ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อวันก่อนนี้เราจบตอนที่ 4 ด้วยโบสถ์ St.Lawrence ครับ จากโบสถ์ St.Lawrence เดินตรงๆต่อมาอีกพักเดียวก็จะถึง จตุรัสลิเลา กับ แมนดารินเฮาส์ ครับ ตามแผนที่นี้เลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:45:37

ความคิดเห็นที่ 2 เดินลงเนินเตี้ยๆมาอีกไม่นานครับ ก็มาถึง จุดที่ 27 Lilau Square  หรือ จตุรัสลิเลา จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:48:34

ความคิดเห็นที่ 3 จะให้เรียกว่าจัตุรัสก็คงไม่ถูกนักครับ มันเหมือนเป็นที่นั่งพักอะไรซักอย่าง จะอยู่ทางซ้ายมือจากที่เราเดินมาครับ ตรงข้ามกับซอยเข้าไปแมนดารินเฮาส์ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:50:05

ความคิดเห็นที่ 4 จุดสังเกตก็คือตึกเหลืองๆนี่ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:50:38

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วก็มีลานไม่กว้างนักปูหินเป็นลายคลื่น จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:51:10

ความคิดเห็นที่ 6 ด้านในสุดเป็นน้ำพุเล็กๆ เดิมเคยเป็นแหล่งน้ำที่สำคุญของมาเก๊าจนมีคำกว่าโบราณว่าเอาไว้ว่า "น้ำที่จตุรัสลิเลานี่หวาน หมอ ชื่นใจ ใครได้กินแล้วจะไม่มีทางลืมได้เลย" แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 54 13:53:22 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:53:06

ความคิดเห็นที่ 7 ก็คงจะเป็นความจริงมาจนถึงปัจจุบันนะครับ เพราะปัจจุบันมี มี kios ขายเครื่องดื่ม มีเก้าอี้นั่งมากมาย สามารถมานั่งพักเหนื่อยได้เลยครับ ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:54:56

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้ามองไปทางขวามือจะเป็นถนนเล็กๆนะครับ เลี้ยวเข้าไปเดินต่อไปอีกนิดเดียวก็จะถึง จุดที่ 26 Mandarin House   ครับ แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 54 13:56:07 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:55:38

ความคิดเห็นที่ 9 รูปผิดครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:56:36

ความคิดเห็นที่ 10 จริงๆแมนดารินเฮ้าส์นี่มีอาณาเขตกว้างขวางมากๆ ตัวบ้านจะทอดยาวไปตาม Rue do Padre Antonio ซึ่งเป็นถนนที่เราเดินมาเมื่อกี้นี้จาก St. Lawrence Church ครับ ส่วนทางเข้าบ้านนี้ต้องเลี้ยวเข้าไปตามถนนเล็กๆนี้เดินเลียบกำแพงสีเขียวๆนี่นิดนึงครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:57:15

ความคิดเห็นที่ 11 รูปสวยครับ  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 13:57:59

ความคิดเห็นที่ 12 ตามเล็กทาโร่มาติดๆๆ ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : ชานมชงเอง เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:00:49

ความคิดเห็นที่ 13 เดินเข้ามาไม่เกิน 100 เมตรครับก็จะถึงประตูบ้าน ทางเข้าหลักของบ้าน (Gatehouse) เป็นประตูแบบถดเข้ามานิดหนึ่งซึ่งเป็นแบบที่นิยมกันในแถบกวางตง ตกแต่งแบบจีนแท้ๆ แต่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกบางอย่าง ที่เห็นได้ชัดก็คือซุ้มประตูทางเข้าไม่ได้ทำเป็นรูปกลมเหมือนกันซุ้มประตูแบบจีนทั่วๆไป แต่กลับสร้างเป็นซุ้มประตูแบบเหลี่ยมธรรมดาๆซึ่งเป็นที่นิยมกันในสมัยนั้น แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 54 14:08:20 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:02:14

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ : เล็กทาโร่  ---- ตามมาเลยครับ คุณ : ชานมชงเอง  ---- เกาะเอวไว้ดีๆนะครับ ------------------------------------------------------- ด้านในติดกับประตูทางเข้าหลักมีศาลเทพเจ้าแห่งดิน (ตรงที่เป็นแท่นสีแดงๆ ครับ) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมแบบมาเก๊าแท้ๆ แสดงให้เห็นถึงว่าเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นผู้มีอันจะกิน สร้างเป็นแบบเรียบง่าย จากการบูรณะปฎิสังขรณ์พบว่าที่ศาลเจ้าแห่งนี้ทาสีทับกันถึง 18 ชั้น จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:04:26

