ความคิดเห็นที่ 1 ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากขนลุกซู่กับตำนานสุดโหดของเมือง Guanajuato ไปเป็นที่เรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปหาข้าวเที่ยงกินกันที่ตลาด Hidalgo (Mercado Hidalgo) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:35:25

ความคิดเห็นที่ 2 อูยยยย เห็นบ้านเมืองสีสันสดใสอย่างงี้แล้วอยากกินไอติมสุดๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:35:41

ความคิดเห็นที่ 3 พอมาถึงหน้าตลาด เราก็เจอะขบวนงานศพเข้าพอดี จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:35:54

ความคิดเห็นที่ 4 ซึ่งน่าแปลกตรงที่ ทำไมญาติพี่น้องที่เดินตามขบวนมา เค้าไม่ค่อยใส่ชุดดำกันเลยฟะ แถมใส่สีชมพูกันเยอะมาก สงสัยคนตายชอบสีชมพู หรือนี่จะเป็นขบวนศพเด็กผู้หญิงคะเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:36:33

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากรอขบวนงานศพเคลื่อนตัวผ่านไปอย่างช้าๆแล้ว ก็ถึงทีเราเข้าไปชาปณกิจสัตว์โลกกันต่อในตลาด เห็นเฮียริค (โฮส B&B ที่เราพัก) บอกว่าตลาด Hidalgo นี้ออกแบบโดย Gustav Eiffel เจ้าของเดียวกับหอไอเฟลด้วยนะฮะ ตึ่งโป๊ะ!! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:37:42

ความคิดเห็นที่ 6 จริงๆตอนแรกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสถานีรถไฟค่ะ แต่ตอนหลังโดนจับแปลงร่างเป็นตลาดซะงั้น ดูจากด้านในแล้วก็น่าเชื่ออยู่หรอก ว่าชาติที่แล้วมันคือชานชาลาสถานีรถไฟมาก่อน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:38:25

ความคิดเห็นที่ 7 ในตลาดมีของที่ระลึกขายเยอะแยะเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:38:37

ความคิดเห็นที่ 8 แน่นอนว่าต้องมีผักผลไม้ขายตรึม จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:39:07

ความคิดเห็นที่ 9 มีขายกระทั่งซัลซ่าหรือสลัดกระบองเพชรสดๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:39:41

ความคิดเห็นที่ 10 โอว์ นี่ไรคะเนี่ย แคบหมูอันเบ้อเร่อเรย >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:39:54

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากเดินสำรวจดูลาดเลาแล้ว เราก็มาแหมะกันที่ซุ้มขายอาหารทะเลที่ชื่อ Mariscos Pancho's จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:40:14

ความคิดเห็นที่ 12 กินทาโก้น้องหมูมาเยอะแล้ว วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศมาหม่ำทาโก้กุ้งมั่งดีฟ่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:40:27

ความคิดเห็นที่ 13 เราเห็นว่าลูกค้าทุกคนของร้านจะต้องสั่งเจ้าซุปทะเลนี่ พวกเราเลยสั่งซุปตามน้ำด้วยมั่ง แฮ่ ออกมาเป็นซุปกุ้ง/ปลาทอดที่แซ่บเล็กน้อย (แต่เพื่อนดูรูปบอกหน้าตาเหมือนแกงไข่เจียวชอบกล -_-) บีบมะนาวลงไปนี่รสชาติน้องๆต้มยำเลยค่ะ แถมยังใส่อโวคาโดของโปรดเดี๊ยนด้วยอีก กรี๊ดดดดดด แต่ที่นี่เขากินซุปกับขนมปังแทนข้าวค่ะ ซึ่งจะว่าไปก็อร่อยดีเหมือนกันแฮะ วันหลังจะลองเอาบาเกต์จิ้มต้มยำกุ้งเปลี่ยนบรรยากาศมั่งดีกว่า ฮี่ๆ ปล. ตรงข้ามกับแผงร้านซีฟู้ด มีร้านขายน้ำปั่น/มิลค์เชคด้วยนะคะ แต่มิลค์เชคไม่อร่อยอย่างแรง เสียใจอีกแล้ว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:41:24

ความคิดเห็นที่ 14 หม่ำข้าวเสร็จ เราก็ออกมาโบกแท็กซี่ริมถนน เพื่อมุ่งหน้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมือง Guanajuato ซึ่งก็คือ Museo de las Momias หรือมัมมี่มิวเซียมนั่นเอง!! มิวเซียมนี้ฮิตจริงไม่ติงนังในหมู่พี่เม็กนะขอรับ ขนาดคนที่เม็กซิโกซิตี้ยังร้องอ๋อเลย แต่มัมมี่เมืองนี้ บ่ใช่มัมมี่พันผ้ารอบตัวแบบของอียิปต์เน้อ แต่เป็นมันเกิดจากปฏิกิริยาเคมี ของอากาศแห้งๆผสมกับแร่ธาตุในดินของที่นี่ ทำให้ศพบางศพไม่เน่าสลายอย่างที่มันควรจะเป็น ปล.เนื่องจากเค้าห้ามถ่ายรูปในมิวเซียม จขกท.เลยต้องตบรูปในเน็ตมาตามระเบียบนะขอรับ (ภาพ : www.momiasdeguanajuato.gob.mx) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:42:36

ความคิดเห็นที่ 15 ดูเอาเถอะค่ะ ผิวหนังแห้งติดกระดูกซะจนเหมือนขอนไม้เลย บรื๋ออออออ ส่วนที่มาของมิวเซียมนี้ ก็เนื่องมาจากตะก่อนเค้ามีกฎห้ามเผาศพค่ะ ต้องฝังอย่างเดียว แล้วญาติผู้ตายจะมีเวลา 5 ปี ในการหาเงินมาจ่ายค่าธรรมเนียมให้ทางสุสาน ซึ่งถ้าใครเบี้ยวไม่ยอมจ่ายแล้วไซร้ เขาจะขุดศพขึ้นมาเพื่อเบิกทางให้ศพใหม่ได้ลงไปนอนแทนเจ้าค่ะ! >_< ก่อนหน้าที่จะมีมิวเซียมนี้ ทางสุสานก็จะเอาบรรดามัมมี่ที่เบี้ยวค่าธรรมเนียม ไปตั้งพิงข้างกำแพงเพื่อให้ญาติมารับศพไป แล้วก็มีผู้หญิงดวงแตกคนนึง โดนมัมมี่ข้างกำแพงล้มลงมาทับตอนเดินอยู่ในสุสาน จนเจ๊แทบหัวใจวายตายตามมัมมี่ไป >_< ตอนหลังเลยต้องมีการนำมัมมี่ไร้ญาติทั้งหลาย มาจัดเก็บในตู้กระจก แล้วเปิดเป็นมิวเซียมเก็บตังค์แทนเสีย จขกท.ว่าเผลอๆมัมมี่ในมิวเซียมนี้ จะทำเงินได้มากกว่าค่าธรรมเนียมสุสานซะอีกนะฮะเนี่ย (ภาพ : wikipedia) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:44:05

