อยูดีๆก็ตกหลุมรัก " พระนครศรีอยุธยา " เข้าซะแล้ว
|
 |
วันนี้เราไปเที่ยวอยุธยามา หลังจากที่ดูตำนานสมเด็จพระนเรศวรแล้วเกิดอินขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเช้าเลยไปขึ้นรถไฟตั้งแต่ตี 5 ถึงอยุธยาก็ 6 โมงกว่าๆ ( จาก สระบุรี นะครับ ) พอไปถึงก็ลงไปทานโจ๊ก แม่ค้าพูดเก่งมากเลย ดูแลลูกค้าดีเยี่ยม ถึงรสชาติจะไม่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ชามละ ๑๕ บาท คุ้มละครับ จากนั้นผมก็ไปเช่ามอเตอร์ไซด์มาคันนึง ได้ฟีโน่สีขชมพูมาโฉบ การเดินทางเริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้าเลยครับ วัดแรกที่ไปก็คือวัดพนัญเชิง แต่พอไปถึงวิหารยังไม่เปิด ผมเลยเลี้ยวกลับมาวัดใหญ่ชัยมงคลครับ วัดนี้ใหญ่สมชื่อจริงๆ ตอนเช้าอากาศดีมากเลย ถือว่าเป็นวัดแรกของทริปที่ประทับใจมากเลย ผมได้ไปกราบพระ ได้ขึ้นไปชมเจดีย์ที่สร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่พระนเรศวร ได้ให้ผักบุ้งเต่า คนที่มาวัดวันนี้ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกคนเลย มีความสุขมากเลย
จากนั้นก็แวะมาวัดพนัญเชิงอีกรอบครับ คราวนี้วัดเปิดแล้ว ผมก็ได้ไปร่วมถวายผ้าไตรห่มองค์หลวงพอ่โต นี่เป็นครั้งแรกเลยครับที่ได้ประกอบพิธีแบบนี้ ต่อจากวัดหลวงพ่อโตออกมาทางจะเข้าเมือง ผ่านวัดเกาะแก้วก็เลยแวะสักหน่อย ด้านในร่มรื่นมากครับ คนน้อยด้วย คุณยายที่จำหน่ายดอกไม้ธุปเทียนก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีเลย ชวนผมนั่งคุยเรื่องความเป็นมาของวัด วัดเกาะแก้วนี้เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์ของอยุธยา ใครอยากทราบเพิ่มเติม ลองถามอากู๋ดูเลยครับ
หลังจากทำบุญไปบ้างเเล้ว ก็ได้เวลาขับรถเที่ยวชมเมืองละครับ ผมเลือกที่ขับออกนอกเมืองไปทางวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้มก่อนครับ ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของวัดกุฎีดาว วัดสมณโกษญาราม วัดประดูทรงธรรม วัดอโยธยา แล้วก็วัดมเหยงค์ครับ เป็นวัดที่อยู่ในย่านเดียวกันทั้งหมดเลย แต่ไม่ได้แวะเดินนะครับ ขับรถวนผ่านๆเอา ทางเข้าวัดมเหยงค์เปลี่ยวไปนิดนะ
และแล้วก็ถึงเวลาเข้าเกาะเมืองแล้วครับ คราวนี้มุ่งหน้าไปวัดสุวรรณดารารามก่อน คนเงียบอีกแล้ว ลงไปไหว้พระที่วิหารคนเดียว แอบหวิวๆบ้าง ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่นี่งดงามมากครับ ยังสมบูรณ์อยู่ แต่พอผมออกจากวิหารเท่านั้นแหละ คนมาเพียบเลยครับ ฮ่าๆ ออกจากวัดสุวรรณแล้วก็เดินทางไปป้อมเพชรต่อเลยครับ ได้ยินชื่อป้อมนี้มาจากในหนังนั่นแหละครับ ป้อมเพชรมีการบูรณะอย่างดีเลย แต่ผมก็ไม่ได้แวะนะ