ความคิดเห็นที่ 15 เดินตรงเข้ามาจะเป็น Ticket Office ครับ แต่จริงๆแล้วไม่ต้องเสียเงินเลยครับ เค้าจะถามว่ามาจากประเทศอะไรก็เท่านั้นเองครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:05:51

ความคิดเห็นที่ 16 พอหันขวาไปปุ๊บให้มองขวาขึ้นไป จะให้ดูอะไรหน่อยนึงครับ ลวดลายปูนปั้นตรงกลางอาคารของ Gatehouse เป็นลวดลายแบบจีนแท้ๆ ทำเป็นรูปต่างๆ ไม่เหมือนกัน วัดความยาวได้ทั้งหมด 15 เมตร แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 54 14:10:19 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:09:56

ความคิดเห็นที่ 17 ตรงข้ามกับ ลวดลายปูนปั้นตรงกลางอาคารของ Gatehouse เป็นซุ้มประตูวงพระจันทร์ (Moon Gate) จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:10:58

ความคิดเห็นที่ 18 จริงๆแล้วซุ้มประตูวงพระจันทร์ ได้ถูกทุบทิ้งไปก่อนปี 1950 แต่จากการบูรณะปฎิสังขรณ์พบว่าน่าจะมี ซุ้มประตูวงพระจันทร์ (Moon Gate)อยู่ตรงนี้จากร่องรอยอิฐบนกำแพง จึงได้ทำการบูรณะขึ้นมาใหม่ครับ รูปนี้ถ่ายย้อนกลับไปเมื่อเดินเข้ามาได้ระยะนึงแล้ว จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:13:22

ความคิดเห็นที่ 19 ที่อยู่ทางซ้ายมือตอนที่เราเดินเข้ามาตรงข้ามกับกำแพงบ้านคือ ทางส่งเกี้ยว (Sedan Way) จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:15:02

ความคิดเห็นที่ 20 ทางส่งเกี๊ยวจะอยู่ติดกับซุ้มประตูวงพระจันทร์ยาวมาจนถึง Ronglu Hallway  (ประตูบานสีดำที่อยู่ส่วนท่ไกลสุดของรูป) ซึ่งเป็นประตูเปิดไปสู่ส่วนที่อยู่ของเจ้าของบ้าน เชื่อกันว่าแขกของเจ้าของบ้านจะนั่งเกี๊ยวมาลงตรงนี้ แล้วเดินต่อเข้าไปในบ้าน จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:16:45

ความคิดเห็นที่ 21 Ronglu Hallway เป็นประตูที่ต่อไปจนถึงส่วนที่อยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน ตัวประตูจะมี 2 ชั้น ชั้นนอกจะเป็นบานประตู 8 บาน แต่ประตูชั้นในมีแค่ 2 บาน สามารถที่ล็อคจากด้านในได้ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:18:24

ความคิดเห็นที่ 22 ด้านหน้าที่ติดกับทางส่งเกี้ยวมีป้ายตัวหนังสือขนาดใหญ่เขียนคำว่า Ronglu Hallway ซึ่งหมายถึงบ้านของข้าราชการ ส่วนป้ายอักษรที่ติดอยู่ด้านบนประตูชั้นใน สลักโดย Zeng Guoquan ตรงนี้มีทางแยกว่าจะเดินไปทางซ้าย หรือว่าไปทางขวา ถ้าเดินไปทางซ้ายก็จะเป็นห้องที่จัดแสดงให้ทราบถึงประวัติของบ้านนี้ พร้อมกับคุณลักษณะพิเศษของบ้าน ถ้าเดินไปทางขวาก็จะออกไปยังสวน และห้องต่างๆใน Wenchang Hall ที่อยู่ส่วนหน้าของบ้านได้ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:21:58

ความคิดเห็นที่ 23 Wenchang Hall เป็นส่วนที่ใช้ทำการเรียนหนังสือ เป็นส่วนเดียวของบ้านที่สามารถเปิดถึงสวนได้ทำให้รู้สึกโล่ง โปร่งสบาย และเป็นยุทธวิธีที่ทำให้การเรียนสำเร็จผลมากเพราะนอกจากคนเรียนจะรู้สึกโล่ง โปร่งสบายแล้วยังมีผลให้มีจินตนาการในการเรียนด้วย จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:22:59

ความคิดเห็นที่ 24 นอกจากส่วนนี้ของบ้านจะใช้ในการศึกษาแล้วยังใช้ในการเล่นหมากรุก เล่นดนตรี และวาดรูปอีกด้วย จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:25:46