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นแล้วปลงสังขารมากอ่ะ ยิ่งมัมมี่แต่ละตัวอ้าปากค้างแบบนี้ ดูแล้วยิ่งสยองเข้าไปใหญ่ >_< แถมเค้ายังมีมัมมี่เด็กทารกด้วยนะฮะ แต่อิฉันเกรงว่ามันจะฮาร์ดคอร์เกินไปหน่อย เลยไม่ได้เอารูปมาลง แต่เห็นมีเบบี๋มัมมี่คนนึง ใส่ชุดซะสวย แถมในแขนยังหนีบไม้กวาดไว้อีก ซึ่งป้ายบอกว่า เวลาเด็กเล็กๆตาย เครือญาติจะจัดงานศพให้ยังกะงานรื่นเริง เพื่อให้วิญญาณหนูน้อยได้ขึ้นสวรรค์ไปอย่างมีความสุข (ภาพ : www.momiasdeguanajuato.gob.mx) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:44:41

ความคิดเห็นที่ 17 มิวเซียมนี้ไม่ค่อยมีป้ายภาษาอังกฤษเลยค่ะ แต่อันที่มีนี่ก็ชวนปวดตับเหลือเกิน เพราะเค้าบรรยายมัมมี่ด้วยสรรพนามบุคคลที่ 1 อย่างป้ายของมัมมี่คนนี้ (น่าจะเป็นคนเดียวกับรูปมือข้างบน) ซึ่งถือเป็นมัมมี่ที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดคนหนึ่งของโลก เพราะผิวแกนี่แทบไม่มีรอยแหว่งรอยขาดเลย ป้ายก็เขียนไว้ประมาณว่า "สวัสดีครับ กระผมชื่อ Juan Jaramillo มัมมี่ที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์ครบ 32 ที่สุดคนหนึ่ง เลยทำให้ตัวผมนี้ดังยังกะเซเลบ มีมิวเซียมมากมายเชิญให้ผมไปโชว์ตัว ผมเลยได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยวเยอรมัน,ญี่ปุ่นด้วยนะ เจ๋งมั๊ยล่ะคุณ!" -_- (ภาพ : mummytombs.com) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:47:03

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนอันนี้ดันไม่มีป้ายค่ะ แต่น่าจะเป็นมัมมี่ที่ จขกท.เคยอ่านมา ว่าเป็นศพของผู้หญิงที่โดนฝังทั้งเป็น! คือชีแค่หัวใจหยุดเต้นไปเฉยๆ แล้วหมอก็วินิจฉัยว่าเจ๊ตายแล้ว เชิญฝังโลด แล้วเจ๊ก็คงตื่นขึ้นมา ตอนตัวเองอยู่ในโลงเรียบร้อย ศพเลยอยู่ในสภาพยกไม้ยกมือ เพราะเจ๊พยายามดิ้นเปิดฝาโลงสุดชีวิต จขกท.ว่าเรื่องของเจ๊นี่สยองยิ่งกว่าศพเจ๊เองซะอีกนะทั่น -_- (ภาพ : flickr) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:47:53

ความคิดเห็นที่ 19 ชมมัมมี่กันไปพอท้วมๆแล้ว กลับมาเที่ยวอะไรที่มันจรรโลงใจกันซะหน่อยเน้อ เรานั่งรถเมล์จากป้ายตรงหน้ามิวเซียมกลับมายังตัวเมือง ซึ่งรถเมล์เค้าจะปล่อยท่านลงตรงอุโมงค์ใต้ตัวเมืองอีกที เดินขึ้นมาก็เจอะ Iglesia de San Diego เลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:49:10

ความคิดเห็นที่ 20 เฮียริคเล่าว่า แต่ก่อนโบสถ์นี้อยู่ในอุปถัมภ์ของเฮียโทนี่ อัครมหาเศรษฐีเจ้าของเหมือง La Valenciana ยุครุ่งๆนี่คงสวยไฮโซน่าดู แต่ภายหลังก็สภาพอย่างที่เห็นเนี่ยแหล่ะฮ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:49:33

ความคิดเห็นที่ 21 คนเม็กซิกันนี่ท่าทางจะเคร่งศาสนามาก เวลา จขกท.ไปเที่ยววิหารที่ยุโรป ยังไม่ค่อยเห็นคนมาสวดมนต์ที่โบสถ์กันกลางวันแสกๆเหมือนที่นี่เลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:49:53

ความคิดเห็นที่ 22 ชมโบสถ์พอขำๆเสร็จ เราก็ออกเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:50:07

ความคิดเห็นที่ 23 จขกท.ชอบรูปนี้ของน้องปอ เหมือนน้องหมากำลังขยิบตาให้กล้องอยู่เลยอ่ะ กร๊ากกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:50:25

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่ทราบนี่ใช่ตัวเดียวกับรูปข้างบนรึเปล่า อุตส่าห์สะกดรอยตามพวกเรามาถึงนี่เลยเรอะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:50:43

ความคิดเห็นที่ 25 จขกท.ชอบตึกผนังหินนี้ คลาสสิคคคคคคคค จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:51:02

ความคิดเห็นที่ 26 ขนาดถนนธรรมดาๆ ไม่ได้อยู่ในย่านท่องเที่ยวก็ยังน่ารักเลย กุ๊กกิ๊กกันได้ทุกมุมจริงๆ Guanajuato จ๋า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:51:19

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่ใช่แค่นั้นค่ะ Guanajuato ยังเป็นบ้านเกิดของ Diego Rivera ศิลปินสุดแนว เจ้าของผลงาน Murals สุดไม่แคร์สื่อที่ National Palace ณ เม็กซิโกซิตี้ด้วยนะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:51:36

ความคิดเห็นที่ 28 เลยทำให้บ้านที่เฮียดิเอโก้อยู่สมัยเด็กๆ ตอนนี้กลายเป็นมิวเซียมไปเรียบร้อยแล้ว แหม่ ชั้นล่างมีเจกันดอกลิลลี่ พร็อพหากินของเฮียตั้งอยู่ซะเพียบเชียว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:52:00