เดินทางกันต่อครับ วิ่งมาถึงแถวโรงพยาบาลจังหวัดมีร้านขายโรตีสายไหมเยอะเลย หอมตลบอบอวนตลอดทาง อิอิ แต่ก็ไม่ได้ซื้อครับ ขับผ่านไปเฉยๆ เพื่อมุ่งหน้าไปชมความงามของวัดไชยวัฒนารามครับ แบบว่า วัดนี้สวยงามจริงๆ พอเข้าไปชมด้านในค่อนข้างหดหู่ครับ เพราะ เศียรพระถูกตัดไปมากเหลือเกิน จากนั้นก็เดินทางต่อยังวัดพุฒไฑสวรรค์ มองดูเหมือนไม่ไกลนะครับ แต่ไกลพอควรเลยแหละ เส้นทางค่อนข้างวกวนไปมา กว่าจะถึงเกือบถอดใจเหมือนกันครับ เพราะ หาไม่เจอสักที พอมาถึงค่อนข้างเงียบครับ คนน้อยจังเลย แต่ก็ดีครับผมชอบ สวนป่าที่หน้าวัดดูสงบดีมากเลยครับ ไม่ร้อนด้วย เหมาะแก่การไปนั่งสมาธิครับ คนไม่พลุกพล่านดี
แล้วเหตุการณืที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นครับ หลังจากออกจากวัดพุฒไฑสวรรค์แล้ว ดันลืมทางซะงั้น ขับตรงมาตลอด จนออกนอกตัวเมือง ตอนนั้นใจสั่นมากเลย ข้างทางมีแต่ทุ่งนาเปลี่ยวๆ มีวัดร้างอยู่กลางทุ่งนา ยอมรับเลยครับ ตอนผ่านวัดนั้นขนลุกเลย หนังตาเกร็งไปหมด ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผ่านมากลางคืนผมคงช๊อค แต่ขับมาเรื่อยๆก็เห็นหลักกิโลเมตรครับ มองรอบๆไปเห็นยอมพระปรางค์วัดไชยวัฒนารามแล้ว แต่ก็ต้องอ้อมไปประมาณเกือบ ๑๐ กิโลเมตรครับ ไปออกตรงทางแยกวัดท่าการ้องพอดี แต่ก็ไม่ได้แวะครับ เห็นรถเลี้ยวเข้าไปเยอะมาก
เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองอีกรอบครับ มุ่งหน้าไปวัดหน้าพระเมรุ ซึ่งหลายคนอาจทราบว่าเป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกเผาครั้งเสียกรุงครั้งที่ ๒ วัดนี้คนเยอะอยู่ครับ ผมก็เข้าไปสักการะพระพุทธรูปทรงเครื่องในพระอุโบสถที่งดงามมากครับ สีทองอร่ามงามตามากเลย แต่ผมก็เดินเล่นในนั้นไม่นานครับ เพราะ คนเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้ว จากนั้นผมก็แวะมาวัดธรรมมิกราชครับ เพราะสะดุดตากับพระวิหารหลังโตที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง มาถึงก็ถวายสังฆทานครับ ชุดละ ๑๐๐ บาท อิ่มบุญกันไปเลยครับ อีกอย่างได้เหรียญพระนเรศวรมา ๑ เหรียญครับ พอดีวันนี้มีแจก ^^
อิ่มบุญแล้วแต่ท้องชักไม่ไหวครับ แวะร้านไก่ย่างส้มตำ นั่งโซ้ยอยู่คนเดียวแหละครับ รสชาติดีครับ ในร้านคนน้อยด้วย อาจเพราะยังไม่เที่ยงแหละมั้ง มีโต๊ะผมกับโต๊ะใหญ่ๆอีก ๑ โต๊ะ ทานเสร็จเช็คบิลเรียบร้อยก็เที่ยวต่อครับ คราวนี้ไปเพนียดคล้องช้างครับ ระหว่างทางก็ผ่านวัดแม่นางปลื้ม วัดสามวิหาร วัดวงศ์ฆ้อง แต่ไม่ได้แวะครับ ขี่เข้าไปดูเฉยๆเพราะ คนเยอะ + เมื่อยแล้ว ขับมาไม่ไกลกันก็ถึงเพนียดครับ ทางค่อนข้างเปลี่ยวนะ สาวๆไม่ควรมาคนเดียว ขับชมรอบๆไปสักครู่ก็ย้อนกลับครับ ไม่ค่อยมีอะไรมากมาย มีช้างอยู่ไม่กี่เชือกหรอกครับ ดูเหมือนความเป็นอยู่ไม่ค่อยดีเท่าช้างในปางช้างแถววัดมงคลบพิตรเลย