ความคิดเห็นที่ 25 Wenchang Hall อยู่ติดกันกับสวน เดินสวนมีรูปร่างอย่างไรไม่ปรากฏชัด แต่ว่าได้พบซากอิฐปูพื้น ในสมัยก่อนอิฐปูพื้นไม่ได้ใช้เพื่อปูพื้นถนนอย่างเดียวครับ แต่ใช้ปูในสวนอีกด้วย จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:26:21

ความคิดเห็นที่ 26 เดินย้อนกลบมาที่ Ronglu Hallway แล้วเดินผ่านซุ้มประตูชั้นสองเข้าไปในเขตบ้านข้างในครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:28:10

ความคิดเห็นที่ 27 แมนดารินเฮ้าส์สร้างขึ้นก่อนปี ค.ศ. 1869 โดย เฉิง กวนยิ่ง (Zheng Guanying) นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ของมาเก๊า งานส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนวัฒนธรรมจีนของเค้าได้รับอิทธิพลมาจาก ดร. ซุน ยัด เซ็น และ ท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:29:14

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นตัวอย่างที่ดีของบ้านอยู่อาศัยของชาวจีนโบราณ ซึ่งประกอบด้วยเรือนหลายหลัง มีอาณาบริเวณ และลานหน้าบ้าน ทั้งยังผสมด้วยรายละเอียดของความเป็นจีน และตะวันตกอย่างลงตัว อาทิ การใช้อิฐสีเทาประดับโค้งประตู หรือหน้าต่างระแนงทำจากไม้ซุง ประดับด้วยแผ่นกระดานสี่เหลี่ยมกรุมุกด้วยลวดลายอินเดีย จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:29:40

ความคิดเห็นที่ 29 แมนดารินเฮ้าส์มีพื้นที่ทั้งหมด 4000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย gatehouse สวน ที่อยู่ของคนรับใช้ และ ที่อยู่หลักของเจ้าบ้าน ตัวบ้านทอดไปตามถนน Barra Street ถึง 120 เมตร มีห้องรวมกันทั้งหมด 60 กว่าห้อง จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:30:12

ความคิดเห็นที่ 30 ระว่างปี 1950-1960 ทายาทตระกูลเฉิงได้ย้ายออกไปจนหมดและปล่อยบ้านออกเช้า ตอนนั้นมีคนเช่าอยู่รวมกันถึง 300 กว่าคนเลยทีเดียว จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:30:48

ความคิดเห็นที่ 31 ตามมาค่ะ....ตอนสุดท้ายแล้วเหรอคะ จากคุณ : ชื่อไม่มีปัญหา เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:30:58

ความคิดเห็นที่ 32 ส่วนแรกของบ้านที่เราจะเข้าไปชมกันอยู่ตรงประตูแรกทางซ้ายมือติดกับ Ronglu Hallway จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:32:52

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ : ชื่อไม่มีปัญหา  ----- ตอนสุดท้ายแล้วคราบบบบ สุดยอดครับ หาข้อมูลมาโพสกระทู้เกือบเดือนครับ เหนื่อยมากๆๆ อิอิอิ ----------------------------------------------------------------------- เป็นส่วนที่เป็นห้องรับแขกของบ้านครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:36:59

ความคิดเห็นที่ 34 จะมีสวนเล็กๆ อาคารชั้นล่างจะเป็นโถงโล่งๆ ชั้นบนก็จะเป็นห้องนั่งเล่นเหมือนกันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:38:48

ความคิดเห็นที่ 35 อาคารชั้นล่างครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:39:24

ความคิดเห็นที่ 36 เดินออกมา แล้วเลี้ยวประตูถัดมาครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:41:03

ความคิดเห็นที่ 37 พอเข้าประตูบ้านที่อยู่ด้านในสุดเข้ามาจะเจอ Yu-Qing-Tang หรือ Yuqing Mansion เป็นห้องกว้างๆ 2 ห้องติดกัน การที่มีห้องกว้างๆแบบนี้อยู่ติดกันจะช่วยในเรื่องการระบายอากาศทำให้มีอาการเย็นๆ ไหลเวียนอยู่ในบ้านตลอด คนที่อยู่ในบ้านก็จะรู้สึกสบาย จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:42:21

ความคิดเห็นที่ 38 ห้องที่อยู่ด้านหน้าเป็นห้องนั่งเล่นมีประตูเลื่อนที่สามารถย้ายไปมาได้เพื่อสะดวกในการปรับเปลี่ยนรูปแบบห้องหากต้องการใช้งาน งานสลักไม้เดิมทาสีทองเพื่อแสดงว่าครอบครัวนี้ร่ำรวยมากๆ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:42:50