ความคิดเห็นที่ 29 ด้านในบ้านก็เป็นห้องหับต่างๆ แต่ดันไม่มีป้ายภาษาอังกฤษ แล้วตูจะรู้ไหมเนี่ยว่านี่ห้องนอนไผ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:52:25

ความคิดเห็นที่ 30 มิวเซียมนี้อนุญาตให้ถ่ายรูปเฉพาะชั้นล่างซึ่งเป็นห้องต่างๆเท่านั้นค่ะ ส่วนเหล่าเต้งซึ่งใช้แสดงผลงานยุคแรกๆของเฮียดิเอโก้กลับไม่ให้ถ่ายรูปซะนี่ อันนี้ภาพ The Threshing Floor ซึ่งเป็นรูปที่เฮียดิเอโก้วาดไว้ตั้งกะตอนเรียนช่างศิลป์โน่น (ภาพ : oceansbridge.com) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:53:00

ความคิดเห็นที่ 31 ตอนหลัง Diego Rivera ได้ทุนไปเรียนศิลปะที่ยุโรป แล้วเฮียก็ไปเข้าแก็งค์กับ Juan Gris ศิลปิน cubism ชาวสเปน จนทำให้งานพี่ท่านเข้าสู่โหมดคิวบิซึ่มแดร๊ก อย่างภาพ Sailor at Breakfast นี้เป็นต้น (ภาพ : smu.edu) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:53:41

ความคิดเห็นที่ 32 หลังจากลั่ลล๊าอยู่ปารีสได้เกือบ 10 ปี ท่านฑูตเม็กซิโกประจำฝรั่งเศสก็เกลี้ยกล่อมให้เฮียดิเอโก้กลับมารับใช้ชาติ ด้วยการวาดภาพฝาผนังตามสถานที่ราชการต่างๆ ไหนๆจะต้องวาดภาพปลุกระดมเลือดรักชาติให้ชาวเม็กซิกันแล้ว เฮียเลยปรับสไตล์รูปอีกหน โดยงวดนี้ได้อิทธิพลจากศิลปะเม็กซิกันพื้นเมืองแทน ทำให้ภาพรูปออกมาดูบ้านๆหน่อย พร้อมทั้งเน้นวาดรูปวิถีชีวิตชาวบ้าน ซึ่งต่างจากศิลปะยุโรปที่มักจะเป็นธีมศาสนา หรือไม่ก็ภาพท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย น่าเสียดายที่ในมิวเซียมไม่ค่อยมีงานยุคหลังๆของเฮียดิเอโก้ให้ชมเท่าไหร่เลย จขกท.จึงต้องแก้เก้อด้วยการโพส Flower Day ภาพนี้ให้รับชมกันแทน ซึงจริงๆรูปอยู่ที่ Los Angeles County Museum of Art ที่นะฮะ ปล.ตอนเห็นรูปนี้ครั้งแรก จขกท.ก็ว่าเฮียวาดดอกลิลลี่ได้เหมือนดอกไม้พลาสติกมากอ่ะ พอมาเห็นลิลลี่เม็กซิโกของจริงเลยเพิ่งถึงบางอ้อ ว่าของจริงก็เป็นแบบนี้นี่หว่า >_< (ภาพ : topofart.net) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:54:51

ความคิดเห็นที่ 33 เสร็จจากมิวเซียม เราก็เคลื่อนพลกลับ B&B จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:55:06

ความคิดเห็นที่ 34 เห็นเด็กๆวิ่งเล่นตามถนนเยอะแยะเลย ซึ่งเป็นภาพที่หาได้ยากในเมกาหรือ กทม.ยิ่งนัก เพราะเด็กเมืองกรุงยุคใหม่ มัวแต่ก้มหน้าก้มตาเล่น BB, DS, iPhone, iPad กันหมด -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:55:35

ความคิดเห็นที่ 35 น้องๆหนูๆเค้ายังมีแรงวิ่งเล่น ส่วนป้าเหมียวขอกลับไปนอนผึ่งพุงก่อนนะหลาน คร่อก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:55:49

ความคิดเห็นที่ 36 ตกเย็น เฮียริคเจ้าเก่าก็มาเลียบๆเคียงๆถามเราว่า อยากให้เฮียแนะนำมื้อเย็นสุดอร่อยให้มั๊ย เอร๊ยยยย มีหรือฮะที่พวกเราจะปฏิเสธ จัดมาด่วนๆเลยค่ะเฮียขราาาาาา เฮียริคเลยส่งเรามาที่ร้าน Las Mercedes ซึ่งอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควร ต้องนั่งแท็กซี่ แต่เฮียริคบอก สบมยห.เด๋วเฮียกับเจ้าของร้านจะช่วยออกค่าแท็กซี่ให้เองนะเด็กๆ กรี๊ดดดดด โหย อะไรจะดีเลิศประเสิรฐศรีขนาดนี้คะเฮีย >_< พวกเราก็เลยแอบนินทาว่าท่าทางเฮียริคจะได้ค่าหัวคิวจากร้าน หรือไม่ก็คงเห็นแววชูชกของพวกเราจากตอนมื้อเช้า ว่ายังไงเด็กเปรตฝูงนี้ก็ต้องกินกระจุยคุ้มค่าแท็กซี่แน่นอน กร๊ากกกก บรรยากาศในร้านค่ะ ดูกุ๊กกิ๊กไม่หยอกเลยนะคะเนี่ย แถมข้างฝายังมีรีวิวของ New York Times แปะอยู่ด้วยนะเคอะ! ไม่ธรรมดาเจงๆ เห็นรีวิวเขียนไว้ว่า อาหารร้านนี้ใช้เทคนิคการปรุงแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับไอเดียใหม่ๆแหวกๆ แค่อ่านรีวิวก็น้ำยายไหยแย๊ว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:56:58

ความคิดเห็นที่ 37 เราลองสั่งไวน์แดงเม็กซิกันมากินเบิกศักราชด้วยขวดนึง รสชาติไม่เลว ค่าไวน์ก็พอรับได้ค่ะ ประมาณ $30 USD ส่วนอุปกรณ์ที่เห็นในรูปนี้ เขาว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ไวน์หายใจได้เร็วขึ้นค่ะ เพราะไวน์ตอนเปิดขวดใหม่ๆ รสชาติจะไม่เหมือนกับไวน์ที่ตากอากาศไว้ซักพัก ถ้าเทไวน์ผ่านเจ้านี่ ก็จะได้ไม่ต้องรอนาน แต่ จขกท.ก็ไม่ทราบว่ามันเวิร์คจริงรึเปล่า กูรูไวน์ทั้งหลายช่วยคอนเฟิร์มที จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:57:30