เที่ยงแล้วอากาศร้อนระอุเลยวันนี้ ผมแวะกลับเข้าเมืองอีกรอบ ฮ่าๆ ไปแบบไม่มีจุดหมายครับ ผ่านมาวัดโลกยสุธาราม ยังไม่ทันจะจอดรถสนิท ก็มีบริการดอกไม้ธุปเทียนเลย ชุดละ ๒๐ บาทน่ะครับ ดูแม่ค้าแย่งกันน่าดู วัดนี้คนไม่เยอะมากครับ พระนอนองค์ใหญ่มากจริงๆ แต่แดดร้อนมากครับ ร้อนสุดๆ ไหว้พระนอนเสร็จขับรถมาอีกนิดก็ถึงวัดวรเชษฐาราม ด้านหลังมีพระรูปของพระนเรศวรมหาราช พระเอกาทศรถ และ พระนางสุพรรณกัลยา พร้อมคำบูชา ผมก็บูชาจนครบทั้งสามพระองค์เลย ขับรถมาเรื่อยๆตรงซากวัดเก่า มีคนเล็กน้อยครับ เห็นว่าชื่อวัดวรเชษฐารามเนี้ยมี ๒ ที่ ผมมาแต่ที่ในเมือง เพราะ ไม่รู้ว่าของนอกเมืองอยู่ตรงไหน แต่ทราบคร่าวๆว่าเป็นที่เก็บพระอัฐของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจ เพราะ ไม่ได้ลงไปอ่านรายละเอียดนะครับ วอนคนใจดีตอบหน่อยนะ
สุดท้ายแล้วครับ เพราะ เหนือยกับการเดินทางแล้ว ส้นเท้าชัดปวดๆแล้ว เลยมาแวะวัดสุดท้ายที่วัดมงคลบพิตรครับ ไหว้พระคู่บ้านคู่เมืองสักหน่อย แต่คนเยอะได้อีกครับ แฮ่ๆ ไหนๆมาแล้วเลยเข้าไปชมพระราชวังโบราณสักนิดครับ ไปยืนไหว้พระสถูปเจดีย์ที่ตั้งเรียงกันสามองค์ที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ ผมลองไปดูในภาพจำลองแล้ว แต่ก่อนวัดนนี้เทียบได้กับวัดพระแก้วของกรุงเทพเลย วัดสวยมากครับ เค้าโครงความยิ่งใหญ่ยังเหลือปรากฎอยู่มาก ได้เวลากลับแล้วครับ ขับรถชมอีกสักรอบให้คุ้มค่าเช่า เห็นซากปรักหักพังแล้วนึกถึงในภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้วบีบหัวใจพิกลๆครับ พระองค์ท่านอุส่าห์กอบกู้เอกราชบ้านเมืองมาได้ แต่สุดท้ายก็ต้องเข้าใจในสัจธรรมที่ว่า มีเกิดย่อมมีดับ มาวันนี้ได้อะไรหลายๆอย่าง รู้สึกรักอยุธยามากจริงๆครับ อิฐทุกก้อนมีคำสอนแก่ลูกหลานบรรพบุรุษไทยอยู่เสมอ ผมเคยคิดนะว่าครั้งนึงผมต้องเคยเป็นคนอยุธยาแน่ๆ เพราะ แม่บอกว่า ตอนที่ผมยังพูดเป็นใหม่ๆ จะมีอาการเดจาวูแปลกๆครับ บางสถานที่ในอยุธยาเหมือนเคยเห็นมาก่อน ทั้งๆที่มาครั้งแรกตอน ป. ๖ เอง ผมยังจำภาพวัดพระศรีสรรเพชญ์ได้ดีครับ มันติดอยู่ในตามาตั้งแต่เมือไหร่ก็ไม่ทราบ แม่บอกว่าตอนผมเด็กเคยมาอยุธยาแล้วร้องไห้ตั้งแต่เข้าเมือง ซื้อขนมให้อะไรให้ก็ไม่หยุดจนพามาไหว้พระวัดพนัญเชิง อีกเรื่องตอนก่อนผมคลอดประมาณ ๑ สัปดาห์ แม่ก็ฝันว่าได้มาไหว้พระในอยุธยาเหมือนกัน อันนี้แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ
^^
| จากคุณ |
:
ปอจ๋าจ้ะ 
|
| เขียนเมื่อ |
:
3 เม.ย. 54 17:16:25
|
|
|
| 