ความคิดเห็นที่ 39 งานแกะสลักไม้ละเอียดยิบเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:43:48

ความคิดเห็นที่ 40 ไอ้ประตูบานนี้ละครับที่สามารถย้ายที่ได้ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:44:41

ความคิดเห็นที่ 41 มีทางเดินออกไปสูลานเล็กๆ แล้วเดินต่อไปยังส่วนในๆของบ้านได้ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:45:35

ความคิดเห็นที่ 42 งานไม้สลักละลานตามากครับ แล้วยังอยู่ในสภาพที่ดีทั้งนั้นด้วยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:46:32

ความคิดเห็นที่ 43 อันนี้เป็นหนึ่งในหลายๆห้องที่เค้าแต่งไว้ให้ดูครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:47:20

ความคิดเห็นที่ 44 น่าจะเป็นห้องของคนใช้ที่สนิทๆกับเจ้านายหน่อยครับ ส่วนห้องของนายๆ จะอยู่ชั้นบนของบ้านครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:48:28

ความคิดเห็นที่ 45 เดินเข้ามาด้านในจะเป็นห้องรับแขก จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:49:10

ความคิดเห็นที่ 46 เสร็จแล้วเราต้องเดินย้อนกลับไปที่ประตูบานพับที่ย้ายที่ได้ก่อนครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:50:14

ความคิดเห็นที่ 47 แล้วเดินขึ้นบันไดมาชมชั้น 2 กันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:50:55

ความคิดเห็นที่ 48 บันไดยังแข็งแรงอยู่นะครับ เวลาเดินขึ้นไม่มีเสียงออดแอดเลย จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:51:59

ความคิดเห็นที่ 49 ขึ้นไปที่ชั้น 2 จะเป็นโถงโล่งๆ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:52:58

ความคิดเห็นที่ 50 คาดว่าน่าจะเป็นห้องรับแขกครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:53:48

ความคิดเห็นที่ 51 เราจะสามารถเห็นระบบการวางคานได้ชัดเจนเลยครับ นับว่าเป็นความฉลาดของชาวจีนโบราณในการสร้างระบบหลังคาที่สามารถสร้างหลังคากว้าง แล้วสูงๆได้ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:54:37

ความคิดเห็นที่ 52 ป้ายประจำตระกูลครับ สลักคำว่า Yu Ging ยู่กิง หมายถึง เช็ง เหวิน รุย ซึ่งเป็นชื่อตระกูลของ เช็ง กวน ยิง เจ้าของบ้านนี้ครับ ป้ายนี้ก็จะหมายความว่าเป็นบ้านของกรกูลเช็งครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:55:16

ความคิดเห็นที่ 53 อีกซักภาพครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:55:44

ความคิดเห็นที่ 54 พื้นปูกระเบื้องดินเผาแผ่นใหญ่ๆ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:56:22

ความคิดเห็นที่ 55 บริเวณห้องนี้มีฉากไม้หนาหนัก ยาวจรดพื้นอยู่หลายที่ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:57:30

ความคิดเห็นที่ 56 ประโยชน์ก็เพื่อการแบ่งพื้นที่ใช้สอย และสามารถโยกย้ายได้ด้วยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 14:58:41

ความคิดเห็นที่ 57 ที่ชั้นบนมีงานสลักไม้ชิ้นสำคัญคือ ประตูบานเฟื้ยม 12 บาน สลักด้วยไม้มะเกลือเป็นลวดลายสวยงามมาก จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:01:39

ความคิดเห็นที่ 58 มองลงมาจากชั้นบน จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:02:15

ความคิดเห็นที่ 59 Ji-Shan-Tang หรือ Jishan Mansion มีลักษณะการก่อสร้าง การตกแต่งคล้ายๆ Yuqing Mansion ครับ แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 54 15:04:04 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:03:43

ความคิดเห็นที่ 60 Jishan Mansion แปลว่าห้องที่อยู่บนชึ้นสอง ซึ่งเป็นที่อยู่ของน้องขายของเจ้าของเดิม ต่อมาได้เป็นที่อยู่ของลูกหลานตระกูลเช็งสำหรับดูแลค่าเช่าเมื่อตอนที่ปล่อยบ้านให้คนเช่า จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:04:43

ความคิดเห็นที่ 61 บางห้องเป็นห้องทำงาน จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:05:26

ความคิดเห็นที่ 62 มีระเบียงยาวตลอด จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:05:57