ความคิดเห็นที่ 38 บริกรร้านนี้พูดภาษาปะกิตไม่ได้ ไม่งั้นคงฮา เพราะน้องเค้าเหมือนบ็อทมากค่ะ วางชามวางช้อนแต่ละที ยังกะถูกโปรแกรมมา แต่ไม่ต้องห่วงเน้อ เพราะลูกสาวเจ้าของร้านพูดอังกฤษได้ เจ๊เลยออกจากครัวมาแปลเมนูให้กระเหรียงอย่างเราได้รับทราบกัน อันนี้เป็นของกินเล่นที่ร้านแถมมาให้ค่ะ หน้าตาเหมือนกระทงทองดีไหมฮะ แต่เวอร์ชั่นนี้ เขาใส่ถั่วดำกับซัลซ่ามาตามสไตล์พี่เม็ก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:58:09

ความคิดเห็นที่ 39 เราสั่ง Appetizer มา 3 อย่างค่ะ อันแรกเป็นซุปทูโทน ท่อนบนเป็นซุปมะเขือเทศที่รสชาติกลมกล่อมอร่อยมั่กๆ ส่วนท่อนล่างเป็นซุปถั่วผสมหนังหมู แต่ไม่ทราบเป็นหนังหมูที่ผ่านกรรมวิธีอะไร texture ถึงได้ออกมาคล้ายเห็ดหูหนูจัง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:58:31

ความคิดเห็นที่ 40 Appetizer จานที่สองนี่ก็ซุปเช่นกันค่ะ มันคือ Sopa Negra de Huitlacoche ซึ่งคุณลูกสาวเจ้าของร้านอธิบายว่า Huitlacoche คือเห็ดที่งอกบนข้าวโพด แต่ จขกท.มาอ่านเจอทีหลังว่า technically มันไม่ใช่เห็ดค่ะพี่น้อง มันคือราดำที่ขึ้นบนข้าวโพดตะหาก! >_< แล้วขอโทษ ราคาไม่ใช่ถูกๆนะฮะ ขนาดเชฟเม็กซิกันในรายการทีวียังบอกว่า มันก็เหมือนๆทรัฟเฟิลแหล่ะโยม (ตรงไหน!) เจ้ารา เอ่อ..เห็ดนี่ก็นุ่มๆดีเหมือนกันนะ เนื้อแอบคล้ายหอยนางรมอีกตะหาก >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:59:11

ความคิดเห็นที่ 41 ทายซิ นี่อะไรเอ่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 07:59:24

ความคิดเห็นที่ 42 มันคือเนื้อกระบองเพชรสอดไส้ goat cheese กับ smoked salmon ค่ะ!! อร่อยโคตรๆๆๆๆๆ จขกท.ไม่เคยกินว่านหางจระเข้ แต่เห็นป้าหนอนบอกมันก็คือๆกับกระบองเพชร แต่แหม ไม่อยากจะเชื่อว่ารสชาติจะเข้ากันกับแซลมอนได้ขนาดนี้เลยนะเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:00:01

ความคิดเห็นที่ 43 ข้างบนนั่นรายการอุ่นเครื่องค่ะ ของจริงต้องนี่เล๊ย Salmon with Mole Mole เป็นซอสที่ผสมช็อคโกแล็ตและ spice ต่างๆเข้าด้วยกัน Mole ของร้าน Las Mercedes นี่ก็ช็อคโก้เข้มข้มสะใจแกมเผ็ดหน่อยๆ ไม่หวานเลี่ยนแม้แต่น้อย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:00:53

ความคิดเห็นที่ 44 จานบนเป็น Mole สูตรดั้งเดิมทำจากโกโก้ แต่โมเล่เขียวจานนี้ เป็นรุ่นทำจากถั่วพิสตาชิโอค่ะ Mole รสชาติกลมกล่อมมากมาย เค็มๆหวานๆถั่วๆกำลังดี แถมไก่ยังนุ่มและปรุงรสมาได้อร่อยล้ำอีก >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:01:38

ความคิดเห็นที่ 45 ส่วนจานนี้เป็นหมูตุ๋นซัลซ่าค่ะ เนื้อหมูนุ่มอีกแล้ว เอาส้อมจิ้มที เนื้อหลุดจากกระดูกเป็นชิ้นๆเลย ยิ่งจิ้มน้องหมูกินกับซอสซัลซ่าที่เผ็ดนิดๆแล้ว สุโค่ยค่ะขอโบก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:02:03

ความคิดเห็นที่ 46 เราตบท้ายมื้อเย็นด้วย Poached Pear with Caramel Sauce แก้เลี่ยน กร๊ากกกก สรุป อาหารร้านนี้อร่อยจริงค่ะ เล่นเอาร้านหรูอย่าง Pujol ที่เม็กซิโกซิตี้ตกคูไปเลย (แถมราคายังถูกกว่าตั้ง 3 เท่า -*-) เพื่อนร่วมบ้านยังกระซิบด้วยค่ะว่า ขนาดเชฟระดับตัวพ่ออย่าง Rick Bayless ก็ยังชอบร้านนี้ด้วยนะเคอะ!! (Rick Bayless เป็นเจ้าของ Frontera Grill ร้านเม็กซิกันสุดดังที่ชิคาโก้ เจ้าของตำแหน่งแชมป์ Top Chef Masters season 1 ที่เอาเชฟดังๆมาแข่งเอาตังค์เข้าการกุศล รอบชิงแกก็ทำ Mole สูตรเฮียคิดเอง ที่แกโฆษณาว่ามีส่วนผสมตั้ง 26 อย่าง แถมประวัติพี่ท่านยังเปรี้ยวตรีนมาก แกเคยมาเรียนปริญญาเอกมนุษยศาสตร์ที่เม็กซิโกด้วยค่ะ แต่เรียนไม่จบ เพราะมัวแต่ทำกับข้าว กร๊ากกกกก) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:02:55

