ่านแล้วอ่านอีก ก็อเมซิ่งทั้งเรื่อง ทั้งคนเขียน คุณป้าฟู  -อินเดียตอนแรกไม่เคยได้อยู่ในฝันเลยค่ะ  จู่ๆไปเจอหนังสือของเพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย ชื่อ ทัชมาฮาล อัครา ราชสถาน  เป็นเหมือนไก๊ด์บุ๊ค มินิที่มีพร้อมทุกอย่าง  ก็เลยมีครั้งแรกกับอินเดียใน ๓ เดือนนับจากวันที่ซื้อหนังสือเล่มนั้น   คุณ boy next door เราไปเป็นครั้งที่สองแล้วก็ยังกลัวอยู่เลยค่ะ  ภูมิต้านทานลดลงเทียบกับการไปอินเดียครั้งแรกที่อ่านหนังสือพี่วุฒิพี่เคทจบแล้วมองโลกในแง่ดีมาก ประกอบกับไปตามรอยเส้นทางของ "เพลงดาบฯ"ซึ่งค่อนข้างราบรื่น  แล้วก็เป็นจริงว่าอินเดียรอบสองนี้หินกว่าครั้งแรก เพราะสภาพอากาศสุดๆและเส้นทางคดเคี้ยว  เราต้องคิดแต่ว่า "ในที่สุด มันก็จะผ่านไป"เวลาเจอสภาพแย่ๆ เช่น เมารถ  อีกอย่างคือ Incredible india อะไรแปลกๆก็เกิดขึ้นได้ในประเทศนี้ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 01:26:29

ความคิดเห็นที่ 74 [CR] ชมมรดกโลกในอินเดียตอนที่ ๑/๑ เก็บตกมุมไบ ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ E10506908 จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 22:58:13