ความคิดเห็นที่ 63 จากห้องนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนก็สามารถมองเห็นทะเลได้เลยนะครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:06:34

ความคิดเห็นที่ 64 เดินลงบันไดมาชั้นล่าง จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:07:15

ความคิดเห็นที่ 65 หมดแล้วครับ แมนดารินเฮาส์ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:08:00

ความคิดเห็นที่ 66 แต่จะให้ดูอะไรอีกอย่างนึงครับ เก๋ไก๋มากๆ ท่อน้ำฝนทำเป็นรูปไม้ไผ่ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:09:09

ความคิดเห็นที่ 67 จากแมนดารินเฮาส์ ออกมาตามถนนBarra Street จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:10:45

ความคิดเห็นที่ 68 จะเห็นว่าเค้ายังซ่อมไม่เสร็จดีเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:11:30

ความคิดเห็นที่ 69 เดินต่อไปอีกพักนึงครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:16:50

ความคิดเห็นที่ 70 จะเจอ ค่ายทหารของชาวมัวร์ หรือ Moorish Barrack อยู่ทางซ้ายมือติดถนนเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:18:44

ความคิดเห็นที่ 71 สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1874 เพื่อรับรองทหารจากเมืองกัว (Goa) ของประเทศอินเดียที่ส่งเข้ามาเสริมกำลังให้กองตำรวจมาเก๊า ปัจจุบันคือกองบังคับบัญชาของคณะบริหารฝ่ายการเดินเรือของมาเก๊า จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:19:57

ความคิดเห็นที่ 72 สร้างด้วยอิฐ แต่ฐานเป็นหินเราจะมองเห็นไดว่ามีฐานรากเป็นหินสูงขึ้นไปจากระดับถนน  สร้างแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ที่ได้รับอิทธิพลของพวกโมกุลผสมผสานเข้าไปด้วย จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:20:44

ความคิดเห็นที่ 73 ตัวอาคารสร้างเป็นชั้นเดียว มีระเบียงยาวตลอด ยกเว้นด้านหลังที่มี 2 ชั้น ตามระเบียงตบแต่งด้วยซุ้มโค้งแหลมยกเว้นด้านที่หันออก Barra Hill จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:24:29

ความคิดเห็นที่ 74 ตัวอาคารทาสีเหลืองเป็นสีพื้นส่วนที่เป็นลวดลายจะทาสีขาว จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:26:31

ความคิดเห็นที่ 75 ค่ายทหารมัวร์นี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่เรียกได้ว่าเข้ากับสภาพภูมิอากาศมากๆ ครับ เพราะเป็นอาคารโล่ง โปร่งแค่ชั้นเดียว คลายร้อนได้ดีนักแล จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:28:35

ความคิดเห็นที่ 76 แล้วเราก็มาถึงจุดสุดท้ายในการเดินทางของเราครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:29:25

ความคิดเห็นที่ 77 เดินไปตามป้ายเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:30:32

ความคิดเห็นที่ 78 ป้ายชี้บอกให้เข้าซอยก็เลี้ยวแฟร๊บบ เข้าไปเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:31:18

ความคิดเห็นที่ 79 เราก็มาถึง จุดที่ 29 จัตุรัส บาร์รา หรือ  Barra Square กันแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 54 15:38:20 จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:32:37

ความคิดเห็นที่ 80 อันนี้คือป้ายที่อยู่ด้านติดกับถนนใหญ่ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:33:20

ความคิดเห็นที่ 81 อยู่หน้าวัดอาม่า (A-Ma Temple) ตรงข้ามท่าเรือใน (Inner Habour) จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:33:57

ความคิดเห็นที่ 82 ตามตำราเค้าว่าไว้ว่า บริเวณด้านหน้าประดับด้วยกระเบื้องโมเสกของโปรตุเกสที่มีชื่อเสียง ใช้สีเหลืองหม่นและสีถ่านเป็นหลัก .... แต่ไม่เห็นมีสีเหลืองเลย ... สงสัยชืดไปหมดแล้ว อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:35:27

ความคิดเห็นที่ 83 แต่ว่าการจัดวางกระเบื้องเป็นลวดลายคล้ายคลื่น สะท้อนการไหลของแม่น้ำที่อยู่ใกล้เคียง ก่อให้เกิดความรู้สึกถึงการหลั่งไหลของสายน้ำ และให้บรรยากาศแบบริมทะเล นี่ยังมีอยู่ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:36:33

ความคิดเห็นที่ 84 และแล้วเราก็เดินมาถึงวัดอาม่าจนได้ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 15:37:42