ความคิดเห็นที่ 47 หลังจากมื้อเย็นสุดประทับใจ พวกเราก็กลับไปนอนหลับฝันหวานถึงน้องกระบองเพชร น้องราข้าวโพดต่อที่บ้านเฮียริค แต่พอตื่นขึ้นมาก็อดใจหายไม่ได้ ว่านี่เป็นวันสุดท้ายของเราในเมือง Guanajuato แล้วเหรอเนี่ย จขกท.กับน้องปอเลยออกไปเดินเล่นยามเช้า เป็นการสั่งลาเมืองน้อยในหุบเขานี้เสียหน่อย T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:03:52

ความคิดเห็นที่ 48 บ้านเรือนเต็มไปด้วยสีสัน ไม่ว่าจะซอยเล็กซอยใหญ่ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:04:07

ความคิดเห็นที่ 49 ขนาดประตูโทรมๆก็ยังไม่วายติสต์ได้อีก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:04:21

ความคิดเห็นที่ 50 บนถนนเต็มไปด้วยพ่อแม่ผู้ปกครองพาลูกหลานไปส่งโรงเรียน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:04:43

ความคิดเห็นที่ 51 ตอนหม่ำมื้อเช้าที่บ้านเฮ๊ยริคเมื่อวาน เราเจอคุณหมอจากเมือง Montreal ประเทศแคนาดา ที่มาเที่ยวพร้อมภรรยา คุณหมอชอบเมืองนี้มาก ปีที่แล้วแกมาเที่ยว Guanajuato 7 วัน พอมาปีนี้แกเลยอยู่ซะให้เปรม 3 อาทิตย์ คุณหมอบอกว่า Guanajuato ทำให้แกนึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก ที่แกโตมาในเมืองเล็กๆ ชาวเมืองทุกคนรู้จักกัน เดินผ่านก็ทักทายกัน ตอนเช้าๆก็จะเห็นพ่อแม่พาลูกไปส่งโรงเรียน น่าเสียดายที่เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยเห็นภาพแบบนี้เท่าไหร่แล้ว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:05:57

ความคิดเห็นที่ 52 คุณหมอยังพูดทำนองว่า บางทีคุณอาจจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ร่ำรวยเงินทอง แต่คุณอาจจะไม่มีความสุข แล้วคุณก็มาเห็นชาวบ้านเมืองนี้ ที่ไม่ได้มีเงินมากมาย พวกเขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ทำไมพวกเขาดูมีความสุขกันจัง ยินดีต้อนรับสู่เศรษฐกิจพอเพียงค่ะคุณหมอขา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:06:47

ความคิดเห็นที่ 53 ชมเมืองเสร็จ จขกท.กับน้องปอก็นั่ง funicular กลับขึ้นเขาไปหม่ำข้าวเช้า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:07:24

ความคิดเห็นที่ 54 เนื่องจากวันนี้เฮียริคจะพาเราไปทัวร์เหมือง เช้านี้แกเลยนำเสนอเมนูใหม่ให้เข้ากับโปรแกรมเที่ยวของเรา นั่นคือ Miner's Enchiladas ซึ่งคือแป้ง Tortilla ยัดไส้ไก่ราดซอสค่ะ เฮียริคเล่าว่า สมัยก่อนเนื้อหมูเนื้อไก่จัดเป็นของแพง ชาวบ้านก็เลยจะกินแต่ผัก,ข้าวโพดเป็นหลัก แต่ทุกวันอาทิตย์ คนงานเหมืองที่เพิ่งได้รับค่าแรงหมาดๆ ก็จะเดินเข้าร้านอาหาร แล้วสั่งเมนูที่แพงที่สุดในร้าน ซึ่งก็คือ Enchiladas ไส้ไก่ จึงเป็นที่มาของชื่อ Miner's Enchiladas สาเหตุที่พวกเขาใช้เงินเป็นเบี้ยเยี่ยงนี้ เพราะคนงานเหมืองรู้ตัวดีว่า ชีวิตพวกเขานั้นแสนสั้นนัก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ นี่ยังไม่นับสารพัดโรคที่เป็นผลข้างเคียงจากการทำงานในเหมืองอีก พูดง่ายๆคือคนงานเหมืองสมัยโน้นนี่ไม่ได้แก่ตายซักคน ปล. จขกท.ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารเช้าวันนี้มา เลยต้องใช้รูปของ enchiladarecipe.org มาขัดตาทัพนะขอรับ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:08:56

ความคิดเห็นที่ 55 หลังจากหม่ำข้าวเช้าอุ่นเครื่องเสร็จแล้ว เราก็โบกแท็กซี่ไปยัง La Valenciana อดีตเหมืองเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกกัน โดยวันนี้เรามีคุณหมอเจ้าเก่า พร้อมลูกสาวคนสวยที่เพิ่งมาถึง Guanajuato หมาดๆเมื่อวานร่วมทัวร์ไปด้วย เพื่อนตอแอบซุบซิบว่า ลูกสาวคุณหมอช่างหน้าตาน่ารัก แถมสูงยาวเข่าดี มาดยังกะนักเทนนิสสาวรัสเซียเลย หุหุ (เรามารู้ทีหลังค่ะว่า บรรพบุรุษของคุณหมอเป็นชาวรัสเซียอพยพ มิน่าล่ะ ) แต่ก่อนจะเข้าไปเที่ยวเหมือง เฮียริคก็พาเราแวะที่โบสถ์นี้ก่อน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:10:12

ความคิดเห็นที่ 56 ซึ่งก็คือ Templo de San Cayetano ที่ตั้งอยู่หน้าเหมือง La Valenciana นั่นเอง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:10:30

ความคิดเห็นที่ 57 ผนังด้านหน้าโบสถ์บาโร้กได้สุดลิ่มทิ่มประตูอีกแล้ว เขาเรียกสถาปัตยกรรมแบบนี้ว่า Churrigueresque Baroque ซึ่งเป็นซับเซ็ตของบาโร้กปกติอีกที จุดเด่นอยู่ที่ประตูทางเข้าโบสถ์ ที่จะกระหน่ำลวดลายและประติมากรรมนูนสูงนูนต่ำกันให้นัวไปหมด แม้ Churrigueresque Baroque จะมีต้นกำเนิดจากสเปน แต่มันก็กลายเป็นจุดเด่นของโบสถ์ในลาตินอเมริกา เนื่องจากโบสถ์ในอาณานิคมสเปนมักจะสร้างด้วยสไตล์นี้แทบทั้งนั้น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:11:02

ความคิดเห็นที่ 58 คนงานสร้างโบสถ์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ชาวพื้นเมืองนี่แหล่ะ แถมยังชอบแอบทำเนียนหยอดสัญลักษณ์ Aztec ไว้อีก อย่างประตูทางเข้าโบสถ์นี้ ดันมีปีระมิดกับพระอาทิตย์แฝงอยู่ด้วย กร๊ากกกก Aztec Code ชัดๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:11:48

ความคิดเห็นที่ 59 ด้านในโบสถ์ก็สวยเท่มากค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:12:12

ความคิดเห็นที่ 60 โฮกกกก Altarpiece อลังการดาวล้านดวงมาก! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:12:36

ความคิดเห็นที่ 61 ที่โบสถ์นี้ถูกสร้างไว้อย่างวิจิตรงดงามก็เพราะ Antonio Obregón y Alcocer หรือที่เฮียริคเรียกสั้นๆว่าคุณโทนี่ เจ้าของเหมืองเงิน La Valenciana แกบนไว้ค่ะ ว่าเจ้าประคุณเอ๊ย ถ้าลูกช้างขุดเจอเงินเจอทองเมื่อไหร่ จะสร้างโบสถ์ถวายให้ แล้วเฮียโทนี่ของเราดันขุดเจอแร่เงินเข้าจริงๆ แถมไม่ใช่เจอแค่เหมืองเงินธรรมดาๆ แต่เป็นเหมืองเงินที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้นเลยเชียว เฮียโทนี่เลยเชื่อสนิทใจว่า ที่แกร่ำรวยได้ก็เพราะพรจากพระเจ้า แกเลยสร้างโบสถ์ถวายให้อย่างไม่มีเสียดายงบ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:13:20

ความคิดเห็นที่ 62 Altarpiece ทองอร่ามนี่ก็กระหน่ำลวดลายได้เว่อร์โลกแตกมากๆ แต่เฮียโทนี่ขา ไอ้หน้าคนเล็กๆที่โผล่ออกมาเต็มไปหมดนี่ ดูแล้วแอบน่ากลัวไปหน่อยมั๊ยเฮีย >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:13:55

ความคิดเห็นที่ 63 แน่นอนค่ะว่าจะขาดท่านนักบุญ San Cayetano ที่มาของชื่อโบสถ์ไปได้อย่างไร เอ..ปกติเคยได้ยินแต่ San Pietro, San Marco, Sant'Andrea แล้ว San Cayetano นี่ใครคะเนี่ย "อ๋อ San Cayetano นี่ถือเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของบรรดานักพนันจ้ะหนู -_- ที่เฮียโทนี่เลือก San Cayetano ก็คงเป็นการสื่อถึงการที่แกเทกระเป๋าทุ่มสุดตัวในการขุดหาแร่เงินนั่นแหล่ะ" จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:14:39

ความคิดเห็นที่ 64 รูปนี้เป็นรายละเอียดของชุดท่านนักบุญค่ะ น่าทึ่งจริงๆว่านี่รูปแกะสลักไม้นะฮะ ช่างแกะรอยยับผ้าได้เหมือนจริงสุดๆอ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:14:55

ความคิดเห็นที่ 65 จขกท.ว่า San Cayetano เป็นโบสถ์ที่สวยที่สุดในทริปนี้แล้วล่ะค่ะ ทั้งอลังการงานสร้าง ดีเทลน่ารักๆก็เพียบ ขนาดเพดงเพดานโบสถ์ก็ยังกุ๊กกิ๊กซะ แต่โดยรวมมันกลับออกมาดูลงตัว ไม่ลิเกจนเกินงาม (ยกเว้น Altarpiece กร๊ากกกก) น่าเสียดายที่ จขกท.ยังไม่ทันถ่ายรูปโบสถ์ให้หนำใจ เฮียริคก็จ้ำอ้าวนำลูกทัวร์ออกจากโบสถ์ไปซะแล้ว งื้ดๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:16:12

ความคิดเห็นที่ 66 หลังจากชมโบสถ์เป็นการพรีวิวเสร็จ เราก็จะได้เที่ยวเหมือง La Valenciana จริงๆกันซะที เยสสสสส จะเข้าเหมืองทั้งที ก็ต้องใส่หมวกนิรภัยใช่ไหมฮะ แต่ขอโทษ เฮียริคบอกมากับเฮียไม่ต้องใส่หรอกไอ้หมวกนี่ -_-" เพื่อนตอฟังแล้วหัวเราะชอบใจ บอกแมนๆแบบนี้ผมชอบครับเฮีย! นี่ถ้า จขกท.ไม่กลัวเฮียริคจะงอนซะก่อน เดี๊ยนว่าจะขออนุญาตหันไปจุดธูปบนบานศาลกล่าวเจ้าที่ แทนการใส่หมวกนิรภัยประชดเฮียซะให้ กร๊ากกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:16:41

ความคิดเห็นที่ 67 มาชมภาพประกอบการศึกษา วิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตบัดซบในเหมือง La Valenciana กันก่อนนะฮะ เห็นเฮียริคบอกว่าแต่ก่อนเค้าต้องใช้ไฟลน ก่อนจะราดน้ำเย็นซ้ำ แล้วจึงขุดแร่เงินออกมา จากนั้นก็จะมีคนแบกแร่เงินมายังข้างนอกเหมือง แล้วบรรดาสาวพื้นเมืองก็จะใช้ค้อนเล็กๆแงะแร่ออกมาจากหินอีกที เช่นเคยค่ะ ภาพนี้ จขกท.ตบมาจาก mural ในบ้านเฮียริคอีกแล้ว หุหุ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:17:16

ความคิดเห็นที่ 68 ขนาดเด็กๆก็ยังไม่วายโดนจิกหัวใช้งานด้วยเลย น่าสงสาร จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:17:41

ความคิดเห็นที่ 69 อันนี้ประตูทางเข้าเหมืองค่ะ ซึ่ง 1760 ก็คือปีที่มีการค้นพบเหมือง La Valenciana นั่นเอง และตอนนี้ La Valenciana ก็ยังเปิดทำการอยู่นะฮะ เพียงแต่ขุดแร่เงินได้น้อยกว่าสมัยก่อนเยอะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:18:23

ความคิดเห็นที่ 70 ส่วนนี่ก็เฮียริคของเฮากับ jackhammer (เครื่องเจาะหิน) อุปกรณ์ที่คนงานรุ่นก่อนๆใช้กัน แต่สมัยเหมืองเพิ่งเปิดใหม่ๆเนี่ย ใช้จอบขุดเอาล้วนๆฮ่ะ แค่คิดก็เหนื่อยแทนคนงานแล้ว -_- เฮียริคเล่าอย่างออกรสว่า คิดดูนะครับ คนงานอยู่ข้างใน สูดสารพิษเข้าไปไม่รู้วันละกี่เฮือก แถมยังโดนเครื่องบ้านี่กระแทกอกเช้าเย็นๆ คนงานส่วนมากเลยปอดฉีก ไอเป็นเลือดตายกันตั้งแต่อายุน้อยๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:18:56

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้าท่านคิดว่าคนขุดแร่ลำบากแล้ว ลูกหาบก็ไม่ได้สบายไปกว่ากันนักหรอกค่ะ จขกท.อ่านมาว่าคนงานแต่ละคน ต้องแบกแร่หนักตั้ง 160 กิโล ขึ้นบันไดชัน 45 องศาตั้งพันกว่าขั้นเป็นเวลา 6 ชั่วโมงติด!! >_< นี่เป็นบันไดสู่ปากทางเหมืองที่คนงานต้องแบกแร่ขึ้นมาค่ะ เฮียริคบอกเดี๋ยวนี้ยังดี มีกำแพง มีเชือกให้จับ สมัยก่อนนี่ไม่มีอะไรเลย เป็นบันไดเปล่าๆ แถมบันไดยังชันมากอีก ซึ่งอันนี้เฮียริคบอกเค้าตั้งใจทำให้ชัน เพื่อที่จะให้คนงานได้คลาน 4 มือขึ้นมา ซึ่งไม่ทราบเพราะใช้ 4 มือจะทำให้แบกได้ทีละเยอะกว่าตอนเดิน 2 ขารึเปล่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:20:07

ความคิดเห็นที่ 72 ว่าแล้วเฮียริคก็ลงไปสาธิตการปีนบันไดของลูกหาบให้ลูกทัวร์ได้รับชมกันค่ะ!! โหย สุดยอดแห่งความทุ่มเทอ่ะเฮีย ลงทุนแบบนี้ไกด์ของเหมืองเห็นแล้วจะเครียดมั๊ยเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:22:41

ความคิดเห็นที่ 73 สีดำๆที่เห็นในภาพนี้เนี่ยแหล่ะ แร่เงิน เดี๋ยวนี้มันเหลือน้อยแล้ว สมัยเพิ่งเปิดเหมืองใหม่ๆนี่ เจอทีเป็นก้อนเบ้อเร่อเลย เฮียริคยังชี้ให้เห็นด้วยค่ะ ว่าตรงนั้นมีอะไรก็ไม่ทราบเป็นผงๆ ซึ่งเฮียบอกว่าถ้าสูดไปมากๆแล้วมันจะเป็นอันตรายกับปอด พูดจบเฮียริคก็เอามือเกลี่ยๆเจ้าผงนั้นซะจนฟุ้ง แล้วบอก ดูสิๆ เพราะแบบนี้ไงคนงานเหมืองถึงได้อายุสั้นกัน! แล้วเฮียจะเกลี่ยไปทำพรื้ออะไรคะ! เล่นเอาเราสามคนพร้อมใจกันกลั้นหายใจจนหน้าเขียวเลยเชียว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:23:33

ความคิดเห็นที่ 74 ส่วนอันนี้เป็นหุ่นจำลองว่า พอขุดเงินก้อนใหญ่ๆมาได้ ก็จะต้องมีคนทุบให้ขนาดเล็กลงหน่อย จะได้แบกขึ้นไปได้ จบแล้วค่ะทัวร์เหมืองเงินขำๆของพวกเรา เพราะปัจจุบันก็ยังมีการขุดแร่เงินกันอยู่ที่ La Valenciana ทำให้เราลงไปลึกมากไม่ได้ค่ะ ซึ่งน่าเสียดายเพราะเฮียริคบอกข้างล่างมีทางรถไฟที่เชื่อมเหมืองเงินทั้งหลายแหล่ตามภูเขา ที่ล้อมรอบเมือง Guanajuato ไว้ด้วย กรี๊ดดดด ฟังแล้วได้อารมณ์อินเดียน่าโจนส์สุดๆ อยากนั่งๆๆๆๆๆอ่ะ จากนั้นเฮียริคก็พาเราออกมาสู่โลกภายนอก แล้วเฮียริคยังสั่งให้พวกเรา ออกจากเหมืองแล้วอย่าเพิ่งเดินพรวดออกนอกตึกนะ เพราะเดี๋ยวจะตาพร่าเพราะแสงแดด เหมือนคนงานเหมืองสมัยก่อนที่ตาบอดยามแก่เยอะแยะเลย เราก็เลยถามไปซื่อๆว่าทำไมเฮียช่างแสนรู้ เอ้ย รู้เรื่องเหมืองๆดีจังเลยฮะ เฮียบอกเพราะเฮียชอบไปนั่งคุยกับชาวเมือง หลายคนเคยทำงานในเหมืองเงินมาก่อน แถมเฮียยังแอบนินทาเมียชาวเม็กซิกันของตัวเองอีก ว่าตอนแรกๆเมียไม่ปลื้ม ที่สามีชอบไปขลุกกับชนใช้แรงงาน เพราะคนเม็กซิกันมีข้อเสียตรงที่เจ้ายศเจ้าอย่าง เค้าไม่ค่อยสนับสนุนชนชั้นล่างให้มีโอกาส ขยับขยายไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าได้ เฮียริค(ซึ่งเป็นคนอเมริกัน)ยังบอกอีกว่า เวลาเฮียจ้างคนท้องถิ่นมาต่อเติมบ้าน แกจะจ่ายค่าแรงที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำเสมอ คนงานจะได้พอลืมตาอ้าปากได้ หรืออย่างแม่บ้านที่ B&B หรือคนขับรถแท็กซี่ ทีพาพวกเราไปร้านอาหารเมื่อคืน ก็เป็นเด็กในคอนโทรลที่แกเลี้ยงดูปูเสื่อด้วยนะเธอว์ พอเฮียริคพูดจบ เพื่อนตอก็หันมากระซิบว่า "ตกลงบ้านเฮียนี่เป็นตำหนักทาสหรอกเหรอ" กร๊ากกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:25:58

ความคิดเห็นที่ 75 เที่ยวเหมืองเสร็จก็เที่ยงพอดี เฮียริคก็เลยสั่งให้น้าอาตูโร่ คนขับแท็กซี่ประจำบ้าน คนเดียวกับที่พาเราไปส่งร้านอาหารเมื่อคืน พาเราไปส่งที่ตลาด Hidalgo เพื่อหาข้าวกลางวันกิน "เฮียแนะนำร้าน Mariscos Pancho's นะเด็กๆ ร้านนี้อร่อยมากเลย" "อ๋อ ร้านนี้เหรอคะ พวกหนูฟาดไปแล้วค่ะเมื่อวาน ซุปทะเลเค้าแซ๊บแซ่บเนอะ!" "....(อีเด็กปีศาจ!! >_<)..." เนื่องจากยังติดใจต้มยำทะเลของร้าน วันนี้เราเลยกลับไปหม่ำร้านเดิมอีกหน พร้อมสั่งเมนูใหม่ตามเพื่อนร่วมเคาน์เตอร์ (อีกแล้ว) เป็นปลาหมึกในค็อกเทลซอสค่ะ แต่ซอสอย่างข้นคลั่กและรสชาติรุนแรงมาก ต้องกินกับแครกเกอร์ถึงจะพอกระเดือกลงได้ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:27:45

ความคิดเห็นที่ 76 หม่ำข้าวเสร็จ พวกเราก็เดินกลับไปยัง Casa Zuniga เพื่อเก็บกระเป๋ามุ่งหน้าสู่เมืองต่อไปของเรา ซึ่งก็คือ San Miguel de Allende ตามทางเดินมีคนมานั่งขายของเหมือนเมืองไทยเลยค่ะ แต่ไม่ได้ขายกันเยอะจนคนเดินไม่ได้นะฮะ อย่างคุณยายคนนี้ขายของหลายอย่างมาก ขนมเอย ผลไม้เอย อโวคาโดเอย ขนาดดอกลิลลี่ก็ยังอุตส่าห์มี จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:28:30

ความคิดเห็นที่ 77 ลาทีมิใช่ลาก่อนนะจ๊ะ Guanajuato จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:28:52

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณสำหรับช่วงเวลามหัศจรรย์ตลอด 2 วันที่ผ่านมา นอกจากเธอจะน่ารักปนคิขุกาโม่แล้ว เธอยังไม่เคยหมดมุขที่จะสร้างความตื่นตะลึงแกมอึ้งปนสยองให้แก่ผู้มาเยือนเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:29:07

ความคิดเห็นที่ 79 ปิดท้ายเมือง Guanajuato สุดงามกันด้วยภาพสวยๆจากฝีมือน้องปอค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:29:37

ความคิดเห็นที่ 80 ปล.พอเรากลับไปถึง B&B เราเจอเฮียริคเดินขากระเผลกอยู่ในบ้านด้วยค่ะ O_o ปรากฎขาเฮียบวมเป่งจากการพาเราเที่ยวเหมืองเนี่ยแหล่ะ แต่เฮียบอก "ไม่ได้ ยังไงมาถึงนี่แล้วก็ต้องไป ขาเฮียเดี๋ยวก็หาย ไม่ต้องห่วงหรอกนะ" เอร๊ยยยย ทำไมเฮียถึงได้ดีเลิศประเสริฐศรีเยี่ยงนี้คะเนี่ย! เอาไปเลยฮ่ะ รางวัลโฮสดีเด่นที่สุดในสามโลก! >_< ปล2. ตอนหน้าเตรียมพบกับ San Miguel de Allende เมืองสุดดังที่แม้แต่ Martha Stewart ยังเคยมาเที่ยว และได้รับการโหวตเป็น Best Cities อันดับ 4 ของโลกจากการจัดอันดับของนิตยสาร Travel & Leisure (รางวัลเดียวกับที่โหวตให้กรุงเทพฯได้ที่ 1 เชียงใหม่ได้ที่ 2 นั่นแหล่ะพี่น้อง ) แต่ค่ะแต่ แต่มันกลับกลายเป็นเจ้าของรางวัล Fail Award ประจำทริปนี้ของเราไปซะงั้น อยากรู้ว่า Fail ยังไง ทำไมได้ถึง Fail โปรดติดตามทัวร์ศิลปะการกินภาค"เที่ยวไปบ่นไป"ได้ในตอนหน้านะขอรับ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:36:10

ความคิดเห็นที่ 81 ติดตามตอนก่อนหน้าได้ที่นี่ค่ะ  ภาค Cancun/Merida   ตอนที่ 1 Riviera Maya - Under The Mayan Sun http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9076240/E9076240.html ตอนที่ 2 Merida/Uxmal - The City of Magician http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9090479/E9090479.html ตอนที่ 3 Yucatan - Hacienda Reborn http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9153570/E9153570.html  ภาค Central Mexico   ตอนที่ 4 MEXICO CITY - The Fall of An Empire http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10171398/E10171398.html ตอนที่ 5 MEXICO CITY - Murals Madness http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10196630/E10196630.html ตอนที่ 6 MEXICO CITY - Mesoamerican Masterpieces http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10217393/E10217393.html ตอนที่ 7 TEOTIHUACAN - New World Wonders http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10286096/E10286096.html ตอนที่ 8 GUANAJUATO - Into The Dreamland http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10299792/E10299792.html จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:39:52

ความคิดเห็นที่ 82 **** Public Service Announcement **** บังเอิญเหลือเกินที่คำว่า Silver Lining ในชื่อกระทู้นี้ที่ จขกท.เริ่มปั่นมาตั้งกะต้นอาทิตย์ที่แล้ว เป็นแสลงที่มีความหมายว่า "ฟ้าหลังฝน" ซึ่งช่างเข้ากับวิบากกรรมที่ชาวญี่ปุ่นต้องประสบพบเจอในตอนนี้อย่างมากมาย ขอเชิญชวนให้เพื่อนๆ ถ้าพอมีทุนทรัพย์เหลือ ก็ช่วยๆกันบริจาคให้ทั้งชาวญี่ปุ่นแล้วก็ชาวนิวซีแลนด์ผู้โชคร้ายเถอะนะคะ จขกท.ก็บริจาคไปเรียบร้อยแล้ว โดยบริจาคตามเว็บเนี่ยแหล่ะ เพราะเค้ารับ credit card ด้วย http://www.redcross.org/ http://www.globalgiving.org/ ขอให้พระคุ้มครองค่ะทุกท่าน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:57:51

ความคิดเห็นที่ 83 เนื้อกระบองเพชรสอดไส้ goat cheese กับ smoked salmon น่าทานมากๆ ขอบคุณสำหรับการเดินเที่ยวโบสถ์สวยๆและอาหารน่าทานนะครับ จากคุณ : inint&anant เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 10:18:43